"หมอวรงค์" ชี้ไทยขายข้าวให้จีน 1 ล้านตันล่าสุดของจริง ประจาน 8.4 ล้านตันลวงโลก จับตารัฐ ส่งข้าวตามกำหนดล็อตแรก 4 แสนตัน หากทำไม่ได้ยิ่งมัด รัฐแอบขายข้าวดี เหลือแต่ข้าวเน่า "ยิ่งลักษณ์"เลื่อนแจง ป.ป.ช.ทุจริตจำนำข้าว 14 มี.ค. ด้านชาวนาอ่วมอีก ราคาข้าวรูดเหลือตันละ 8 พัน หลังจบโครงการจำนำ โรงสีบางแห่งกดราคาเหลือตันละ 4-5 พันเท่านั้น ราคาต่ำสุดในรอบ 6 ปี “ศรีรัตน์" สั่งระดมเงินบริจาคนำช่วยชาวนา ทำให้พนักงาน ธ.ก.ส. ต้องแบกหน้าถือป้าย-กล่องเดินเรี่ยไรรับบริจาค
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปตย์ กล่าวถึงการลงนามซื้อขายข้าวกับคอฟโก้ รัฐวิสาหกิจจีน จำนวน 1 ล้านตัน โดยกำหนดระยะเวลา 5 เดือนแรกส่งมอบ 4 แสนตัน จากนั้นทยอยส่งให้ครบหนึ่งล้านตัน พร้อมกับกำหนดเงื่อนไขให้ใช้รูปแบบการซื้อขายแบบ FOB ซึ่งถือเป็นของจริง คือ จีทูจี กับจีนคอฟโก้ ต้องทราบและซื้อขายหน้าท่าเรือหรือ FOB และกำหนดเวลาที่ชัดเจนล็อตแรก 4 แสนตัน ภายใน 5 เดือน จากนั้นทยอยส่งให้ครบ 1 ล้านตัน ภายใน 1 ปี ซึ่งจะเห็นได้ว่า แตกต่างจากการดำเนินการที่รัฐบาลอ้างจีทูจี มีการซื้อขายหน้าคลังมาโดยตลอด แสดงให้เห็นว่า การซื้อขายข้าวจีทูจี 8.4 ล้านตันนั้น เป็นการโกหกหลอกลวง เพื่อขายข้าวให้กับพรรคพวกตัวเองในราคาถูก ไม่ได้มีการระบายข้าวออกนอกประเทศจริง ตามที่ตนเคยให้ข้อมูลมาแล้ว
นพ.วรงค์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พบกระสอบข้าวเปล่าหอมมะลิ โครงการปี 55-56 ที่เพิ่งจบฤดูกาลไป บริเวณชายแดนริมแม่น้ำเมย โดยมีการประทับตราหน้ากระสอบเป็นของทั้ง อตก. และ อคส. ซึ่งมีเลขรหัสชัดเจน สามารถตรวจสอบได้ว่าใครจะต้องรับผิดชอบ ทั้งนี้ตนยืนยันว่า เป็นกระสอบใหม่ ไม่ใช่กระสอบเก่าอย่างที่มีการกล่าวอ้าง เพราะสังเกตได้ว่า ปากกระสอบไม่มีรอยเย็บ เพราะมีการสวมสิทธิ์ข้าวหอมมะลิจากพม่ามาไทย หลังจากที่ข้าวหอมมะลิเขมรหมดแล้ว นอกจากนี้การใช้กระสอบป่าน 100 กิโลกรัม จะช่วยให้เสียเงินค่าใช้จ่ายน้อยกว่ากระสอบละ 50 กิโลกรัม จึงใช้วิธีส่งกระสอบป่านไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
ส่วนที่กระทรวงพาณิชย์ แสดงความกังวลว่าอาจส่งข้าวให้จีน 4 แสนตัน ไม่ทันภายในเวลา 5 เดือนที่กำหนด น.พ.วรงค์ว่า เป็นเรื่องแปลก เพราะรัฐบาลบอกว่า มีข้าวในโกดังถึง 18 ล้านตัน ดังนั้นหากทำทุกอย่างด้วยความโปร่งใส มีการคัดเลือกบริษัทปรับปรุงคุณภาพข้าว ก็อยู่ในวิสัยที่สามารถส่งข้าวได้ทันตามกรอบเวลาที่กำหนด ยกเว้นรัฐบาลจะแอบขายข้าวดีๆ ไปหมดแล้ว จึงทำให้ไม่สามารถส่งข้าว 4 แสนตันภายใน 5 เดือน แสดงว่าไม่มีข้าวดีอยู่ในโกดัง ซึ่งหากไม่สามารถส่งข้าวได้ตามกรอบเวลาที่กำหนด ก็จะยิ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศไทย เพราะรัฐบาลหาข้าวส่งให้่ประเทศจีนไม่ได้ หากไม่สามารถส่งข้าวได้จริง รัฐบาลต้องถูกประนามอย่างรุนแรง เพราะหากมีการนำข้าวเก่าไปปรับปรุงคุณภาพแล้วถูกตีกลับ จะยิ่งสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยมากขึ้น
**นายกฯยื้อแจงจำนำข้าวป.ป.ช.
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีจะขอเลื่อนการชี้แจงข้อกล่าวหาทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่เดิมกำหนดไว้ในวันที่ 14 มี.ค. ว่า ขอดูก่อน ขอฟังจากทางทีมงานก่อน
เมื่อถามว่าวันนี้มีความกังวลที่รัฐบาลดึงเงิน 2 หมื่นล้านจากงบกลางไปจ่ายให้ชาวนาจากโครงการรับจำนำข้าวจะส่งผลให้งบกลางไม่เหลือพอที่จะแก้ปัญหาเร่งด่วนเช่น ภัยแล้ง นายกฯ กล่าวว่า ในการคำนวนเราได้คำนึงแล้วเรื่องการดูแลพี่น้องประชาชนในเรื่องความจำเป็นเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาภัยแล้งก็จะไม่มีผลกระทบ
นายพีรพันธุ์ พาลุสุข รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะต้องเข้าชี้แจงข้อกล่าวหาต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว วันที่ 14 มี.ค.นี้ ว่า เบื้องต้นยังไม่ทราบว่านายกฯ จะตัดสินใจอย่างไร แต่ส่วนตัวเชื่อว่าคงจะขอเลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหา เนื่องจากในฐานะผู้ถูกร้อง มีสิทธิขอข้อมูลจาก ป.ป.ช. มาตรวจสอบก่อนที่จะมีการรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งอยากให้ป.ป.ช.ให้เวลา และโอกาสนายกฯ ในการตรวจสอบ เพราะเรื่องดังกล่าวมีข้อมูลมาก ผู้ถูกกล่าวหาจะได้รับทราบว่า ถูกกล่าวในเรื่องอะไรบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่า สามารถต่อสู้ได้ นายพีรพันธุ์ กล่าวว่า ถ้าทำตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ก็มั่นใจ เพราะทราบเบื้องต้นว่าในชั้นอนุกรรมการ เห็นว่า นายกฯไม่ได้เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว
ส่วนที่นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. อาจจะไม่ให้สำนวนเอกสาร เนื่องจากเห็นว่ารัฐบาลจ้างกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) มาป่วนการทำงานของป.ป.ช. นายพีรพันธุ์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้จ้างให้ใครไปป่วน กลุ่ม กวป.ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ให้ทางป.ป.ช.ไปฟ้องร้องดำเนินคดีเอง ทั้งนี้ถ้าหากป.ป.ช. ไม่ให้เอกสารข้อมูล ก็จะใช้ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารปี 40 เพื่อขอข้อมูลว่า มีการกล่าวหาอย่างไรบ้าง
*** ชาวนาอ่วม! ข้าวรูดเหลือ 8 พัน/ตัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังสิ้นสุดโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/57 (รอบแรก) หรือข้าวนาปี เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา ทำให้ชาวนาต้องนำข้าวเปลือกนาปรังที่ผลผลิตเริ่มทยอยออก ไปขายให้กับโรงสีในพื้นที่ ซึ่งรับซื้อข้าวเปลือกความชื้น 15% อยู่ที่ตันละ 8,000-8,200 บาท ต่ำกว่าราคาที่รัฐบาลรับจำนำที่ตั้งไว้ที่ตันละ 1.5 หมื่นบาท และมีการคาดกันว่าแนวโน้มราคาข้าวเปลือกจะลดต่ำลงมาอีกเหลือตันละ 7,000 กว่าบาท หรือต่ำสุดในรอบ 6 ปี หากรัฐบาลมีการระบายสต๊อกข้าวออกมาในราคาต่ำอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการค้าข้าวทุกกลุ่มกำลังจับตามองนโยบายการบริหารสต๊อกของรัฐบาล เพราะรู้กันว่ารัฐบาลได้ระบายข้าวในสต๊อกให้กับผู้ส่งออกบางรายในราคาต่ำเพียงตันละ 9,500 บาท และเมื่อต้องยิ่งระบายเพื่อนำเงินมาจ่ายให้กับชาวนา ก็อาจเป็นไปได้ที่จะระบายในราคาต่ำเพื่อให้ขายข้าวได้เร็วขึ้น และหากเป็นข้าวเก่าที่รัฐบาลเก็บไว้ 2-3 ปีก็มีแนวโน้มที่จะขายราคาต่ำ ซึ่งจะกระทบต่อราคาข้าวเปลือกที่จะขายได้ราคาต่ำมากขึ้น
***แฉบางโรงสีกดราคาซื้อแค่ตันละ4-5พัน
นายณัฐวัฒิ ชั้นอินทร์งาม ที่ปรึกษาเครือข่ายชาวนาไทย กล่าวว่า ขณะนี้ราคาข้าวเปลือกได้ลดลงอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ก่อนโครงการรับจำนำนาปี 2556/57 จะสิ้นสุดวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยข้าวเปลือกเจ้าถูกกดราคารับซื้อจากโรงสีจากตันละ 7-8 พัน เหลือตันละ 4-5 พันบาทเท่านั้น เพราะโรงสีและพ่อค้าอ้างว่าข้าวในตลาดมีเพียงพอและรัฐบาลระบายข้าวต่อเนื่องจึงทำให้ราคาข้าวสารอ่อนตัวตาม และกระทบต่อราคาข้าวเปลือก
***รอดูท่าทีจ่ายไม่จ่ายก่อนยกระดับชุมนุม
นายณัฐวัฒิกล่าวว่า เครือข่ายชาวนาภาคอีสาน 20 จังหวัด ประมาณ 300-500 คน ได้เตรียมที่จะเดินทางมาชุมนุมที่กระทรวงพาณิชย์ในวันที่ 7 ก.พ. แต่ได้เลื่อนไปเป็นวันที่ 11 มี.ค. เนื่องจากขอรอดูการจ่ายเงินค่าจำนำข้าวของธ.ก.ส.ก่อน หากได้รับเงินก็จะเดินทางมาขอบคุณรัฐบาล แต่ถ้าไม่ได้เงิน ก็จะมายกระดับการชุมนุมเพื่อกดดันรัฐบาลต่อไป
ส่วนการเคลื่อนไหวของเครือข่ายชาวนาไทย ในวันที่ 7 มี.ค. ช่วงบ่าย แกนนำเครือข่ายจะเดินทางไปร่วมประชุมหารือกับกลุ่มพุทธอิสระและสภาชาวนาไทยที่แจ้งวัฒนะ เพื่อจัดทำพิมพ์เขียวถึงแนวทางดูแลและช่วยเหลือชาวนาในระยะยาว โดยจะเสนอเรื่องขอให้รัฐบาลชดเชยต้นทุนการเพาะปลูกและจัดหาพันธ์ข้าวชนิดที่มีมูลค่าสูง ซึ่งขณะนี้ได้มีพันธ์ข้าวใหม่ๆที่ตลาดยอมรับออกมาแล้ว
***”พาณิชย์”ชวนบริจาคช่วยเหลือชาวนา
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงฯ ได้เชิญชวนบุคลากรทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และในต่างประเทศ รวมทั้งพันธมิตรและเครือข่ายของกระทรวงฯ ร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือชาวนา โดยได้เปิดบัญชี ธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงพาณิชย์ ชื่อ “กองทุนร่วมใจช่วยเหลือชาวนา (กระทรวงพาณิชย์)” ประเภทออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 385-0-12503-3 รวมทั้งตั้งกล่องรับบริจาคเงินช่วยเหลือชาวนา ณ สำนักงานกระทรวงพาณิชย์ในภูมิภาคทุกจังหวัด และสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศทั่วโลก ซึ่งจะรณรงค์ขอรับบริจาคเงินตั้งแต่บัดนี้จนถึง 30 มิ.ย. และนำเงินที่ได้ทั้งหมดไปให้ชาวนาทั่วประเทศผ่านกองทุนช่วยเหลือชาวนาของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ต่อไป
**อนาถคนธ.ก.ส.ถือกล่องขอบริจาคเงิน
ด้านเจ้าหน้าที่ธ.ก.ส.สาขาเชียงราย นำโดยนายพิเซียน จอมพงษ์ ผู้อำนวยการระดมกำลังจัดกิจกรรมรับบริจาคเงินตามโครงการจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือชาวนา ที่ยังไม่ได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าวนาปี 2556/2557 โดยเจ้าหน้าที่ต้องถือป้ายและกล่องรับบริจาคเดินทางไปตามถนนธนาลัย เขตเทศบาลนครเชียงราย ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญ
ข่าวแจ้งว่า ข่าวประชาสัมพันธ์ของธ.ก.ส.เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สรุปยอดชาวนาเชียงราย ที่ยังไม่ได้รับเงิน 38,902 ราย วงเงิน 3,535 ล้านบาท
**ผู้ว่าฯศรีสะเกษให้ทุกอบต.ฝากเงินธ.ก.ส.
นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ตามที่ธ.ก.ส.กำหนดให้วันที่ 5-12 มีนาคม เป็นสัปดาห์รณรงค์ให้คนไทยช่วยบริจาคและสมทบเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือชาวนานั้น ได้ขอความร่วมมือไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งในจังหวัด ให้ระดมเงินสะสมฝากสมทบกองทุน คาดว่าภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2557 จะระดมเงินฝากได้กว่า 100 ล้านบาท ซึ่งขอเชิญชวนชาวศรีสะเกษ นำเงินมาฝากด้วยเช่นกัน
**ผู้ว่าฯบุรีรัมย์นำทีมบริจาค-ฝากสมทบ
นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานเปิดโครงการ"รวมน้ำใจช่วยเหลือชาวนา" ที่ธ.ก.ส.สาขาบุรีรัมย์ พร้อมนำหัวหน้าส่วนราชการ นักธุรกิจ และประชาชนร่วมบริจาคและฝากเงินสมทบเข้ากองทุน คาดว่าทั้งวันจะมีผู้มาร่วมบริจาค และฝากเงินทั้ง 24 สาขากว่า 15 ล้านบาท โดยล่าสุดยังมีชาวนาที่ยังไม่ได้รับเงินกว่า 3,800 ล้านบาท
นายธงชัย กล่าวว่า การฝากเงินสมทบยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง หลังจากที่ผ่านมาภาคธุรกิจได้รับผลกระทบ เนื่องจากชาวนาขาดกำลังซื้อ ซึ่งเมื่อชาวนาได้เงินก็จะเกิดการจับจ่ายใช้สอย
**นปช.แพร่ขึ้นป้าย"ป.ป.ช.ปก-ปิด-แช่"
นปช.แพร่ ได้นำป้ายยาว 12 เมตร ข้อความโจมตีการทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช)ว่า ทีสำนวนของป.ช.ป.ถนัดปก-ปิด-แช่ แต่พอของนายกฯปู-พท. กลับตีปึ๊บจะฟันซะให้ได้ ไอ้ป.ป.ช. หัวตอ" ติดบนสะพานลอยหน้าโรงเรียนร้องกวางอนุสรณ์ ติดติดกับป้อมตำรวจสถานีบริการประชาชนบ้านร่องเข็ม ต.ร่องเข็ม อ.ร้องกวาง
ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวถือว่า เป็นการข่มขู่องค์กรอิสระที่กำลังทำหน้าที่ปราบปรามทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษากฎหมาย ซึ่งมีสำนักงานอยู่บริเวณที่ติดป้ายกลับไม่รู้ไม่เห็น และไม่มีใครขึ้นไปปลดออก
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปตย์ กล่าวถึงการลงนามซื้อขายข้าวกับคอฟโก้ รัฐวิสาหกิจจีน จำนวน 1 ล้านตัน โดยกำหนดระยะเวลา 5 เดือนแรกส่งมอบ 4 แสนตัน จากนั้นทยอยส่งให้ครบหนึ่งล้านตัน พร้อมกับกำหนดเงื่อนไขให้ใช้รูปแบบการซื้อขายแบบ FOB ซึ่งถือเป็นของจริง คือ จีทูจี กับจีนคอฟโก้ ต้องทราบและซื้อขายหน้าท่าเรือหรือ FOB และกำหนดเวลาที่ชัดเจนล็อตแรก 4 แสนตัน ภายใน 5 เดือน จากนั้นทยอยส่งให้ครบ 1 ล้านตัน ภายใน 1 ปี ซึ่งจะเห็นได้ว่า แตกต่างจากการดำเนินการที่รัฐบาลอ้างจีทูจี มีการซื้อขายหน้าคลังมาโดยตลอด แสดงให้เห็นว่า การซื้อขายข้าวจีทูจี 8.4 ล้านตันนั้น เป็นการโกหกหลอกลวง เพื่อขายข้าวให้กับพรรคพวกตัวเองในราคาถูก ไม่ได้มีการระบายข้าวออกนอกประเทศจริง ตามที่ตนเคยให้ข้อมูลมาแล้ว
นพ.วรงค์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พบกระสอบข้าวเปล่าหอมมะลิ โครงการปี 55-56 ที่เพิ่งจบฤดูกาลไป บริเวณชายแดนริมแม่น้ำเมย โดยมีการประทับตราหน้ากระสอบเป็นของทั้ง อตก. และ อคส. ซึ่งมีเลขรหัสชัดเจน สามารถตรวจสอบได้ว่าใครจะต้องรับผิดชอบ ทั้งนี้ตนยืนยันว่า เป็นกระสอบใหม่ ไม่ใช่กระสอบเก่าอย่างที่มีการกล่าวอ้าง เพราะสังเกตได้ว่า ปากกระสอบไม่มีรอยเย็บ เพราะมีการสวมสิทธิ์ข้าวหอมมะลิจากพม่ามาไทย หลังจากที่ข้าวหอมมะลิเขมรหมดแล้ว นอกจากนี้การใช้กระสอบป่าน 100 กิโลกรัม จะช่วยให้เสียเงินค่าใช้จ่ายน้อยกว่ากระสอบละ 50 กิโลกรัม จึงใช้วิธีส่งกระสอบป่านไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
ส่วนที่กระทรวงพาณิชย์ แสดงความกังวลว่าอาจส่งข้าวให้จีน 4 แสนตัน ไม่ทันภายในเวลา 5 เดือนที่กำหนด น.พ.วรงค์ว่า เป็นเรื่องแปลก เพราะรัฐบาลบอกว่า มีข้าวในโกดังถึง 18 ล้านตัน ดังนั้นหากทำทุกอย่างด้วยความโปร่งใส มีการคัดเลือกบริษัทปรับปรุงคุณภาพข้าว ก็อยู่ในวิสัยที่สามารถส่งข้าวได้ทันตามกรอบเวลาที่กำหนด ยกเว้นรัฐบาลจะแอบขายข้าวดีๆ ไปหมดแล้ว จึงทำให้ไม่สามารถส่งข้าว 4 แสนตันภายใน 5 เดือน แสดงว่าไม่มีข้าวดีอยู่ในโกดัง ซึ่งหากไม่สามารถส่งข้าวได้ตามกรอบเวลาที่กำหนด ก็จะยิ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศไทย เพราะรัฐบาลหาข้าวส่งให้่ประเทศจีนไม่ได้ หากไม่สามารถส่งข้าวได้จริง รัฐบาลต้องถูกประนามอย่างรุนแรง เพราะหากมีการนำข้าวเก่าไปปรับปรุงคุณภาพแล้วถูกตีกลับ จะยิ่งสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยมากขึ้น
**นายกฯยื้อแจงจำนำข้าวป.ป.ช.
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีจะขอเลื่อนการชี้แจงข้อกล่าวหาทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่เดิมกำหนดไว้ในวันที่ 14 มี.ค. ว่า ขอดูก่อน ขอฟังจากทางทีมงานก่อน
เมื่อถามว่าวันนี้มีความกังวลที่รัฐบาลดึงเงิน 2 หมื่นล้านจากงบกลางไปจ่ายให้ชาวนาจากโครงการรับจำนำข้าวจะส่งผลให้งบกลางไม่เหลือพอที่จะแก้ปัญหาเร่งด่วนเช่น ภัยแล้ง นายกฯ กล่าวว่า ในการคำนวนเราได้คำนึงแล้วเรื่องการดูแลพี่น้องประชาชนในเรื่องความจำเป็นเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาภัยแล้งก็จะไม่มีผลกระทบ
นายพีรพันธุ์ พาลุสุข รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะต้องเข้าชี้แจงข้อกล่าวหาต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว วันที่ 14 มี.ค.นี้ ว่า เบื้องต้นยังไม่ทราบว่านายกฯ จะตัดสินใจอย่างไร แต่ส่วนตัวเชื่อว่าคงจะขอเลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหา เนื่องจากในฐานะผู้ถูกร้อง มีสิทธิขอข้อมูลจาก ป.ป.ช. มาตรวจสอบก่อนที่จะมีการรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งอยากให้ป.ป.ช.ให้เวลา และโอกาสนายกฯ ในการตรวจสอบ เพราะเรื่องดังกล่าวมีข้อมูลมาก ผู้ถูกกล่าวหาจะได้รับทราบว่า ถูกกล่าวในเรื่องอะไรบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่า สามารถต่อสู้ได้ นายพีรพันธุ์ กล่าวว่า ถ้าทำตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ก็มั่นใจ เพราะทราบเบื้องต้นว่าในชั้นอนุกรรมการ เห็นว่า นายกฯไม่ได้เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว
ส่วนที่นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. อาจจะไม่ให้สำนวนเอกสาร เนื่องจากเห็นว่ารัฐบาลจ้างกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) มาป่วนการทำงานของป.ป.ช. นายพีรพันธุ์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้จ้างให้ใครไปป่วน กลุ่ม กวป.ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ให้ทางป.ป.ช.ไปฟ้องร้องดำเนินคดีเอง ทั้งนี้ถ้าหากป.ป.ช. ไม่ให้เอกสารข้อมูล ก็จะใช้ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารปี 40 เพื่อขอข้อมูลว่า มีการกล่าวหาอย่างไรบ้าง
*** ชาวนาอ่วม! ข้าวรูดเหลือ 8 พัน/ตัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังสิ้นสุดโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/57 (รอบแรก) หรือข้าวนาปี เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา ทำให้ชาวนาต้องนำข้าวเปลือกนาปรังที่ผลผลิตเริ่มทยอยออก ไปขายให้กับโรงสีในพื้นที่ ซึ่งรับซื้อข้าวเปลือกความชื้น 15% อยู่ที่ตันละ 8,000-8,200 บาท ต่ำกว่าราคาที่รัฐบาลรับจำนำที่ตั้งไว้ที่ตันละ 1.5 หมื่นบาท และมีการคาดกันว่าแนวโน้มราคาข้าวเปลือกจะลดต่ำลงมาอีกเหลือตันละ 7,000 กว่าบาท หรือต่ำสุดในรอบ 6 ปี หากรัฐบาลมีการระบายสต๊อกข้าวออกมาในราคาต่ำอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการค้าข้าวทุกกลุ่มกำลังจับตามองนโยบายการบริหารสต๊อกของรัฐบาล เพราะรู้กันว่ารัฐบาลได้ระบายข้าวในสต๊อกให้กับผู้ส่งออกบางรายในราคาต่ำเพียงตันละ 9,500 บาท และเมื่อต้องยิ่งระบายเพื่อนำเงินมาจ่ายให้กับชาวนา ก็อาจเป็นไปได้ที่จะระบายในราคาต่ำเพื่อให้ขายข้าวได้เร็วขึ้น และหากเป็นข้าวเก่าที่รัฐบาลเก็บไว้ 2-3 ปีก็มีแนวโน้มที่จะขายราคาต่ำ ซึ่งจะกระทบต่อราคาข้าวเปลือกที่จะขายได้ราคาต่ำมากขึ้น
***แฉบางโรงสีกดราคาซื้อแค่ตันละ4-5พัน
นายณัฐวัฒิ ชั้นอินทร์งาม ที่ปรึกษาเครือข่ายชาวนาไทย กล่าวว่า ขณะนี้ราคาข้าวเปลือกได้ลดลงอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ก่อนโครงการรับจำนำนาปี 2556/57 จะสิ้นสุดวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยข้าวเปลือกเจ้าถูกกดราคารับซื้อจากโรงสีจากตันละ 7-8 พัน เหลือตันละ 4-5 พันบาทเท่านั้น เพราะโรงสีและพ่อค้าอ้างว่าข้าวในตลาดมีเพียงพอและรัฐบาลระบายข้าวต่อเนื่องจึงทำให้ราคาข้าวสารอ่อนตัวตาม และกระทบต่อราคาข้าวเปลือก
***รอดูท่าทีจ่ายไม่จ่ายก่อนยกระดับชุมนุม
นายณัฐวัฒิกล่าวว่า เครือข่ายชาวนาภาคอีสาน 20 จังหวัด ประมาณ 300-500 คน ได้เตรียมที่จะเดินทางมาชุมนุมที่กระทรวงพาณิชย์ในวันที่ 7 ก.พ. แต่ได้เลื่อนไปเป็นวันที่ 11 มี.ค. เนื่องจากขอรอดูการจ่ายเงินค่าจำนำข้าวของธ.ก.ส.ก่อน หากได้รับเงินก็จะเดินทางมาขอบคุณรัฐบาล แต่ถ้าไม่ได้เงิน ก็จะมายกระดับการชุมนุมเพื่อกดดันรัฐบาลต่อไป
ส่วนการเคลื่อนไหวของเครือข่ายชาวนาไทย ในวันที่ 7 มี.ค. ช่วงบ่าย แกนนำเครือข่ายจะเดินทางไปร่วมประชุมหารือกับกลุ่มพุทธอิสระและสภาชาวนาไทยที่แจ้งวัฒนะ เพื่อจัดทำพิมพ์เขียวถึงแนวทางดูแลและช่วยเหลือชาวนาในระยะยาว โดยจะเสนอเรื่องขอให้รัฐบาลชดเชยต้นทุนการเพาะปลูกและจัดหาพันธ์ข้าวชนิดที่มีมูลค่าสูง ซึ่งขณะนี้ได้มีพันธ์ข้าวใหม่ๆที่ตลาดยอมรับออกมาแล้ว
***”พาณิชย์”ชวนบริจาคช่วยเหลือชาวนา
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงฯ ได้เชิญชวนบุคลากรทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และในต่างประเทศ รวมทั้งพันธมิตรและเครือข่ายของกระทรวงฯ ร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือชาวนา โดยได้เปิดบัญชี ธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงพาณิชย์ ชื่อ “กองทุนร่วมใจช่วยเหลือชาวนา (กระทรวงพาณิชย์)” ประเภทออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 385-0-12503-3 รวมทั้งตั้งกล่องรับบริจาคเงินช่วยเหลือชาวนา ณ สำนักงานกระทรวงพาณิชย์ในภูมิภาคทุกจังหวัด และสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศทั่วโลก ซึ่งจะรณรงค์ขอรับบริจาคเงินตั้งแต่บัดนี้จนถึง 30 มิ.ย. และนำเงินที่ได้ทั้งหมดไปให้ชาวนาทั่วประเทศผ่านกองทุนช่วยเหลือชาวนาของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ต่อไป
**อนาถคนธ.ก.ส.ถือกล่องขอบริจาคเงิน
ด้านเจ้าหน้าที่ธ.ก.ส.สาขาเชียงราย นำโดยนายพิเซียน จอมพงษ์ ผู้อำนวยการระดมกำลังจัดกิจกรรมรับบริจาคเงินตามโครงการจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือชาวนา ที่ยังไม่ได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าวนาปี 2556/2557 โดยเจ้าหน้าที่ต้องถือป้ายและกล่องรับบริจาคเดินทางไปตามถนนธนาลัย เขตเทศบาลนครเชียงราย ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญ
ข่าวแจ้งว่า ข่าวประชาสัมพันธ์ของธ.ก.ส.เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สรุปยอดชาวนาเชียงราย ที่ยังไม่ได้รับเงิน 38,902 ราย วงเงิน 3,535 ล้านบาท
**ผู้ว่าฯศรีสะเกษให้ทุกอบต.ฝากเงินธ.ก.ส.
นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ตามที่ธ.ก.ส.กำหนดให้วันที่ 5-12 มีนาคม เป็นสัปดาห์รณรงค์ให้คนไทยช่วยบริจาคและสมทบเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือชาวนานั้น ได้ขอความร่วมมือไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งในจังหวัด ให้ระดมเงินสะสมฝากสมทบกองทุน คาดว่าภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2557 จะระดมเงินฝากได้กว่า 100 ล้านบาท ซึ่งขอเชิญชวนชาวศรีสะเกษ นำเงินมาฝากด้วยเช่นกัน
**ผู้ว่าฯบุรีรัมย์นำทีมบริจาค-ฝากสมทบ
นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานเปิดโครงการ"รวมน้ำใจช่วยเหลือชาวนา" ที่ธ.ก.ส.สาขาบุรีรัมย์ พร้อมนำหัวหน้าส่วนราชการ นักธุรกิจ และประชาชนร่วมบริจาคและฝากเงินสมทบเข้ากองทุน คาดว่าทั้งวันจะมีผู้มาร่วมบริจาค และฝากเงินทั้ง 24 สาขากว่า 15 ล้านบาท โดยล่าสุดยังมีชาวนาที่ยังไม่ได้รับเงินกว่า 3,800 ล้านบาท
นายธงชัย กล่าวว่า การฝากเงินสมทบยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง หลังจากที่ผ่านมาภาคธุรกิจได้รับผลกระทบ เนื่องจากชาวนาขาดกำลังซื้อ ซึ่งเมื่อชาวนาได้เงินก็จะเกิดการจับจ่ายใช้สอย
**นปช.แพร่ขึ้นป้าย"ป.ป.ช.ปก-ปิด-แช่"
นปช.แพร่ ได้นำป้ายยาว 12 เมตร ข้อความโจมตีการทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช)ว่า ทีสำนวนของป.ช.ป.ถนัดปก-ปิด-แช่ แต่พอของนายกฯปู-พท. กลับตีปึ๊บจะฟันซะให้ได้ ไอ้ป.ป.ช. หัวตอ" ติดบนสะพานลอยหน้าโรงเรียนร้องกวางอนุสรณ์ ติดติดกับป้อมตำรวจสถานีบริการประชาชนบ้านร่องเข็ม ต.ร่องเข็ม อ.ร้องกวาง
ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวถือว่า เป็นการข่มขู่องค์กรอิสระที่กำลังทำหน้าที่ปราบปรามทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษากฎหมาย ซึ่งมีสำนักงานอยู่บริเวณที่ติดป้ายกลับไม่รู้ไม่เห็น และไม่มีใครขึ้นไปปลดออก