xs
xsm
sm
md
lg

กลยุทธ์เอาชนะรัฐบาลชั่ว ตั้งรับมั่นคง-รุกให้ถูกทาง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**การชุมนุมของ กปปส.ที่ยืดเยื้อยาวนานมากว่า 100 วัน และยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงได้ง่ายๆ ตราบใดที่นักโทษหนีคดีทักษิณ ชินวัตร ยังไม่เลิกอาฆาตพยาบาทคิดแก้แค้นประเทศไทย เพราะหัวใจที่จะทำให้เกิดรัฐบาลกลางเข้ามาสะสางปัญหาบ้านเมืองได้นั้นมี “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”เป็นผู้ถืออยู่ หาก ยิ่งลักษณ์ ไม่ลาออก ก็ไม่มีช่องตามกติกาที่จะดำเนินการเปลี่ยนแปลงประเทศได้โดยไม่ต้องฉีกรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า ยิ่งลักษณ์ ไม่มีทางลาออก
จึงเหลืออีกช่องทางหนึ่งตามรัฐธรรมนูญที่จะพ้นจากตำแหน่งไปคือ “ตาย”ซึ่งดูแล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะท่าทางเธอจะหนังเหนียวเคี้ยวไม่เข้า
ส่วนที่มีการตั้งความหวังไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ที่ออกมาตีปี๊บว่าจะชี้มูลความผิดทุจริตจำนำข้าวของยิ่งลักษณ์ได้ภายในเวลา 1 เดือนนั้น แม้ ยิ่งลักษณ์ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากเป็นกรณีถูกยื่นถอดถอน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ครม.รักษาการของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จะยุติตามไปด้วย
หากแต่จะมีการไล่เรียงตัวคนในรัฐบาลขึ้นมาเป็นรักษาการปฏิบัติหน้าที่นายกฯ กันอีกเพียบ ตั้งแต่ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ไปจนถึง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ซึ่งหากไปถึงเวลานั้นจริง ๆ ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ “ประเทศไทย”เพราะการดิ้นรนเฮือกสุดท้ายเพื่อรักษาระบอบทักษิณเอาไว้
จึงเป็นสิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่งว่า ก่อนที่ระบอบนี้จะตายจากประเทศไทยไป จะทิ้งความเสียหายอย่างรุนแรงไว้กับบ้านเมือง
แนวทางการเคลื่อนไหวเพื่อประคับประคองสถานการณ์บ้านเมือง จึงควรดำเนินการอย่างรอบคอบ ใช้วิกฤตให้เป็นโอกาสเพื่อให้สังคมไทยเกิดความเข้าใจการแบ่งแยกอำนาจตามระบอบประชาธิปไตย ที่ถูกบิดเบือนจนมั่วไปหมด กลายเป็นว่า เลือกตั้งมาแล้วทำผิดกฎหมายได้
**เสมือนกับว่าถ้าอ้างประชาธิปไตยแล้วแม้แต่ฆ่าคนตายก็ไม่ผิด จะก่ออาชญากรรมอย่างไรก็ได้
คำสั่งศาลแพ่งเมื่อวันที่ 19 ก.พ.57 ที่ไม่เพิกถอนการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่มีคำสั่งห้าม ศรส. 9 ข้อ ไม่ให้ดำเนินการกับผู้ชุมนุมที่ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ คือ 1. ห้ามจำเลยมีคำสั่ง ให้เจ้าหน้าที่สลายการชุมนุม 2. ห้ามจำเลยยึดอายัด สินค้า อุปโภค บริโภคที่ใช้ในการสนับสนุนการชุมนุม 3. ห้ามจำเลยตรวคค้น รื้อถอน สิ่งปลูกสร้างของผู้ชุมนุม 4. ห้ามจำเลยห้ามผู้ชุมนุมซื้อขายสินค้า เครื่องอุปโภค บริโภค ที่ใช้ในการชุมนุม 5. ห้ามจำเลยปิดการจราจรเส้นทางคมนาคม 6 . ห้ามจำเลยสั่งห้ามผู้ชุมนุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป 7. ห้ามจำเลยสั่งห้ามใช้เส้นทางคมนาคม ตามที่จำเลยกำหนดไว้ในประกาศ 8. ห้ามจำเลยสั่งผู้ชุมนุมห้ามใช้อาคาร 9. ห้ามจำเลยมีคำสั่งห้ามบุคคลเข้าและออกพื้นที่การชุมนุม
เป็นความชัดเจนที่ทำให้เห็นถึงระบบการแบ่งแยกอำนาจระหว่างฝ่ายบริหาร และตุลาการ โดยศาลแพ่งระบุชัดเจนว่า อำนาจในการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้นเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร แต่การบังคับใช้กฎหมายหลังการประกาศ ย่อมต้องเป็นไปตามกรอบของกฎหมายด้วย
มิใช่ว่าจะใช้อำนาจเกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนดได้ หรือใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาลิดรอนสิทธิการชุมนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญของประชาชนได้
**จุดแข็งของการชุมนุมครั้งนี้คือ “ความชอบธรรม” ที่กำลังต่อสู้กับ “คนที่ถือกฎหมาย” ดังนั้นการกดดันรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ให้พ้นจากตำแหน่งไปนั้น จึงไม่ควรที่จะใช้แผนจรยุทธเคลื่อนขบวนมวลมหาประชาชนไปกดดันไล่ล่า ยิ่งลักษณ์ เพราะจะยิ่งทำลาย “ความชอบธรรม”ของการชุมนุมให้ลดลง เปิดช่องว่างให้มีการกล่าวหาได้ว่าทำผิดกฎหมายอื่น นอกเหนือจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มากขึ้น ซึ่งในคำสั่งศาลแพ่ง ก็ชัดเจนว่าคุ้มครองเฉพาะคำสั่งตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินเท่านั้น
การเคลื่อนไหวอย่างมุทะลุดุดันของ สุเทพ เทือกสุบรรณ อาจจะได้ความสะใจในช่วงเวลาสั้นๆ แต่สุดท้ายก็จะไม่ประสบความสำเร็จ เหมือนกับที่พยายามจะปฏิบัติการทุกทางเพื่อให้ได้ “อำนาจ รัฏฐาธิปัตย์”มาไว้ในมือแต่ก็ล้มเหลว
การไล่ล่ายิ่งลักษณ์ทุกวันตามแผนของ สุเทพ นอกจากจะทำให้มวลชนเหนื่อยล้าแล้ว จะทำให้ประชาชนที่ไม่ได้ใส่ใจปัญหาบ้านเมืองมากนัก ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศมองผู้ชุมนุมในมุมลบมากขึ้น และง่ายต่อการถูกกล่าวหาว่า เป็นพวกป่วนเมือง ทำให้ประชาชนทั่วไปเดือดร้อน ยิ่งยืดเยื้อยาวนานเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำลายความชอบธรรมของการชุมนุมให้ลดทอนลงเรื่อย ๆ
**แนวทางที่ดีที่สุด ที่จะรักษาชีวิตประชาชนไม่ให้ตกอยู่ในความเสี่ยงและได้รับชัยชนะโดยเกิดความสูญเสียน้อยที่สุดคือ ควรรวมเวทีทั้งหมดมาไว้ที่เดียว เพื่อลดความเดือดร้อนในการสัญจรของคนกรุงเทพฯในเปลาะแรก ซึ่งจะทำให้ได้มวลชนกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนกลับมาแทนที่คนเหล่านั้นจะสวิงไปเป็นแรงหนุนของรัฐบาลทรราช
ส่วนสุเทพ ไม่จำเป็นต้องออกปฏิบัติการไล่ล่าอย่างเอาเป็นเอาตายกับ ยิ่งลักษณ์ เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางเห็นแม้แต่ชายกระโปรงของยิ่งลักษณ์ อยู่แล้ว การสงบอยู่ในที่ตั้ง จึงน่าจะเป็นผลดีกับการชุมนุมที่จะนำไปสู่ชัยชนะได้มากกว่า จึงไม่ควรใช้แต่ทฤษฎีส้นตีนแห่งชาติ เพียงอย่างเดียว แต่ต้องใช้สติเพื่อรักษาชาติบ้านเมืองด้วย
หยุดกิจกรรมที่รู้อยู่แล้วว่า ผลลัพธ์ไม่เพียงแค่ความสูญเปล่า แต่ยังสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้การชุมนุมที่บริสุทธิ์ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญสูญเสียความชอบธรรม ซึ่งจะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง และจะเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ต้องพ่ายแพ้ต่อระบอบทักษิณ
การดำเนินการตามช่องทางของกฎหมาย และใช้ภาคประชาสังคมร่วมกันกดดันรัฐบาล จึงน่าจะเป็นแนวทางที่ สุเทพ เลือกเดิน เพื่อนำมวลชนสู่ชัยชนะมากกว่า เพราะในขณะนี้ถือได้ว่า คนไทยตื่นตัวอย่างยิ่งและมีความพร้อมที่จะร่วมแรงร่วมใจสั่งสอนรัฐบาลทรราชมากที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยจะเห็นได้จากปรากฏการณ์แห่ถอนเงินจากธนาคารออมสิน ที่เงินไหลออกกว่า 7 หมื่นล้านบาทในระยะเวลาเพียงแค่สองวัน
สุเทพ ควรจะแปรพลังของสังคมไทยในส่วนนี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น การมุ่งไปที่ธุรกิจตระกูลชินวัตร เป็นยุทธวิธีที่ถูกต้อง เพราะคนอย่างนักโทษหนีคดีทักษิณ ไม่แคร์ว่าชาติจะเสียหายอย่างไร แต่ยอมไม่ได้ถ้าธุรกิจของตัวเองจะล่มจม นี่คือจุดตายของนักโทษหนีคดีทักษิณ ที่สุเทพ ต้องจัดการอย่างมีเป้าหมาย อย่าสะเปะสะปะ
**ธุรกิจแรกที่ควรชำแหละคือ เอสซีแอสเสท เพราะ ยิ่งลักษณ์ เคยเป็นผู้บริหารมาก่อน และชัดเจนว่าเป็นของตระกูลชินวัตร สิ่งที่เวที กปปส.ควรทำจึงน่าจะนำข้อมูลเกี่ยวกับผลประโยชน์ของบริษัทเอสซีแอสเสท ที่ได้รับหลังจากที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เข้าบริหารงาน โดยเฉพาะมูลค่าหุ้นที่พุ่งสูงขึ้นไปกว่าเท่าตัว แบบเงียบๆ โดยที่ไม่มีใครสนใจ มากางให้ประชาชนได้เห็นว่า ยุคยิ่งลักษณ์ ก็ไม่ต่างจากทักษิณ คือ พี่ชายออกนโยบายเอื้อธุรกิจโทรคมนาคม ส่วนน้องสาว ออกนโยบายเอื้อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
การพุ่งเป้าให้ความรู้ประชาชนอย่างเป็นระบบ และมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะเป็นการกระจายความจริงให้สังคมได้รับทราบมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการสะสมทำให้พลังของมวลชนมีความเข้มแข็งและมีวุฒิทางปัญญาเพิ่มขึ้น เป็นการยกระดับการชุมนุมของประชาชนในเชิงคุณภาพได้เป็นอย่างดี และยังไม่ต้องนำชีวิตประชาชนไปเสี่ยงกับกระสุนปืนของคนเลวอีกด้วย
เมื่อจุดแข็งของ กปปส.วันนี้ คือ การชุมนุมที่สงบได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ก็ต้องอาศัยจุดนี้เป็นศูนย์กระจายความจริงเพื่อตีกระหนาบรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่กำลังเข้ามุมอับไปเรื่อยๆ ดีกว่าที่จะเอาชีวิตประชาชนไปเสี่ยงกับการปะทะกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะเข้าทางรัฐบาลในการใช้ความรุนแรงเข้าปราบปราม
**ในกลศึกการรบนั้น “การตั้งมั่นอยู่ในฐานอย่างเข้มแข็ง บางครั้งก็เป็นการรุกที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุด”
กำลังโหลดความคิดเห็น