xs
xsm
sm
md
lg

รพ.ทั่วประเทศตะเพิด"ปู" ต้านโกง-ยุติความรุนแรง "บิ๊กตู่"สั่งสกัดแดงฮาร์ดคอร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เครือข่ายแพทย์-สธ. บุกสภายื่นจม.เปิดผนึกย้ำไม่เอารัฐบาลโกง ประณามการใช้ความรุนแรง ขณะที่รพ. ทั่วประเทศขึ้นป้ายหราประณามการใช้ความรุนแรง เชิญชวนจนท.ใส่ชุดดำ-ติดริบบิ้นดำไว้อาลัยเหยื่อที่เสียชีวิต ด้านประยุทธ์ ชี้คนร้ายใช้อาวุธวิถีโค้งยิงจากรถใส่ม็อบ สั่งเพิ่มกำลังลาดตระเวนทั่วกรุง หวั่นซ้ำรอยราชประสงค์ ขณะที่ มทภ.2. เรียกถกผู้ว่าฯ อีสาน 11 จังหวัด ตามคำสั่งผบ.ทบ. กำชับสกัดการตั้งกองกำลัง แบ่งแยกประเทศ ตามที่แกนนำ"แดงฮาร์ดคอร์" สั่งการ ชาวตราดและจันทแห่ร่วมพิธีเผาศพ "น้องฟิ๊ก-ด.ญ.ฬิฬาวัลย์ พรหมชัย" เหยื่อบึ้ม กปปส.ตราด ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า กลุ่มครอบครัวฯ ออกแถลงการณ์ซ้ำตะเพิด "ปู" รับผิดชอบเด็กตาย 4 คน

จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่มีเป้าหมายต่อการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก และในจำนวนนี้เป็นเด็กอายุไม่ถึง 10 ขวบ เสียชีวิตถึง 4 ราย ทำให้กลุ่มต่างๆ ออกมาต่อต้านการบริหารงานของรัฐบาล และเร่งรัดให้รัฐบาลหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี และขยายวงกว้างสู่บุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศที่ออกมาคัดค้าน "รัฐบาลโกงประชาชน"

วานนี้ (27ก.พ.) ที่รัฐสภา เครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข นำโดย นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกแสดงจุดยืนไม่เอารัฐบาลโกงประชาชน ต่อ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา โดย นพ.ณรงค์ ระบุว่า ตั้งแต่เกิดความขัดแย้งทางการเมืองช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา สถานการณ์ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น มียอดผู้เสียชีวิต ณ วันนี้ 22 คน บาดเจ็บเกือบ 1 พันคน ซึ่งเครือข่ายฯขอประนามการใช้ความรุนแรงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ และขอแสดงจุดยืนที่ชัดเจนที่จะไม่ยอมรับรัฐบาลที่โกงประชาชน ไม่ว่าจะรัฐบาลใด และจะร่วมกับทุกภาคส่วนในสังคมต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยได้รวบรวมรายชื่อในกลุ่มเครือข่ายได้ 121,260 รายชื่อสนับสนุนในจุดยืนดังกล่าว และขอสนับสนุนการทำหน้าที่ของส.ว.ที่เป็นสถาบันหลัก เป็นที่พึงของประชาชน เพื่อนำพาประเทศชาติก้าวพ้นวิกฤตในครั้งนี้

ขณะเดียวกัน ศ.นพ.วินิต พัวประดิษฐ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ร่วมแสดงพลังเพื่อแสดงออกถึงจุดยืนในการปฏิเสธการบริหารงานของคณะรัฐบาล โดยถือป้ายข้อความคัดค้าน "รัฐบาลโกงประชาชน" บริเวณหน้าโรงพยาบาลรามาธิบดี

รพ.อุดรฯขึ้นป้ายประณามหยุดทำร้าย ปชช.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดอุดรธานีว่า ที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี แพทย์ พยาบาล บุคคลากรทางการแพทย์ ได้ร่วมกันแสดงออกการต่อต้านความรุนแรง ด้วยการสวมใส่ชุดดำมาทำงาน และติดริบบิ้นสีดำ พร้อมนำเอาป้ายไวนิลเขียนข้อความในนามประชาคมสาธารณสุข เป็นข้อความต่อต้านความรุนแรง ไม่มีข้อความเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก มาติดไว้ 2 จุด

จุดแรกหน้าตึกอำนวยการโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี หรืออาคาร 1 ด้านบนของทางเข้าศูนย์อุบัติเหตุ สีขาว-แดง-ดำ ข้อความว่า " หยุด...ความรุนแรง ทำร้ายประชาชน ประชาคมสาธารณสุข"

ส่วนจุดที่สองหน้าตึก อาคาร 96 ปี พระมหาตาบัว ญาณสัมปันโน โดยป้ายไวนิลสีขาวกว้าง 2 เมตร ยาว 20 เมตร มีภาพริบบิ้นสีดำ และเขียนอักษรมีดำข้อความ "ประชาคมสาธารณสุข ขอเชิญชวนข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ กระทรวงสาธารณสุขทุกท่าน ใส่ชุดสีดำ หรือติดริบบิ้นสีดำ เพื่อแสดงความไว้ลาลัย แก่ผู้เสียชีวิตจากการชุมนุม ทั้งจากเหตุการณ์ผ่านฟ้า เขาสมิง และราชประสงค์ และเป็นการแสดงออกประณามความรุนแรง เราไม่ต้องการให้เกิดความสุญเสียใดๆ อีกต่อไป"

เครือข่ายแพทย์กำแพงฯชูป้ายไม่เอารัฐบาลโกง

ที่บริเวณหน้าโรงพยาบาลกำแพงเพชร เครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข จังหวัดกำแพงเพชร ถือป้ายขนาดใหญ่ขอต่อต้านการใช้ความรุนแรงต่อประชาชน พร้อมทั้งชูแผ่นกระดาษไม่เอารัฐบาลโกงประชาชน โดยตัวแทนเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข จังหวัดกำแพงเพชร ได้อ่านแถลงการณ์ว่า จากวิกฤตการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองหลายเดือนที่ผ่านมา ได้นำไปสู่เหตุการณ์ความรุนแรงหลายครั้งและต่อเนื่อง จนทำให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและร่างกายของประชาชน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่มีการใช้อาวุธสงครามกราดยิงประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่มาชุมนุมโดยสงบที่จังหวัดตราด และเหตุการณ์ล่าสุดที่ราชประสงค์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยฉพาะทำให้มีเด็กเสียชีวิตถึง 4 คนด้วยกัน

บุรีรัมย์แต่งดำต้านโกง ประณามรุนแรง

ที่ จ.บุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอเมืองบุรีรัมย์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ และบุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในเขตอำเภอละหานทราย และอีกหลายอำเภอในจังหวัดบุรีรัมย์ ยังมีการขึ้นป้ายต่อต้านการคอร์รัปชัน ประณามการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ และสนับสนุนการปฏิรูปประเทศไทย ที่บริเวณหน้าสำนักงานและด้านหน้าโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล

รพ.เชียงรายขึ้นป้ายต้านทำร้าย ปชช.รับ"ปู"

มีรายงานข่าวจากจังหวัดเชียงรายแจ้งว่า ขณะที่เครือข่ายแพทย์-พยาบาล ตลอดจนบุคลากรด้านสาธารณสุขทั่วประเทศออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมทางการเมืองนั้น โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ อ.เมือง จ.เชียงราย ก็ได้มีการขึ้นป้ายพื้นสีดำขนาดใหญ่ไว้บริเวณรั้วของอาคารสนามกีฬาและลานจอดรถของโรงพยาบาล เพื่อให้ประชาชนที่ผ่านไปมาได้อ่านได้อย่างชัดเจน

โดยป้ายดังกล่าวมีตรากระทรวงสาธารณสุขพร้อมริบบิ้นสีดำ ด้านล่างระบุว่า “โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ขอประณามการใช้ความรุนแรง” และมีตัวหนังสือใหญ่ด้านล่างว่า “โปรดยุติการทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์” ซึ่งทางฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลระบุว่าเป็นผู้ติดป้ายดังกล่าว เพื่อแสดงถึงการเรียกร้องให้ยุติการทำร้ายประชาชน

ทั้งนี้ ป้ายดังกล่าวถูกนำมาติดในช่วงที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด และพักค้างคืนที่โรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงราย รีสอร์ท ในเขตเทศบาลนครเชียงราย ซึ่งไม่อยู่ไม่ห่างจากท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ตั้งอยู่พื้นที่ ต.บ้านดู่ อ.เมืองมากนัก

บิ๊กตู่สั่งเพิ่มกำลังลาดตระเวน

วานนี้ (27ก.พ.) ที่กองบัญชาการสำรอง กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็ก รักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบหมายให้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. เป็นประธานในการประชุมติดตามสถานการณ์ประจำวัน โดยในที่ประชุมได้เน้นย้ำให้ผู้บังคับหน่วยได้กำชับกำลังพลที่ลงไปปฏิบัติหน้าที่ ดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งดูแลความปลอดภัยตัวเอง ภายหลังที่มีการก่อเหตุมากขึ้น ในส่วนของ ผบ.ทบ.ได้มีการสั่งการให้ผู้บังคับบัญชา ตามลำดับชั้นของกองทัพบก ไปตรวจเยี่ยมกำลังพล

ต่อมาเวลา 09.00 น. พล.ต.สุรเดช เฟื่องเจริญ เจ้ากรมกำลังพลทหารบก ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกำลังพลที่ปฏิบัติงานสนับสนุน ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศรส.) เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยสถานที่สำคัญ และสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ รวมทั้งสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ที่ถูกยิงด้วยเอ็ม 79 เมื่อคืนวันที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยพล.ต.สุรเดช กล่าวว่า ผู้บังคับบัญชาของกองทัพบกห่วงใยกำลังพลที่ออกปฏิบัติงานดูแลประชาชน และสถานที่สำคัญต่างๆ โดยเน้นย้ำให้ทำหน้าที่ด้วยความอดทน ยึดคำสั่งผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งย้ำให้กำลังพลปรับการทำงานตามสถานการณ์และร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภายหลังจากเกิดเหตุระเบิดที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ในส่วนของกำลังพลที่ดูแลสถานการณ์ตามจุดตรวจความมั่นคงในพื้นที่การชุมนุมให้ประสานงานกับทุกภาคส่วนและปรับเพิ่มจุดตรวจดูแลประชาชนให้กระจายครอบคลุมทุกพื้นที่มากขึ้น

หลังจากนั้นเวลา 10.30 น. ที่แยกวิสุทธิกษัตริย์ พล.ต.วราห์ บุญญะสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล 1 ) ในฐานะผู้บังคับบัญชากำลังทหาร ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางตรวจเยี่ยม ชุดปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชน และจุดตรวจความมั่นคง พร้อมทั้งทยอยเดินทางตรวจจุดอื่นๆ อาทิ จุดบริเวณแยกสะพานผ่านฟ้าผ่านฟ้า กระทรวงมหาดไทย แยกบางขุนพรหม ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ว่า ส่วนใหญ่เน้นดูแลพื้นที่ผู้ชุมนุม กลุ่ม กปปส. จากเดิมมี 29 จุด แต่ปัจจุบันเพิ่มเป็น 176 จุด โดยใช้กำลังพล 56 กองร้อย ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ก็ยังคงเหมือนเดิม โดยเน้นพื้นที่รอบการชุมนุม ทั้งวงในและวงนอก เพื่อให้ครอบคลุม เพราะที่ผ่านมามีการก่อเหตุบ่อยครั้ง

“ผบ.ทบ. มีความเป็นห่วงและไม่สบายใจ เรื่องการใช้อาวุธวิถีโค้ง ท่านไม่อยากให้เกิดเหตุซ้ำรอย บริเวณหน้าห้างบิ๊กซี ราชประสงค์ จึงสั่งเพิ่มจุดตรวจทหาร เพื่อป้องปรามผู้ก่อเหตุ อย่างไรก็ตาม ทางผบ.ทบ. ได้กำชับให้กำลังพลได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างรัดกุม และรอบคอบ เป็นที่พึ่งให้กับประชาชน พร้อมทั้งดูแลความปลอดภัยของตัวเอง เพราะเกรงว่ากำลังพลจะตกเป็นเป้า พร้อมทั้งให้เพิ่มความถี่ลาดตระเวน บนทางด่วนโทลล์เวย์ ซึ่งท่านรู้สึกหนักใจและตั้งข้อสังเกตว่าผู้ก่อเหตุใช้วิธีขับรถไปยิงไป ส่วนตึกสูงในพื้นที่ชุมนุมที่เสี่ยงต่อการก่อเหตุให้จัดเจ้าหน้าที่ประสานกับเจ้าของตึก เพื่อเข้าไปดูแลรวมถึงติดต่อประสานเรื่องของกล้องวงจรปิด และส่งทหารขึ้นไปประจำ”พล.ต.วราห์ กล่าว

พล.ต.วราห์ กล่าวว่า สำหรับการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีที่จะเชิญนายกรัฐมนตรี เข้ามาชี้แจงในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวนั้น เบื้องต้นได้ส่งกำลังทหารเข้าไปรักษาความสงบเพื่อดูแลสถานที่ ตามที่ ศรส. ได้กำหนดไว้ ส่วนการอารักขาบุคคลเราได้จัดชุดลาดตระเวนไปยังบ้านพัก ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อให้เกิดความมั่นใจ เรื่องความปลอดภัย เพราะทาง คณะกรรมการป.ป.ช. ไม่สบายใจ

ทบ.ปัดมีเอี่ยวเหตุยิง M79

พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องอาวุธเครื่องยิงลูกระเบิด M79 ที่มีการใช้ก่อเหตุว่า ยืนยันกองทัพ มีระบบมาตรการการดูแลควบคุมอาวุธในอัตราเป็นไปตามมาตรฐานอย่างดี ขอให้สังคมมั่นใจได้ แต่สำหรับคนทั่วไปพบยังมักมีการลักลอบครอบครองอยู่เสมอ มีจับกุมได้อยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ตามบริเวณชายแดน หรือพื้นที่ทางตอนในก็ดี รวมทั้งที่ผ่านมาเมื่อสังคมมีความขัดแย้งก็มักจะมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีแอบนำอาวุธดังกล่าวมาใช้กระทำต่อบุคคลและสถานทีต่างๆ อยู่เสมอ ที่ผ่านมามีถูกจับอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีก็มี สำหรับเหตุการณ์ล่าสุดเพื่อความชัดเจนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นผู้สืบสวนหาผู้กระทำผิดต่อไป

มทภ.2.เรียกถก ผู้ว่าฯอีสาน 11 จว.

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน. ภาคที่ 2 ) ได้เรียกผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน ได้แก่ กาฬสินธุ์,ขอนแก่น, นครพนม, มหาสารคาม,มุกดาหาร, ร้อยเอ็ด, สกลนคร,หนองคาย, หนองบัวลำภู, อุดรธานี และจ.เลย ในฐานะ ผอ.กอรมน. จังหวัดประชุมหารือร่วมกันที่จ.ขอนแก่น ตามนโยบายและคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะรอง ผอ.รมน. ที่มีคำสั่งให้ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดช่วยกันติดตาม สอดส่องการยุยงปลุกปั่นให้คนในสังคมเพิ่มความเกลียดชัง แบ่งฝ่าย บางครั้งเลยเถิดพาดพิงสถาบัน เพราะยิ่งจะทำให้ความขัดแย้งลุกลามขยายขอบเขตออกไปเป็นวงกว้าง อันเป็นการเพิ่มปัญหาใหม่ขึ้นมาทับซ้อนกับปัญหาทางการเมืองที่มีอยู่แล้ว โดยแต่ละจังหวัด ขอให้พยายามทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วน ให้ยึดมั่นตามกรอบของกฎหมายเป็นหลัก และเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ รวมทั้งบูรณาการหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ เข้าทำการป้องกัน ป้องปราม ระงับ ยับยั้ง ตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยไม่ละเว้น

"การหารือในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นอย่างดี ที่จะลงพื้นที่ไปทำความเข้าใจกับประชาชน โดยเฉพาะปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้น กรณีมีการใช้อาวุธสงครามมาก่อเหตุความวุ่นวาย อย่างไรก็ตามการพูดคุยกันครั้งนี้ ไม่ได้เชิญตัวแทนของกลุ่ม กปปส. หรือ กลุ่ม นปช ในพื้นที่อีสานตอนบนมาร่วมหารือ ผมไม่ต้องการให้เกิดการใช้กำลังรุนแรงต่อสู้กัน โดยไม่ได้จับตาพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเป็นกรณีพิเศษ แต่ขอให้มั่นใจว่าทำให้เกิดความเรียบร้อยในทุกจังหวัด นอกจากนี้ในที่ประชุมไม่ได้มีการหยิบหยกหรือพูดคุยกัน กรณี นปช.ประกาศ แบ่งแยกประเทศในการชุมนุมใหญ่เมื่อวันเสาร์ ที่ผ่านมา (22 ก.พ.)" แหล่งข่าวกองทัพภาคที่ 2 ระบุ

"จารุพงศ์"อ้างแค่พูด ไม่ได้ทำ

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการที่กปปส. หยิบยกเรื่องการตั้งกองกำลัง แบ่งแยกประเทศ มาโจมตีรัฐบาลว่า เป็นเรื่องของเขาที่เล่นมาตลอด ตัวเขาเป็นเคยทำตั้งแต่แรก แล้วมาชี้เรา ความจริงเรื่องนี้ นปช. ที่มากัน 77จังหวัด มาพูดบนเวทีตั้งแต่เช้ายันค่ำ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และแกนนำ นปช. ก็นำมาสรุป 11 ข้อ โดยตนในฐานะหัวหน้าพรรค และเป็นรัฐบาล ก็บอกไปว่า จะรับเอาสิ่งที่ นปช.เสนอไปพิจารณา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะนำไปปฏิบัติ

"โอ๊ยบ้า อะไรที่จะทำให้ชิบหายก็ทำไปเรื่อย ไม่มีใครอยากจะมีแนวคิดแบบนี้ แต่สิ่วที่เกิดเหตุนี้ จะนำไปสู่ความรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ และการพูดเช่นนี้ไม่ใช่พูดด้วยอารมณ์ เพราะเป็นเรื่องที่พูดด้วยความจริง คือต้องหันไปดูประเทศต่างๆ ที่มีความเห็นแตกแยกในที่สุดก็เดินไปได้ ผมอยากให้ไปฟังอาจารย์ศาสตราจารย์สุรชาติ ชำนาญศิลป์ ที่ได้วิเคราะห์แนวทางทุกอย่างไว้หมดแล้ว น่าฟังมาก ซึ่งผมไม่อยากจะเอ่ยอีกแล้ว เพราะพูดไปก็กลายเป็นว่าแบ่งแยกประเทศอีก ถุย ทุเรศชิบหาย กูเป็นรัฐบาลจะไปแบ่งแยกประเทศทำไม มันไม่เข้าท่า ทุเรศ เราพูดอย่าง มันไปพูดอีกอย่าง เดี๋ยวจะไปตกหลุมเขาอีก เพราะสื่อในมือเขาเต็มไป

"แรมโบ้"ลั่นตั้งกองกำลัง อพปช. 6 แสนคน

เวลา 14.30 น. วานนี้ ที่ห้องประชุมชั้น 7 โรงแรมปัญจดารา อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง และประธานอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ (อพปช.) พร้อมด้วยแกนนำอาสาสมัคร อพปช. ภาคอีสาน กว่า 20 คน ร่วมกันแถลงการณ์ แนวทางการจัดตั้งกองกำลัง อพปช.ขึ้น ในพื้นที่ 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

นายสุภรณ์กล่าวว่า เนื่องจากขณะนี้มีกลุ่มบุคคล คณะบุคคล พรรคการเมืองบางพรรค ได้พยายามล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยการเสนอการปกครองภาคประชาชน ในนามสภา "สภาปฏิรูป" ซึ่งไม่รู้ว่าโดยใคร ของใครและเพื่อใคร เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และพยายามล้มล้างรัฐบาล ที่มาจากการเลือกตั้ง โดยการจัดตั้งให้ประชาชนบางกลุ่มออกมาสร้างความวุ่นวาย ปิดสถานที่ราชการ ตัดน้ำ ตัดไฟ ปิดถนน จนทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศได้รับความเดือดร้อน ซึ่งเป้าหมายของการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มนี้ คือต้องการทำลายประชาธิปไตย ทำลายอำนาจของประชาชน หากการกระทำดังกล่าวสำเร็จ จะนำไปสู่การเกิดสงครามกลางเมืองได้

"ดังนั้น จึงได้มีการจัดตั้งกลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติขึ้น เพื่อปกป้องการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยจะเริ่มรับสมัครชายฉกรรจ์ที่มีอายุ 18-25 ปี มีร่างกายแข็งแรง พร้อมจะร่วมต่อสู้ด้วยกัน และพร้อมจะพลีชีพเพื่ออุดมการณ์นี้ได้ทุกเมื่อ ซึ่งจะเริ่มรับสมัครพร้อมกันทั้ง 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.57 เป็นต้นไป โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะรับสมัครให้ได้ไม่ต่ำกว่า 2 แสนคน ภายในเดือนมี.ค. และตั้งเป้าไว้ทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 6 แสนคน โดยสมาชิก อพปช. ทุกคน จะได้รับการฝึกฝนทางยุทธวิธีประมาณ 1 เดือน ทั้งนี้ กลุ่ม อพปช. ยังได้เชิญพลเอกพัลลภ ปิ่นมณี อดีตรอง ผองรมน. มาเป็นที่ปรึกษากลุ่ม อพปช.ด้วย" นายสุภรณ์ กล่าว

นายสุภรณ์ กล่าวด้วยว่า ขอฝากไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้ลงมาเป็นคนกลางในการเจรจาระหว่างกลุ่ม กปปส. และรัฐบาล เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง และหาทางออกให้กับประเทศ

ชาวตราด-จันท์แห่ร่วมเผาร่าง "น้องฟิ๊ก"

วานนี้ (27 ก.พ.57) ที่วัดแสนตุ้ง ต.แสนตุ้ง อ.เขาสมิง จ.ตราด ได้มีประชาชนจำนวนมากรวมทั้งกลุ่ม กปปส.ตราด และ กปปส.จันทบุรี เดินทางมาร่วมพิธีเผาศพ ด.ญ.ฬิฬาวัลย์ พรหมชัย หรือ น้องฟิ๊ก อายุ 5 ขวบที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์คนร้ายขว้างระเบิดและใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงใส่เวที กปปส.ที่บริเวณตลาดยิ่งเจริญ หมู่ 1 ต.แสนตุ้ง อ.เขาสมิง จ.ตราด เมื่อคืนวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

กลุ่มครอบครัวฯ ตะเพิด "ปู"

วานนี้ (27 ก.พ.) กลุ่มครอบครัว พ่อแม่ และคนทำงานด้านเด็กและครอบครัว ออกแถลงการณ์มีใจความโดยสรุปว่า เหตุความรุนแรงทางการเมืองส่งผลให้มีเด็กอายุไม่ถึง 10 ขวบ เสียชีวิตถึง 4 คน มีเจตนาชัดเจนที่สร้างความหวาดกลัวจากอาวุธร้ายแรง ทำให้ประชาชนไม่กล้าแสดงออกในสิทธิ เสรีภาพและแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ซึ่งถูกปล่อยให้เกิดขึ้นโดยการไม่ทำหน้าที่ของรักษาการนายกรัฐมนตรี จึงได้เรียกร้องให้หยุดทำหน้าที่และลาออก เนื่องจากเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเป็นผู้จะต้องทำหน้าที่ป้องกันและปรามปราม แต่ไม่สามารถทำได้ จึงสมควรรับผิดชอบด้วยการลาออก
กำลังโหลดความคิดเห็น