xs
xsm
sm
md
lg

“โออิชิ” บุกตลาดอีสานใต้ ส่ง 2 แบรนด์ลุยอาหารญี่ปุ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไพศาล อ่าวสถาพร
“โออิชิ กรุ๊ป” บุกพื้นที่อีสานใต้ ส่งร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นนำ 2 แบรนด์ดังลุยเจาะตลาดรับเทรนด์ ทั้ง “ชาบูชิ และ “โออิชิ ราเมน” มัดใจชาวอีสานใต้ คาดภายในสิ้นปีดันรายได้รวมธุรกิจอาหารแตะ 7,000 ล้านบาท

นายไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหาร บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคชาวอีสานช่วงหลายปีที่ผ่านมามีไลฟ์สไตล์เปลี่ยนแปลงใกล้เคียงคนกรุงเทพฯ มากขึ้น เนื่องจากชาวอีสานมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น จากนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท รวมทั้งการขยายตัวของหัวเมืองใหญ่ส่งผลให้มีงานมากขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดหัวเมืองใหญ่ เช่น นครราชสีมา ขอนแก่น และอุดรธานี เป็นต้น

ดังนั้น ร้านอาหารญี่ปุ่นในเครือโออิชิเล็งเห็นความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจึงได้เริ่มทำตลาดในจังหวัดขอนแก่นเป็นลำดับแรกก่อน ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีเกินคาด จากนั้นจึงได้ขยายร้านอาหารญี่ปุ่นในเครือโออิชิเพิ่มเป็น 19 สาขาในเวลาต่อมา แบ่งเป็น ร้านชาบูชิ 13 สาขา โออิชิ ราเมน 8 สาขา โออิชิ บุฟเฟต์ 1 สาขา และนิกุยะ 1 สาขา

ทั้งนี้ ในช่วงเดือนธันวาคมนี้เตรียมขยายสาขาเพิ่มอีก 4 สาขาไปยังหัวเมืองรองอย่างจังหวัดบุรีรัมย์ และสุรินทร์ ประกอบด้วย ร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นนำ ชาบูชิ (Shabushi by OISHI) สองความอร่อยสไตล์ญี่ปุ่นยอดนิยม ทั้งชาบู-ชาบู...สุกี้หม้อไฟ และซูชิ...ข้าวปั้นสารพัดหน้า จำนวน 2 สาขา และโออิชิ ราเมน (OISHI Ramen) อร่อยเส้น อร่อยซุป อีก 2 สาขา ทำให้สิ้นปีนี้จะมีร้านอาหารในเครือโออิชิในพื้นที่ภาคอีสานรวมทั้งสิ้น 23 สาขา (จาก 190 สาขาทั่วประเทศ) พร้อมทั้งผลักดันให้ปีนี้สามารถปิดรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 7,000 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นราว 33%

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมธุรกิจอาหารญี่ปุ่นมีมูลค่าสูงถึง 22,000 ล้านบาท โดยโออิชิกรุ๊ปมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 7,000 ล้านบาท หรือประมาณ 33% ซึ่งรายได้ของโออิชิกรุ๊ปมาจากภาคอีสานถึง 25% โดยธุรกิจอาหารเมื่อปีที่แล้วมียอดขายอยู่ที่ 5,300 ล้านบาท

สำหรับร้านชาบูชิ และโออิชิ ราเมน สาขาโรบินสัน จังหวัดสุรินทร์ พร้อมเปิดให้บริการในวันที่ 20 ธันวาคม 2556 ส่วนสาขาห้างทวีกิจซุปเปอร์เซ็นเตอร์ (วีมาร์ท) จังหวัดบุรีรัมย์นั้นพร้อมเปิดให้บริการในวันที่ 21 ธันวาคม 2556 เป็นต้นไป โดยใช้งบประมาณในการขยายสาขารวมกว่า 50 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น