เมื่อมีการยุบสภา รัฐธรรมนูญบัญญัติให้คณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งในทันที แต่ให้คงทำหน้าที่ต่อไป จนกว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะเข้ารับหน้าที่
ในระหว่างทำหน้าที่ชั่วคราวนี้จะไม่สามารถใช้อำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการได้ ไม่สามารถอนุมัติงบประมาณหรือก่อภาระหนี้ผูกพันคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ได้ ไม่สามารถใช้ทรัพยากรของรัฐที่มีผลต่อการเลือกตั้งได้ ทั้งนี้ยกเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง
สภาพเช่นนี้ย่อมเกิดความเสียหายแก่การบริหารราชการแผ่นดิน แก่ประเทศชาติและแก่ประชาชน แต่รัฐธรรมนูญยอมรับให้เกิดความเสียหายได้เพราะเป็นเรื่องชั่วคราว และมีระยะเวลาอันจำกัด ไม่ใช่จะทำหน้าที่ต่อไปตลอดชั่วกัลปาวสานอย่างที่นักการเมืองเข้าใจ
ข้อสำคัญคือ จะได้มาซึ่งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่อย่างไร เพื่อมารับตำแหน่งหน้าที่แทนผู้ที่ทำหน้าที่ชั่วคราวนั้น เพราะเมื่อมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เมื่อใด ผู้ที่ทำหน้าที่ชั่วคราวก็จะพ้นจากหน้าที่ทันที
การจะได้มาซึ่งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่มีหนทางที่จะได้มาสามหนทาง คือ
หนทางที่หนึ่ง ได้มาโดยวิถีทางแห่งการเลือกตั้ง ซึ่งรัฐธรรมนูญบัญญัติว่าหลังการเลือกตั้งทั่วไปภายในระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน ให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรก โดยไม่มีข้อต่อรองและไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งเป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ไม่ใช่รัฐธรรมนูญบัญญัติแล้วไม่มีความหมาย ทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ หรืออ้างเงื่อนไขอื่นๆ ดังที่นักการเมืองพยายามโกหกหลอกลวงกันอยู่ ซึ่งระยะเวลา 30 วันนี้ได้ครบไปแล้วเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2557
รัฐธรรมนูญยังบัญญัติต่อไปว่าภายใน 30 วันนับแต่วันเปิดประชุมรัฐสภาครั้งแรก สภาผู้แทนราษฎรจะต้องเลือกนายกรัฐมนตรีให้แล้วเสร็จเพื่อจัดตั้งคณะรัฐมนตรีเข้าบริหารราชการแผ่นดิน
โดยหนทางนี้ รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ต้องได้มาซึ่งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ภายในระยะเวลาไม่เกิน 60 วัน แต่ถ้าหากเห็นได้ชัดเจนแต่ต้นเมื่อใดว่าไม่มีทางที่จะได้มาซึ่งคณะรัฐมนตรี ก็ต้องดำเนินการตามหนทางอื่นต่อไป
และบัดนี้หนทางนี้ได้ปิดตายสนิทแล้ว เพราะเมื่อมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ไม่สามารถประกาศผลการเลือกตั้งได้ และไม่สามารถจัดการเลือกตั้งเพิ่มเติมสำหรับเขตเลือกตั้งที่เหลือได้ เพราะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 นั้นไม่ได้มาซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรถึง 95% จึงไม่สามารถเลือกตั้งต่อไปได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 93
เมื่อไม่ได้มาซึ่งสภาผู้แทนราษฎร ก็ไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีภายใน 30 วันนับแต่วันเปิดรัฐสภาครั้งแรกได้ และไม่มีทางได้มาซึ่งคณะรัฐมนตรี ซึ่งบัดนี้ก็มีความชัดเจนเช่นนี้แล้ว จึงไม่ต้องรอครบ 30 วันหลังวันครบกำหนดเรียกประชุมรัฐสภาครั้งแรก
หมายความว่า ณ เวลานี้เป็นต้นไป ต้องทำให้ได้มาซึ่งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่โดยหนทางอื่น เพราะจะปล่อยให้บ้านเมืองเสียหาย จะปล่อยให้ผู้รักษาการทำหน้าที่ต่อไปโดยไม่มีกำหนดไม่ได้ เพราะที่เป็นอยู่นั้นไม่ใช่การปกครองระบอบประชาธิปไตยอีกต่อไปแล้ว เพียงแต่ยังไม่พ้นหน้าที่จนกว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะมารับหน้าที่เท่านั้น
หนทางที่สอง เมื่อไม่สามารถได้มาซึ่งคณะรัฐมนตรีโดยการเลือกตั้งทั่วไป และรัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น จึงต้องใช้ประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 7
นั่นคือประธานวุฒิสภาย่อมปฏิบัติหน้าที่แทนประธานรัฐสภา ต้องนำความกราบบังคมทูลพระมหากษัตริย์เพื่อทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี เพื่อจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่โดยเร็วที่สุด โดยประธานวุฒิสภาในฐานะทำการแทนประธานรัฐสภาเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ
แต่ถึงวันนี้ไม่มีท่าทีว่าผู้รักษาการประธานวุฒิสภาจะทำหน้าที่นี้ ทั้งที่ชีวิตนี้มีโอกาสทำหน้าที่ครั้งนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
หนทางที่สาม คือหนทางปฏิวัติ ซึ่งเป็นหน้าที่ของฝ่ายทหาร และเป็นหน้าที่ทางประวัติศาสตร์ของมวลมนุษย์ทั่วโลก เนื่องจากทหารเป็นผู้สร้างระบอบประชาธิปไตยขึ้นในทุกประเทศทั่วโลก ไม่ว่าประเทศใดก็ตาม ระบอบประชาธิปไตยที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ล้วนสร้างโดยกองทัพและทหารทั้งสิ้น
ประเทศไทยของเราก่อนนี้ปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และได้เปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วยน้ำมือของกองทัพ
แต่ทว่าประเทศไทยโชคร้ายที่กองทัพสร้างประชาธิปไตยยังไม่ทันแล้วเสร็จสมบูรณ์ก็รามือไปเสีย เพราะถูกเล่ห์กลการเมืองหลอกหลอนว่าการเมืองเป็นเรื่องของนักการเมือง ทหารไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้อง ดีที่นักการเมืองยังไม่เหิมเกริมบังอาจหลอกลวงถึงขนาดว่าทหารต้องรับใช้การเมืองดังที่พยายามทำโดยไม่ได้พูดในปัจจุบันนี้
ทหารถูกทำให้หวาดกลัวการปฏิวัติรัฐประหาร และยังมีการสร้างความรังเกียจเดียดฉันท์ในหมู่ประชาชนให้รังเกียจเดียดฉันท์การปฏิวัติรัฐประหาร ทั้งๆ ที่การปฏิวัติรัฐประหารทุกครั้งก็เป็นเพียงระยะเวลาอันสั้นและไม่ได้โกงบ้านผลาญเมืองจนฉิบหายวายวอดเหมือนที่นักการเมืองได้ทำกับบ้านเมืองและประชาชนตลอดมาจนถึงทุกวันนี้
กองทัพสร้างประชาธิปไตยของประเทศไทยไว้ครึ่งๆ กลางๆ จึงเป็นประชาธิปไตยแบบลูกผีลูกเปรต ที่มุ่งแต่การทุจริตคอร์รัปชัน ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ แสวงหาประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้อง กระทั่งคิดอ่านจะยึดบ้านยึดเมืองเป็นของตน จนบ้านเมืองเป็นกลียุคในทุกวันนี้
ดังนั้นจึงเป็นความรับผิดชอบและเป็นหน้าที่ของทหารที่ตกทอดมาแต่ในประวัติศาสตร์ ในการที่จะต้องสานต่อภารกิจในการสร้างประชาธิปไตยอันสมบูรณ์ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขขึ้นในแผ่นดินนี้ให้จงได้
ถ้ามีการปฏิวัติเมื่อใดก็จะได้มาซึ่งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ และผู้รักษาการก็จะต้องพ้นหน้าที่ไปเช่นเดียวกัน และในวันนี้อาณาประชาราษฎรก็หวังพึ่งกองทัพ หวังพึ่งทหาร เพื่อให้ทำหน้าที่นำความสงบสุขกลับคืนสู่บ้านเมือง
และทหารก็ได้ออกมาปกป้องคุ้มครองประชาชนครึ่งทางแล้ว เสียงเรียกร้องขอพึ่งพาทหารและกองทัพก้องกระหึ่มไปทั้งบ้านทั้งเมือง
ดังนั้นในภารกิจให้ได้มาซึ่งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ในหนทางที่สามนี้จึงเป็นภารกิจของกองทัพและทหาร
ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของประธานวุฒิสภาและกองทัพโดยเฉพาะผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพที่ควรจะมาร่วมกันปรึกษาหารือว่าใครจะทำหน้าที่เพื่อให้ได้มาซึ่งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งควรต้องดำเนินการโดยไวที่สุด
ในขณะนี้งบประมาณแผ่นดินปี 2557 ผ่านไปจะครึ่งปีแล้ว กลไกขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ 1 ใน 4 ไม่ทำงาน และการจัดทำงบประมาณปี 2558 ก็ใกล้กำหนดที่จะต้องเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แต่ยังไม่เริ่มดำเนินการ
ความขัดแย้งในแผ่นดินยกระดับขึ้นสูง ใกล้จะเกิดสงครามกลางเมืองเต็มประดา และยังปรากฏการก่อกบฏอั้งยี่ที่ประกาศแยกประเทศไทย ดังที่รู้เห็นกัน มิหนำซ้ำ ยังเกิดกรณีการนำกองกำลังติดอาวุธสารพัดพวกสารพัดเหล่า และสารพัดชนิด มาทำให้กรุงเทพมหานครกลายเป็นสมรภูมิแห่งสงครามไปแล้ว
สภาพเช่นนี้เรียกร้องต้องการให้ต้องรีบมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาของชาติบ้านเมืองและนำความสงบสุขกลับคืนบ้านเมืองโดยด่วนที่สุด!
ในระหว่างทำหน้าที่ชั่วคราวนี้จะไม่สามารถใช้อำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการได้ ไม่สามารถอนุมัติงบประมาณหรือก่อภาระหนี้ผูกพันคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ได้ ไม่สามารถใช้ทรัพยากรของรัฐที่มีผลต่อการเลือกตั้งได้ ทั้งนี้ยกเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง
สภาพเช่นนี้ย่อมเกิดความเสียหายแก่การบริหารราชการแผ่นดิน แก่ประเทศชาติและแก่ประชาชน แต่รัฐธรรมนูญยอมรับให้เกิดความเสียหายได้เพราะเป็นเรื่องชั่วคราว และมีระยะเวลาอันจำกัด ไม่ใช่จะทำหน้าที่ต่อไปตลอดชั่วกัลปาวสานอย่างที่นักการเมืองเข้าใจ
ข้อสำคัญคือ จะได้มาซึ่งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่อย่างไร เพื่อมารับตำแหน่งหน้าที่แทนผู้ที่ทำหน้าที่ชั่วคราวนั้น เพราะเมื่อมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เมื่อใด ผู้ที่ทำหน้าที่ชั่วคราวก็จะพ้นจากหน้าที่ทันที
การจะได้มาซึ่งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่มีหนทางที่จะได้มาสามหนทาง คือ
หนทางที่หนึ่ง ได้มาโดยวิถีทางแห่งการเลือกตั้ง ซึ่งรัฐธรรมนูญบัญญัติว่าหลังการเลือกตั้งทั่วไปภายในระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน ให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรก โดยไม่มีข้อต่อรองและไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งเป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ไม่ใช่รัฐธรรมนูญบัญญัติแล้วไม่มีความหมาย ทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ หรืออ้างเงื่อนไขอื่นๆ ดังที่นักการเมืองพยายามโกหกหลอกลวงกันอยู่ ซึ่งระยะเวลา 30 วันนี้ได้ครบไปแล้วเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2557
รัฐธรรมนูญยังบัญญัติต่อไปว่าภายใน 30 วันนับแต่วันเปิดประชุมรัฐสภาครั้งแรก สภาผู้แทนราษฎรจะต้องเลือกนายกรัฐมนตรีให้แล้วเสร็จเพื่อจัดตั้งคณะรัฐมนตรีเข้าบริหารราชการแผ่นดิน
โดยหนทางนี้ รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ต้องได้มาซึ่งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ภายในระยะเวลาไม่เกิน 60 วัน แต่ถ้าหากเห็นได้ชัดเจนแต่ต้นเมื่อใดว่าไม่มีทางที่จะได้มาซึ่งคณะรัฐมนตรี ก็ต้องดำเนินการตามหนทางอื่นต่อไป
และบัดนี้หนทางนี้ได้ปิดตายสนิทแล้ว เพราะเมื่อมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ไม่สามารถประกาศผลการเลือกตั้งได้ และไม่สามารถจัดการเลือกตั้งเพิ่มเติมสำหรับเขตเลือกตั้งที่เหลือได้ เพราะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 นั้นไม่ได้มาซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรถึง 95% จึงไม่สามารถเลือกตั้งต่อไปได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 93
เมื่อไม่ได้มาซึ่งสภาผู้แทนราษฎร ก็ไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีภายใน 30 วันนับแต่วันเปิดรัฐสภาครั้งแรกได้ และไม่มีทางได้มาซึ่งคณะรัฐมนตรี ซึ่งบัดนี้ก็มีความชัดเจนเช่นนี้แล้ว จึงไม่ต้องรอครบ 30 วันหลังวันครบกำหนดเรียกประชุมรัฐสภาครั้งแรก
หมายความว่า ณ เวลานี้เป็นต้นไป ต้องทำให้ได้มาซึ่งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่โดยหนทางอื่น เพราะจะปล่อยให้บ้านเมืองเสียหาย จะปล่อยให้ผู้รักษาการทำหน้าที่ต่อไปโดยไม่มีกำหนดไม่ได้ เพราะที่เป็นอยู่นั้นไม่ใช่การปกครองระบอบประชาธิปไตยอีกต่อไปแล้ว เพียงแต่ยังไม่พ้นหน้าที่จนกว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะมารับหน้าที่เท่านั้น
หนทางที่สอง เมื่อไม่สามารถได้มาซึ่งคณะรัฐมนตรีโดยการเลือกตั้งทั่วไป และรัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น จึงต้องใช้ประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 7
นั่นคือประธานวุฒิสภาย่อมปฏิบัติหน้าที่แทนประธานรัฐสภา ต้องนำความกราบบังคมทูลพระมหากษัตริย์เพื่อทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี เพื่อจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่โดยเร็วที่สุด โดยประธานวุฒิสภาในฐานะทำการแทนประธานรัฐสภาเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ
แต่ถึงวันนี้ไม่มีท่าทีว่าผู้รักษาการประธานวุฒิสภาจะทำหน้าที่นี้ ทั้งที่ชีวิตนี้มีโอกาสทำหน้าที่ครั้งนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
หนทางที่สาม คือหนทางปฏิวัติ ซึ่งเป็นหน้าที่ของฝ่ายทหาร และเป็นหน้าที่ทางประวัติศาสตร์ของมวลมนุษย์ทั่วโลก เนื่องจากทหารเป็นผู้สร้างระบอบประชาธิปไตยขึ้นในทุกประเทศทั่วโลก ไม่ว่าประเทศใดก็ตาม ระบอบประชาธิปไตยที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ล้วนสร้างโดยกองทัพและทหารทั้งสิ้น
ประเทศไทยของเราก่อนนี้ปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และได้เปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วยน้ำมือของกองทัพ
แต่ทว่าประเทศไทยโชคร้ายที่กองทัพสร้างประชาธิปไตยยังไม่ทันแล้วเสร็จสมบูรณ์ก็รามือไปเสีย เพราะถูกเล่ห์กลการเมืองหลอกหลอนว่าการเมืองเป็นเรื่องของนักการเมือง ทหารไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้อง ดีที่นักการเมืองยังไม่เหิมเกริมบังอาจหลอกลวงถึงขนาดว่าทหารต้องรับใช้การเมืองดังที่พยายามทำโดยไม่ได้พูดในปัจจุบันนี้
ทหารถูกทำให้หวาดกลัวการปฏิวัติรัฐประหาร และยังมีการสร้างความรังเกียจเดียดฉันท์ในหมู่ประชาชนให้รังเกียจเดียดฉันท์การปฏิวัติรัฐประหาร ทั้งๆ ที่การปฏิวัติรัฐประหารทุกครั้งก็เป็นเพียงระยะเวลาอันสั้นและไม่ได้โกงบ้านผลาญเมืองจนฉิบหายวายวอดเหมือนที่นักการเมืองได้ทำกับบ้านเมืองและประชาชนตลอดมาจนถึงทุกวันนี้
กองทัพสร้างประชาธิปไตยของประเทศไทยไว้ครึ่งๆ กลางๆ จึงเป็นประชาธิปไตยแบบลูกผีลูกเปรต ที่มุ่งแต่การทุจริตคอร์รัปชัน ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ แสวงหาประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้อง กระทั่งคิดอ่านจะยึดบ้านยึดเมืองเป็นของตน จนบ้านเมืองเป็นกลียุคในทุกวันนี้
ดังนั้นจึงเป็นความรับผิดชอบและเป็นหน้าที่ของทหารที่ตกทอดมาแต่ในประวัติศาสตร์ ในการที่จะต้องสานต่อภารกิจในการสร้างประชาธิปไตยอันสมบูรณ์ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขขึ้นในแผ่นดินนี้ให้จงได้
ถ้ามีการปฏิวัติเมื่อใดก็จะได้มาซึ่งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ และผู้รักษาการก็จะต้องพ้นหน้าที่ไปเช่นเดียวกัน และในวันนี้อาณาประชาราษฎรก็หวังพึ่งกองทัพ หวังพึ่งทหาร เพื่อให้ทำหน้าที่นำความสงบสุขกลับคืนสู่บ้านเมือง
และทหารก็ได้ออกมาปกป้องคุ้มครองประชาชนครึ่งทางแล้ว เสียงเรียกร้องขอพึ่งพาทหารและกองทัพก้องกระหึ่มไปทั้งบ้านทั้งเมือง
ดังนั้นในภารกิจให้ได้มาซึ่งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ในหนทางที่สามนี้จึงเป็นภารกิจของกองทัพและทหาร
ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของประธานวุฒิสภาและกองทัพโดยเฉพาะผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพที่ควรจะมาร่วมกันปรึกษาหารือว่าใครจะทำหน้าที่เพื่อให้ได้มาซึ่งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งควรต้องดำเนินการโดยไวที่สุด
ในขณะนี้งบประมาณแผ่นดินปี 2557 ผ่านไปจะครึ่งปีแล้ว กลไกขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ 1 ใน 4 ไม่ทำงาน และการจัดทำงบประมาณปี 2558 ก็ใกล้กำหนดที่จะต้องเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แต่ยังไม่เริ่มดำเนินการ
ความขัดแย้งในแผ่นดินยกระดับขึ้นสูง ใกล้จะเกิดสงครามกลางเมืองเต็มประดา และยังปรากฏการก่อกบฏอั้งยี่ที่ประกาศแยกประเทศไทย ดังที่รู้เห็นกัน มิหนำซ้ำ ยังเกิดกรณีการนำกองกำลังติดอาวุธสารพัดพวกสารพัดเหล่า และสารพัดชนิด มาทำให้กรุงเทพมหานครกลายเป็นสมรภูมิแห่งสงครามไปแล้ว
สภาพเช่นนี้เรียกร้องต้องการให้ต้องรีบมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาของชาติบ้านเมืองและนำความสงบสุขกลับคืนบ้านเมืองโดยด่วนที่สุด!