00 ต้องเรียกว่า "กล้าหาญ" และสมเป็นตัวอย่างของข้าราชการไทยจริงๆ สำหรับบทบาทของข้าราชการและบุคลากรในกระทรวงสาธารณสุข ที่นำโดย นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ เพราะเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว และคงเส้นคงวากับการต่อต้านรัฐบาลโกงที่หมดความชอบธรรมไปแล้ว สำหรับรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร การประกาศต่อต้านทุกรูปแบบ เช่น การขึ้นป้ายรณรงค์ตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ ถือว่าน่ายกย่อง เพราะแม่แต่ในพื้นที่คนเสื้อแดงทางภาคเหนือ อีสาน ก็มีการขึงป้ายผ้า แสดงเจตนารมณ์กันอย่างชัดเจน และบุคลากรในกระทรวงสาธารณสุขกลุ่มนี้แหละ ที่ประกอบด้วยแพทย์ พยาบาล รวมไปถึงคนอื่นๆ ถือว่ามีเครดิต มีความน่าเชื่อถือ ถ้าพวกเขาออกมาต่อต้านรัฐบาล มันก็ยิ่งส่งผลกระทบมากกว่าใคร
00 แต่นั่นไม่เท่ากับความ "กล้าหาญ" ที่กล้ายืนหยัดต่อสู้อย่างเปิดเผย ไม่กลัวเกรงกับการข่มขู่คุกคามเลยแม้แต่น้อย เพราะขนาดขี้ข้าระบอบทักษิณ มากรีดป้ายฉีกทิ้งไป ทางนพ.ณรงค์ ก็สั่งให้นำมาติดใหม่ และใหญ่กว่าเดิมเสียอีก นี่แหละถึงได้บอกว่า "แกร่งดังเหล็กเพชร" ไม่ยอมก้มหัวกับพวกทรราช ซึ่งหากข้าราชการในกระทรวงอื่น มีความกล้าหาญแบบนี้ เลิกเป็นเครื่องมือให้ นายกฯโง่ๆ อย่าง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เรื่องมันก็จบไปนานแล้ว ไม่ต้องยืดเยื้อ ล้มตายกันรายวัน อย่างที่เห็น
00 นี่ก็เรียกว่าเล่นกันทุกทางทั้งใต้ดิน บนดิน ทางหนึ่งใช้หน่วยกำลังติดอาวุธ ใช้เครือข่ายคนเสื้อแดงข่มขู่คุกคามฝ่ายตรงข้าม ไม่เลือกเป้าหมายทำให้เด็กผู้หญิงต้องเจ็บตาย และล่าสุดพุ่งเป้าไปที่องค์กรอิสระ โดยเฉพาะตัวบุคคลที่คิดว่า "ไม่เป็นคุณกับฝ่ายตัวเอง" ดังนั้น อย่าได้แปลกใจที่เวลานี้ คนอย่าง วิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช.กำลังตกเป็นเป้าหมายคุกคาม แต่เชื่อเถอะ คนระดับนี้เขาไม่มีทางหวั่นไหวหรอก ตรงกันข้าม กลับทำให้เกิดแรงกระตุ้นทำให้เร็วขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเกี่ยวกับการชี้มูล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในคดีทุจริตจำนำข้าว ที่โกงอย่างมหโหฬาร และแน่นอนว่า "ชี้มูลความผิด" อยู่แล้ว ถ้าออกมาเป็นอย่างอื่นนี่สิแปลก ขณะเดียวกัน เมื่อได้เห็นบรรดาลิ่วล้อข้าทาสที่ "ดิ้นกันพล่าน" มันก็เห็นชัดว่า "รู้ชะตากรรม" ได้ดี
00 เริ่มเห็นท่าทางเอาการเอางานมากขึ้น สำหรับ ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เห็นการสั่งการให้เพิ่มกำลังทหารหลายกองร้อย เข้ามาคุ้มครองประชาชน มีการตั้งด่านตรวจ ตอบโต้พวก "กองกำลังติดอาวุธ" ของเครือข่ายทักษิณ ทำให้ชาวบ้านรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น แต่นั่นก็ต้องทำให้มากกว่านี้ ยิ่งบอกว่าพวก "ก่อการร้าย" กลุ่มนี้มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ชุมนุมของคนเสื้อแดง เมื่อปี 53 อย่างนี้ก็ต้อง "ลุยเลย" เพราะพูดแบบนี้มีข้อมูลในมือแล้ว "จัดการ" ได้ตามกม. ในฐานะ รอง ผอ.รมน. สามารถใช้อำนาจทางทหารเพื่อป้องกันความมั่นคงของชาติได้อย่างเต็มที่
00 อย่างที่บอกตั้งแต่ต้นว่า ระบอบทักษิณ เริ่มเข้าตาจนเรื่อยๆ จึงต้องหันมาใช้ความรุนแรง เพื่อบีบให้อีกฝ่ายมา"เจรจา" แต่คำถามคือ เจรจากับใคร เพราะนี่เป็นการต่อสู้ หรือทวงคืนอำนาจของประชาชนคืนมาจากนักการเมืองทรราช ที่ใช้อำนาจผิดเพี้ยน ดังนั้นในฐานะเจ้าของอำนาจจึงทวงคืนมาเท่านั้น ไม่ใช่ต่อสู่แย่งชิงอำนาจ ระหว่างพรรคการเมือง หรือระหว่างพรรคเพื่อไทย กับประชาธิปัตย์ หรือฝ่ายค้านกับรัฐบาล มันไม่เหมือนกับที่เขมร หรือยูเครน เราสู้เพื่อการปฏิรูปประเทศ ไม่ใช่สู้ให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือ สุเทพ เทือกสุบรรณ เข้ามาสวมอำนาจแทน และที่ผ่านมา สุเทพ ก็สาบานแล้วว่า ไม่ยุ่ง แต่ถ้าเปลี่ยนคำพูดก็ต้อง "โดน" อีกเหมือนกัน ไม่ว่าใครก็ตาม ดังนั้นการที่ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ขี้ข้าทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ เรียกร้องให้ เลขาฯ ยูเอ็น บันคีมูน เข้ามาเป็นตัวกลาง ถามว่า จะมาเจรจากับใครและในฐานะอะไร มัน "ไม่มีคนกลาง"เพราะนี่คือเรื่องของประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจกับ "ขี้ข้า" ที่ดื้อแพ่ง ไม่ยอมคายอำนาจมาให้เท่านั้นเอง ดังนั้นนี่คือการ "ชักศึกเข้าบ้าน" เพียงเพื่อให้ตัวเองมีอำนาจต่อรองเท่านั้น แต่ฝันไปเถอะ !!
00 พอเข้าใจได้ สำหรับกรณีที่ศาลอาญาไม่ถอนหมายจับ สุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส.อีก 18 คน เพราะศาลได้ชี้ให้เห็นถึงข้อห้ามของศาลแพ่ง ที่คุ้มครองการชุมนุม นั่นคือ ไม่มีสิทธิ์สลายการชุมนุม มันก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะการชุมนุมได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ และก็เชื่อว่า เฉลิม อยู่บำรุง จะไม่กล้าสั่งลุยเข้ามาสลายอีก เพราะนั่นถือว่าต้อง "นองเลือด" และจบเกมเร็วขึ้น !!
00 แต่นั่นไม่เท่ากับความ "กล้าหาญ" ที่กล้ายืนหยัดต่อสู้อย่างเปิดเผย ไม่กลัวเกรงกับการข่มขู่คุกคามเลยแม้แต่น้อย เพราะขนาดขี้ข้าระบอบทักษิณ มากรีดป้ายฉีกทิ้งไป ทางนพ.ณรงค์ ก็สั่งให้นำมาติดใหม่ และใหญ่กว่าเดิมเสียอีก นี่แหละถึงได้บอกว่า "แกร่งดังเหล็กเพชร" ไม่ยอมก้มหัวกับพวกทรราช ซึ่งหากข้าราชการในกระทรวงอื่น มีความกล้าหาญแบบนี้ เลิกเป็นเครื่องมือให้ นายกฯโง่ๆ อย่าง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เรื่องมันก็จบไปนานแล้ว ไม่ต้องยืดเยื้อ ล้มตายกันรายวัน อย่างที่เห็น
00 นี่ก็เรียกว่าเล่นกันทุกทางทั้งใต้ดิน บนดิน ทางหนึ่งใช้หน่วยกำลังติดอาวุธ ใช้เครือข่ายคนเสื้อแดงข่มขู่คุกคามฝ่ายตรงข้าม ไม่เลือกเป้าหมายทำให้เด็กผู้หญิงต้องเจ็บตาย และล่าสุดพุ่งเป้าไปที่องค์กรอิสระ โดยเฉพาะตัวบุคคลที่คิดว่า "ไม่เป็นคุณกับฝ่ายตัวเอง" ดังนั้น อย่าได้แปลกใจที่เวลานี้ คนอย่าง วิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช.กำลังตกเป็นเป้าหมายคุกคาม แต่เชื่อเถอะ คนระดับนี้เขาไม่มีทางหวั่นไหวหรอก ตรงกันข้าม กลับทำให้เกิดแรงกระตุ้นทำให้เร็วขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเกี่ยวกับการชี้มูล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในคดีทุจริตจำนำข้าว ที่โกงอย่างมหโหฬาร และแน่นอนว่า "ชี้มูลความผิด" อยู่แล้ว ถ้าออกมาเป็นอย่างอื่นนี่สิแปลก ขณะเดียวกัน เมื่อได้เห็นบรรดาลิ่วล้อข้าทาสที่ "ดิ้นกันพล่าน" มันก็เห็นชัดว่า "รู้ชะตากรรม" ได้ดี
00 เริ่มเห็นท่าทางเอาการเอางานมากขึ้น สำหรับ ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เห็นการสั่งการให้เพิ่มกำลังทหารหลายกองร้อย เข้ามาคุ้มครองประชาชน มีการตั้งด่านตรวจ ตอบโต้พวก "กองกำลังติดอาวุธ" ของเครือข่ายทักษิณ ทำให้ชาวบ้านรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น แต่นั่นก็ต้องทำให้มากกว่านี้ ยิ่งบอกว่าพวก "ก่อการร้าย" กลุ่มนี้มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ชุมนุมของคนเสื้อแดง เมื่อปี 53 อย่างนี้ก็ต้อง "ลุยเลย" เพราะพูดแบบนี้มีข้อมูลในมือแล้ว "จัดการ" ได้ตามกม. ในฐานะ รอง ผอ.รมน. สามารถใช้อำนาจทางทหารเพื่อป้องกันความมั่นคงของชาติได้อย่างเต็มที่
00 อย่างที่บอกตั้งแต่ต้นว่า ระบอบทักษิณ เริ่มเข้าตาจนเรื่อยๆ จึงต้องหันมาใช้ความรุนแรง เพื่อบีบให้อีกฝ่ายมา"เจรจา" แต่คำถามคือ เจรจากับใคร เพราะนี่เป็นการต่อสู้ หรือทวงคืนอำนาจของประชาชนคืนมาจากนักการเมืองทรราช ที่ใช้อำนาจผิดเพี้ยน ดังนั้นในฐานะเจ้าของอำนาจจึงทวงคืนมาเท่านั้น ไม่ใช่ต่อสู่แย่งชิงอำนาจ ระหว่างพรรคการเมือง หรือระหว่างพรรคเพื่อไทย กับประชาธิปัตย์ หรือฝ่ายค้านกับรัฐบาล มันไม่เหมือนกับที่เขมร หรือยูเครน เราสู้เพื่อการปฏิรูปประเทศ ไม่ใช่สู้ให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือ สุเทพ เทือกสุบรรณ เข้ามาสวมอำนาจแทน และที่ผ่านมา สุเทพ ก็สาบานแล้วว่า ไม่ยุ่ง แต่ถ้าเปลี่ยนคำพูดก็ต้อง "โดน" อีกเหมือนกัน ไม่ว่าใครก็ตาม ดังนั้นการที่ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ขี้ข้าทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ เรียกร้องให้ เลขาฯ ยูเอ็น บันคีมูน เข้ามาเป็นตัวกลาง ถามว่า จะมาเจรจากับใครและในฐานะอะไร มัน "ไม่มีคนกลาง"เพราะนี่คือเรื่องของประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจกับ "ขี้ข้า" ที่ดื้อแพ่ง ไม่ยอมคายอำนาจมาให้เท่านั้นเอง ดังนั้นนี่คือการ "ชักศึกเข้าบ้าน" เพียงเพื่อให้ตัวเองมีอำนาจต่อรองเท่านั้น แต่ฝันไปเถอะ !!
00 พอเข้าใจได้ สำหรับกรณีที่ศาลอาญาไม่ถอนหมายจับ สุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส.อีก 18 คน เพราะศาลได้ชี้ให้เห็นถึงข้อห้ามของศาลแพ่ง ที่คุ้มครองการชุมนุม นั่นคือ ไม่มีสิทธิ์สลายการชุมนุม มันก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะการชุมนุมได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ และก็เชื่อว่า เฉลิม อยู่บำรุง จะไม่กล้าสั่งลุยเข้ามาสลายอีก เพราะนั่นถือว่าต้อง "นองเลือด" และจบเกมเร็วขึ้น !!