xs
xsm
sm
md
lg

คดีจำนำข้าวพ่นพิษ “ยิ่งลักษณ์”เอี่ยวโกง จุดตายทางการเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**ทำท่าจะเป็นจริงอย่างที่คาดกันไว้ จุดตายของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือกรณี“ปัญหาทุจริตโครงการรับจำนำข้าว”
แม้แนวร่วม มวลมหาประชาชน กปปส. จะเป็นส่วนสำคัญในการกดดันรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และระบอบทักษิณ จนขยับอะไรแทบไม่ได้ในเวลานี้ แต่สิ่งที่จะทำให้ยิ่งลักษณ์ อยู่หรือไปทางการเมือง น่าจะเป็นเรื่องปัญหาการทุจริต และความล้มเหลวในโครงการรับจำนำข้าว มากกว่า
ดูแล้ว เรื่องนี้ใกล้ความจริงขึ้นมาทุกขณะ เพราะยามนี้ที่ ยิ่งลักษณ์ กำลังเมาหมัด หาทางออกเรื่องการจ่ายเงินให้กับชาวนาไม่ได้ จนต้องออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เพ้อเจ้อใส่ความ การเคลื่อนไหวของชาวนา เมื่อ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา ก็ปรากฏว่า วันเดียวกันมีคำแถลงจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ที่ออกมาเปิดเผยความคืบหน้า คดีทุจริตจำนำข้าวในส่วนของตัว ยิ่งลักษณ์ ที่เป็นผลมาจากกรณีที่ประธานวุฒิสภาได้ส่งคำร้องขอให้วุฒิสภา ถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ออกจากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี
โดยกล่าวหา ยิ่งลักษณ์ ว่า มีพฤติการส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมาย ที่ก่อนหน้านี้ป.ป.ช.ได้มีการตั้งอนุกรรมการไต่สวน ยิ่งลักษณ์ ว่ามีส่วนกับการปล่อยให้มีการทุจริต ในโครงการรับจำนำข้าว และการระบายข้าวโดยเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ทางราชการตามอำนาจหน้าที่
**ผลการพิจารณา ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะองค์คณะไต่สวนได้มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้มีหนังสือเรียก ยิ่งลักษณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ในฐานะผู้ถูกกล่าวหาให้มาพบ และแจ้งข้อกล่าวหาตามระเบียบการไต่สวนทุจริต ในวันที่ 27 ก.พ. เวลา 14.00 น.
สรุปก็คือ ป.ป.ช.ได้แจ้งข้อกล่าวหากับ ยิ่งลักษณ์ ในคดีทุจริตจำนำข้าวแล้ว เพราะเห็นว่า จากการไต่สวนคำร้องที่เป็นผลพวงมาจากการที่ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นเรื่องเอาไว้ต่อประธานวุฒิสภาในช่วงการเปิดอภิปรายไมไว้วางใจเมื่อปลายปี 2555 และต่อมา เมื่อ16 ม.ค. ทางที่ประชุมป.ป.ช. เห็นชอบตามที่อนุกรรมการไต่สวนคดีรับจำนำข้าวเสนอเรื่องให้ป.ป.ช.เห็นชอบ ให้มีการไต่สวน ยิ่งลักษณ์
และเปิดโอกาสให้ ยิ่งลักษณ์ ใช้สิทธิคัดค้านอนุกรรมการไต่สวน หากเห็นว่ารายชื่ออนุกรรมการไต่สวนคนไหนจะทำหน้าที่โดยไม่เป็นกลาง หรือมีอคติ ซึ่งคดีก็ดำเนินเรื่อยมา จนกระทั่งป.ป.ช.ได้มีมติแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าว กับ ยิ่งลักษณ์
ลำดับขั้นตอนต่อไป ก็จะเป็นเรื่องที่ ยิ่งลักษณ์ และฝ่ายกฎหมายจะต้องตั้งหลักสู้คดีต่อไป ซึ่งตามระเบียบของป.ป.ช. ก็ยังเปิดช่องให้ยิ่งลักษณ์ ในฐานะผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหา สามารถขอใช้สิทธิเลื่อนวันการเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาได้ และหากถึงกำหนดไม่เดินทางมา โดยไม่แจ้งเหตุ ป.ป.ช. ก็จะส่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาไปทางไปรษณีย์ โดยส่งไปที่ภูมิลำเนาของ ยิ่งลักษณ์ ต่อไป
ทั้งนี้ กรณีของยิ่งลักษณ์ ยังไม่ใช่การชี้มูลความผิดที่จะส่งผลทางการเมือง และปมปัญหาข้อกฎหมายต่อไปว่า ยิ่งลักษณ์ จะต้องหยุดพักการปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะนายกรัฐมนตรีรักษาการหรือไม่ กระบวนการสู้คดีของ ยิ่งลักษณ์ ยังมีอีกหลายยก ที่เปิดช่องให้หายใจได้อยู่
**แม้ดูแล้ว เมื่อยิ่งลักษณ์ สู้คดีมีการเอาพยานหลักฐานต่างๆ มาสู้ในชั้น ป.ป.ช. จนครบถ้วนกระบวนความ ถามว่ามีโอกาสไหมที่ ป.ป.ช.จะไม่ชี้มูลความผิดยิ่งลักษณ์ ก็ต้องตอบว่า มีโอกาส เพราะหากยิ่งลักษณ์ แจงข้อกล่าวหาได้หมดทุกเรื่อง จนป.ป.ช.หมดสิ้นความสงสัย ทางป.ป.ช. ก็อาจไม่ชี้มูลความผิดยิ่งลักษณ์ก็ได้
**แต่ในทางการเมือง รวมถึงในแนวทางการวิเคราะห์จากผู้คนจำนวนมาก แม้แต่กับฝ่ายกฎหมายประจำตัวยิ่งลักษณ์ และฝายแกนนำรัฐบาลเพื่อไทย ก็ดูจะเชื่อตรงกันว่า โอกาสที่ ยิ่งลักษณ์ จะรอด มีน้อยกว่าที่จะโดนชี้มูลความผิด
ทั้งนี้ เมื่อไปดูในส่วนของคดีความที่ ยิ่งลักษณ์ เผชิญก็จะพบว่า ป.ป.ช. ได้ให้เหตุผลในการแจ้งข้อกล่าวหากับยิ่งลักษณ์ไว้ว่า เนื่องจากยิ่งลักษณ์ ในฐานะประธาน กขช. เคยได้รับหนังสือจาก คณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ส่งถึง ยิ่งลักษณ์ ก่อนหน้านี้ ที่ทักท้วงว่าโครงการรับจำนำข้าว จะก่อให้เกิดการทุจริตอย่างมหาศาล โดยเฉพาะการทุจริตทุกขั้นตอน และทุกกระบวนการในการดำเนินการ
รวมถึงยังได้รับทราบข้อมูลจากการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร และรายงานผลการดำเนินโครงการจากประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ว่า เสียหาย 2 แสนล้านบาท รวมถึงการที่ชาวนาที่เข้าร่วมโครงการ ยังไม่ได้รับเงินอีกจำนวนมาก ประกอบกับมีหนังสือจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีหนังสือถึงยิ่งลักษณ์ ให้ทบทวนและยุติโครงการดังกล่าว ซึ่งตัวนายกฯ สามารถยับยั้งได้ตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหาราชการแผ่นดิน แต่ กลับยืนยันทำโครงการต่อไป
จึงเป็นเจตนาของยิ่งลักษณ์ ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา ที่จะปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ หรือโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และเป็นการจงใจใช้อำนาจหน้าที่ ซึ่งขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 178 อันเป็นเหตุแห่งการถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง ทางป.ป.ช.จึงได้มีมติให้เรียกยิ่งลักษณ์ มาพบ เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา
เมื่อพิจารณาจากเหตุผลในการแจ้งข้อกล่าวหาของป.ป.ช. ต่อตัวยิ่งลักษณ์ไปเปรียบเทียบกับมติของ ป.ป.ช. เมื่อ 16 ม.ค. ที่แจ้งข้อกล่าวหากับ บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และ ภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ กับพวก ที่รวมถึงบริษัทเอกชนด้วยก็จะพบว่า ประเด็นในการแจ้งข้อกล่าวหา จะแตกต่างกันไปตามความเกี่ยวข้องของแต่ละคน
คือในส่วนของยิ่งลักษณ์นั้น แน่นอนว่าในฐานะนายกรัฐมนตรี และในฐานะประธาน กขช. ก็จะดูภาพรวมของโครงการรับจำนำข้าวในฐานะผู้นำรัฐบาล ที่แม้จะไม่ได้นั่งเป็นประธานประชุม กขช. เพราะได้มอบหมายให้ กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี รับหน้าที่แทน แต่ก็ต้องรับผิดชอบในฐานะประธานกขช. โดยตำแหน่ง และในฐานะผู้นำรัฐบาลที่เป็นผู้แถลงนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินต่อรัฐสภา
เมื่อมีเสียงท้วงติง หรือมีข้อเท็จจริงที่ปรากฏชัดว่า โครงการรับจำนำข้าวมีปัญหา มีการนำเสนอข้อมูลว่าโครงการรับจำนำข้าวมีการทุจริต และมีเสียงเตือนจากหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้งบประมาณ อย่างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตัวนายกรัฐมนตรี ที่เป็นนายกฯ มีอำนาจสูงสุดในการพิจารณา ที่จะยับยั้งโครงการได้ แต่กลับไม่ทำ จึงต้องถูกแจ้งข้อกล่าวหาไป
แต่ในส่วนของการแจ้งข้อกล่าวหากับตัว บุญทรง และพวก เมื่อ 16 ม.ค. ตามมติป.ป.ช. จะพบว่า ทางป.ป.ช.ได้ตั้งสำนวนเอาผิดไว้ว่า เมื่อป.ป.ช.มีการสอบสวนการทำธุรกรรมโครงการรับจำนำข้าวในแต่ละขั้นตอน เช่น การระบายข้าว–สัญญาจีทูจี การขายข้าวระหว่างไทยกับจีน ที่ ป.ป.ช.สอบสวนแล้วมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า ไม่ใช่กรณีซื้อขายตามสัญญาแบบรัฐต่อรัฐ ไม่มีการทำสัญญาระหว่างรัฐต่อรัฐ และไม่มีการส่งข้าวออกนอกราชอาณาจักรจริง ตามที่กล่าวอ้าง รวมไปถึงบริษัทที่เป็นคู่สัญญาจีทูจี กับไทย ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นตัวแทนในการค้าข้าวอย่างมีอำนาจเต็ม จากสาธารณรัฐประชาชนจีน อีกทั้งในการทำธุรกรรม พบว่าใช้เอกสารที่ไม่ชอบตามกฎหมาย เป็นความเท็จ
คือ ในส่วนของบุญทรงกับพวก รวมประมาณ 17 ราย ที่ถูกป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาเป็นเรื่องทำนองว่า ผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหามีส่วนร่วมรู้เห็นกับการขายข้าวในโครงการแบบจีทูจี ที่เชื่อได้ว่าเป็นการทำธุรกรรมที่ซ่อนเงื่อน นิติกรรมอำพราง ส่อทุจริต แต่กรณีของยิ่งลักษณ์ เป็นเรื่องของการเมื่อได้รับรู้ว่า โครงการมีปัญหา มีการทุจริตและก่อให้เกิดความเสียหายต่องบประมาณประเทศ แต่กลับไม่ทบทวนและยับยั้ง ปล่อยให้มีการกระทำเกิดขึ้นอีก
**หรือพูดประสาชาวบ้านคือ รู้ว่าเสียหายแทนที่จะหยุด แต่กลับปล่อยเลยตามเลย
ถามว่า ข้อกล่าวหาของยิ่งลักษณ์หนักไหม ก็ต้องตอบว่าอ่วมแน่ แม้จะไม่โดนแจ้งข้อกล่าวหาในเรื่องการมีส่วนรู้เห็นการทำสัญญาจีทูจีปลอม เหมือนกรณีของบุญทรง แต่ก็เป็นความผิดลักษณะว่า ยิ่งลักษณ์ คือคนเปิดประตูให้มีการทุจริต ทำให้ประเทศเสียหาย ซึ่งหากยิ่งลักษณ์ รีบปิดประตู ความเสียหายนี้ก็จะไม่เกิดหรือเกิด แต่จะน้อยกว่าที่เป็นอยู่
**จากนี้สถานะทางการเมืองของยิ่งลักษณ์ สาหัสยิ่งขึ้น หลังมีปมเรื่องคดีของ ป.ป.ช. เข้ามาในช่วงเวลานี้
กำลังโหลดความคิดเห็น