**ออกมาปฏิเสธกันพัลวัน หลังทำปืนลั่น จุดไฟเผาตัวเอง ด้วยการประกาศ “แบ่งแยกประเทศไทย”สถาปนา “สปป.ล้านนา” ที่มาแก้เกี้ยวกันอยู่ในขณะนี้ว่า ไม่ใช่ “สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนล้านนา” แต่เป็นสมัชชาประชาชนปกป้องประชาธิปไตยล้านนา โดยมีนักวิชาการหางแดง ที่ไม่เหลงเหลือความน่าเชื่อถือในสังคมไทยอีกแล้วออกมาช่วยแก้ต่างแทนให้
ไม่ว่าจะแก้ตัวอย่างไรก็ยิ่งมัดตัวเองให้ดิ้นไม่หลุด ว่าระดับยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยนั้น วางแผนนี้ไว้เป็นไพ่ใบสุดท้ายมานานแล้ว โดยไม่ทันได้คาดคิดว่าจะเป็นไพ่ใบสุดท้ายที่จั่วหวังเจอตัวโจ๊ก กลายเป็นเพิ่มแต้มบอด ปิดประตูชนะ เพราะแพ้ภัยจากกรรมของตัวเองที่บังอาจทะเยอทะยานเกินวาสนา
**อยากเป็น “เจ้ามูลเมือง”
หากย้อนคำสัมภาษณ์ นักโทษหนีคดี ทักษิณ ผ่านบทสัมภาษณ์พิเศษในหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2556 แล้วจะได้คำตอบว่า “ทักษิณ คือตัวพ่อ ที่จ้องจะแบ่งแยกประเทศ สร้างความแตกแยกในแผ่นดินไทยเพื่อสร้างที่ยืนให้กับตัวเอง”
ในวันนั้นนักโทษหนีคดีทักษิณ มีความมั่นใจในอำนาจรัฐ และการควบคุมสภาขี้ข้าอย่างยิ่งยวด จึงประกาศให้มีการ SET ZERO ด้วยการออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย พร้อมขู่สำทับว่า ถ้าไม่ยอม ชาติไม่มีวันสงบ
“ทุกอย่างเลิก เริ่มต้นกันให้ถูกต้อง” Set Zero แล้วเดินหน้า หรือว่ายังจะทะเลาะกันอย่างนี้ ไม่ได้กูไม่ไป ก็ต่อยกันอย่างนี้ กูก็ไม่ไป ถามว่าจะเอายังไง ผมไม่มีปัญหา ผมจะอยู่ข้างนอกอีก 10 ปี ผมไม่ได้เดือดร้อนอะไรนี่ มันชินแล้ว”
ความหมายก็คือ ถ้าไม่ยอมให้กูได้ตามที่ต้องการ ประเทศนี้ก็อย่าหวังจะอยู่อย่างสงบเลย เพราะกูไม่เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว
รูปธรรมที่สะท้อนถึงแนวคิดแบ่งแยกประเทศ เพื่อสถาปนาระบอบใหม่ที่ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คือการพูดถึงการก่อตั้ง “รัฐไทยใหม่”และมีการดำเนินการอย่างเป็นระบบ ผ่านขบวนการโรงเรียน นปช. และหมู่บ้านเสื้อแดง
ในขณะเดียวกันรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็สืบสันดานทรราช จากนักโทษหนีคดีทักษิณ ด้วยการใช้ยุทธศาสตร์การบริหารแบบแบ่งแยกเพื่อปกครองรวมศูนย์ด้วยความเกลียดชัง จนนำไปสู่การเติมเชื้อไฟแห่งความรุนแรง ที่คนไทยกลุ่มหนึ่งสามารถฆ่าคนไทยด้วยกันได้ ทั้งที่ไม่รู้จักและไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน
**พื้นที่ที่ถูกใช้เป็นต้นแบบนำร่องในการแบ่งแยกประเทศ คือ จังหวัดพะเยา ซึ่งมีการจัดกิจกรรมยกระดับจากหมู่บ้านเสื้อแดงเป็นอำเภอเสื้อแดงจนถึงขั้นจะไปไกลถึงให้พะเยา เป็นจังหวัดเสื้อแดง หลังจากมีการโหมโรงด้วยการประกาศให้ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา เป็นอำเภอเสื้อแดง จัดตั้งริ้วขบวนประดับด้วยธงแดง ตามด้วย อปพร. ชุดรักษาความสงบหมู่บ้านฯลฯ
ที่สำคัญคือ คนที่ไปร่วมในพิธีเปิดอำเภอเสื้อแดงแห่งแรกของไทยคือ น้องเขยนักโทษหนีคดีทักษิณ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ นอกทำเนียบฯที่ไม่เคยมีโอกาสได้เหยียบตึกไทยคู่ฟ้า แม้จะอ้างว่าไม่ได้เป็นการแบ่งแยก แต่ทำในเชิงสัญลักษณ์ว่า จะต่อต้านเผด็จการรักษาประชาธิปไตยก็ปกปิดความจริงที่ว่า“ทักษิณต้องการแบ่งแยกประเทศ”ไม่ได้
กระทั่งล่าสุด ที่เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตจน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ออกโรงสั่งแม่ทัพภาคที่ 3 พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับพวกที่คิดแบ่งแยกประเทศ หลังจากที่มีการสวนสนามในพื้นที่ดังกล่าว เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 57 และเริ่มมีการปั่นกระแส เรื่องการแบ่งแยกประเทศหนาหูมากขึ้นเรื่อยๆ โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2557 มีป้ายแบ่งแยกประเทศปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรก กลางเมืองจังหวัดพะเยา มีข้อความว่า “ประเทศนี้ไม่มี ความยุติธรรม กูขอแยกประเทศ”
สอดรับกับคำสัมภาษณ์ของ ยิ่งลักษณ์ ที่ไม่ปฏิเสธชุดความคิดแบ่งแยกประเทศว่าไม่มีจริง เพียงแต่แถไปว่า รัฐบาลไม่สนับสนุน และยังเปิดรูปูให้เห็นด้านในด้วยว่า “แดงแจ๋”พร้อมปฏิบัติตามชุดความคิด “ไม่ยุติธรรม จึงต้องแบ่งแยก”แถมยังสำทับไปที่กองทัพว่า ห้ามเลือกปฏิบัติตรวจสอบแต่แก๊งแดงเท่านั้นด้วยคำพูดที่ว่า
“ทุกวันนี้เราก็ไม่ได้สนับสนุนอยู่แล้ว ในเมื่อกองทัพจะตรวจสอบเราก็ยินดี ถือว่าเป็นสิ่งที่กองทัพทำหน้าที่ของกองทัพ แต่ขอให้มีการตรวจสอบทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย อย่างเท่าเทียมกัน ถ้าตรวจสอบเน้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ก็จะกลับมาเกิดในเรื่องของความน้อยเนื้อต่ำใจ ก็จะมีปัญหาเกิดขึ้น แต่ถ้าเราทำทุกอย่างบนหลักความยุติธรรมอย่างเท่าเทียมกัน เชื่อว่าปัญหานี้จะลดน้อยลงไป”
**คำสัมภาษณ์ดังกล่าวสะท้อนว่า ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ปฏิเสธว่า ไม่มีแนวคิดเกี่ยวกับการแบ่งแยกประเทศเกิดขึ้น แถมยังแก้ตัวแทนเสร็จสรรพว่า เกิดจากความน้อยเนื้อต่ำใจ และ ความไม่ยุติธรรม ซึ่งเป็นคาถาเดียวกับที่แกนนำแดงท่องหนีตายข้อหากบฏ กันอยู่ในขณะนี้
การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจในฐานะรอง ผอ.รมน. ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาแจ้งความเอาผิดกับคนชั่วที่คิดทำหินแตก แบ่งแยกแผ่นดิน โดยที่ตุ๊กตาเสียกบาลอย่าง ยิ่งลักษณ์ ไม่มีโอกาสได้รับทราบมาก่อน แม้ว่าจะนั่งทับตำแหน่ง “ผอ.รมน.”อยู่ก็ตาม แถมเธอยังหลุดปากว่า “เราไม่ขัดในการตรวจสอบ” อันแสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างรัฐบาล กับการขับเคลื่อนของคนเสื้อแดง
บทบาทของ พล.อ.ประยุทธ์ แม้ว่าจะมาช้า แต่ก็ยังดีกว่าไม่มาเลย แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ต้องมาแบบจริงจัง ไม่ใช่ทำแค่เป็นสัญลักษณ์แบบลูบหน้าปะจมูกเหมือนที่เคยเกิดขึ้น ในกรณีที่ ผบ.ทบ. ส่งผู้ใต้บังคับบัญชาไปแจ้งความดำเนินคดีกับ จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำเสื้อแดงกรณี “กระสุนพระราชทาน”ว่ากระทำผิดกฎหมายอาญา มาตรา 112
แต่เมื่อ ดีเอสไอเป่าเรื่องนี้ทิ้ง ทำให้จตุพร กลายเป็นคนบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่ต้องโทษในคดีหมิ่นเบื้องสูง โดยที่ทหารเงียบเป็นเป่าสาก ไม่มีการทวงถามหรือตรวจสอบว่าการใช้ดุลพินิจของดีเอสไอ เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
**ในครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จึงต้องทำตนให้สมเป็น “บิ๊กตู่”ปฏิบัติหน้าที่รักษาความมั่นคงของชาติอย่างเคร่งครัดไม่ใช่ทำตัวเป็น “ตุ๊ดตู่” โผล่ออกมาเป็นครั้งเป็นคราว ก่อนมุดลงรู กบดานเงียบ
การรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเอาผิดคนคิดแบ่งแยกประเทศ จึงต้องย้อนไปถึงการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ในปี52-53 ที่มีการประกาศสถาปนารัฐไทยใหม่ด้วย เพื่อเอาผิดให้ถึงระดับหัวขบวน ไม่ใช่จับแค่ปลาซิวปลาสร้อย ปากเปราะ อย่าง เพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 เท่านั้น
โดยเฉพาะที่จังหวัดพะเยา กองทัพต้องพิสูจน์ความเอาจริงเอาจังในการรักษาราชอาณาจักรไทยให้เป็นหนึ่งเดียว ไม่ให้ใครมาแบ่งแยกด้วยการทำหนังสือถึง ผบ.ตร. ให้มีการพิจารณาย้าย พล.ต.ต.ภาณุ บูรณศิริ ผู้บังคับการตำรวจจังหวัดพะเยา น้องชายนายวิทยา บูรณศิริ อดีต รมว.สาธารณสุข ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ออกจากพื้นที่ทันที
เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการแบ่งแยกประเทศในเชิงสัญลักษณ์ ด้วยการสนับสนุนให้ตำรวจไปร่วมงานสวนสนามชูธงแดง วันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา
**หากตำรวจเป็นพวกเดียวกับ “โจรแบ่งแยกประเทศ”พล.อ.ประยุทธ์ ย่อมรู้ดีว่า จะลากคอเอากบฏมาลงโทษได้หรือไม่
ไม่ว่าจะแก้ตัวอย่างไรก็ยิ่งมัดตัวเองให้ดิ้นไม่หลุด ว่าระดับยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยนั้น วางแผนนี้ไว้เป็นไพ่ใบสุดท้ายมานานแล้ว โดยไม่ทันได้คาดคิดว่าจะเป็นไพ่ใบสุดท้ายที่จั่วหวังเจอตัวโจ๊ก กลายเป็นเพิ่มแต้มบอด ปิดประตูชนะ เพราะแพ้ภัยจากกรรมของตัวเองที่บังอาจทะเยอทะยานเกินวาสนา
**อยากเป็น “เจ้ามูลเมือง”
หากย้อนคำสัมภาษณ์ นักโทษหนีคดี ทักษิณ ผ่านบทสัมภาษณ์พิเศษในหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2556 แล้วจะได้คำตอบว่า “ทักษิณ คือตัวพ่อ ที่จ้องจะแบ่งแยกประเทศ สร้างความแตกแยกในแผ่นดินไทยเพื่อสร้างที่ยืนให้กับตัวเอง”
ในวันนั้นนักโทษหนีคดีทักษิณ มีความมั่นใจในอำนาจรัฐ และการควบคุมสภาขี้ข้าอย่างยิ่งยวด จึงประกาศให้มีการ SET ZERO ด้วยการออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย พร้อมขู่สำทับว่า ถ้าไม่ยอม ชาติไม่มีวันสงบ
“ทุกอย่างเลิก เริ่มต้นกันให้ถูกต้อง” Set Zero แล้วเดินหน้า หรือว่ายังจะทะเลาะกันอย่างนี้ ไม่ได้กูไม่ไป ก็ต่อยกันอย่างนี้ กูก็ไม่ไป ถามว่าจะเอายังไง ผมไม่มีปัญหา ผมจะอยู่ข้างนอกอีก 10 ปี ผมไม่ได้เดือดร้อนอะไรนี่ มันชินแล้ว”
ความหมายก็คือ ถ้าไม่ยอมให้กูได้ตามที่ต้องการ ประเทศนี้ก็อย่าหวังจะอยู่อย่างสงบเลย เพราะกูไม่เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว
รูปธรรมที่สะท้อนถึงแนวคิดแบ่งแยกประเทศ เพื่อสถาปนาระบอบใหม่ที่ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คือการพูดถึงการก่อตั้ง “รัฐไทยใหม่”และมีการดำเนินการอย่างเป็นระบบ ผ่านขบวนการโรงเรียน นปช. และหมู่บ้านเสื้อแดง
ในขณะเดียวกันรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็สืบสันดานทรราช จากนักโทษหนีคดีทักษิณ ด้วยการใช้ยุทธศาสตร์การบริหารแบบแบ่งแยกเพื่อปกครองรวมศูนย์ด้วยความเกลียดชัง จนนำไปสู่การเติมเชื้อไฟแห่งความรุนแรง ที่คนไทยกลุ่มหนึ่งสามารถฆ่าคนไทยด้วยกันได้ ทั้งที่ไม่รู้จักและไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน
**พื้นที่ที่ถูกใช้เป็นต้นแบบนำร่องในการแบ่งแยกประเทศ คือ จังหวัดพะเยา ซึ่งมีการจัดกิจกรรมยกระดับจากหมู่บ้านเสื้อแดงเป็นอำเภอเสื้อแดงจนถึงขั้นจะไปไกลถึงให้พะเยา เป็นจังหวัดเสื้อแดง หลังจากมีการโหมโรงด้วยการประกาศให้ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา เป็นอำเภอเสื้อแดง จัดตั้งริ้วขบวนประดับด้วยธงแดง ตามด้วย อปพร. ชุดรักษาความสงบหมู่บ้านฯลฯ
ที่สำคัญคือ คนที่ไปร่วมในพิธีเปิดอำเภอเสื้อแดงแห่งแรกของไทยคือ น้องเขยนักโทษหนีคดีทักษิณ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ นอกทำเนียบฯที่ไม่เคยมีโอกาสได้เหยียบตึกไทยคู่ฟ้า แม้จะอ้างว่าไม่ได้เป็นการแบ่งแยก แต่ทำในเชิงสัญลักษณ์ว่า จะต่อต้านเผด็จการรักษาประชาธิปไตยก็ปกปิดความจริงที่ว่า“ทักษิณต้องการแบ่งแยกประเทศ”ไม่ได้
กระทั่งล่าสุด ที่เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตจน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ออกโรงสั่งแม่ทัพภาคที่ 3 พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับพวกที่คิดแบ่งแยกประเทศ หลังจากที่มีการสวนสนามในพื้นที่ดังกล่าว เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 57 และเริ่มมีการปั่นกระแส เรื่องการแบ่งแยกประเทศหนาหูมากขึ้นเรื่อยๆ โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2557 มีป้ายแบ่งแยกประเทศปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรก กลางเมืองจังหวัดพะเยา มีข้อความว่า “ประเทศนี้ไม่มี ความยุติธรรม กูขอแยกประเทศ”
สอดรับกับคำสัมภาษณ์ของ ยิ่งลักษณ์ ที่ไม่ปฏิเสธชุดความคิดแบ่งแยกประเทศว่าไม่มีจริง เพียงแต่แถไปว่า รัฐบาลไม่สนับสนุน และยังเปิดรูปูให้เห็นด้านในด้วยว่า “แดงแจ๋”พร้อมปฏิบัติตามชุดความคิด “ไม่ยุติธรรม จึงต้องแบ่งแยก”แถมยังสำทับไปที่กองทัพว่า ห้ามเลือกปฏิบัติตรวจสอบแต่แก๊งแดงเท่านั้นด้วยคำพูดที่ว่า
“ทุกวันนี้เราก็ไม่ได้สนับสนุนอยู่แล้ว ในเมื่อกองทัพจะตรวจสอบเราก็ยินดี ถือว่าเป็นสิ่งที่กองทัพทำหน้าที่ของกองทัพ แต่ขอให้มีการตรวจสอบทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย อย่างเท่าเทียมกัน ถ้าตรวจสอบเน้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ก็จะกลับมาเกิดในเรื่องของความน้อยเนื้อต่ำใจ ก็จะมีปัญหาเกิดขึ้น แต่ถ้าเราทำทุกอย่างบนหลักความยุติธรรมอย่างเท่าเทียมกัน เชื่อว่าปัญหานี้จะลดน้อยลงไป”
**คำสัมภาษณ์ดังกล่าวสะท้อนว่า ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ปฏิเสธว่า ไม่มีแนวคิดเกี่ยวกับการแบ่งแยกประเทศเกิดขึ้น แถมยังแก้ตัวแทนเสร็จสรรพว่า เกิดจากความน้อยเนื้อต่ำใจ และ ความไม่ยุติธรรม ซึ่งเป็นคาถาเดียวกับที่แกนนำแดงท่องหนีตายข้อหากบฏ กันอยู่ในขณะนี้
การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจในฐานะรอง ผอ.รมน. ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาแจ้งความเอาผิดกับคนชั่วที่คิดทำหินแตก แบ่งแยกแผ่นดิน โดยที่ตุ๊กตาเสียกบาลอย่าง ยิ่งลักษณ์ ไม่มีโอกาสได้รับทราบมาก่อน แม้ว่าจะนั่งทับตำแหน่ง “ผอ.รมน.”อยู่ก็ตาม แถมเธอยังหลุดปากว่า “เราไม่ขัดในการตรวจสอบ” อันแสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างรัฐบาล กับการขับเคลื่อนของคนเสื้อแดง
บทบาทของ พล.อ.ประยุทธ์ แม้ว่าจะมาช้า แต่ก็ยังดีกว่าไม่มาเลย แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ต้องมาแบบจริงจัง ไม่ใช่ทำแค่เป็นสัญลักษณ์แบบลูบหน้าปะจมูกเหมือนที่เคยเกิดขึ้น ในกรณีที่ ผบ.ทบ. ส่งผู้ใต้บังคับบัญชาไปแจ้งความดำเนินคดีกับ จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำเสื้อแดงกรณี “กระสุนพระราชทาน”ว่ากระทำผิดกฎหมายอาญา มาตรา 112
แต่เมื่อ ดีเอสไอเป่าเรื่องนี้ทิ้ง ทำให้จตุพร กลายเป็นคนบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่ต้องโทษในคดีหมิ่นเบื้องสูง โดยที่ทหารเงียบเป็นเป่าสาก ไม่มีการทวงถามหรือตรวจสอบว่าการใช้ดุลพินิจของดีเอสไอ เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
**ในครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จึงต้องทำตนให้สมเป็น “บิ๊กตู่”ปฏิบัติหน้าที่รักษาความมั่นคงของชาติอย่างเคร่งครัดไม่ใช่ทำตัวเป็น “ตุ๊ดตู่” โผล่ออกมาเป็นครั้งเป็นคราว ก่อนมุดลงรู กบดานเงียบ
การรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเอาผิดคนคิดแบ่งแยกประเทศ จึงต้องย้อนไปถึงการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ในปี52-53 ที่มีการประกาศสถาปนารัฐไทยใหม่ด้วย เพื่อเอาผิดให้ถึงระดับหัวขบวน ไม่ใช่จับแค่ปลาซิวปลาสร้อย ปากเปราะ อย่าง เพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 เท่านั้น
โดยเฉพาะที่จังหวัดพะเยา กองทัพต้องพิสูจน์ความเอาจริงเอาจังในการรักษาราชอาณาจักรไทยให้เป็นหนึ่งเดียว ไม่ให้ใครมาแบ่งแยกด้วยการทำหนังสือถึง ผบ.ตร. ให้มีการพิจารณาย้าย พล.ต.ต.ภาณุ บูรณศิริ ผู้บังคับการตำรวจจังหวัดพะเยา น้องชายนายวิทยา บูรณศิริ อดีต รมว.สาธารณสุข ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ออกจากพื้นที่ทันที
เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการแบ่งแยกประเทศในเชิงสัญลักษณ์ ด้วยการสนับสนุนให้ตำรวจไปร่วมงานสวนสนามชูธงแดง วันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา
**หากตำรวจเป็นพวกเดียวกับ “โจรแบ่งแยกประเทศ”พล.อ.ประยุทธ์ ย่อมรู้ดีว่า จะลากคอเอากบฏมาลงโทษได้หรือไม่