xs
xsm
sm
md
lg

ออมสินอุดไม่อยู่ ยอดถอน2วัน7หมื่นล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ยอดถอนเงินแบงก์ออมสินฉุดไม่อยู่ 2 วันพุ่ง 7 หมื่นล้านบาท ส่วนเงินฝากเข้ามาเพียง 2 หมื่นล้าน “วรวิทย์” ยื่นใบลาออกตำแหน่งผอ.แบงก์ออมสินแสดงความรับผิดชอบหลังตัดสินใจผิดพลาดปล่อยกู้อินเตอร์แบงก์ให้ธ.ก.ส. 5 พันล้านบาท ฉุดความเชื่อมั่นประชาชนแห่ถอนเงินกว่า 7 หมื่นล้าน ฝ่ายบริหารเตรียมทำหนังสือถึงธ.ก.ส.ส่งเงิน 5 พันล้านบาทคืนโดยเร็งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและกู้ภาพลักษณ์ให้กับธนาคาร ขณะที่ต่างจังหวัดยังทยอยถอนเงินอย่างต่อเนื่องจนเงินสดหมดต้องจ่ายเช็คแทน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวานนี้ (18 ก.พ.) ที่ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ สะพานควายในช่วงบ่าย ยังคงมีพนักงานบางกลุ่มจับกลุ่มชุมนุมรอผลการเจรจาของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจธนาคารออมสิน (สร.อส.) ที่เดินทางไปหารือร่วมหารือกับบอร์ดที่โรงแรมสวิส โซเทล เลอ คองคอร์ด โดยนายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ กรรมการ ธนาคาร ออมสินกล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบใน 3 เรื่องคือ ยกเลิกวงเงินกู้อินเตอร์แบงก์ที่ให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทั้งจำนวน 2 หมื่นล้านบาท โดยจะออกเป็นหนังสือแจ้งให้ทราบในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ และจะเรียกคืนเงินที่อนุมัติไปแล้วก่อนหน้า 5 พันล้านบาท พร้อมทั้งขอให้ธ.ก.ส.ออกมาชี้แจงการขอกู้ดังกล่าว เนื่องจากให้เหตุผลในการกู้ไม่ตรงกัน โดยธ.ก.ส.ได้ให้เหตุผลในการกู้ว่าจะนำไปเสริมสภาพคล่อง แต่ข่าวที่ออกมาคือนำไปใช้ในโครงการรับจำนำข้าว และยืนยันว่า มีสภาพคล่องเพียงพอ เพราะการขอกู้เป็นการขอกู้แบบ Call Interbank ซึ่งธนาคารได้มีการบันทึกข้อมูลในการข้อกู้ไว้อย่างชัดเจน

“กรณีที่ประชาชน ยังคงถอนเงินออกจากธนาคารมองว่าเป็นความสมัครใจของแต่ละบุคคล แต่เชื่อว่า มติดังกล่าวจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนให้กลับมาได้ ขณะที่ความเชื่อมั่นของพนักงาน ทางคณะกรรมการจะชี้แจงข้อเท็จจริงและมติในครั้งนี้ให้กับพนักงานรับทราบ ซึ่งเชื่อว่า จะเกิดความเข้าใจระหว่างพนักงานในองค์กรมากขึ้น”นายวิศิษฐ์กล่าวและว่า ไม่ได้เห็นหนังสือลาออกจากนายวรวิทย์ ผู้อำนวยการ ออมสิน ตามที่มีกระแสข่าวว่า นายวรวิทย์เตรียมลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุมเสร็จ บอร์ดออมสินได้เดินทางมาชี้แจงกับพนักงานที่สำนักงานใหญ่ แต่ได้รับการโห่ร้อง และเรียกร้องให้บอร์ดและนายวรวิทย์ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยนายวรวิทย์กล่าวกับพนักงานว่า ไม่ต้องห่วง ผมถือหนังสือไปลาออกมาแล้ว แต่บอร์ดเดินลุกหนีจากที่ประชุมทั้งคณะ ทำให้ไม่พอใจโห่ไล่อย่างดัง และบรรยากาศเต็มไปด้วยความวุ่นวาย

ด้านายวรวิทย์เดินออกมาจากห้องประชุมด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและมีนัำตาคลอเบ้า ก่อนจะแถลงต่อสื่อมวลชนว่า ได้ประกาศและยื่นหนังสือลาออกให้กับประธานบอร์ด ออมสินไปแล้ว เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะมองว่า เป็นเรื่องความขัดแย้งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้จะยังเชื่อมั่นว่า การดำเนินการในครั้งนี้เป็นกระบวนการที่ถูกต้อง ตามขั้นตอน แต่เมื่อส่งผลกระทบต่อวงกว้างและความเชื่อมั่นของธนาคาร ซึ่งคาดว่า จะมาจากการสื่อสารที่ผิดพลาดของตนเอง ดังนั้น ในฐานะผู้บริหารสูงสุดของธนาคาร จึงต้องแสดงความรับผิดชอบเพียงผู้เดียว เพื่อให้ธนาคารเดินหน้าต่อไปได้ เพราะหากให้บอร์ดลาออกทั้งชุด จะส่งผลเสียต่อการดำเนินงานของธนาคาร ที่ต้องหยุดชะงัก เนื่องจากรัฐบาลรักษาการ ไม่สามารถแต่งตั้งบอร์ดธนาคารได้ในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านนี้ จะทำให้งานที่บอร์ดต้องพิจารณาทุกเดือนหยุดชะงัดไป จึงขอร้องให้พนักงานหยุดกดดันให้บอร์ดลาออกไปด้วย

“ผมยอมรับว่า ประเมินเรื่องนี้พลาดไป เพราะคิดว่าเป็นเพียงการปล่อยกู้อินเตอร์แบงก์ ซึ่งเป็นธุรกรรมปกติของธนาคาร และไม่คิดว่าผลกระทบจะรุนแรงขนาดนี้ จึงได้คิดถึงเรื่องนี้มา 2-3 วันแล้วก่อนจะยื่นหนังสือ และบอร์ดเองจะยับยั้งไม่ได้ เพราะเป็นเจตนารมณ์ของผมเอง ซึ่งจะมีผลภายใน 30 วัน ซึ่งในระหว่างนี้ หากพนักงานต้องการให้ผมกู้ชื่อเสียงของธนาคารกลับมา ก็พร้อมจะทำงานอย่างเต็มที่ แต่หากพนักงานไม่สบายใจ เคลือบแคลง เพราะเห็นว่า ผมมีความใกล้ชิดกับรัฐบาล ก็จะหยุดภารกิจที่เกี่ยวข้องกับธนาคารทันที และมอบหมายให้รองผู้อำนวยการดำเนินงานแทน เพราะผมต้องการให้องค์กรนี้อยู่ต่อไป”นายวรวิทย์กล่าวและว่า ยอมรับว่า มีความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาได้ทุ่มเทในการทำงานที่ออมสินอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เป็นคณะกรรมการ ผู้ช่วยผู้จัดการ จนกลับเข้ามาในตำแหน่งผู้อำนวยการ ซึ่งเห็นได้จากในปี 2556 ได้คะแนนผลการประเมิน 100 คะแนนเต็ม เพราะฉะนั้น จึงบ่งบอกว่าตั้งใจทำงานที่ออมสินอย่างเต็มที่

*** เตรียมเรียกคืนเงิน 5 พันล้านบ.

นายธัชพล กาญจนกูล รองผู้อำนวยการ ธนาคารออมสิน อาวุโส กล่าวว่า สำหรับวงเงินกู้อินเตอร์แบงก์ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กู้ไป 5 พันล้านบาทนั้นยังไม่มีการโอนกลับคืนธนาคารออมสินแต่อย่างใด โดยทางธนาคารออมสินจะทำหนังสือมวงไปยังธ.ก.ส.อีกครั้งเพื่อให้ตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) ที่ออกให้ในครั้งนี้โอนคืนกลับมายังธนาคารออมสินโดยเร็ว หากปล่อยไว้นานก็จะมีความเสียหายเกิดขึ้นโดยเงินจะไหลออกไม่หยุดจึงต้องรีบดึงเงินจำนวนนี้กลับมาโดยเร็วที่สุดเพื่อแก้ปัญหาให้กับธนาคารออมสิน

“หลังจากบอร์ดอนุมัติให้ระงับเงินกู้อินเตอร์แบงก์วงเงิน 2 หมื่นล้านบาทก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายจัดการที่ต้องเรียกคืนเงินกลับมาโดยเร็วที่สุด โดยไม่เกี่ยวกับสภาพคล่องของธนาคารแต่เป็นเรื่องการเรียกความเชื่อมั่นของลูกค้าให้กลับคืนมาโดยเร็ว” นายธัชพลกล่าว

***ถอนเงินพุ่ง 7 หมื่นล้านบาท

รายงานข่าวแจ้งว่ายอดการถอนเงินของธนาคารออมสินในวันนี้ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ยอดฝาก 1.2 หมื่นล้านบาท รวม 2 วันมียอดถอนเงินทั้งสิ้น 7 หมื่นล้านบาท ฝาก 2.2 หมื่นล้านบาท ยอดถอนสุทธิกว่า 5 หมื่นล้านบาท

***ชาวอุบลฯ แห่ถอนเงิน-ปิดบัญชี

สำหรับบรรยากาศที่ธนาคารออมสิน สาขา อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี มีประชาชนมารอใช้บริการตั้งแต่ธนาคารยังไม่เปิดให้บริการ เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดประตูให้เข้าใช้บริการประชาชนเข้าทยอยเบิกเงินและบางรายถึงกับปิดบัญชี โดย น.ส.พิสมัย ศรีสมาน อายุ 47 ปี ชาว อ.วารินชำราบ ระบุว่า ไม่มั่นใจหลังธนาคารปล่อยกู้ให้รัฐบาลในโครงการรับจำนำข้าว รวมทั้งไม่พอใจนายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ซึ่งเคยออกมาให้ความมั่นใจจะไม่มีการนำเงินฝากของประชาชนปล่อยกู้ให้แก่โครงการดังกล่าว แต่วันนี้กลับมีการปล่อยเงินให้รัฐบาลกู้นำไปจ่ายให้ชาวนา จึงมาปิดบัญชีเพื่อความสบายใจไว้ก่อน

นอกจากนี้ ยังมีประชาชนบางรายนำสลากออมสินที่ซื้อไว้มาขายคืนทางธนาคารในวันนี้ด้วย ขณะที่พนักงานธนาคารออมสินที่มาให้บริการแก่ประชาชนทั้งหมดต่างแต่งกายด้วยชุดสีดำตามที่สหภาพฯ ธนาคารออมสินขอความร่วมมือ เพื่อแสดงการคัดค้านการที่ธนาคารปล่อยเงินกู้ให้ ธ.ก.ส.นำไปจ่ายเงินเป็นค่าข้าวเปลือกให้แก่ชาวนา นอกจากพนักงานธนาคารออมสิน สาขา อ.วารินชำราบ จะแต่งกายด้วยชุดสีดำแล้วพนักงานทุกสาขาของจังหวัดก็พร้อมใจกันแต่งดำด้วย

**ออมสินระนองขึ้นป้ายไม่มีเงินสดจ่าย

ส่วนที่ธนาคารออมสิน สาขาระนอง ถ.ท่าเมือง อ.เมือง จ.ระนอง ลูกค้าธนาคารออมสิน สาขาระนอง ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุแห่ถอนเงิน และปิดบัญชีจำนวนมาก โดยนายอนันต์ วิเชียรรัตน์ อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/7 ม.3 ต.ทรายแดง อ.เมืองระนอง กล่าวว่า วันนี้มาธนาคารออมสินเพื่อถอนเงินและปิดบัญชีประเภทเงินฝากประจำ ซึ่งเปิดบัญชีกับธนาคารมานานมาก และตลอดชีวิตตนได้ฝากเงินไว้กับธนาคารออมสินเพียงแห่งเดียวเท่านั้น แต่ตอนนี้ตนมีความไม่มั่นใจในสภาพคล่องทางการเงินของธนาคารออมสิน รวมถึงรัฐบาลที่จะนำเงินไปใช้จ่ายในโครงการรับจำนำข้าว จึงตัดสินใจมาถอนเงิน และปิดบัญชีของธนาคารดังกล่าว

ด้านนายบรรยงค์ มีวิเศษ ผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาระนอง ได้กำชับพนักงาน และเจ้าหน้าที่ของธนาคารออมสิน สาขาระนอง ให้บริการการทำธุรกรรมทางการเงิน และอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าอย่างเต็มที่ โดยทางธนาคารได้เตรียมเงินสดไว้ให้ประชาชนเบิกถอนจำนวน 20 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ที่ประตูกระจกทางเข้าธนาคารเจ้าหน้าที่ได้นำกระดาษเขียนขอความมาปิดประกาศเพื่อแจ้งให้ลูกค้าที่มาใช้บริการของธนาคารว่า "เรียนลูกค้าธนาคารออมสิน ลูกค้าที่ประสงค์จะถอนเงินสามารถรับเงินได้ประมาณบ่ายโมงเป็นต้นไป ...ขออภัยในความไม่สะดวก..ธนาคารออมสินสาขาระนอง"

**ออมสินในหาดใหญ่ป่วนคนแห่ถอนเงิน

ส่วนบรรยากาศธนาคารออมสินที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทุกสาขาเกิดความวุ่นวายและปั่นป่วนอย่างหนัก เนื่องจากมีประชาชนแห่กันไปถอนเงินและปิดบัญชีตั้งแต่ช่วงเช้า เนื่องจากขาดความเชื่อมั่นกับทางธนาคาร กรณีปล่อยเงินกู้ให้ ธ.ก.ส.ใช้ในโครงการรับจำนำข้า โดยเฉพาะที่ธนาคารออมสิน สาขาศรีภูวนารถ ทั้งรถโมบายของธนาคารที่ให้บริการทำธุรกรรมทางการเงินด้านนอก และภายในธนาคารเคาน์เตอร์บริการปกติ เนืองแน่นไปด้วยประชาชนจนล้นทะลักออกมาด้านนอก และไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลังเปิดทำการ เงินในรถโมบายถึงกับหมดเกลี้ยง สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนอย่างมาก โดยทางธนาคารต้องเร่งนำเงินมาเติมและยืนยันกับประชาชนว่ามีเงินเพียงพอในการเบิกถอนเงิน

ขณะที่พนักงานธนาคารออมสินทุกสาขาใน จ.สงขลา ต่างแต่งกายชุดดำ เพื่อแสดงอารยะขัดขืนตามมติของสหาภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจธนาคารออมสิน เพื่อคัดค้านการกู้เงินของ ธ.ก.ส.

**"ชาวชุมพร" แห่ถอนเงินจนไม่พอจ่าย

ที่ธนาคารออมสิน สาขาละแม อ.ละแม จ.ชุมพร ตั้งแต่ช่วงเช้าเป็นต้นมาประชาชนที่ฝากเงินใว้กับธนาคารออมสินร่วม 1,000 คนได้พากันมาขอถอนเงินและปิดบัญชี ทำให้ต้องเข้าคิวกันยาวเหยียด และแออัดเต็มธนาคาร ส่งผลให้ธนาคารไม่มีเงินจ่าย และขอจ่ายเป็นเช็คเงินสด แต่ชาวบ้านไม่ยอม จึงนัดให้มาเอาเงินในช่วงเย็น

ในขณะที่ตู้ ATM ก็ถูกเบิกเงินจนหมดเกลี้ยง ชาวบ้านหลายคนเริ่มไม่พอใจ จึงต้องขอกำลังตำรวจมาช่วยรักษาการ ในขณะที่ชาวบ้านจำนวนมากได้เดินทางมาเพื่อปิดบัญชีและถอนเงินจากธนาคารออมสิน สาขาละแม อ.ละแม จ.ชุมพร เพิ่มขึ้นตลอดเวลา

**"ชาวพัทลุง-กระบี่" แห่ถอนเงินวันที่ 2

บรรยากาศที่ธนาคารออมสิน สาขาพัทลุง ยังมีประชาชนจำนวนมากทยอยไปถอนเงินฝากกันตั้งแต่เช้า เพื่อนำเงินออกจากธนาคารไปฝากยังธนาคารอื่นๆ เนื่องจากไม่ไม่มั่นใจในสภาพด้านการเงินของธนาคาร โดยนายขาว ปานเอียด ผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาพัทลุง คาดว่าหลังจากเมื่อวานและวันนี้ มีประชาชนทยอยมาถอนเงินเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากหวั่นวิตกจากการนำเสนอข่าว ทั้งที่ในความเป็นจริง การปล่อยเงินกู้ของธนาคารออมสินให้กับ ธ.ก.ส.ในวงเงิน 5,000 ล้านบาทเป็นเงินสำรองของทางธนาคาร ไม่ได้ใช้เงินส่วนที่เป็นเงินฝากของประชาชนและทาง ธ.ก.ส. เองก็มีกำหนดจ่ายคืนให้กับธนาคารออมสิน ภายใน 90 วัน

ทั้งนี้ ทางธนาคารกำลังรอเงินสำรองที่ขอไป จำนวน 40 ล้านบาท แต่เงินดังกล่าวยังส่งมาไม่ถึงธนาคาร ในขณะที่ ธนาคารออมสินในสาขาต่างๆ ทั่วทั้ง จ.พัทลุง มีประชาชนเดินทางแห่มาถอนเงินจำนวนมากเช่นกัน

เช่นเดียวกับชาวกระบี่จำนวนมากเดินทางมารอที่หน้าธนาคารออมสิน ตั้งแต่ช่วงเช้าเพื่อทำการปิดบัญชีและถอนเงินที่มีอยู่ทำให้เกิดความวุ่นวายในช่วงแรก เพราะต่างคนก็ต้องการถอนเงินและปิดบัญชี ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารได้ให้พนักงานคอยกดบัตรคิวให้ และให้รอเรียกตามบัตรคิว

นายสนิท ศศิพงศทร หนึ่งในผู้ที่เดินทางมา บอกว่า มาปิดบัญชีและถอนเงินทั้งหมด ซึ่งมีอยู่ 2 บัญชี วงเงินประมาณ 6 แสนกว่าบาท เพราะไม่เชื่อมั่นในการบริหารของธนาคารออมสิน ที่ปล่อยเงินกู้ให้กับรัฐบาลไปจ่ายค่าจำนำข้าว ทั้งๆ ที่รัฐบาลหมดความชอบธรรมไปแล้ว

***ทอท.แต่ดำคึกต้านรัฐบาลฉกเงิน

ภายหลังจากที่มีกระแสข่าวว่า ทางรัฐบาลได้นำเงินของทอท. ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ไปใช้ในโครงการรับจำนำข้าวที่มีปัญหาซึ่งทำให้พนักงานทอท.ได้นัดแต่งกายชุดดำเพื่อแสดงออกถึงการต่อต่อต้าน เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบต่อสถานะทางการเงิน และแผนการลงทุนเพื่อขยายขีดความสามารถในการให้บริการของทอท.นั้น

ฝ่ายบริหารบริษัท ท่าอากาศไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. ได้มีหนังสือชี้แจงถึงกรณีที่มีกระแสข่าวลือและข่าวว่า ทอท.จะนำเงินสดสำรองจำนวนกว่า 2 - 4 หมื่นล้านบาท เพื่อไปลงทุนหรือมีความเเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการเมืองว่า ข่าวดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อน และขอชี้แจงข้อเท็จจริงโดยระบุว่า ทอท. บริหารธุรกิจประสบความสำเร็จและมีผลประกอบการที่ดีตลอดมาและมีแนวโน้มว่าจะมีผลการดำเนินงานที่เติบโตและแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในปีนี้และปีต่อๆ ไป

ดังนั้น การที่ ทอท. มีผลกำไรที่ดีในปัจจุบันและในอนาคต จึงมีสภาพคล่องเงินสดส่วนเกินตลอดมา ซึ่ง ทอท.ได้มีการบริหารเงินสดส่วนเกินเป็นประจำทุกเดือน โดยมีการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินประมาณไตรมาสละ 4,000-5,000 ล้านบาท โดยมีการจัดสรรการลงทุนไปยังเครื่องมือทางการเงินต่างๆ เพื่อให้เหมาะสม ต่อความเสี่ยงและผลตอบแทนสำหรับการบริหารเงินสดส่วนเกินดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น