ASTVผู้จัดการรายวัน-"สุเทพ" นำ กปปส.แต่งดำ บุกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรียกร้องความเป็นธรรมให้ผู้บริสุทธ์ที่เสียชีวิตจากเหตุรุนแรง พร้อมเร่งให้หาตัวคนร้ายมาลงโทษ "อดุลย์"ลงมาคุยเอง ยันไม่นิ่งนอนใจทำคดี "เหลิม"ไม่หยุดขู่ ฟันธงม็อบสุเทพใกล้จบ ลั่นห้ามแดงเคลื่อนไหวไม่ได้ "ธาริต"ไม่เลิกตื้อ ขอศาลล่าตัวกำนันอีก "ปึ้ง"ไอเดียพุ่งอีกแล้ว เชิญยูเอ็นแก้ขัดแย้งในไทย ด้าน ผบ.ทบ.ย้ำผู้ว่าฯ สอดส่องการปลุกปั่นประชาชน แฉ ศรส. แค่เดือนกว่าถลุงงบกว่าหมื่นล้าน คนร้ายลอบยิงบึ้มไทยพีบีเอส โชคดีไร้เจ็บ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การชุมนุมของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เวทีแยกปทุมวัน ซึ่งเป็นเวทีหลัก เช้าวานนี้ (26 ก.พ.) บรรยากาศเป็นไปตามปกติ แต่มีการตรวจเข้มการเข้าพื้นที่ชุมนุม หลังจากเมื่อช่วงกลางดึก เกิดเหตุคนร้ายใช้ปืนยิง และปาประทัดยักษ์ ใกล้พื้นที่ชุมนุม แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่มวลชนยังคงมีขวัญกำลังใจดี ต่างตื่นขึ้นมาปฏิบัติภารกิจส่วนตัว พร้อมแต่งชุดดำ เตรียมเดินทางร่วมกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับวิญญาณผู้บริสิทธิ์ที่เสียชีวิตจากเหตุรุนแรง และเร่งหาตัวคนร้ายมาลงโทษ โดยจะยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้แต่งตั้งนายตำรวจที่เป็นคนดี มีคุณธรรม ไม่เลือกข้าง ไม่เอาตำรวจเสื้อแดง เข้ามาเป็นพนักงานสอบสวนในคดีที่มวลมหาประชาชนถูกยิง และถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต
ต่อมาเวลา 09.00 น. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ กปปส.ได้นำมวลชนเวทีแยกปทุมวัน เดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีผู้ชุมนุมเวทีต่างๆ เดินทางมาสมทบ
จากนั้นแกนนำได้ขอให้ตำรวจเปิดประตูทางเข้า เพื่อแสดงความจริงใจ และให้เห็นว่าตำรวจยืนอยู่ข้างประชาชน โดยยืนยันผู้ชุมนุมจะไม่เข้าไปภายใน ต่อมาเวลา 10.10 น. ตำรวจจึงยอมเปิดประตูทางเข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ท่ามกลางเสียงนกหวีดของมวลชนในการแสดงความยินดี
เวลา 10.15 น. นายสุเทพ ได้เดินทางมาถึงหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกล่าวปราศรัย บนรถเครื่องขยายเสียง หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ย้ำเจตนารมย์การมาชุมนุมว่า เป็นเพราะรัฐบาลบริหารจนเกิดการทุจริต คอร์รัปชั่น สร้างความเสียหายให้ประเทศ จนทำให้ประชาชนไม่สามารถทนเห็นประเทศชาติตกต้องอยู่ภายใต้อำนาจ จึงจำเป็นต้องออกมาเรียกร้องอำนาจอธิปไตยกลับคืนมา
นายสุเทพย้ำว่า การชุมนุมของ กปปส.อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ แบบสงบ สันติ อหิงสา แต่กลับมีความพยายามก่อเหตุในพื้นที่การชุมนุม จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 700 คน และเสียชีวิตเกือบ 20 คน จึงขอประณามว่า เป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม และไม่ปรากฏว่า มีการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบ หรือสั่งการให้ตำรวจดำเนินการเป็นคดีพิเศษ โดยเฉพาะเหตุการณ์คนร้ายกราดยิงผู้ชุมนุม กปปส. จังหวัดตราด และเหตุคนร้ายลอบยิงระเบิดบริเวณห้างบิ๊กซี ราชดำริ ส่งผลให้มีเด็กบริสุทธิต้องเสียชีวิต
นายสุเทพ ยังปฏิเสธว่า กปปส.ไม่เคยขอให้ทหารออกมาปฏิวัติ ตามที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผอ.ศรส. กล่าวอ้าง พร้อมกับชื่นชม พล.ต.อ.อดุลย์ ที่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของศรส. โดยยึดคำสั่งของศาลแพ่งที่ได้คุมครอง และห้ามสลายการชุมนุม และได้ขอโทษกับสิ่งที่ผ่านมา โดยหลังจากนี้ กปปส. ยินดีให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่งเครื่องแบบเข้าไปตรวจสอบอาวุธ ในทุกเวทีการชุมนุม และยังได้อ่านจดหมายถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ใจความว่า ขอให้ตั้งคณะทำงานพิเศษ เรียกร้องให้ติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุบริเวณเวที กปปส.จังหวัดตราด และหน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ ทำให้มีเด็กผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 3 คน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม มาดำเนินคดี
ทั้งนี้ นายสุเทพ ได้มอบหมายให้แกนนำกปปส. อาทิ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ อดีตส.ส.ตาก นายสกลธี ภัททิยะกุล นางทยา ทีปสุวรรณ และ น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร กปปส. นำหนังสือพร้อมดอกไม้ไปมอบให้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผ่าน พล.ต.อ.อุดม รักษ์ศีลธรรม ที่ปรึกษา สบ.10 เป็นผู้แทนรับหนังสือ
ต่อมาเวลา 12.30 น. พล.ต.อ.อดุลย์ ได้ลงมาพบและรับช่อดอกไม้จากตัวแทน กปปส. ด้วยตัวเอง พร้อมยืนยันว่า ทางสตช ไม่นิ่งนอนใจ และจัดทีมคลี่คลายคดีเฉพาะกิจ ซึ่งมี พล.ต.อ เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบทุกคดี
หลังจากนั้น นายสุเทพได้ขึ้นปราศรัยขอบคุณผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมยืนยันว่า จะไม่หนีไปไหน แต่ขอเวลาต่อสู้เพื่อทวงคืนหลักประชาธิปัตย์เคียงข้างพี่น้องประชาชนก่อน
***"เหลิม"อ้างห้ามเสื้อแดงไม่ได้
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) กล่าวว่า ที่ กปปส. ยกขบวนไปหาตำรวจ ไปทำไม ถือว่าลักลั่น เพราะเมื่อก่อนนี้ไม่เอาตำรวจเลย ส่วนการประกาศยกระดับบ่อย คิดว่าอีกไม่นาน นายสุเทพจะจบ ไม่ชนะ ฟันธงได้เลย เมื่อกองทัพประกาศไม่ปฏิวัติ นายสุเทพจะต้องเก็บของกลับบ้าน และเตรียมเข้าคุก
ส่วนกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงเตรียมนำมวลชนมาเคลื่อนไหวในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ตนขอไม่แสดงความเห็น เพราะไม่ได้ดู แต่ห่วงเรื่องการเผชิญหน้า ต้องระมัดระวัง แต่ห้ามไม่ได้ เพราะตนไม่เคยร่วมกับเสื้อแดง จึงต้องภาวนาให้เคลื่อนไหวแถว จ.นนทบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี และพระนครศรีอยุธยา ให้ด่ากันได้ยิน แต่เตะกันไม่ถึง
**"ธาริต"ขอหมายศาลล่าตัว"สุเทพ"
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะกรรมการ ศรส. กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานอัยการได้มีหนังสือแจ้งมายังตน ในฐานะอธิบดีดีเอสไอ ขอให้ดำเนินการให้ได้ตัวผู้ต้องหาคดีสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 มาเพื่อฟ้องต่อศาลอาญาโดยเร็ว ซึ่งตนจะได้ยื่นขอหมายจับจากศาลอาญา เพื่อนำตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพส่งพนักงานอัยการเพื่อฟ้องคดีดังกล่าวในต้นสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ ศรส.จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลแพ่ง โดยจะนำคำสั่งศาลแพ่งปี 2553 เป็นส่วนหนึ่งของเอกสารที่นำยื่นอุทธรณ์ต่อศาลแพ่งด้วย คาดว่าจะใช้เวลารวบรวมเอกสารหลักฐาน อีก 1-2 วัน
** "ปึ้ง"เชิญ"ยูเอ็น"ผ่าทางตันประเทศไทย
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษา ศรส. กล่าวว่า จะเรียนเชิญ นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) มาให้คำแนะนำ เนื่องจากยูเอ็นมีประสบการณ์ในการพูดคุยหาทางออกและแก้ไขความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะขาดความเชื่อมั่นจากสังคมโลก
**"เหวง"อ้าง นปช.ไม่คิดแยกประเทศ
นพ.เหวง โตจิราการ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง แถลงถึงกรณี นายสุเทพ ปราศรัยว่า กลุ่ม นปช.ต้องการแยกประเทศ ย้ายเมืองหลวง ว่า กลุ่มนปช.สนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การชุมนุมของกลุ่มนปช. จะดำเนินการตามแนวทางที่ศาลแพ่งมีคำวินิจฉัยไว้ สิ่งใดที่ กปปส.ทำได้ นปช.ก็จะทำด้วย ทั้งนี้ ขอปฏิเสธว่าไม่มีการตั้งกองกำลังติดอาวุธ และไม่ต้องการแบ่งประเทศ เฉือนประเทศ กลุ่มนปช. ต้องการต่อสู้ทางการเมือง ไม่ได้ต้องการต่อสู้ทางการทหาร
***ชี้รุนแรงขึ้นเพราะเสื้อแดงเริ่มแก้แค้น
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่องว่า เป็นปฏิบัติการที่ต้องการให้เกิดความสูญเสีย และปลิดชีวิตแกนนำ กปปส. หลังจากที่รัฐบาลไม่มีเครื่องมือจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุมตามใจได้ โดยเหตุการณ์พัฒนาขึ้นตามลำดับ หลังจากศาลแพ่งมีคำสั่งห้าม 9 ข้อ เมื่อวันที่ 19 ก.พ.2557 ซึ่งสอดคล้องกับการรายงานข่าวของสำนักงานข่าวบีบีซี ที่ผู้สื่อข่าวมีความใกล้ชิดกับคนเสื้อแดง ได้รายงานว่า การก่อเหตุรุนแรงดังกล่าว น่าจะเป็นการเริ่มต้นแก้แค้นของคนเสื้อแดง ที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย
** แฉศรส.ผลาญงบไปแล้วหมื่นล้าน
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่สำนักงบประมาณได้แจ้งว่า งบกลางมีเงินสำรองจ่าย 70,000 ล้านบาท โดยศรส.ใช้ไปแล้วเพื่อเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงเจ้าหน้าที่ 1 หมื่นล้านบาท เท่ากับว่า 33 วัน ที่ตั้งศรส.มานั้น ใช้เงินถึงวันละ 300 ล้านบาท จึงอยากให้มีการชี้แจงว่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เพราะเบี้ยเลี้ยงตำรวจอยู่ที่ วันละ 700 บาท หักค่าข้าวไป 300 บาท เหลือ 400 บาท มีการเกณฑ์ตำรวจมากว่า 2 หมื่นนาย ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไร ก็ไม่มีทางใช้งบถึง 1 หมื่นล้านบาท จึงต้องถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ซึ่งเป็นผู้อนุมัติงบกลางให้ไปใช้ ต้องอธิบายข้อเท็จจริงในเรื่่องนี้
***"ประยุทธ์"ย้ำผู้ว่าสอดส่องการปลุกปั่น
ที่กองบัญชาการสำรองใน กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้เป็นประธานในการประชุมติดตามสถานการณ์ประจำวัน โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
โดย พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษก กอ.รมน. กล่าวว่า ผบ.ทบ.ได้เน้นย้ำในที่ประชุม กรณีที่ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะ ผอ.รมน.จังหวัด ช่วยกันติดตาม สอดส่องการยุยงปลุกปั่นให้คนในสังคมเพิ่มความเกลียดชัง แบ่งฝ่าย เพื่อลดความขัดแย้งไม่ให้ลุกลามนั้น เป็นการให้สอดส่องการชุมนุมของทุกกลุ่ม ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นกลุ่มใด และให้แม่ทัพภาค เชิญผู้ว่าราชการจังหวัด ประชุมประเมินสถานการณ์แต่ละภาค และแต่ละจังหวัด พร้อมให้ผู้ว่าราชการจังหวัด วิเคราะห์และนำกฎหมายที่สามารถใช้ได้ ไปแก้ไขปัญหา และหาแนวทางการป้องกัน และให้ประเมินอีกครั้งว่าในพื้นที่รับผิดชอบ ควรใช้กฎหมายใดให้เกิดความสงบเรียบร้อย หรือต้องพิจารณาถึงการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ หรือไม่ ในการควบคุมสถานการณ์
เมื่อถามว่ากรณี นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ขึ้นเวทีนปช.ที่ จ.นครราชสีมา ระบุว่าพรรคเพื่อไทยและรัฐบาล จะนำข้อเสนอการแบ่งแยกประเทศ พร้อมทั้งให้ประชาชนจับอาวุธขึ้นมาต่อสู้ มาปฏิวัติ พ.อ.บรรพต กล่าวว่า โดยส่วนตัวเห็นว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียวแบ่งแยกไม่ได้ อย่าชี้นำสังคม เพราะไม่เกิดประโยชน์
เมื่อถามว่า พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาฯ สมช. ออกมาระบุว่า กลุ่มก่อเหตุรุนแรงรายวัน สุ่มเสี่ยงยกระดับเป็นกลุ่มก่อการร้าย พ.อ.บรรพต กล่าวว่า ทางกอ.รมน. มองสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการสร้างสถานการณ์ที่เปราะบาง มากกว่า เป็นการก่อการร้าย ส่วนสถานการณ์ใดจะเข้าข่ายการก่อการร้ายหรือไม่ ต้องไปดูในกฎหมายอาญา
***"ปู"เรียกร้อง"เทือก"ยอมเจรจา
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ออกมาระบุว่า หากความขัดแย้งยังไม่ยุติ และหันหน้ามาสู่การเจรจากัน อาจจะส่งผลให้เกิดความรุนแรงทางการเมือง ว่า ส่วนตัวเห็นด้วย และอยากให้เกิดการเจรจา อยากเห็นบ้านเมืองแก้ปัญหาด้วยความสงบ ไม่อยากเห็นบ้านเรามีความแตกแยกไปเรื่อยๆ และนำไปสู่ความรุนแรง และความสูญเสีย เพราะที่ผ่านมาเราเจ็บปวดมามากแล้ว
ส่วนกรณีที่ ผบ.ทบ. สั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ลงไปตรวจสอบความเคลื่อนไหวในพื้นที่ หลังจากมีข่าวกองกำลังเสื้อแดงติดอาวุธ และยุยงให้เกิดความแตกแยกนั้น นายกฯ กล่าวว่า การตรวจสอบคงต้องดูในทุกๆ ฝ่าย เพื่อไม่ให้มีความรุนแรง จึงอยากให้ใช้โอกาสนี้ โดยเฉพาะ ผบ.ทบ.ในฐานะ ผอ.รมน. ได้ช่วยกันอำนวยความสะดวกการเลือกตั้ง เพื่อให้ทุกพื้นที่ มีความปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ประกาศชัดเจนแล้วว่า จะไม่มีการเจรจาใดๆ กับรัฐบาล นายกฯกล่าวว่า ถ้านายสุเทพ เห็นแก่ประเทศ ก็มาพูดจากันเถอะ ตนไม่ได้ปฏิเสธการพูดคุย
**"จารุพงศ์"ดักคอ"บิ๊กตู่"ไม่ทำปฏิวัติ
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เกรงเกิดสงครามกลางเมืองว่า ทุกฝ่ายต้องช่วยกันลดความรุนแรง ไม่ใช่เติมเชื้อให้เกิดความรุนแรง อะไรที่ควรคุยกันด้วยเหตุด้วยผลก็ควรทำ วิกฤติการขัดแย้งที่ยึดเยื้อยาวนาน หาที่จบไม่เจอตั้งแต่ปี 2549 แบ่งกลุ่ม แบ่งฝ่าย แต่ละกลุ่มมีจำนวนมากขึ้น ทำให้เกิดอันตรายได้ ไม่อยากให้เกิดการเผชิญหน้า และอยากเห็นความยุติธรรมเกิดขึ้น หากปัญหามากขึ้น ก็เกิดการปฏิวัติ แต่ก็เชื่อทหารไม่ปฏิวัติ เพราะเข็ดแล้ว คุมไม่อยู่ คนปฏิวัติก็กลายเป็นหมาหัวเน่า พล.อ.ประยุทธ์ ก็เคยอยู่ในพื้นที่ เห็นแล้วว่ารุ่นพี่เป็นอย่างไร เขาก็จะเกษียณอยู่แล้ว เขาก็ไม่เอา นายกฯ ก็ไม่ล้ม แค่อ่อนแอ ที่สุดแล้วการปะทะกัน มีเสียงระเบิดก็เหมือนสงครามย่อยๆ ซึ่งตรงนี้จะระงับได้ คือ การหันมาคุยกัน
เมื่อถามว่ากรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม อดีตทหารในหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (ผบ.นสร.) หรือ หน่วยซีล ที่ จ.ระยอง ซึ่งถูกระบุว่าเป็นทีมสังหารนายกฯ นายจารุพงศ์ ตอบว่า พบว่าลาออกไปเป็นนานแล้ว จะผิดปกติตรงที่พบว่า มีการสะสมอาวุธปืนไว้เป็นจำนวนมาก ส่วนมีแผนสังหารนายกฯ จริงหรือไม่ ตนยังไม่เชื่อว่าคนไทยจะทำไม่ถึงขนาดนั้นได้ ราคาขู่มีเยอะทุกวันนี้ แต่ประมาทไม่ได้ การดูรักษาความปลอดภัยนายกฯ ก็ต้องยกระดับไปตามเหตุการณ์
***"สมชัย"เดินหน้าเป็นคนกลางเจรจา
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณี นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า การเจรจาระหว่างแกนนำพรรคเพื่อไทย และกลุ่มกปปส. ที่นายสมชายได้เข้าพบหลวงปู่พุทธะอิสระ แกนนำ กปปส. จะเป็นการเจรจาครั้งสุดท้ายว่า คนที่ตนขอคุยด้วย ไม่ใช่ที่ปรึกษากฎหมายพรรคเพื่อไทย ไม่เกี่ยวข้องกับคนดังกล่าว ถ้าไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมืองที่จะช่วยแก้ปัญหาได้ ก็ไม่ควรมายุ่ง ส่วนการนัดหมายให้มีการเจรจาก็ยังคงดำเนินต่อ ซึ่งขณะนี้ตนได้กำหนดรายชื่อผู้ที่จะเข้าร่วมการเจรจาฝั่งรัฐบาล 2 คน และฝั่ง กปปส. 2 คน แต่ไม่ขอเปิดเผยรายชื่อ เพราะหวังว่าการเจรจาจะสามารถหาทางออกให้กับปัญหาได้ ส่วนใครที่ไม่อยากคุยก็ไม่ต้องมาคุย แต่ถ้าอยากเห็นบ้านเมืองสงบ ก็ให้มาคุยกัน
** ทบ.เพิ่มจุดตรวจ176 จุดรอบม็อบ
พล.ต.วราห์ บุญญะสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1รอ.) ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังทหาร กล่าวถึงการปรับกำลังเพื่อรักษาความปลอดภัย ว่า ได้มีการประชุมปรับเปลี่ยนมาตรการรักษาความปลอดภัย หลังจากมีเหตุการณ์คนร้ายก่อเหตุรุนแรงบริเวณที่ชุมนุมของกลุ่ม กปปส. อย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการเพิ่มจุดตรวจ จุดเฝ้าระวัง แบ่งเป็นโซนชั้นนอก และโซนชั้นใน โดยเพิ่มจุดตรวจเป็น 176 จุด โดยรอบพื้นที่ที่มีการชุมนุมทุกจุด และสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ ที่อาจล่อแหลมต่อการถูกก่อเหตุรุนแรง รวมถึงพื้นที่ที่มีประชาชนจำนวนมาก เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับทุกฝ่ายทั้งประชาชน เจ้าหน้าที่ และผู้ร่วมชุมนุม
***เปิดภาพวงจรปิดล่าตัวคนร้ายปาปึ้ม
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีคนร้ายขว้างระเบิดและใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงใส่เวที กปปส.ตราด เมื่อคืนวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า พล.ต.ต.ถิร์ทัต บูรณะรัช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) ตราด ได้ประชุมชุดคลี่คลายคดีที่ตำรวจภูธรภาค 2 โดยได้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ซึ่งกำลังตรวจสอบและติดตามตัวอยู่
***สุดเศร้าญาติรับศพ "น้องขิม"
ที่โรงพยาบาลระยอง นางอุทัย โปรษยะบุตร พร้อมนายสุทธิ กาญจนสมบัติ สมาชิกสภาเทศบาลตำบล (สต.) บ่อพลอย นางนฤมล รอสูงเนิน และญาติจำนวนหลายคนเดินทางมารับศพ ด.ญ.ณัฎฐชยา รอสูงเนิน หรือ “น้องขิม” อายุ 5 ขวบ ที่ถูกคนร้ายขว้างระเบิด และใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงใส่เวที กปปส. จ.ตราด เมื่อคืนวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา ทำให้น้องขิมถูกยิงเข้าที่บริเวณท้ายทอยกระสุนฝังใน และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา
นายเอนก รอสูงเนิน บิดาของน้องขิม กล่าวว่า จนถึงวันนี้ผมพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เพราะเสียใจมาก คนร้ายใจคอโหดเหี้ยมมากที่กระทำการร้ายแรงแบบนี้ ผมขอประณาม ขอให้เขาตายตกไปตามกัน
***บึมลานจอดรถไทยพีบีเอสไม่มีใครเจ็บ
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เวลา 19.10 น. วานนี้ (26 ก.พ.) ได้เกิดเหตุระเบิด 2 ครั้งที่ลานจอดรถสำนักงานสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ตั้งอยู่ซอยวิภาวดีรังสิต 60 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. ทำให้รถยนต์ของพนักงาน 2 คัน ที่จอดอยู่ ได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก สตช. กล่าวว่วา คนร้ายยิงระเบิดชนิด M79 ทั้งสิ้น 3 ลูก โดย 2 ลูก ตกที่ลานจอดรถ และเกิดระเบิดขึ้น จนรถยนต์ได้รับความเสียหาย อีกลูกหนึ่งข้ามไปตกที่เต็นท์บริเวณทางเข้าสโมสรตำรวจ แต่ไม่ระเบิด เบื้องต้นคาดว่า น่าจะยิงมาจากถนนวิภาวดี โดยใช้ทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ส่วนที่มีข่าวว่า ระเบิดตกที่บ้านพัก พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน ยังไม่ได้รับรายงาน คาดว่าอาจมีการเข้าใจผิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การชุมนุมของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เวทีแยกปทุมวัน ซึ่งเป็นเวทีหลัก เช้าวานนี้ (26 ก.พ.) บรรยากาศเป็นไปตามปกติ แต่มีการตรวจเข้มการเข้าพื้นที่ชุมนุม หลังจากเมื่อช่วงกลางดึก เกิดเหตุคนร้ายใช้ปืนยิง และปาประทัดยักษ์ ใกล้พื้นที่ชุมนุม แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่มวลชนยังคงมีขวัญกำลังใจดี ต่างตื่นขึ้นมาปฏิบัติภารกิจส่วนตัว พร้อมแต่งชุดดำ เตรียมเดินทางร่วมกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับวิญญาณผู้บริสิทธิ์ที่เสียชีวิตจากเหตุรุนแรง และเร่งหาตัวคนร้ายมาลงโทษ โดยจะยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้แต่งตั้งนายตำรวจที่เป็นคนดี มีคุณธรรม ไม่เลือกข้าง ไม่เอาตำรวจเสื้อแดง เข้ามาเป็นพนักงานสอบสวนในคดีที่มวลมหาประชาชนถูกยิง และถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต
ต่อมาเวลา 09.00 น. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ กปปส.ได้นำมวลชนเวทีแยกปทุมวัน เดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีผู้ชุมนุมเวทีต่างๆ เดินทางมาสมทบ
จากนั้นแกนนำได้ขอให้ตำรวจเปิดประตูทางเข้า เพื่อแสดงความจริงใจ และให้เห็นว่าตำรวจยืนอยู่ข้างประชาชน โดยยืนยันผู้ชุมนุมจะไม่เข้าไปภายใน ต่อมาเวลา 10.10 น. ตำรวจจึงยอมเปิดประตูทางเข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ท่ามกลางเสียงนกหวีดของมวลชนในการแสดงความยินดี
เวลา 10.15 น. นายสุเทพ ได้เดินทางมาถึงหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกล่าวปราศรัย บนรถเครื่องขยายเสียง หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ย้ำเจตนารมย์การมาชุมนุมว่า เป็นเพราะรัฐบาลบริหารจนเกิดการทุจริต คอร์รัปชั่น สร้างความเสียหายให้ประเทศ จนทำให้ประชาชนไม่สามารถทนเห็นประเทศชาติตกต้องอยู่ภายใต้อำนาจ จึงจำเป็นต้องออกมาเรียกร้องอำนาจอธิปไตยกลับคืนมา
นายสุเทพย้ำว่า การชุมนุมของ กปปส.อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ แบบสงบ สันติ อหิงสา แต่กลับมีความพยายามก่อเหตุในพื้นที่การชุมนุม จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 700 คน และเสียชีวิตเกือบ 20 คน จึงขอประณามว่า เป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม และไม่ปรากฏว่า มีการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบ หรือสั่งการให้ตำรวจดำเนินการเป็นคดีพิเศษ โดยเฉพาะเหตุการณ์คนร้ายกราดยิงผู้ชุมนุม กปปส. จังหวัดตราด และเหตุคนร้ายลอบยิงระเบิดบริเวณห้างบิ๊กซี ราชดำริ ส่งผลให้มีเด็กบริสุทธิต้องเสียชีวิต
นายสุเทพ ยังปฏิเสธว่า กปปส.ไม่เคยขอให้ทหารออกมาปฏิวัติ ตามที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผอ.ศรส. กล่าวอ้าง พร้อมกับชื่นชม พล.ต.อ.อดุลย์ ที่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของศรส. โดยยึดคำสั่งของศาลแพ่งที่ได้คุมครอง และห้ามสลายการชุมนุม และได้ขอโทษกับสิ่งที่ผ่านมา โดยหลังจากนี้ กปปส. ยินดีให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่งเครื่องแบบเข้าไปตรวจสอบอาวุธ ในทุกเวทีการชุมนุม และยังได้อ่านจดหมายถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ใจความว่า ขอให้ตั้งคณะทำงานพิเศษ เรียกร้องให้ติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุบริเวณเวที กปปส.จังหวัดตราด และหน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ ทำให้มีเด็กผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 3 คน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม มาดำเนินคดี
ทั้งนี้ นายสุเทพ ได้มอบหมายให้แกนนำกปปส. อาทิ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ อดีตส.ส.ตาก นายสกลธี ภัททิยะกุล นางทยา ทีปสุวรรณ และ น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร กปปส. นำหนังสือพร้อมดอกไม้ไปมอบให้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผ่าน พล.ต.อ.อุดม รักษ์ศีลธรรม ที่ปรึกษา สบ.10 เป็นผู้แทนรับหนังสือ
ต่อมาเวลา 12.30 น. พล.ต.อ.อดุลย์ ได้ลงมาพบและรับช่อดอกไม้จากตัวแทน กปปส. ด้วยตัวเอง พร้อมยืนยันว่า ทางสตช ไม่นิ่งนอนใจ และจัดทีมคลี่คลายคดีเฉพาะกิจ ซึ่งมี พล.ต.อ เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบทุกคดี
หลังจากนั้น นายสุเทพได้ขึ้นปราศรัยขอบคุณผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมยืนยันว่า จะไม่หนีไปไหน แต่ขอเวลาต่อสู้เพื่อทวงคืนหลักประชาธิปัตย์เคียงข้างพี่น้องประชาชนก่อน
***"เหลิม"อ้างห้ามเสื้อแดงไม่ได้
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) กล่าวว่า ที่ กปปส. ยกขบวนไปหาตำรวจ ไปทำไม ถือว่าลักลั่น เพราะเมื่อก่อนนี้ไม่เอาตำรวจเลย ส่วนการประกาศยกระดับบ่อย คิดว่าอีกไม่นาน นายสุเทพจะจบ ไม่ชนะ ฟันธงได้เลย เมื่อกองทัพประกาศไม่ปฏิวัติ นายสุเทพจะต้องเก็บของกลับบ้าน และเตรียมเข้าคุก
ส่วนกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงเตรียมนำมวลชนมาเคลื่อนไหวในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ตนขอไม่แสดงความเห็น เพราะไม่ได้ดู แต่ห่วงเรื่องการเผชิญหน้า ต้องระมัดระวัง แต่ห้ามไม่ได้ เพราะตนไม่เคยร่วมกับเสื้อแดง จึงต้องภาวนาให้เคลื่อนไหวแถว จ.นนทบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี และพระนครศรีอยุธยา ให้ด่ากันได้ยิน แต่เตะกันไม่ถึง
**"ธาริต"ขอหมายศาลล่าตัว"สุเทพ"
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะกรรมการ ศรส. กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานอัยการได้มีหนังสือแจ้งมายังตน ในฐานะอธิบดีดีเอสไอ ขอให้ดำเนินการให้ได้ตัวผู้ต้องหาคดีสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 มาเพื่อฟ้องต่อศาลอาญาโดยเร็ว ซึ่งตนจะได้ยื่นขอหมายจับจากศาลอาญา เพื่อนำตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพส่งพนักงานอัยการเพื่อฟ้องคดีดังกล่าวในต้นสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ ศรส.จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลแพ่ง โดยจะนำคำสั่งศาลแพ่งปี 2553 เป็นส่วนหนึ่งของเอกสารที่นำยื่นอุทธรณ์ต่อศาลแพ่งด้วย คาดว่าจะใช้เวลารวบรวมเอกสารหลักฐาน อีก 1-2 วัน
** "ปึ้ง"เชิญ"ยูเอ็น"ผ่าทางตันประเทศไทย
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษา ศรส. กล่าวว่า จะเรียนเชิญ นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) มาให้คำแนะนำ เนื่องจากยูเอ็นมีประสบการณ์ในการพูดคุยหาทางออกและแก้ไขความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะขาดความเชื่อมั่นจากสังคมโลก
**"เหวง"อ้าง นปช.ไม่คิดแยกประเทศ
นพ.เหวง โตจิราการ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง แถลงถึงกรณี นายสุเทพ ปราศรัยว่า กลุ่ม นปช.ต้องการแยกประเทศ ย้ายเมืองหลวง ว่า กลุ่มนปช.สนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การชุมนุมของกลุ่มนปช. จะดำเนินการตามแนวทางที่ศาลแพ่งมีคำวินิจฉัยไว้ สิ่งใดที่ กปปส.ทำได้ นปช.ก็จะทำด้วย ทั้งนี้ ขอปฏิเสธว่าไม่มีการตั้งกองกำลังติดอาวุธ และไม่ต้องการแบ่งประเทศ เฉือนประเทศ กลุ่มนปช. ต้องการต่อสู้ทางการเมือง ไม่ได้ต้องการต่อสู้ทางการทหาร
***ชี้รุนแรงขึ้นเพราะเสื้อแดงเริ่มแก้แค้น
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่องว่า เป็นปฏิบัติการที่ต้องการให้เกิดความสูญเสีย และปลิดชีวิตแกนนำ กปปส. หลังจากที่รัฐบาลไม่มีเครื่องมือจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุมตามใจได้ โดยเหตุการณ์พัฒนาขึ้นตามลำดับ หลังจากศาลแพ่งมีคำสั่งห้าม 9 ข้อ เมื่อวันที่ 19 ก.พ.2557 ซึ่งสอดคล้องกับการรายงานข่าวของสำนักงานข่าวบีบีซี ที่ผู้สื่อข่าวมีความใกล้ชิดกับคนเสื้อแดง ได้รายงานว่า การก่อเหตุรุนแรงดังกล่าว น่าจะเป็นการเริ่มต้นแก้แค้นของคนเสื้อแดง ที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย
** แฉศรส.ผลาญงบไปแล้วหมื่นล้าน
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่สำนักงบประมาณได้แจ้งว่า งบกลางมีเงินสำรองจ่าย 70,000 ล้านบาท โดยศรส.ใช้ไปแล้วเพื่อเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงเจ้าหน้าที่ 1 หมื่นล้านบาท เท่ากับว่า 33 วัน ที่ตั้งศรส.มานั้น ใช้เงินถึงวันละ 300 ล้านบาท จึงอยากให้มีการชี้แจงว่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เพราะเบี้ยเลี้ยงตำรวจอยู่ที่ วันละ 700 บาท หักค่าข้าวไป 300 บาท เหลือ 400 บาท มีการเกณฑ์ตำรวจมากว่า 2 หมื่นนาย ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไร ก็ไม่มีทางใช้งบถึง 1 หมื่นล้านบาท จึงต้องถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ซึ่งเป็นผู้อนุมัติงบกลางให้ไปใช้ ต้องอธิบายข้อเท็จจริงในเรื่่องนี้
***"ประยุทธ์"ย้ำผู้ว่าสอดส่องการปลุกปั่น
ที่กองบัญชาการสำรองใน กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้เป็นประธานในการประชุมติดตามสถานการณ์ประจำวัน โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
โดย พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษก กอ.รมน. กล่าวว่า ผบ.ทบ.ได้เน้นย้ำในที่ประชุม กรณีที่ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะ ผอ.รมน.จังหวัด ช่วยกันติดตาม สอดส่องการยุยงปลุกปั่นให้คนในสังคมเพิ่มความเกลียดชัง แบ่งฝ่าย เพื่อลดความขัดแย้งไม่ให้ลุกลามนั้น เป็นการให้สอดส่องการชุมนุมของทุกกลุ่ม ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นกลุ่มใด และให้แม่ทัพภาค เชิญผู้ว่าราชการจังหวัด ประชุมประเมินสถานการณ์แต่ละภาค และแต่ละจังหวัด พร้อมให้ผู้ว่าราชการจังหวัด วิเคราะห์และนำกฎหมายที่สามารถใช้ได้ ไปแก้ไขปัญหา และหาแนวทางการป้องกัน และให้ประเมินอีกครั้งว่าในพื้นที่รับผิดชอบ ควรใช้กฎหมายใดให้เกิดความสงบเรียบร้อย หรือต้องพิจารณาถึงการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ หรือไม่ ในการควบคุมสถานการณ์
เมื่อถามว่ากรณี นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ขึ้นเวทีนปช.ที่ จ.นครราชสีมา ระบุว่าพรรคเพื่อไทยและรัฐบาล จะนำข้อเสนอการแบ่งแยกประเทศ พร้อมทั้งให้ประชาชนจับอาวุธขึ้นมาต่อสู้ มาปฏิวัติ พ.อ.บรรพต กล่าวว่า โดยส่วนตัวเห็นว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียวแบ่งแยกไม่ได้ อย่าชี้นำสังคม เพราะไม่เกิดประโยชน์
เมื่อถามว่า พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาฯ สมช. ออกมาระบุว่า กลุ่มก่อเหตุรุนแรงรายวัน สุ่มเสี่ยงยกระดับเป็นกลุ่มก่อการร้าย พ.อ.บรรพต กล่าวว่า ทางกอ.รมน. มองสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการสร้างสถานการณ์ที่เปราะบาง มากกว่า เป็นการก่อการร้าย ส่วนสถานการณ์ใดจะเข้าข่ายการก่อการร้ายหรือไม่ ต้องไปดูในกฎหมายอาญา
***"ปู"เรียกร้อง"เทือก"ยอมเจรจา
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ออกมาระบุว่า หากความขัดแย้งยังไม่ยุติ และหันหน้ามาสู่การเจรจากัน อาจจะส่งผลให้เกิดความรุนแรงทางการเมือง ว่า ส่วนตัวเห็นด้วย และอยากให้เกิดการเจรจา อยากเห็นบ้านเมืองแก้ปัญหาด้วยความสงบ ไม่อยากเห็นบ้านเรามีความแตกแยกไปเรื่อยๆ และนำไปสู่ความรุนแรง และความสูญเสีย เพราะที่ผ่านมาเราเจ็บปวดมามากแล้ว
ส่วนกรณีที่ ผบ.ทบ. สั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ลงไปตรวจสอบความเคลื่อนไหวในพื้นที่ หลังจากมีข่าวกองกำลังเสื้อแดงติดอาวุธ และยุยงให้เกิดความแตกแยกนั้น นายกฯ กล่าวว่า การตรวจสอบคงต้องดูในทุกๆ ฝ่าย เพื่อไม่ให้มีความรุนแรง จึงอยากให้ใช้โอกาสนี้ โดยเฉพาะ ผบ.ทบ.ในฐานะ ผอ.รมน. ได้ช่วยกันอำนวยความสะดวกการเลือกตั้ง เพื่อให้ทุกพื้นที่ มีความปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ประกาศชัดเจนแล้วว่า จะไม่มีการเจรจาใดๆ กับรัฐบาล นายกฯกล่าวว่า ถ้านายสุเทพ เห็นแก่ประเทศ ก็มาพูดจากันเถอะ ตนไม่ได้ปฏิเสธการพูดคุย
**"จารุพงศ์"ดักคอ"บิ๊กตู่"ไม่ทำปฏิวัติ
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เกรงเกิดสงครามกลางเมืองว่า ทุกฝ่ายต้องช่วยกันลดความรุนแรง ไม่ใช่เติมเชื้อให้เกิดความรุนแรง อะไรที่ควรคุยกันด้วยเหตุด้วยผลก็ควรทำ วิกฤติการขัดแย้งที่ยึดเยื้อยาวนาน หาที่จบไม่เจอตั้งแต่ปี 2549 แบ่งกลุ่ม แบ่งฝ่าย แต่ละกลุ่มมีจำนวนมากขึ้น ทำให้เกิดอันตรายได้ ไม่อยากให้เกิดการเผชิญหน้า และอยากเห็นความยุติธรรมเกิดขึ้น หากปัญหามากขึ้น ก็เกิดการปฏิวัติ แต่ก็เชื่อทหารไม่ปฏิวัติ เพราะเข็ดแล้ว คุมไม่อยู่ คนปฏิวัติก็กลายเป็นหมาหัวเน่า พล.อ.ประยุทธ์ ก็เคยอยู่ในพื้นที่ เห็นแล้วว่ารุ่นพี่เป็นอย่างไร เขาก็จะเกษียณอยู่แล้ว เขาก็ไม่เอา นายกฯ ก็ไม่ล้ม แค่อ่อนแอ ที่สุดแล้วการปะทะกัน มีเสียงระเบิดก็เหมือนสงครามย่อยๆ ซึ่งตรงนี้จะระงับได้ คือ การหันมาคุยกัน
เมื่อถามว่ากรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม อดีตทหารในหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (ผบ.นสร.) หรือ หน่วยซีล ที่ จ.ระยอง ซึ่งถูกระบุว่าเป็นทีมสังหารนายกฯ นายจารุพงศ์ ตอบว่า พบว่าลาออกไปเป็นนานแล้ว จะผิดปกติตรงที่พบว่า มีการสะสมอาวุธปืนไว้เป็นจำนวนมาก ส่วนมีแผนสังหารนายกฯ จริงหรือไม่ ตนยังไม่เชื่อว่าคนไทยจะทำไม่ถึงขนาดนั้นได้ ราคาขู่มีเยอะทุกวันนี้ แต่ประมาทไม่ได้ การดูรักษาความปลอดภัยนายกฯ ก็ต้องยกระดับไปตามเหตุการณ์
***"สมชัย"เดินหน้าเป็นคนกลางเจรจา
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณี นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า การเจรจาระหว่างแกนนำพรรคเพื่อไทย และกลุ่มกปปส. ที่นายสมชายได้เข้าพบหลวงปู่พุทธะอิสระ แกนนำ กปปส. จะเป็นการเจรจาครั้งสุดท้ายว่า คนที่ตนขอคุยด้วย ไม่ใช่ที่ปรึกษากฎหมายพรรคเพื่อไทย ไม่เกี่ยวข้องกับคนดังกล่าว ถ้าไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมืองที่จะช่วยแก้ปัญหาได้ ก็ไม่ควรมายุ่ง ส่วนการนัดหมายให้มีการเจรจาก็ยังคงดำเนินต่อ ซึ่งขณะนี้ตนได้กำหนดรายชื่อผู้ที่จะเข้าร่วมการเจรจาฝั่งรัฐบาล 2 คน และฝั่ง กปปส. 2 คน แต่ไม่ขอเปิดเผยรายชื่อ เพราะหวังว่าการเจรจาจะสามารถหาทางออกให้กับปัญหาได้ ส่วนใครที่ไม่อยากคุยก็ไม่ต้องมาคุย แต่ถ้าอยากเห็นบ้านเมืองสงบ ก็ให้มาคุยกัน
** ทบ.เพิ่มจุดตรวจ176 จุดรอบม็อบ
พล.ต.วราห์ บุญญะสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1รอ.) ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังทหาร กล่าวถึงการปรับกำลังเพื่อรักษาความปลอดภัย ว่า ได้มีการประชุมปรับเปลี่ยนมาตรการรักษาความปลอดภัย หลังจากมีเหตุการณ์คนร้ายก่อเหตุรุนแรงบริเวณที่ชุมนุมของกลุ่ม กปปส. อย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการเพิ่มจุดตรวจ จุดเฝ้าระวัง แบ่งเป็นโซนชั้นนอก และโซนชั้นใน โดยเพิ่มจุดตรวจเป็น 176 จุด โดยรอบพื้นที่ที่มีการชุมนุมทุกจุด และสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ ที่อาจล่อแหลมต่อการถูกก่อเหตุรุนแรง รวมถึงพื้นที่ที่มีประชาชนจำนวนมาก เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับทุกฝ่ายทั้งประชาชน เจ้าหน้าที่ และผู้ร่วมชุมนุม
***เปิดภาพวงจรปิดล่าตัวคนร้ายปาปึ้ม
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีคนร้ายขว้างระเบิดและใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงใส่เวที กปปส.ตราด เมื่อคืนวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า พล.ต.ต.ถิร์ทัต บูรณะรัช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) ตราด ได้ประชุมชุดคลี่คลายคดีที่ตำรวจภูธรภาค 2 โดยได้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ซึ่งกำลังตรวจสอบและติดตามตัวอยู่
***สุดเศร้าญาติรับศพ "น้องขิม"
ที่โรงพยาบาลระยอง นางอุทัย โปรษยะบุตร พร้อมนายสุทธิ กาญจนสมบัติ สมาชิกสภาเทศบาลตำบล (สต.) บ่อพลอย นางนฤมล รอสูงเนิน และญาติจำนวนหลายคนเดินทางมารับศพ ด.ญ.ณัฎฐชยา รอสูงเนิน หรือ “น้องขิม” อายุ 5 ขวบ ที่ถูกคนร้ายขว้างระเบิด และใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงใส่เวที กปปส. จ.ตราด เมื่อคืนวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา ทำให้น้องขิมถูกยิงเข้าที่บริเวณท้ายทอยกระสุนฝังใน และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา
นายเอนก รอสูงเนิน บิดาของน้องขิม กล่าวว่า จนถึงวันนี้ผมพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เพราะเสียใจมาก คนร้ายใจคอโหดเหี้ยมมากที่กระทำการร้ายแรงแบบนี้ ผมขอประณาม ขอให้เขาตายตกไปตามกัน
***บึมลานจอดรถไทยพีบีเอสไม่มีใครเจ็บ
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เวลา 19.10 น. วานนี้ (26 ก.พ.) ได้เกิดเหตุระเบิด 2 ครั้งที่ลานจอดรถสำนักงานสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ตั้งอยู่ซอยวิภาวดีรังสิต 60 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. ทำให้รถยนต์ของพนักงาน 2 คัน ที่จอดอยู่ ได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก สตช. กล่าวว่วา คนร้ายยิงระเบิดชนิด M79 ทั้งสิ้น 3 ลูก โดย 2 ลูก ตกที่ลานจอดรถ และเกิดระเบิดขึ้น จนรถยนต์ได้รับความเสียหาย อีกลูกหนึ่งข้ามไปตกที่เต็นท์บริเวณทางเข้าสโมสรตำรวจ แต่ไม่ระเบิด เบื้องต้นคาดว่า น่าจะยิงมาจากถนนวิภาวดี โดยใช้ทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ส่วนที่มีข่าวว่า ระเบิดตกที่บ้านพัก พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน ยังไม่ได้รับรายงาน คาดว่าอาจมีการเข้าใจผิด