ASTVผู้จัดการรายวัน – “โออิชิ” ยอมรับ ปีที่แล้วกำไรร่วงหนัก 30% เป็นครั้งแรก เหตุปัจจัยลบมาก ยันปีนี้กลับมารุกตลาดหนัก ชู 3 กลยุทธ์หลักเดินหน้า ผนึกเครือข่ายสร้างแกร่ง พร้อมลงทุน 2,000 ล้านบาท สยายปีกต่างประเทศมากขึ้น ลั่นแผน 5 ปีถึงปี 2561 จะมีรายได้รวม 30,000 ล้านบาท
นายมารุต บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน ) เปิดเผยว่า บริษัทฯยอมรับว่าผลประกอบการปีที่แล้ว 2556 ผลกำไรโดยรวมลดลง 30% โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องดื่มมยอดขายที่ลดลง 1% จากเดิม 6,314 ล้านบาท เหลือ 6,232 ล้านบาท ส่วนกำไรลดลง 30% จาก 537 ล้านบาท เหลือ 374 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มอาหารรายได้เพิ่มขึ้น 12% กำไรเพิ่ม 56% ส่งผลกำไรลดลงโดยรวม 30% จาดเดิม 654 ล้านบาท เหลือ 456 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมปีที่แล้วมี 12,208 ล้านบาท เติบโต 5% แบ่งเป็นกลุ่มอาหาร รายได้ 5,976 ล้านบาท สัดส่วน 49% และรายได้กลุ่มเครื่องดื่ม 6,232 ล้านบาท สัดส่วน 51% ซึ่งยอมรับว่าเป็นปีแรกที่ผลกำไรลดลงมากถึงขนาดนี้
โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องดื่มชาเขียวนั้เป็นเพราะแข่งขันรุนแรง กำลังซื้อลดลง และปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี ส่วนธุรกิจอาหารนั้นไปได้ดี มีการขยายตัวต่อเนื่อง แต่ก็แข่งขันรุนแรงเช่นกัน ปีนี้เราพร้อมที่จะกลับมาทำการตลาดเชิงรุกมากขึ้นแล้ว หลังจากที่มีการปรับโครงสร้างองค์กร โดยชู 3 กลยุทธ์หลักคือ 1.การผนึกกำลังกันกับบริษัทในเครือไทยเบฟด้วยกันคือ เสริมสุข เอฟแอนด์เอ็นและโออิชิ ในการนำศักยภาพเครือข่าย โลจิสติกส์ ทั้งในและต่างประเทศมาใช้ร่วมกัน 2.การพัฒนาระบบการผลิต การตลาด การส่งเสริมการขาย การจำหน่าย โดยแพาะในต่างประเทศ และ 3. การพัฒนาทีมงานและระบบงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับแผนงาน 5 ปีจากนี้ (2557 – 2561 ) ซึ่งเป็นการปรับใหม่จากเดิมเริ่มเมื่อปี 2555 เพราะมีการปรับโครงสร้างบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวม 30,000 ล้านบาท แบ่งเปน็ กลุ่มเครื่องดื่ม 17,000 ล้านบาท และกลุ่มอาหาร 13,000 ล้านบาท
นายมารุตกล่าว่า ส่วนแผนงานในปี 2557 นี้ ตั้งงบลงทุนรวมไว้ที่ 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการขยายกำลังการผลิต 1,100 ล้านบาท ค่าก่อสร้างแวร์เฮาส์ 200 ล้านบาท การขยายธุรกิจร้านอาหาร 600 ล้านบาท และอื่นๆ 100 ล้านบาท อย่างไรก็ตามยังมีการขยายกิจการด้วยการซื้อกิจการหรือเทคโอเวอร์ด้วยหากมีความเหมาะสม โดยตั้งเป้าหมายรายได้รวมปีนี้ไว้ที่ 15,000 ล้านบาท เติบโต 23% ซึ่งยอมรับว่าต่ำกว่าในอดีตที่เคยตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 27-28%
นายไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหาร กล่าวว่า โออิชิมีส่วนแบ่งตลาด 27-30% ในตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีมูลค่ารวมกว่า 22,000 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 7,700 ล้านบาท ตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่ 50 สาขา เน้นแบรนด์ชาบูชิ งบลงทุน 600 ล้านบาท และเป็นการขยายต่างประเทศด้วย เริ่มที่ประเทศพม่าก่อน จะเปิดไตรมาสสองจำนวน 2 สาขาที่ย่างกุ้งและมัฌฑะเลย์ รวมทั้งการทำตลาดส่งออกสินค้าสแน๊กและอาหารแช่เย็นแช่แข็งไปต่างประเทศ
ขณะที่ในปี 2559 คาดว่าจะมีสาขารวมประมาณ 270 สาขา และมีรายได้กลุ่มอาหารไว้ 13,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ไทย 9,000 ล้านบาท และต่างประเทศ 4,000 ล้านบาท
นางสาวเจษฎากร ธราธิป ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม กล่าวว่า ปัจจุบันโออิชิเป็นผู้นำตลาดชาเขียวด้วยส่วนแบ่งล่าสุดเดือนธันวาคมเมื่อปี2556 ประมาณ 43.5% ส่วนอันดับที่สองมีแชร์ 23% ส่วนปีนี้ตั้งเป้าหมายการเติบโตกลุ่มเครื่องดื่มไว้ที่ 18% ซึ่งล่าสุดซัมเมอร์นี้ใช้งบตลาดรวมกว่า 500 ล้านบาท และน่าจะผลักดันให้โออิชิรักษาความเป็นผู้นำได้ต่อไป และจะเน้นตลาดต่างประเทศมากขึ้นด้วย
นายมารุตกล่าวต่อว่า เริ่มใช้เครือข่ายในเครือมาสร้างศักยภาพแล้ว เช่น การส่งออกต่างประเทศของเครื่องดื่มชาเขียวโออิชิ เช่น การใช้ช่องทางของเอฟแอนด์เอ็นในมาเลเซียทำตลาดและขนส่งให้กับโออิชิ ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ต่อไปก็จะบุกตลาดพม่า สิงคโปร์ ซึ่งที่พม่าเรามีเอเยนต์ทำอยู่แล้วแต่อาจจะพิจารณาให้เครือข่ายของเอฟแอนด์เอ็นทำต่อก็ได้ เป็นการเข้าสู่ตลาดที่ง่ายขึ้น ซึ่งปัจจุบันโออชิมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศไม่ถึง 10% โดยรวม
นายมารุต บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน ) เปิดเผยว่า บริษัทฯยอมรับว่าผลประกอบการปีที่แล้ว 2556 ผลกำไรโดยรวมลดลง 30% โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องดื่มมยอดขายที่ลดลง 1% จากเดิม 6,314 ล้านบาท เหลือ 6,232 ล้านบาท ส่วนกำไรลดลง 30% จาก 537 ล้านบาท เหลือ 374 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มอาหารรายได้เพิ่มขึ้น 12% กำไรเพิ่ม 56% ส่งผลกำไรลดลงโดยรวม 30% จาดเดิม 654 ล้านบาท เหลือ 456 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมปีที่แล้วมี 12,208 ล้านบาท เติบโต 5% แบ่งเป็นกลุ่มอาหาร รายได้ 5,976 ล้านบาท สัดส่วน 49% และรายได้กลุ่มเครื่องดื่ม 6,232 ล้านบาท สัดส่วน 51% ซึ่งยอมรับว่าเป็นปีแรกที่ผลกำไรลดลงมากถึงขนาดนี้
โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องดื่มชาเขียวนั้เป็นเพราะแข่งขันรุนแรง กำลังซื้อลดลง และปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี ส่วนธุรกิจอาหารนั้นไปได้ดี มีการขยายตัวต่อเนื่อง แต่ก็แข่งขันรุนแรงเช่นกัน ปีนี้เราพร้อมที่จะกลับมาทำการตลาดเชิงรุกมากขึ้นแล้ว หลังจากที่มีการปรับโครงสร้างองค์กร โดยชู 3 กลยุทธ์หลักคือ 1.การผนึกกำลังกันกับบริษัทในเครือไทยเบฟด้วยกันคือ เสริมสุข เอฟแอนด์เอ็นและโออิชิ ในการนำศักยภาพเครือข่าย โลจิสติกส์ ทั้งในและต่างประเทศมาใช้ร่วมกัน 2.การพัฒนาระบบการผลิต การตลาด การส่งเสริมการขาย การจำหน่าย โดยแพาะในต่างประเทศ และ 3. การพัฒนาทีมงานและระบบงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับแผนงาน 5 ปีจากนี้ (2557 – 2561 ) ซึ่งเป็นการปรับใหม่จากเดิมเริ่มเมื่อปี 2555 เพราะมีการปรับโครงสร้างบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวม 30,000 ล้านบาท แบ่งเปน็ กลุ่มเครื่องดื่ม 17,000 ล้านบาท และกลุ่มอาหาร 13,000 ล้านบาท
นายมารุตกล่าว่า ส่วนแผนงานในปี 2557 นี้ ตั้งงบลงทุนรวมไว้ที่ 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการขยายกำลังการผลิต 1,100 ล้านบาท ค่าก่อสร้างแวร์เฮาส์ 200 ล้านบาท การขยายธุรกิจร้านอาหาร 600 ล้านบาท และอื่นๆ 100 ล้านบาท อย่างไรก็ตามยังมีการขยายกิจการด้วยการซื้อกิจการหรือเทคโอเวอร์ด้วยหากมีความเหมาะสม โดยตั้งเป้าหมายรายได้รวมปีนี้ไว้ที่ 15,000 ล้านบาท เติบโต 23% ซึ่งยอมรับว่าต่ำกว่าในอดีตที่เคยตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 27-28%
นายไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหาร กล่าวว่า โออิชิมีส่วนแบ่งตลาด 27-30% ในตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีมูลค่ารวมกว่า 22,000 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 7,700 ล้านบาท ตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่ 50 สาขา เน้นแบรนด์ชาบูชิ งบลงทุน 600 ล้านบาท และเป็นการขยายต่างประเทศด้วย เริ่มที่ประเทศพม่าก่อน จะเปิดไตรมาสสองจำนวน 2 สาขาที่ย่างกุ้งและมัฌฑะเลย์ รวมทั้งการทำตลาดส่งออกสินค้าสแน๊กและอาหารแช่เย็นแช่แข็งไปต่างประเทศ
ขณะที่ในปี 2559 คาดว่าจะมีสาขารวมประมาณ 270 สาขา และมีรายได้กลุ่มอาหารไว้ 13,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ไทย 9,000 ล้านบาท และต่างประเทศ 4,000 ล้านบาท
นางสาวเจษฎากร ธราธิป ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม กล่าวว่า ปัจจุบันโออิชิเป็นผู้นำตลาดชาเขียวด้วยส่วนแบ่งล่าสุดเดือนธันวาคมเมื่อปี2556 ประมาณ 43.5% ส่วนอันดับที่สองมีแชร์ 23% ส่วนปีนี้ตั้งเป้าหมายการเติบโตกลุ่มเครื่องดื่มไว้ที่ 18% ซึ่งล่าสุดซัมเมอร์นี้ใช้งบตลาดรวมกว่า 500 ล้านบาท และน่าจะผลักดันให้โออิชิรักษาความเป็นผู้นำได้ต่อไป และจะเน้นตลาดต่างประเทศมากขึ้นด้วย
นายมารุตกล่าวต่อว่า เริ่มใช้เครือข่ายในเครือมาสร้างศักยภาพแล้ว เช่น การส่งออกต่างประเทศของเครื่องดื่มชาเขียวโออิชิ เช่น การใช้ช่องทางของเอฟแอนด์เอ็นในมาเลเซียทำตลาดและขนส่งให้กับโออิชิ ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ต่อไปก็จะบุกตลาดพม่า สิงคโปร์ ซึ่งที่พม่าเรามีเอเยนต์ทำอยู่แล้วแต่อาจจะพิจารณาให้เครือข่ายของเอฟแอนด์เอ็นทำต่อก็ได้ เป็นการเข้าสู่ตลาดที่ง่ายขึ้น ซึ่งปัจจุบันโออชิมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศไม่ถึง 10% โดยรวม