วานนี้ (12 มี.ค.) ที่ลานพระแม่ธรณีบีบมวยผม พรรคประชาธิปัตย์ มีการจัดเสนาเรื่อง ใคร ?แบ่งแยกดินแดนขวานทอง “รัฐธรรมนูญ มาตรา 1 ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งเดียวจะแบ่งแยกมิได้” โดยมีวิทยากรเข้าร่วมคือ นายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.ต่างประเทศ พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำกลุ่มอีสานกู้ชาติ และ ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี แกนนำ กปปส .โคราช
ทั้งนี้ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ภาคอีสาน กล่าวเปิดการเสวนาว่าใครบังอาจแบ่งแยกดินแดน ต้องได้รับโทษประหารชีวิต ปัจจุบันเกิดเหตุการณ์อุกอาจน่ากลัว มีการขึ้นป้ายแยกประเทศ มีแกนนำพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดงให้สัมภาษณ์สนับสนุน ยุยงปลุกปั่นประชาชน มีการยอมรับว่า มีการฝึกอบรมกองกำลังให้ต่อสู้ในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ เราจึงควรหยุดยั้งกระบวนการนี้ก่อนที่จะสายเกินแก้ และขอบคุณกองทัพบกที่ ออกมาดำเนินการอย่างจริงจัง
พล.ท.นันทเดช กล่าวว่า คนที่พูดว่าจะแยกภาคเหนือและอีสานออกไป เพราะปัจจุบันรัฐบาลอยู่ในสภาพทรุดโทรม ต้องยืนพิงรั้วอยู่ แต่ที่อยู่ได้เพราะพึ่งพาตำรวจ ข้าราชการประจำ คนเสื้อแดง กติกาสากลของชาติตะวันตก และใช้เงินขับเคลื่อนเพื่อยืดเวลารัฐบาลออกไป ไม่ให้ล้มก่อนวันที่ 30 มี.ค. โดยให้การเลือกตั้ง ส.ว.ผ่านไปก่อน เพื่อหวังว่ารัฐบาลจะได้ ส.ว.เต็มสภา เพื่อถามกลับไปยัง กปปส.ว่า สภาประชาชนมาจากไหน และจะใช้เสียงข้างมากในวุฒิสภา ป้องกันเรื่องคดีต่างๆ และจะบอกว่าได้ยอมเสียสละการเลือกตั้ง วันที่ 2 ก.พ. ที่ส่อเป็นโมฆะ เพื่อให้เกิดการเลือกตั้งครั้งใหม่ เพื่อบีบกปปส. รัฐบาลและผู้สนับสนุนรัฐบาล จึงพยายามดำเนินการเรื่องการแบ่งแยกดินแดนเป็น สปป.ล้านนา เพื่อให้ กปปส.และทหาร หันมาสนใจประเด็นนี้ แทนที่จะกดดันรัฐบาลเพื่อยืดเวลาของรัฐบาลออกไป
ด้านนายไทกร กล่าวว่า ระบอบทักษิณ มีเป้าหมายเพื่อเข้าสู่การยึดครองประเทศไทยให้ได้บางส่วน โดยเมื่อรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพลี่ยงพล้ำ มีการวางแผนเป็นระบบ ระดมชายชุดดำ และการ์ด นปช. ที่เคยใช้งานในปี 53 ให้เข้าร่วมทางยุทธวิธีเป็นกลุ่มติดอาวุธ มีพื้นที่ฝึก จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา จากนั้นจะให้มาประจำในเขตคลองเตย ที่มีนบุรี และดอนเมืองในกทม. และใน จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี ใช้เป็นที่พักพิงของกองกำลังติดอาวุธ ขณะที่ภาคเหนือ มีการจัด ซื้ออาวุธสงครามเถื่อนทั้งปืน ระเบิด สะสมไว้ที่ข้าง อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่ เพื่อคอยโอกาส และมีการวางแผนให้เกิดสงครามกลางเมือง โดยให้กลุ่มเหล่านี้เข้าโจมตีผู้ชุมนุมให้โกรธแค้น จนยกพวกไปปะทะกัน ทำให้ทหารยึดอำนาจ เป็นเงื่อนไขเข้าทาง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในการเตรียมประกาศแบ่งแยกประเทศ แต่ไม่สำเร็จ เพราะประชาชนและทหาร ไม่เดินตามแผนที่เขาวางไว้ ขณะนี้ที่ภาคอีสาน มีการระดมอาสาสมัครตั้งกองกำลัง และประสานให้กลุ่มคนเสื้อแดง อิมพีเรียล ปลุกระดมมวลชนให้คลุ้มคลั่ง เพื่อเคลื่อนเข้ากทม. และให้กองกำลังติดอาวุธ เร่งโจมตีแกนนำและผู้ชุมนุม วันเวลาที่เขาจะลงมือ จะถือวันที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ล่มสลายจากการตรวจสอบขององค์กรอิสระ จะมีการสร้างหตุการณ์ปะทะขึ้น เพื่อสร้างหัวเชื้อให้เกิดสงครามกลางเมือง
"ขอย้ำว่า เขาจะถือเอาวันที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ สิ้นสภาพเป็นวันคิกออฟ ในอีสานมี 3 กลุ่ม คือ กลุ่มนครพนม กลุ่มสุภรณ์ โคราช และ พทค.444 จะมีหน่วยในการนำคนเสื้อแดงเข้ายึดสถานที่ราชการ ทั้งศาลากลาง และที่สำคัญในภาคอีสาน ส่วนแกนนำแดงที่ปลุกระดมเก่ง จะใช้สื่อเคลื่อนขบวนรถเข้ากทม. มีอย่างน้อย 2 หมื่นคน พร้อมใช้กองกำลังชุดดำ ก่อวินาศกรรมในพื้นที่กทม. เพื่อจุดสถานการณ์ให้ประชาชนกลัว เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือความได้เปรียบในการ เจรจาต่อรอง โดยใช้ศูนย์ประสานงานรัฐไทยใหม่ ที่ฝรั่งเศส และอังกฤษ พร้อมการล็อบบี้ของเครือข่าย ที่สำคัญคือ คนไทยต้องให้อภัย เปิดใจรับคนเสื้อแดงที่เคยหลงผิดให้กลับมาในฝ่ายที่ถูกต้อง จะช่วยลดการแบ่งแยกครั้งนี้ได้"
ด้าน ทพ.ศุภผล กล่าวว่า ถ้าไม่มีสุญญากาศเกิดขึ้นกับรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ และการเปิดยุทธการใหญ่คัดค้านการทำผิดของรัฐบาลของกลุ่ม กปปส. ยุทธการที่กำลังแบ่งแยกประเทศเป็น สปป.ล้านนา คงไม่เกิด และไม่ใช่ของใหม่ แต่เป็นความต่อเนื่องของการพยายามสร้างรัฐไทยใหม่ที่เขาประกาศมาตลอด เป็นสงครามที่ช่วงชิงอำนาจรัฐให้กลับมาอยู่ในมือของ พ.ต.ท.ทักษิณ แม้จะชนะเลือกตั้งในปี 54 แต่ไม่เบ็ดเสร็จ ซึ่งสอดรับกับการขึ้นเชียงใหม่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ การตั้งกองกำลังแดงในอีสาน และเหนือ ของบรรดาแกนนำนปช. และส.ส.พรรคเพื่อไทย
นายกษิต กล่าวว่า คนที่มีแนวคิดแบ่งแยกประเทศ ถือเป็นกบฏทันที และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ผู้ให้ความเห็นชอบก็ถือเป็นกบฏด้วย ที่ผ่านมาบรรพบุรุษต่อสู้ให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียว จึงเป็นภาระหน้าที่ของปวงชนชาวไทยในการร่วมกันแก้ปัญหา สร้างชาติ ลดความเหลื่อมล้ำ แนวคิดแบ่งแยกประเทศ เป็นการหาที่ลงของระบอบทักษิณ ที่แพ้แล้วยังแสวงหาอำนาจต่อไป มีเป้าหมายเพื่อหาผลประโยชน์ เราจึงควรต้องล้มล้างรัฐบาล พรรคการเมือง เสื้อแดง และ กระบวนการที่เป็นกบฏ จึงต้องเรียกร้องให้ฝ่ายความมั่นคงออกมาจับกุมพวกนี้ ดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ในพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง นายเกียรติ สิทธีอมร และ นายอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรค ได้ประสานติดต่อกับตัวแทนสหประชาชาติตลอด ไม่ให้มีการแทรกแซงกิจการภายในไทย แม้เครือข่ายทักษิณจะครองสื่อต่างประเทศ บิดเบือน แต่เราก็ทำหน้าที่ชี้แจงข้อเท็จจริงให้สื่อต่างชาติรับทราบเช่น กรณีรัฐบาลจะเชิญ นายบันคีมูน เลขาฯยูเอ็น ก็เข้าใจสถานการณ์นี้ ที่โลกไม่เล่นด้วยกับการแบ่งแยกตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นชาติใดๆ เพราะมองถึงภาพรวมของความสำคัญมากกว่า และยินดีให้ไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ กล้าพนันว่า สุดท้ายจะไม่มีชาติใดรับรองสถานภาพ และขอให้ กอ.รมน. ปลดตัวประธานคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พ้นตำแหน่งประธาน กอ.รมน. ก่อนเพราะเป็นกบฏต่อชาติ
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวหลังการสัมมนาว่า ตนคงไม่แสดงความเห็น เพราะวิทยากรได้ให้ข้อมูลไปแล้ว แต่ขอย้ำว่า เราทุกคนที่มีจิตใจ แนวคิด อุดมการณ์เดียวกันในการรักษาความถูกต้อง และผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก จะได้เผยแพร่ข้อมูลนี้ให้พี่น้องคนไทยได้ร่วมรับรู้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น สิ่งสำคัญคือ เราต้องรักษาแนวทางการต่อสู้ที่ถูกต้อง คือ แม้เขาจะหวังผลมากน้อยอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่เขาพยายามทำต่อจากนี้คือ การ เพิ่มความขัดแย้ง เพิ่มความแตกแยก เพิ่มความรุนแรง ดังนั้นในการต่อสู้ของเรา ขอให้ยึดมั่นแนวทางการต่อสู้ที่ถูกต้อง ชอบธรรม อย่าไปใช้วิธีการเดียวกับที่เขากำลังใช้ ซึ่งจะทำให้เราสูญเสียความชอบธรรมในการต่อสู้ และขอย้ำว่า แนวร่วมของเราสามารถขยายเพิ่มขึ้นได้อีก จากคนที่เคยไม่เข้าใจทั้งคนไทยและต่างชาติ แม้แต่คนที่เคยฝักใฝ่รัฐบาล หรือพรรครัฐบาล ที่ไม่เคยรู้ถึงแนวคิดอันตรายนี้ที่กระทบความมั่นคงของชาติ หน้าที่เราคือการเชิญชวนให้คนเหล่านี้มาร่วมกับเราใน แนวทางที่ถูกต้อง เป็นธรรม ซึ่งคนมาถามตนว่าเราจะชนะไหม ตนตอบไปว่า เราชนะแน่ แต่จะเมื่อไหร่ และอย่างไรนั้นไม่ทราบ แต่ขอให้ยึดมั่นรักษาแนวทางที่ถูกต้องนี้ต่อไปชนะแน่นอน
ทั้งนี้ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ภาคอีสาน กล่าวเปิดการเสวนาว่าใครบังอาจแบ่งแยกดินแดน ต้องได้รับโทษประหารชีวิต ปัจจุบันเกิดเหตุการณ์อุกอาจน่ากลัว มีการขึ้นป้ายแยกประเทศ มีแกนนำพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดงให้สัมภาษณ์สนับสนุน ยุยงปลุกปั่นประชาชน มีการยอมรับว่า มีการฝึกอบรมกองกำลังให้ต่อสู้ในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ เราจึงควรหยุดยั้งกระบวนการนี้ก่อนที่จะสายเกินแก้ และขอบคุณกองทัพบกที่ ออกมาดำเนินการอย่างจริงจัง
พล.ท.นันทเดช กล่าวว่า คนที่พูดว่าจะแยกภาคเหนือและอีสานออกไป เพราะปัจจุบันรัฐบาลอยู่ในสภาพทรุดโทรม ต้องยืนพิงรั้วอยู่ แต่ที่อยู่ได้เพราะพึ่งพาตำรวจ ข้าราชการประจำ คนเสื้อแดง กติกาสากลของชาติตะวันตก และใช้เงินขับเคลื่อนเพื่อยืดเวลารัฐบาลออกไป ไม่ให้ล้มก่อนวันที่ 30 มี.ค. โดยให้การเลือกตั้ง ส.ว.ผ่านไปก่อน เพื่อหวังว่ารัฐบาลจะได้ ส.ว.เต็มสภา เพื่อถามกลับไปยัง กปปส.ว่า สภาประชาชนมาจากไหน และจะใช้เสียงข้างมากในวุฒิสภา ป้องกันเรื่องคดีต่างๆ และจะบอกว่าได้ยอมเสียสละการเลือกตั้ง วันที่ 2 ก.พ. ที่ส่อเป็นโมฆะ เพื่อให้เกิดการเลือกตั้งครั้งใหม่ เพื่อบีบกปปส. รัฐบาลและผู้สนับสนุนรัฐบาล จึงพยายามดำเนินการเรื่องการแบ่งแยกดินแดนเป็น สปป.ล้านนา เพื่อให้ กปปส.และทหาร หันมาสนใจประเด็นนี้ แทนที่จะกดดันรัฐบาลเพื่อยืดเวลาของรัฐบาลออกไป
ด้านนายไทกร กล่าวว่า ระบอบทักษิณ มีเป้าหมายเพื่อเข้าสู่การยึดครองประเทศไทยให้ได้บางส่วน โดยเมื่อรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพลี่ยงพล้ำ มีการวางแผนเป็นระบบ ระดมชายชุดดำ และการ์ด นปช. ที่เคยใช้งานในปี 53 ให้เข้าร่วมทางยุทธวิธีเป็นกลุ่มติดอาวุธ มีพื้นที่ฝึก จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา จากนั้นจะให้มาประจำในเขตคลองเตย ที่มีนบุรี และดอนเมืองในกทม. และใน จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี ใช้เป็นที่พักพิงของกองกำลังติดอาวุธ ขณะที่ภาคเหนือ มีการจัด ซื้ออาวุธสงครามเถื่อนทั้งปืน ระเบิด สะสมไว้ที่ข้าง อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่ เพื่อคอยโอกาส และมีการวางแผนให้เกิดสงครามกลางเมือง โดยให้กลุ่มเหล่านี้เข้าโจมตีผู้ชุมนุมให้โกรธแค้น จนยกพวกไปปะทะกัน ทำให้ทหารยึดอำนาจ เป็นเงื่อนไขเข้าทาง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในการเตรียมประกาศแบ่งแยกประเทศ แต่ไม่สำเร็จ เพราะประชาชนและทหาร ไม่เดินตามแผนที่เขาวางไว้ ขณะนี้ที่ภาคอีสาน มีการระดมอาสาสมัครตั้งกองกำลัง และประสานให้กลุ่มคนเสื้อแดง อิมพีเรียล ปลุกระดมมวลชนให้คลุ้มคลั่ง เพื่อเคลื่อนเข้ากทม. และให้กองกำลังติดอาวุธ เร่งโจมตีแกนนำและผู้ชุมนุม วันเวลาที่เขาจะลงมือ จะถือวันที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ล่มสลายจากการตรวจสอบขององค์กรอิสระ จะมีการสร้างหตุการณ์ปะทะขึ้น เพื่อสร้างหัวเชื้อให้เกิดสงครามกลางเมือง
"ขอย้ำว่า เขาจะถือเอาวันที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ สิ้นสภาพเป็นวันคิกออฟ ในอีสานมี 3 กลุ่ม คือ กลุ่มนครพนม กลุ่มสุภรณ์ โคราช และ พทค.444 จะมีหน่วยในการนำคนเสื้อแดงเข้ายึดสถานที่ราชการ ทั้งศาลากลาง และที่สำคัญในภาคอีสาน ส่วนแกนนำแดงที่ปลุกระดมเก่ง จะใช้สื่อเคลื่อนขบวนรถเข้ากทม. มีอย่างน้อย 2 หมื่นคน พร้อมใช้กองกำลังชุดดำ ก่อวินาศกรรมในพื้นที่กทม. เพื่อจุดสถานการณ์ให้ประชาชนกลัว เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือความได้เปรียบในการ เจรจาต่อรอง โดยใช้ศูนย์ประสานงานรัฐไทยใหม่ ที่ฝรั่งเศส และอังกฤษ พร้อมการล็อบบี้ของเครือข่าย ที่สำคัญคือ คนไทยต้องให้อภัย เปิดใจรับคนเสื้อแดงที่เคยหลงผิดให้กลับมาในฝ่ายที่ถูกต้อง จะช่วยลดการแบ่งแยกครั้งนี้ได้"
ด้าน ทพ.ศุภผล กล่าวว่า ถ้าไม่มีสุญญากาศเกิดขึ้นกับรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ และการเปิดยุทธการใหญ่คัดค้านการทำผิดของรัฐบาลของกลุ่ม กปปส. ยุทธการที่กำลังแบ่งแยกประเทศเป็น สปป.ล้านนา คงไม่เกิด และไม่ใช่ของใหม่ แต่เป็นความต่อเนื่องของการพยายามสร้างรัฐไทยใหม่ที่เขาประกาศมาตลอด เป็นสงครามที่ช่วงชิงอำนาจรัฐให้กลับมาอยู่ในมือของ พ.ต.ท.ทักษิณ แม้จะชนะเลือกตั้งในปี 54 แต่ไม่เบ็ดเสร็จ ซึ่งสอดรับกับการขึ้นเชียงใหม่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ การตั้งกองกำลังแดงในอีสาน และเหนือ ของบรรดาแกนนำนปช. และส.ส.พรรคเพื่อไทย
นายกษิต กล่าวว่า คนที่มีแนวคิดแบ่งแยกประเทศ ถือเป็นกบฏทันที และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ผู้ให้ความเห็นชอบก็ถือเป็นกบฏด้วย ที่ผ่านมาบรรพบุรุษต่อสู้ให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียว จึงเป็นภาระหน้าที่ของปวงชนชาวไทยในการร่วมกันแก้ปัญหา สร้างชาติ ลดความเหลื่อมล้ำ แนวคิดแบ่งแยกประเทศ เป็นการหาที่ลงของระบอบทักษิณ ที่แพ้แล้วยังแสวงหาอำนาจต่อไป มีเป้าหมายเพื่อหาผลประโยชน์ เราจึงควรต้องล้มล้างรัฐบาล พรรคการเมือง เสื้อแดง และ กระบวนการที่เป็นกบฏ จึงต้องเรียกร้องให้ฝ่ายความมั่นคงออกมาจับกุมพวกนี้ ดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ในพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง นายเกียรติ สิทธีอมร และ นายอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรค ได้ประสานติดต่อกับตัวแทนสหประชาชาติตลอด ไม่ให้มีการแทรกแซงกิจการภายในไทย แม้เครือข่ายทักษิณจะครองสื่อต่างประเทศ บิดเบือน แต่เราก็ทำหน้าที่ชี้แจงข้อเท็จจริงให้สื่อต่างชาติรับทราบเช่น กรณีรัฐบาลจะเชิญ นายบันคีมูน เลขาฯยูเอ็น ก็เข้าใจสถานการณ์นี้ ที่โลกไม่เล่นด้วยกับการแบ่งแยกตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นชาติใดๆ เพราะมองถึงภาพรวมของความสำคัญมากกว่า และยินดีให้ไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ กล้าพนันว่า สุดท้ายจะไม่มีชาติใดรับรองสถานภาพ และขอให้ กอ.รมน. ปลดตัวประธานคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พ้นตำแหน่งประธาน กอ.รมน. ก่อนเพราะเป็นกบฏต่อชาติ
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวหลังการสัมมนาว่า ตนคงไม่แสดงความเห็น เพราะวิทยากรได้ให้ข้อมูลไปแล้ว แต่ขอย้ำว่า เราทุกคนที่มีจิตใจ แนวคิด อุดมการณ์เดียวกันในการรักษาความถูกต้อง และผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก จะได้เผยแพร่ข้อมูลนี้ให้พี่น้องคนไทยได้ร่วมรับรู้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น สิ่งสำคัญคือ เราต้องรักษาแนวทางการต่อสู้ที่ถูกต้อง คือ แม้เขาจะหวังผลมากน้อยอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่เขาพยายามทำต่อจากนี้คือ การ เพิ่มความขัดแย้ง เพิ่มความแตกแยก เพิ่มความรุนแรง ดังนั้นในการต่อสู้ของเรา ขอให้ยึดมั่นแนวทางการต่อสู้ที่ถูกต้อง ชอบธรรม อย่าไปใช้วิธีการเดียวกับที่เขากำลังใช้ ซึ่งจะทำให้เราสูญเสียความชอบธรรมในการต่อสู้ และขอย้ำว่า แนวร่วมของเราสามารถขยายเพิ่มขึ้นได้อีก จากคนที่เคยไม่เข้าใจทั้งคนไทยและต่างชาติ แม้แต่คนที่เคยฝักใฝ่รัฐบาล หรือพรรครัฐบาล ที่ไม่เคยรู้ถึงแนวคิดอันตรายนี้ที่กระทบความมั่นคงของชาติ หน้าที่เราคือการเชิญชวนให้คนเหล่านี้มาร่วมกับเราใน แนวทางที่ถูกต้อง เป็นธรรม ซึ่งคนมาถามตนว่าเราจะชนะไหม ตนตอบไปว่า เราชนะแน่ แต่จะเมื่อไหร่ และอย่างไรนั้นไม่ทราบ แต่ขอให้ยึดมั่นรักษาแนวทางที่ถูกต้องนี้ต่อไปชนะแน่นอน