ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ชีวิตของชาวนาไม่มีอะไรเลวร้ายเท่ากับการตรากตรำทำนามาตลอดฤดูกาลเสร็จแล้วขายข้าวหรือจะเรียกให้โก้ว่าจำนำข้าวแล้วไม่ได้เงิน ซ้ำถูกไล่ทวงหนี้ เงินซื้อกับข้าวประทังชีวิต ค่าหมอค่ายา ให้ลูกไปโรงเรียนก็ไม่มี ไหนจะค่าน้ำมัน ค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลง ค่ารถเกี่ยวข้าว ที่ยังไม่มีเงินจ่ายให้เถ้าแก่อีกบานเบอะ รอเงินจำนำข้าวที่รัฐบาลรับปากว่าจะหามาจ่ายให้เร็วที่สุดก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะได้เมื่อไหร่
ครอบครัวชาวนาที่ทนรับสภาพไม่ไหว เครียด กลุ้มหนักหาทางออกไม่ได้ ตัดสินใจฆ่าตัวตาย ในฤดูกาลผลิตข้าวปีนี้นับเป็นรายที่ 10 แล้ว เป็นโศกนาฏกรรมที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้ว่า โครงการจำนำข้าวในยุครัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ได้ฆ่าชาวนาอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน นี่ยังไม่นับชาวนาอีกจำนวนไม่น้อยที่เหมือนถูกฆ่าให้ตายทั้งเป็นเพราะทุกข์ระทมหนักกับปัญหาที่เกิดขึ้น
ความทุกข์ของชาวนาต่างกันลิบลับกับชีวิตไฮโซของคนในครอบครัวชินวัตร ทั้งนายใหญ่ ที่เที่ยวบินโฉบไปมาคุยโม้ว่าไปดูแลธุรกิจพันล้านหมื่นล้านทั่วโลก ทั้งเหมืองเพชร พอร์ตหุ้น พันธบัตร เงินฝากในธนาคารที่มีอยู่ล้นเหลือ และบรรดาลูกๆ คุณหนูไฮโซ โอ๊ค เอม อุ๊งอิ๊ง ที่ใช้ชีวิตหรูหราตามประสาเศรษฐีหมื่นล้าน ที่ไม่เคยรู้ถึงความทุกข์ยาก ไม่มีจะกินของชาวนา กระดูกสันหลัง ฐานคะแนนเสียงสำคัญที่ให้คนในครอบครัวชินวัตร ญาติพี่น้อง พรรคพวกเพื่อนพ้องเหยียบขึ้นไปเสวยอำนาจมีวาสนา
ภาพการแต่งตัวเริ่ดเฉิดฉาย ท่องเที่ยวในต่างประเทศของบรรดาคุณหนูไฮไซ ทั้งเสื้อผ้า หน้าผม กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับร่างกายตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ล้วนแต่ของมียี่ห้อแบรนด์ดัง แต่ละชิ้นมีมูลค่ามีราคาขนาดว่าชาวนาใช้ประทังชีวิตได้ทั้งปีทั้งชาติก็มีนั้น ต่างกันกับเสื้อผ้าหน้าผมของชาวนาที่เปื้อนดินเปื้อนโคลน พยุงสังขารอันอิดโรยมาปิดถนนเรียกร้องเงินจำนำข้าวจากรัฐบาล กินข้าวโรยพริกกะเกลือประทังความหิวไปวันๆ รอความหวังว่าจะได้เงินจำนำข้าวจากรัฐบาลจากการออกมาประท้วงขอความเห็นใจ
ความทุกข์ยาก ความเสี่ยง ที่ชาวนาต้องเผชิญนับแต่ลงมือไถหว่านปักดำเก็บเกี่ยวทุกขั้นตอนล้วนแต่มีต้นทุนที่จะต้องจ่าย นั่นหมายถึงการกู้หนี้ยืมสินมาเป็นค่าปุ๋ย ค่ายา ค่ารถ ฯลฯ หากเป็นชาวนาลุ่มภาคกลางที่อยู่ในเขตชลประทานก็ยังดีมีน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ แต่หากเป็นชาวนาในเขตภาคเหนือ อีสาน ที่อยู่นอกเขตชลประทานก็แล้วแต่ฝนฟ้าจะเป็นใจ บางปีฝนแล้ง บางปีน้ำท่วม ก็ต้องเสี่ยงเอา ถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวก็ลุ้นว่าราคาข้าวปีนี้จะดีหรือไม่ หักลบกลบหนี้จะเหลือเงินติดกระเป๋าพอใช้หนี้และใช้จ่ายบ้าง
นั่นเป็นวิถีของชาวนาที่ดำเนินมาชั่วนาตาปี กระทั่งมีโครงการรับจำนำข้าวที่ประกันราคา 15,000 บาท/ตัน ทำให้ราคาข้าวสูงขึ้นในช่วงแรกที่รัฐบาลยังมีเงินจ่าย ถึงแม้ราคาจำนำจริงกับโรงสีจะถูกกดลงเหลือแค่หมื่นต้นๆ แถมหักความชื้น สิ่งเจือปน ฯลฯ แต่ความหวังจะลืมตาอ้าปากยังไม่ทันจะเป็นจริง โครงการจำนำข้าวที่อ้างเพื่อชาวนาแต่โกงกินกันสารพัดซ้ำข้าวที่รับจำนำไปก็ขายไม่ออก ทำให้รัฐบาลจนตรอกหาเงินมาจ่ายค่าข้าวไม่ได้ ชาวนาก็ต้องมารับเคราะห์กรรม เดือดร้อนกันถ้วนหน้า และบางรายตัดสินใจหนีปัญหาด้วยการฆ่าตัวตาย ถึงวันนี้มีจำนวนสิบรายเข้าไปแล้ว
รายแรก เกิดเหตุเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2556 นางบุญเหลือ ศรีมุก อายุ 48 ปี ชาวนา หมู่ 4 ต.ปากท่อ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ซึ่งเสียชีวิตจากอาการเครียดและช็อก ผู้ตายทำนาทั้งหมด 20 ไร่ เป็นเสาหลักของครอบครัว มีรายได้จากการทำนาและรับจ้างเพียงเล็กน้อย ส่วนเงินลงทุนทำนามาจากการกู้นอกระบบ เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ก็จะนำเงินไปใช้หนี้ ทั้งค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าแรงงาน ค่ารถเกี่ยว และยังหนี้อื่นๆ รวมแล้วประมาณ 150,000 บาท ส่วนที่เหลือก็จะเก็บไว้ใช้จนกว่าจะทำนารอบใหม่ ก่อนเสียชีวิตนางบุญเหลือบ่นกับเพื่อนบ้านและญาติพี่น้องว่า ข้าวยังเกี่ยวไม่ได้และราคาข้าวก็ถูกลงคงไม่มีเงินไปใช้หนี้ จึงเครียดหนักจนร่างกายทรุด เกิดอาการช็อกและเสียชีวิต
รายที่สอง เกิดเหตุเมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2557 นายเฉลิม จันทร์แดง อายุ 59 ปี ชาวนาหมู่ 2 บ้านหนองถ้ำ ต.ป่ามะคาบ อ.เมืองฯ จ.พิจิตร เกิดอาการช็อกเสียชีวิตในห้างนา กลางทุ่งนา จากความเครียดที่ไม่ได้รับเงินจำนำข้าวกว่า 2 แสนบาทนาน 4 เดือนแล้ว ต้องหันมากู้เงินนอกระบบกว่า 1 แสนบาทเพื่อทำนารอบใหม่ ซึ่งข้าวเริ่มตั้งท้องแล้วแต่กลับมาขาดน้ำเพราะน้ำในบ่อและคลองแห้งขอด ทำให้นายเฉลิมเครียดและปรับทุกข์ทุกวันจนทำให้ความดันพุ่งสูงและเสียชีวิตดังกล่าว
รายที่สาม เกิดเหตุเมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2557 นายทองมา ไกยสวน อายุ 60 ปี ชาวนาหมู่ 3 บ้านโนนสั้น ต.โนนรัง อ.เมืองฯ จ.ร้อยเอ็ด ตัดสินใจใช้เชือกผูกคอตนเองใต้ต้นประดู่ในสวนละแวกบ้านเสียชีวิต หลังเกิดความเครียดที่กู้เงินจาก ธ.ก.ส. กว่า 4 แสนบาท แต่ไม่ได้รับเงินจำนำข้าวกว่า 1 แสนบาท เพื่อนำมาใช้หนี้ ธ.ก.ส. ที่จะครบกำหนดในเดือน ก.พ. 2557ระยะหลังนายทองมาไปสอบถามเพื่อนบ้านหลายคนว่าการผูกคอตายจะทำอย่างไรจึงจะไม่พลาด แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่าจะฆ่าตัวตาย
รายที่สี่ เกิดเหตุเมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2557 นายเมือง พันธุชาติ อายุ 46 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 21 บ้านอาวอยพัฒนา ต.โสน อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ตัดสินใจใช้เชือกผูกคอตายกับต้นขี้เหล็กทางด้านทิศตะวันตกของหมู่บ้าน หลังเกิดความเครียดที่นำข้าวเปลือก 6 ตันไปจำนำตามโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล แต่ผ่านไป 2 เดือนยังไม่ได้รับเงิน ต้องกู้เงิน ธ.ก.ส. 1 แสนบาท และกู้เงินนอกระบบกว่า 1 แสนบาท เพื่อใช้ทำนา ทั้งค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลง ค่ารถเกี่ยวข้าว ใช้จ่ายในครอบครัว และใช้หนี้ค่าปุ๋ยและยาฆ่าแมลง ซึ่งเจ้าหนี้ทวงถามทุกวัน
รายที่ห้า เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2557 นายเหลา สุวรรณทอง อายุ 43 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป อาศัยอยู่ที่หมู่ 8 ต.เมืองฝ้าย อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ ตัดสินใจใช้ผ้าขนหนูผูกคอตายกับขื่อบ้าน สาเหตุคาดว่ามาจากปัญหาด้านค่าใช้จ่ายในครอบครัว หลังขอยืมเงิน 1,500 บาทจากเพื่อนบ้านซึ่งเป็นชาวนา เพื่อจะไปซื้อข้าวสารและของใช้ แต่เพื่อนบ้านไม่มีให้เพราะยังไม่ได้เงินจำนำข้าว
รายที่หก เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2557 นางปรางค์ ภู่นาท อายุ 81 ปี หมู่7 บ้านคลองสีนวลเหนือ ต.ธัมรงค์ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร โดยนางจำนง พูลสวัสดิ์ อายุ 54 ปี ลูกสาวของแม่เฒ่าที่เสียชีวิต เล่าทั้งน้ำตาว่า ครอบครัวมีหนี้สินพะรุงพะรังจากการเช่าที่นา 40 ไร่ ได้นำข้าวเข้าโครงการรับจำนำแต่ก็ไม่ได้เงินนับรวมแล้วกว่า 3 แสนบาท ทำให้มารดาที่แก่ชราเป็นห่วงลูกหลานบวกกับมีโรครุมเร้า เมื่อมีเรื่องไม่ได้เงินจำนำข้าวมาซ้ำเติมมารดาจึงเป็นทุกข์ตรอมใจตาย
รายที่เจ็ด เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2557 นางเพ็ญศินี ทองช้อย อายุ 38 ปี ชาวนาหมู่ 3 ต.บ้านใหม่สุขเกษม อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย ผูกคอตาย จากความเครียดที่ไม่ได้รับเงินจำนำข้าว โดยนายพิชัย อำนาจศักดิ์ กำนัน ต.บ้านใหม่สุขเกษม อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย เล่าว่า ตอนนี้ชาวนาเดือดร้อนหนักไม่ได้เงินค่าจำนำข้าวมาแล้วกว่า 5 เดือน จนได้เกิดเหตุสลดขึ้น “ตอนนี้ชาวนาลำบากอย่างถึงที่สุดแล้ว เงินใช้หนี้เก่าก็ไม่มี กินแต่ละวันรวมทั้งทุนทำนารอบใหม่ ก็ต้องไปกู้นอกระบบมาแต่ก็ยังไม่พอใช้ จะให้เงินลูกหลานไปโรงเรียนก็ไม่มี บางคนทนเครียดไม่ไหวจนต้องผูกคอตาย พวกเราเสียใจมาก”
รายที่แปด เกิดเหตุเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2557 นางบุญมา สระทองอ้วน อายุ 42 ปี อาชีพชาวนา บ้านเลขที่ 2 หมู่ 6 บ้านบึงหล่ม ต.คลองน้ำไหล จังหวัดกำแพงเพชร ผูกคอตายสังเวยจำนำข้าว สาเหตุกู้เงินกองทุนหมู่บ้านจำนวน 4 หมื่นกว่าบาทมาทำนาซึ่งถึงกำหนดส่งคืนแล้ว ขณะที่เงินจำนำข้าว 160,000 บาท ได้แต่ใบประทวน ไม่มีแม้เงินไปหาหมอ แถมรถติดไฟแนนซ์ หนี้สินรุงรัง เมื่อเครียดหนักหาทางออกไม่ได้ คิดสั้นฆ่าตัวตายหนีปัญหา แม้เงินทำศพยังต้องหยิบยืม
รายที่เก้า เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2557 นายพิเชษฐ์ เพชรรัตน์ ชาวนาอ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา เกิดความเครียดกินยาฆ่าแมลงจนเกือบหมดถัง กว่าครอบครัวจะเห็นและนำส่งโรงพยาบาล นายพิเชษฐ์ ก็เสียชีวิตแล้ว ส่วนสาเหตุนั้น นายพิเชษฐ์ ได้ไปกู้ยืมเงินจาก ธ.ก.ส. เกือบ 200,000 บาท หวังจะได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าว 170,000 บาท มาใช้หนี้ แต่เกือบ 5 เดือน ยังไม่ได้เงิน ทำให้เงินที่กู้ยืมมาเริ่มหมด สุดท้ายหาทางออกให้กับชีวิตไม่ได้ จึงคิดสั้นฆ่าตัวตาย
รายที่สิบ เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2557 นายแพง สารวัน อายุ 61 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน บ้านเลขที่ 20 ม.9 บ้านโนนคำแก้ว อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ใช้เชือกไนล่อนสีแดงผูกคอตนเองกับต้นมะม่วงเสียชีวิต เพราะเครียดไม่ได้เงินจำนำข้าวมาใช้จ่ายในครอบครัวและใช้หนี้
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความเดือดร้อนจนฆ่าตัวตายของชาวนาสั่นสะเทือนความอยู่รอดของพรรคเพื่อไทยที่มีชาวนาเป็นฐานเสียงสำคัญ จึงมีคำสั่งจากนายใหญ่ให้จัดการปัญหานี้ให้เร็วที่สุด เพราะถ้าชาวนารอด เพื่อไทย ทักษิณและพี่น้องชินวัตร ก็รอด แต่ถ้าชาวนาไม่รอดก็หมายถึงวาระสุดท้ายของเพื่อไทยและทักษิณก็ใกล้เข้ามาแล้วเช่นกัน ดังนั้นจึงเห็นการดิ้นรนกู้เงินของรัฐบาลรักษาการ แต่ฟันธงได้เลยว่าทำไม่ได้ เพราะผิดกฎหมาย ดูได้จากการขอกู้จากที่ไหนก็ไม่มีใครให้กู้ เหลือเพียงช่องทางเดียวคือ ต้องทยอยขายข้าวในสต็อกที่รับจำนำเพื่อเอาเงินออกมาจ่ายให้กับชาวนาให้เร็วที่สุด
แน่นอน การเปิดประมูลขายข้าวเพื่อรีบเอาเงินมาจ่ายหนี้ชาวนาก็เป็นโอกาสเหมาะของมวลหมู่แร้งทึ้งเข้าฉกชิงข้าวเลหลังขายราคาถูก เพราะนกรู้เหล่านี้รู้อยู่แล้วว่าต้องมีวันนี้ ไม่มีทางที่รัฐบาลจะมีความสามารถนำข้าวไปขายในตลาดโลกได้ราคาสูงกว่าประเทศคู่แข่ง ข้าวในมือรัฐบาลที่มีอยู่ล้นสต็อกตามตัวเลขที่รับจำนำในแต่ละฤดูกาล ซึ่งอาจจะสวนทางกับความจริงก็ได้ว่าแท้จริงแล้วมีข้าวอยู่เท่าไหร่กันแน่นั้น สุดท้ายก็ต้องเปิดประมูลในราคาที่ไม่กล้าบอกว่าเท่าใดกันแน่ เอาแต่เพลมๆ ว่าใกล้เคียงกับราคาตลาดเท่านั้น
การเปิดประมูลข้าวในสต็อกของรัฐบาลล่าสุด เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ที่ผ่านมา รวม 4.6 แสนตัน ที่กระทรวงพาณิชย์ คาดหวังว่าจะได้เงินนับหมื่นล้านนั้น เป็นที่รู้กันว่าสบโอกาสเหมาะเพราะราคาข้าวในตลาดต่ำสุดในรอบ 5 ปี จึงมีเอกชนแห่เข้าร่วมประมูลถึง 18 ราย ถือว่าเป็นการยื่นซองประมูลมากที่สุดนับตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เปิดให้มีการประมูลทั่วไป และส่วนใหญ่ผู้เข้าประมูลจะเป็นผู้ประกอบการค้าข้าวภายในประเทศและโรงสีมายื่นประมูล โดยกลุ่มผู้ส่งออกมีไม่กี่ราย
สำหรับเอกชน 18 ราย ที่เข้าร่วมประมูลครั้งนี้ ประกอบไปด้วย หจก.โรงสีไฟสมบูรณ์การค้า หจก.นำแสงค้าข้าว หจก.โรงสีไฟศรีกรุงลาดกระบัง บริษัท สยามอินดิก้า หจก.โรงสีโชควรลักษณ์รุ่งเรืองกิจ หจก.โรงสีบุญเจริญพานิช บริษัท โกลเด้นเกรน เอ็นเตอร์ไพรส์ บริษัทข้าว ซี.พี. บริษัท โคสตอล เทรดดิ้ง บริษัท เฟรนด์ ไรซ์ บริษัท เอเชีย โกลเด้น ไรซ์ บริษัท แสงไถ่เกรนส์ บริษัท พงษ์ลาภ หจก.โรงสีอรุณพัฒนา และบริษัท ร่วมเจริญพัฒนาการข้าว บริษัท อุดมไรซ์ บริษัท กรุงไทยพืชผล บริษัท แคปปิตัลซีเรียส์
ดูรายชื่อแล้ว คุ้นๆ กันไหม อย่างเช่น สยามอินดิก้า บริษัทที่หมอวรงค์ นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จ.พิษณุโลก จอมแฉ เคยระบุว่า มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนช.ทักษิณ และโยงใยไปถึง เจ๊ คนดัง
หมอวรงค์แฉเรื่องดังกล่าวเมื่อคราวอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี เรื่องการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2555 และได้นำคลิปดังกล่าวมาเผยแพร่และให้ข้อมูลว่า "จากการสอบถามข้อมูลคนในวงการข้าว ได้รับการยืนยันว่า ชายวัยกลางคนในคลิปที่เดินตามประกบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกง คือ "เสี่ยเปี๋ยง" หรือ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร เจ้าของบริษัทเพรสซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งผูกขาดการซื้อข้าวรัฐบาล ในสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ซึ่งนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร เป็นอดีตกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำนวน 43,739,000 หุ้น ทั้งเป็นอดีตผู้ก่อตั้ง กรรมการ และผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด จำนวน 232,560 หุ้น
หมอวรงค์ ยังได้รับการยืนยันจากคนในวงการข้าวว่า "เสี่ยเปี๋ยง" เป็นผู้ที่มีอิทธิพลในวงการค้าข้าว และเมื่อต่างชาติจะซื้อข้าวไทย มีผู้ใหญ่ของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่าให้ไปเจรจากับ "เสี่ยเปี๋ยง" จึงตั้งข้อสงสัยว่า "เสี่ยเปี๋ยง" มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนในรัฐบาลหรือไม่?
การอภิปรายคราวนั้น หมอวรงค์ ยังนำหลักฐานเอกสารต่างๆ มาเปิดเผยให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเห็นถึงการเชื่อมโยงกันระหว่างบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทจีนในการเข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าวกับกรมการค้าต่างประเทศกับบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด ซึ่งเป็นที่มาของสัญญาขายข้าวจีทูจีแหกตาที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำลังไต่สวนคดีถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอยู่ในเวลานี้
ยังไม่พอ มีรายการโปรโมชั่นแถมท้ายด้วยการให้แบงก์กรุงไทยปล่อยกู้ให้โรงสีและผู้ส่งออกไปประมูลข้าวสาร โดยนายประสิทธ์ วสุภัทร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจขนาดกลาง ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้ออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อระยะสั้นสำหรับผู้ประกอบการค้าข้าวที่มีศักยภาพ เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2557 ที่ผ่านมา เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้กับผู้ประกอบการค้าข้าวที่มีศักยภาพที่ชนะการประมูลข้าวสารจากองค์การคลังสินค้า (อคส.) สำหรับนำไปซื้อข้าวสาร ซึ่งเป็นไปตามวงจรธุรกิจปกติ และเป็นสินเชื่อที่ธนาคารได้ปล่อยให้กับลูกค้าในกลุ่มโรงสีมานานแล้ว เพียงแต่ธนาคารได้พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สินเชื่อ (Product Program) เพื่อให้มีกรอบในการพิจารณาที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
“ธนาคารเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์สินเชื่อดังกล่าว จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับธนาคาร และมีโอกาสเป็นหนี้เสียน้อยมาก เนื่องจากธนาคารมีลูกค้าโรงสีข้าวที่กระจายไปทั่วประเทศ และธนาคารมีความชำนาญ โดยอยู่ในตลาดนี้มานาน จึงเข้าใจธรรมชาติของธุรกิจรวมทั้งรู้จักลูกค้าเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ธนาคารจะปล่อยกู้ให้เฉพาะลูกค้ารายเดิมที่มีคุณภาพที่ดีเท่านั้น ขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์สินเชื่อนี้จะเป็นประโยชน์กับชาวนา ซึ่งกำลังเดือดร้อนอย่างมากอยู่ในขณะนี้ด้วย” นายประสิทธิ์ย้ำ
ถือเป็นรายการโปรโมชั่นลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ แถมมีแบงก์ปล่อยกู้ให้อีก ล่อใจกันสุดๆ
สะท้อนชัดว่า ขบวนการโกงจำนำข้าวของชาวนานั้น เอากันตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำทุกเม็ด แม้วาระสุดท้ายของชาวนาที่เดือดร้อนถึงขั้นฆ่าตัวตาย เหล่าบรรดาแร้งทึ้งก็ยัง กระหน่ำซ้ำเติมด้วยการแห่ซื้อข้าวราคาถูกบนซากศพของชาวนา
แต่ครั้นจะหวังว่า กปปส. จะมาช่วยชาวนาให้พ้นจากความเดือดร้อนได้เงินจำนำข้าวในเร็ววันอย่างที่กำนันสุเทพ ปลุกเร้าว่า “.... มีทางเดียวต้องรวมพลังทุกฝ่าย ออกกันมาให้หมด ระดมกำลังให้สุด คว่ำรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้เร็วเท่าไหร่ ชาวนาได้เงินคืนเร็วเท่านั้น วันนี้ทางออกวิกฤตของชาวนา ต้องเอายิ่งลักษณ์ออกไป ตั้งรัฐบาลประชาชนให้ได้ เร็วที่สุด ถ้าชาวนาอยากได้เงินคืนเร็วๆ ต้องมาให้หมดทั้งประเทศนี้เลย ถึงขออนุญาตกราบเรียนที่นัด 14-16 ก.พ.นี้.... ระดมกำลังเตรียมให้พร้อม กองทัพชาวนายกมากรุงเทพฯ เรายกทัพไปขนาบ กระทืบรัฐบาลให้แบนเลยเที่ยวนี้” ก็เป็นเพียงความหวังเลื่อนลอย เพราะเรื่องมันไม่ได้ง่ายๆ อย่างที่ว่า
ที่สำคัญชาวนาที่ออกมาชุมนุมประท้วงเวลานี้ ไม่ได้มีอุดมการณ์ปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศอย่าง กปปส. แต่เป็นเพราะพวกเขาถูกโกง ขายข้าวแล้วไม่ได้เงิน จึงตามมาทวงเงินหรือไม่ก็เอาข้าวกูคืนมา และต่อรองว่าถ้าไม่มีเงินมาจ่ายค่าจำนำข้าว เลือกตั้งครั้งต่อไปอย่าหวังว่าเพื่อไทยจะได้กลับมามีอำนาจ