ปักกิ่งเชื่อมั่น วันหนึ่งตะวันตกจะเข้าใจความจริงเกี่ยวกับทิเบตและซินเจียง

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - เจ้าหน้าที่ระดับสูงแดนมังกรมั่นใจ จีนมีเวลาในการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของชาติตะวันตก เพื่อให้เข้าใจจุดยืนของรัฐบาลปักกิ่งในการแก้ไขปัญหาในภูมิภาคทิเบตและซินเจียง และรู้จักตัวตน ทีแท้จริงของฝ่ายทะไลลามะ

จากบทความในเว็บไซต์ Tibet.cn. ของนาย จู เหวยฉวิน ประธานคณะกรรมาธิการที่ปรึกษาระดับสูงฝ่ายกิจการศาสนาและชาติพันธุ์ของรัฐสภาเมื่อวันพุธ (19 ก.พ.) นายจูแสดงความเพิกเฉยต่อแรงกดดันของต่างชาติเกี่ยวกับปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนในจีน โดยใช้ภาษาที่แข็งกร้าวอย่างผิดกว่าปกติ โดยเขาระบุว่า จีนเริ่มเข้ามามีส่วนร่วมในกิจการระหว่างประเทศมากขึ้น เช่นเดียวกับที่ภูมิภาคทิเบตและซินเจียง ก็กำลังเปิดสู่โลกภายนอก ปัจจัยเหล่านี้ย่อมจะทำให้ชาวตะวันตกมีความเข้าใจเกี่ยวกับดินแดนทั้งสองตามความเป็นจริงได้ดีขึ้น

เขตปกครองตนเองทิเบต และเขตปกครองตนเองอุยกูร์ซินเจียงจัดอยู่ในหมู่ภูมิภาค ที่มีความอ่อนไหวมากที่สุดของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทิเบตเป็นประเด็นที่กระทบความอารมณ์รู้สึกของชาติตะวันตก และได้รับการสนับสนุนจากนักการเมืองและบุคคลมีชื่อเสียง

อย่างไรก็ตาม นายจูเชื่อมั่นว่า แม้จะเป็นภารกิจ ที่ยากลำบากและใช้เวลายาวนาน แต่ในที่สุดชาติตะวันตกก็จะได้เห็นโฉมหน้าอันแท้จริงของพรรคพวกฝ่ายทะไลลามะ ซึ่งเป็นผู้นำจิตวิญญาณของชาวทิเบต และขบวนการแบ่งแยกดินแดนเตอร์กิสถานตะวันออกในเขตปกครองตนเองอุยกูร์ซินเจียง

ทั้งนี้ รัฐบาลปักกิ่งได้ทุ่มงบประมาณ เพื่อพัฒนาภูมิภาคทั้งสอง ซึ่งเป็นดินแดนชนบทห่างไกล พร้อมกับยืนยันว่า รัฐบาลมีความเคารพต่อสิทธิของผู้คนที่นั่น อย่างไรก็ตาม กลุ่มสิทธิมนุษยชนและผู้พลัดถิ่นโต้แย้งว่า รัฐบาลปักกิ่งเหยียบย่ำเสรีภาพของชาวทิเบต และชาวมุสลิมเชื้อสายอุยกูร์ในซินเจียง ซึ่งจีนระบุว่า บางส่วนเป็นพวกมุสลิมหัวรุนแรง ที่ต้องการจัดตั้งรัฐเอกราชเตอร์กิสถานตะวันออก

ในเขตปกครองตนเองทิเบต และอีก 4 มณฑลรอบนอก ได้เกิดเหตุชาวทิเบตกว่า 120 คนจุดไฟเผาตัวเอง เพื่อประท้วงการปกครองของจีนมาตั้งแต่ปี 2552 และส่วนใหญ่เสียชีวิต

ขณะที่ในซินเจียง มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 คนในเหตุรุนแรง ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่เดือนเม.ย. ปี 2556 โดยในจำนวนผู้เสียชีวิตเหล่านี้มีตำรวจรวมอยู่ด้วย และรัฐบาลปักกิ่งกล่าวหาว่า เป็นฝีมือของกลุ่มกบฎแบ่งแยกดินแดน และพวกหัวรุนแรงทางศาสนา

นายจูยังตำหนิบรรดาผู้นำต่างชาติ ที่พบกับทะไลลามะ และหลายคนถูกจีนระงับการติดต่อทางการทูต โดยกล่าวว่า คนเหล่านี้ควรได้รับผลตอบแทน

"เราจะสามารถผลักดันให้ชาติตะวันตกเปลี่ยนแปลงทัศนคติได้ก็ต่อเมื่อเราทำให้พวกนั้นได้เข้าใจว่า ไม่อาจมองข้ามอำนาจของจีน และผลประโยชน์ของชาติตะวันตกย่อมขึ้นอยู่กับการพัฒนาและธำรงความสัมพันธ์กับจีน มิใช่การอยู่ตรงกันข้าม" นายจูกล่าวในตอนท้าย