xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

กปปส. ปฎิรูปพลังงาน ไม่เอา! ไม่เอา!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เรื่องตลกร้ายของกปปส.ที่มวลมหาประชาชนฝากความหวังให้ปฏิรูปประเทศไทย และบางคนถึงขั้นเทิดทูน "กำนันสุเทพ” ให้เป็นผู้นำจิตวิญญาณ ทุกสิ่งอย่างขึ้นอยู่กับ “เทพ” แต่เพียงผู้เดียวนั้น ไม่มีเรื่องไหนสร้างข้อกังขามากไปกว่าการขัดขวางไม่ให้มีการพูดเรื่องการปฏิรูปพลังงานบนเวทีใหญ่ที่ปทุมวันซึ่งเป็นเวทีที่มีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฟังจากปากของผู้ถูกปฏิเสธ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี อนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิบาลด้านพลังงาน วุฒิสภา และนักวิชาการอิสระทีโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก “คุยกับหม่อมกร” ถึงกรณีถูกห้ามไม่ให้ขึ้นปราศรัยที่เวทีปทุมวัน โดยโพสต์ขึ้นเมื่อวันที่ 11 ก.พ. เวลาประมาณ 01.00 น. ว่า

“มีคนถามผมว่าไปที่ปทุมวันแล้วไม่ได้ขึ้นเวทีจริงๆ หรือ ?

ก็ต้องตอบว่าจริงครับ วันเสาร์ (8 ก.พ.) ที่ผ่านมานี่เอง เวลา 15.30 น เสธ.วินัย ได้ลงเวลาไว้ว่า เสธ.วินัย และทีมงานจะมาพูดเรื่องพลังงาน พอไปถึง เจ้าหน้าที่เวทีถาม เสธ.ว่าทีมงานคือใคร พอบอกชื่อผมปุ๊บ ก็บอกว่าคงให้ขึ้นไม่ได้ คำตอบคือเวลาไม่พอที่จะให้ขึ้น 2 คน เนื่องรายการต่างๆ ดีเลย์มามาก ผมก็เลยพูดว่างั้นผมขึ้นคนเดียวก็ได้ เจ้าหน้าที่ตอบว่า ไม่ได้เพราะชื่อผมทางคนดูแลเวทีต้องรู้ก่อน (พูดให้เข้าใจง่ายขึ้นคือ ขอตรวจสอบชื่อก่อนล่วงหน้าว่าเป็นชื่อต้องห้ามหรือไม่) พูดกันอยู่นานไม่ยอมท่าเดียว ดูผิดสังเกตมาก

“น้องที่รู้จักกันรายงานว่าหลังเวทีปทุมวัน มี อดีต รมต.พลังงาน ป้วนเปี้ยนอยู่เป็นประจำ ที่สำคัญมีเด็กรุ่นใหม่เสนอปฏิรูปพลังงานแกกลับค้านลูกเดียว

“ขณะนี้กลุ่มทุนพลังงานส่งคนเข้าไปแทรกในทุกเหล่าทุกสี เพื่อนผมอยู่สีแดง เขาบอกว่ากลุ่มทุนพลังงานจ่ายเงินให้วิทยุชุมชน และเวทีต่างๆ เป็นประจำ เพื่อปิดกั้นข้อมูลพลังงานจากคนไทยเจ้าของทรัพยากรตัวจริง เพราะว่าไม่ว่าใครชนะ มันก็จะเสวยสุขบนทรัพยากรของเราเช่นเดิม

“ปฏิบัติการลอบกัดเพื่อดิสเครดิตผมอีกอย่างคือ การเอาข้อมูลที่ผมพูดบนเวทีมาใส่ข้อมูลเท็จ แล้วส่งต่อทางLine ของคนที่อยู่หลังเวที เพื่อนผมใน ปชป.ส่งให้ดู โดยบอกทาง กปปส.ว่า อย่าให้ผมมาขึ้นเวทีอีก เพราะจะทำให้ กปปส.เสียหาย นี่คือกลยุทธ์อันชั่วร้ายของกลุ่มฉ้อฉลพลังงานไทยที่เราต้องรู้ทันครับ

“ผมเห็นว่าแนวทางที่ถูกต้องคือควรเปิดกว้างมากกว่าปิดกั้น ฟังความรอบด้าน ไม่ใช่การเชื่อเพราะคนๆ นั้นอยู่ฝั่งเรา เพราะเขาอาจไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนก็อาจเป็นได้” ม.ล.กรกสิวัฒน์ ระบุ

นอกจากนี้ ม.ล.กรกสิวัฒน์ ยังเผยว่าหลังจากได้ขึ้นปราศรัยเรื่องพลังงานที่เวทีเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้ถูกคนร้ายปาประทัดยักษ์ที่บ้านกลางดึกด้วย

“ของขวัญจากกลุ่มพลังงาน ???

 “วันอาทิตย์ (9 ก.พ.) ที่ผ่านมาทางเวที คปท.โทร.มาตามให้ไปพูด เวทีนี้น่ารักมาก เขาจะตามให้ไปขึ้นเวทีตลอด ขึ้นกับพี่บุญยืน (ศิริธรรม)  และคุณอิฐบูรณ์ (อ้นวงษา) เล่าเรื่องคำให้สัมภาษณ์ของผู้บริหารบริษัทพลังงานยักษ์ในไทยรัฐที่ชอบให้ความจริงครึ่งเดียว (ผมจะมาเล่าในตอนต่อไป) และพี่บุญยืนก็สับอดีต รมต.พลังงาน คนดังกล่าวเสียเละเป็นโจ๊ก

“คืนนั้นก็มีมือมารส่งของขวัญมาให้ผมทันทีตอนตี 2ครึ่ง เสียงดังสนั่นหวั่นไหว บริเวณโรงรถ ผมเองยังไม่นอน ดู Blue Sky อยู่ จึงดับไฟให้มืด พร้อมกับคว้าถุงป๊อปคอร์นบรรจุเต็มแม็กแล้วออกไปดูทันที น้าผมก็ยังไม่หลับเหมือนกัน ยืนอยู่ที่ระเบียงพอดีเห็นแสงไฟสว่างวาบ ที่บริเวณหน้าโรงรถ แต่ไม่พบความเสียหายใดๆ ก็คาดว่าเป็นประทัดยักษ์ครับ

 “บ้านผมเป็นครอบครัวใหญ่ มีคนอยู่เกือบ 20 คน จึงมีคนอยู่ทั้งกลางวันกลางคืน กะว่าถ้ามาอีกคราวหน้าจะจัดป๊อปคอร์นชุดใหญ่ไปเสิร์ฟให้ลิ่วล้อไอ้พวกปล้นชาตินี่ได้ชิมกันบ้าง อย่ารีบหนีละกัน อีกอย่างพี่เขยเป็นนายพลตำรวจมีป๊อปคอร์นหลายชนิด คราวหน้าจะต้อนรับให้สมกับการเป็นเจ้าบ้านที่ดีครับ

“ขอบอกคนชั่วที่ปล้นพลังงานเหล่านี้ว่า สมบัติแผ่นดินนี้บรรพบุรุษรักษาด้วยเลือด เนื้อและชีวิต ท่านคงสาปแช่งคนชั่วเหล่านี้ไปชั่วกัปชั่วกัลป์ ไม่ว่าเขาจะใหญ่ขนาดไหน อีกไม่นานก็คงเสื่อมยศ เสื่อมเกียรติ เพราะการปล้นพลังงานไทยคือการทรยศต่อแผ่นดิน ดังนั้น จุดจบของพวกเขาคือ คุกเท่านั้น” มล.กรกสิวัฒน์ เผยผ่านเฟซบุ๊ก

ตลกร้ายที่เกิดขึ้นหลังเวที กปปส. และการข่มขู่คุกคามทีมนักสู้ปฏิรูปพลังงาน ทำให้ในเวลาต่อมา นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ออกมาแก้เกี้ยวว่า เป็นเพราะข้อมูลที่จะพูดของวิทยากรแต่ละคนไม่ตรงกัน คือ ไม่ได้เตี๊ยมกันมาก่อนเกรงว่าจะพูดกันไปคนละทางสองทาง แต่เหตุผลที่ว่านี้สาธุชนทั่วไปฟังแล้วก็รู้ว่านี่มันแถ สีข้างถลอกชัดๆ

หนำซ้ำ การจัดเวทีระดมความเห็น “ปฏิรูปพลังงาน” เพื่อสร้างภาพของทีมกปปส.ในอีกสองวันถัดมาที่หอศิลป์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ก็ยังเป็นวงปิด ห้ามมวลชน ห้ามสื่อมวลชนเข้าฟัง กระทั่งมีการต่อว่าต่อขาน ลงไม้ลงมือกันหลายหมัด คัดค้านการกระทำที่ไม่ต่างไปจากรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่ชอบหมกเม็ดปิดหูปิดตาประชาชนที่กปปส.โจมตี สุดท้ายเมื่อเกิดเรื่องและมวลชนกดดันหนักเข้าจึงต้องย้ายไปห้องที่ใหญ่ขึ้นและเปิดให้ประชาชนเข้าฟัง แต่ห้ามสื่อมวลชนเช่นเคย โดยอ้างว่าจะได้คุยกันอย่างเต็มที่

ถามไถ่ทีมงานปฏิรูปพลังงานว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไม กปปส. ไม่เอาปฏิรูปพลังงาน ก็ได้รับคำอธิบายแบบถนอมน้ำใจกันเหมือนอย่างที่นายสาทิตย์บอกกล่าวว่า เวทีใหญ่กปปส.ขอให้เคลียร์ข้อมูลกันก่อน ขณะที่หม่อมหลวงกร บอกว่า "คงต้องถามนายปิยะสวัสดิ์ครับ เขาบอกว่าภาคประชาชนพูดเท็จครับ เท็จยังไงไม่แจ้งครับ เขาคงขอรู้คนเดียว แล้วมันจะปฏิรูปยังไง???" คำตอบของหม่อมหลวงกร ทำให้เห็นตัวตนชัดเจนว่าใครขวางไม่ให้พูดเรื่องนี้

ที่ผ่านมา ทีมปฏิรูปพลังงานไปผลักดันเวทีใหญ่กปปส.ให้พูดเรื่องนี้หลายยกแต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้แต่เลาะเลียบเวทีอื่นๆ รอบนอกให้ข้อมูลต่อประชาชนไปเรื่อยๆ เพื่อให้ตื่นรู้กันก่อน โดยเฉพาะเวที คปท. ที่เปิดให้ทีมปฏิรูปพลังงาน อย่าง ม.ล.กรณ์กสิวัฒน์, อิฐบูรณ์ อ้นวงษา, หมอระวี มาศฉมาดล ขึ้นเวทีชำแหละแฉแหลกเต็มที่

กปปส.มีอะไรในกอไผ่กันแน่ ถึงไม่อยากให้ประชาชนเปิดหูเปิดตาทัศนาข้อมูลในเรื่องพลังงานที่หมกเม็ดกินกันอิ่มหนำสำราญในแวดวงผู้เกี่ยวข้อง

น่าสงสัยว่า กำนันสุเทพ ทำไมจึงเกรงอกเกรงใจอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานที่มีบทบาทสำคัญอยู่เบื้องหลังนโยบายด้านพลังงานของประเทศ และนั่งอยู่หลังเวทีกปปส. เหมือนคอยกีดกันไม่ให้ใครที่จะพูดถึงเรื่องนี้ “นอกกรอบ” หลุดรอดขึ้นเวทีไปได้ เพราะถ้าปล่อยให้มีการพูดถึงเรื่องพลังงาน ซึ่งแน่นอนต้องมีประเด็นการแปรรูป ปตท. มีเรื่องสัมปทานปิโตรเลียม อยู่ด้วยนั้น ขุดไปคุ้ยมาก็จะกลับมาทิ่มแทงท่านอดีตรัฐมนตรีและพรรคประชาธิปัตย์ให้เจ็บจี๊ดๆ เป็นแน่

เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ กำนันสุเทพ และพรรคประชาธิปัตย์ จะตอบสังคมว่าอย่างไร เพราะใครๆ ก็รู้ว่า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนนี้ เป็นผู้ที่อยู่ในกระบวนการแปรรูปปตท.เพื่อทักษิณ หรือว่าเรื่องพลังงานเป็นอย่างที่ใครๆ เขาก็ว่ากันว่า ไม่มีพรรคมีแต่พวก และเป็นพวกหิวกระหายใคร่สูบกินเลือดเนื้อประชาชนทั้งนั้น
 
อีกอย่างใครๆ เขาก็รู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองอีกเช่นกันว่า กรณีแปรรูปปตท. ที่มูลนิธิผู้บริโภค ฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุดเมื่อปี 2550 นั้น ก่อนหน้าที่จะมีคำพิพากษาเพียง 3 วัน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ของท่านรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้ออกพ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550เพื่อมาแก้ไขความไม่ถูกต้องไม่ชอบด้วยกฎหมายแปรรูป ปตท. ถ้าอยากรู้ว่า ผลงานชิ้นโบดำนั่นเป็นฝีมือการผลักดันและชงเรื่องของรัฐมนตรีพลังงานชื่ออะไร ก็ต้องตอบว่า ชื่อ ปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์ ที่นั่งอยู่หลังเวที กปปส.นั่นแหละ

เพราะด้วยการออก พ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงาน ดังกล่าว ทำให้ศาลมีคำพิพากษาโดยใช้หลักรัฐศาสตร์ ว่ากระบวนการแปรรูป ปตท.นั้นผิด แต่หากกลับคืนสู่สภาพเดิมจะทำให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง จึงตัดสินแค่ให้เอาสาธารณสมบัติของแผ่นดินกลับคืน ซึ่งจนถึงเวลานี้ ปตท.ก็ยังคืนสาธารณสมบัติของแผ่นดินคือ ท่อก๊าซฯ ยังไม่ครบด้วยซ้ำไป  

ทบทวนความจำที่ตามหลอนท่านอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน อีกสักเล็กน้อยว่า การแปรรูป ปตท.เพื่อทักษิณ ที่ถูกโจมตีมาอย่างต่อเนื่องนั้น ท่านเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง

หนึ่ง ในฐานะเป็นเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) และกรรมการและเลขานุการของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งเป็นผู้จัดทำและพิจารณาอนุมัติแผนการแปรรูป ปตท. ในปี 2544

สอง ในฐานะเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งบริษัท ปตท. ซึ่งทำหน้าที่ตราร่าง พ.ร.ฎ. เพื่อแปลงสภาพ ปตท. เป็น บมจ. ปตท ในปี 2544

สาม ในฐานะเป็นกรรมการในคณะกรรมการดำเนินการระดมทุนจากภาคเอกชนในการแปรสภาพ ปตท. ซึ่งทำหน้าที่กำกับการประเมินทรัพย์สิน ราคาหุ้น และแนวทางการกระจายหุ้น ในปี 2544
สี่ ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการในบริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และบริษัทขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด ซึ่ง ปตท. ถือหุ้นอยู่ด้วย

ห้า ในฐานะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และกรรมการ กพช. และ คณะกรรมการนโยบายทุนรัฐวิสาหกิจ (กนท.) ในปี 2549 - 2550 ซึ่งมีส่วนโดยตรงในการตรา พ.ร.ฎ. กำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2550 ซึ่งศาลปกครองสูงสุด พิพากษาว่าไม่ชอบโดยกฎหมายเช่นกัน

มวลมหาประชาชน อาจสงสัยว่าการนั่งในฐานะและตำแหน่งต่างๆ ข้างต้นมีความหมายว่าอย่างไร ดูข้อมูลข้างต้นแล้วชวนสงสัยไหมว่า ใช่หรือไม่ที่นายปิยสวัสดิ์ มีบทบาทเป็นตัวเชื่อมที่สำคัญในการผลักดันการแปรรูป ปตท. ในช่วงรัฐบาลทักษิณ และสานต่อปกป้องผลประโยชน์มาจนถึงในช่วงรัฐบาลทหารคมช.จนถึงคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด

ประเด็นสำคัญในการกระทำเช่นนั้น ก็คือ นี่เป็นการปลดล็อกให้ ปตท.ลอยนวลเอากลับคืนมาเป็นรัฐวิสาหกิจพลังงานแห่งชาติที่มีรัฐถือหุ้น 100%เหมือนเดิมไม่ได้ และทำให้ปตท.กลายเป็นยักษ์ใหญ่พลังงานที่หิวกระหายกำไรสูงสุดเป็นสรณะ ไม่ว่าประชาชนจะเดือดร้อนจนเลือดตาแทบกระเด็นอย่างไรก็ช่าง

ถ้าจะบอกว่า แปรรูปปตท. เพื่อทักษิณ และประชาธิปัตย์ จะเกินเลยไปใหม? มวลมหาประชาชนที่ต้องการปฏิรูปประเทศ แต่ไม่มีวาระเรื่องการปฏิรูปพลังงาน ยังเป็นปลื้มกำนันสุเทพ ฮีโร่ปฏิรูปประเทศ อยู่ไม่เสื่อมคลายอยู่อีกหรือเปล่า ?

ยังไม่พอ ขอเพิ่มเติมอีกสักเล็กน้อยสำหรับวีรกรรมของท่านกุนซือ กปปส. อดีตรัฐมนตรีพลังงานในยุคขิงแก่เกี่ยวกับการให้สัมปทานปิโตรเลียม เพราะยังมีเรื่องให้ตั้งคำถามกันอีก เช่น การอนุมัติการต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมให้กับบริษัทเชฟรอนประเทศไทย สำรวจและผลิตจำกัด และบริษัท มิตซุย ออยล์ เอ็กซ์ พลอเรชั่นจำกัด ล่วงหน้าก่อนหมดอายุสัมปทานถึง 5 ปี ทั้งที่ตามสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 1/2515/5  จะสิ้นสุดลงในวันที่ 23 เมษายน 2555 แต่คถามดังกล่าวจนป่านนี้ยังหาคำตอบไม่ได้ว่า เหตุไฉนกระทรวงพลังงาน จึงเร่งร้อนอนุมัติให้ก่อน โดยต่อเวลาสัมปทานไปอีก 10 ปี มีผลตั้งแต่ 24 เมษายน 2555 - 23 เมษายน 2565

นอกจากนั้น ยังมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียม (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2550 เช่น การลดหย่อนค่าภาคหลวงจากเดิมที่สามารถลดได้ในอัตราร้อยละ 30 ก็เปลี่ยนเป็นลดได้ในอัตราร้อยละ 90

แต่ที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่งที่สาธุชนควรรู้ก็คือ การอนุมัติสัมปทานปิโตรเลียมหลังจากแก้ไขกฎหมายข้างต้นเพียง 2 เดือน ทิ้งทวนก่อนรัฐบาลขิงแก่จะหมดอายุลงในอีก 42 วัน รวมทั้งสิ้น 22 สัมปทาน รวม 27 แปลงสำรวจ ในเวลาไล่เลี่ยกันคือ มติครม.เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2550 จำนวน 4 แปลงสัมปทาน 4 แปลงสำรวจ, มติครม. 11 ธ.ค. 2550 จำนวน 7สัมปทาน 10 แปลงสำรวจ และมติครม. 18 ธ.ค. 2550จำนวน 11 สัมปทาน 13 แปลงสำรวจ

แน่นอน อดีตรัฐมนตรีพลังงานที่เสนอเรื่องสัมปทานปิโตรเลียมให้ครม.อนุมัติ ชื่อว่า ปิยสวัสดิ์ กุนซือหลังเวทีของ กปปส. นั่นเอง

และแน่นอนอีกเช่นกันว่า การให้สัมปทานครั้งนั้น ไม่มีการพูดถึงเรื่องการทบทวนเปลี่ยนแปลงส่วนแบ่งสัมปทานปิโตรเลียมของไทยที่ต่ำกว่าประเทศอื่นๆ แม้แต่พม่ากับเขมร แม้สักแอะเดียว

วันนี้ กำนันสุเทพ ที่เคยมีประสบการณ์เจรจาลับเขตทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ หากยังไม่เปิดกว้างรับฟังข้อมูลรอบด้านและเปิดให้ทีมปฏิรูปพลังงาน ได้มีโอกาสแสดงข้อมูลพลังงานอีกด้านหนึ่งซึ่งหลักๆ แล้วมาผลการศึกษาตรวจสอบของคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา และผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภาแล้วนั้น กำนันสุเทพ ก็อาจจะกำลังเดินเข้าสู่โหมด กปปส. กับการปฏิรูปประเทศไทยที่เลื่อนลอย

ยิ่งหากกลับไปย้อนรำลึกถึงการตายของนายสุทิน ธราทิน ผู้มีบทบาทในการชูธงปฏิรูปพลังงาน ที่ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณหน้าวัดศรีเอี่ยม เขตบางนา เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2557วันนั้น กำนันสุเทพ และแกนนำ กปปส.บนเวทีใหญ่ปทุมวันต่างดราม่าบีบน้ำตา ปนเสียงสะอื้นอาลัยนายสุทิน เป็นอย่างยิ่ง

แต่การไว้อาลัยและการจากไปของนายสุทิน จะไม่มีความหมายใดๆ เลย หากกำนันสุเทพ ไม่สืบสานต่อเจตนารมณ์ปฏิรูปพลังงานของเขาในเชิงเนื้อหาสาระ เปิดหูเปิดตาและพาประชาชนออกไปจากความเดือดร้อนจากราคาพลังงานที่ถูกขูดรีด เอารัดเอาเปรียบ อยู่ในเวลานี้

งานนี้ กำนันสุเทพ ต้องกล้าหาญพอที่ให้คำมั่นสัญญาต่อหน้ามวลมหาประชาชนว่า การปฏิรูปพลังงาน เป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญที่จะต้องปฏิรูปเปลี่ยนแปลงให้สำเร็จ

ไม่อย่างนั้น การเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปประเทศของมวลมหาประชาชนในนาม กปปส. ตลอดเวลากว่า 3 เดือน ก็เสียของไปเปล่าๆ เพราะเป็นแค่คำลวงปฏิรูปในสายลมเท่านั้น


กำลังโหลดความคิดเห็น