ASTVผู้จัดการรายวัน- ก.พลังงานย้ำมี.ค.นี้ขึ้นราคาแอลพีจีภาคขนส่งไม่ได้เหตุต้องเสนอมาตรการลดผลกระทบกลุ่มแท็กซี่ต่อกพช.และครม.แต่ขณะนี้เป็นเพียงรักษาการ สั่งธพ.ออกกฏคุมเข้มป้องกันฉ้อโกงลอบใช้ข้ามประเภท พร้อมให้สนพ.ขยายสิทธิ์ร้านค้าหาบเร่แผงลอยใช้แอลพีจีครัวเรือนราคาเดิมเพิ่มขึ้นหลังกลุ่มครัวเรือนใช้ต่ำเหตุซื้ออาหารนอกบ้านทาน
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มภาคขนส่งตามกรอบเดิมที่จะเริ่มเดือนมี.ค.นี้คงจะต้องรอรัฐบาลใหม่พิจารณา เนื่องจากจะต้องเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้รัฐบาลรักษาการไม่มีอำนาจพิจารณา
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลายฝ่ายเกรงว่าราคาครัวเรือนที่สูงกว่าขนส่งจะทำให้เกิดการลักลอบเบื้องต้นกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.)จะออกระเบียบในการควบคุมให้เข้มงวดและมีบทลงโทษที่เพิ่มขึ้นจึงเชื่อว่าแม้ราคาที่ต่างกันก็จะไม่เอื้อให้เกิดการฉ้อโกงในการนำไปใช้ผิดประเภท
"ที่ผ่านมาก็จะเห็นว่ามีการลักลอบใช้ในครัวเรือนมากเพราะขนส่งสูงกว่าแต่พอกระทรวงพลังงานได้เข้ามาดูแลเข้มงวดจับกุมก็จะเห็นว่าระยะหลังก็เกิดขึ้นน้อยมากก็คิดว่าราคาต่างกันจะไม่เกิดปัญหา"นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ปลัดกระทรวงพลังงานกล่าวว่า วันที่ 1 มี.ค.นี้ราคาแอลพีจีครัวเรือนก็จะขยับอีก 50 สตางค์ต่อกิโลกรัมรวมที่ทยอยปรับขึ้นตั้งแต่ก.ย.55 รวมเป็น 3.50 บาทต่อกก.ซึ่งจะทำให้ราคาแอลพีจีครัวเรือนอยู่ที่21.63 สูงกว่าขนส่งที่ตรีงอยู่ที่ 21.38 บาทต่อกก. โดยธพ.จะมีการควบคุมการขนส่งอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการลักลอบ
อย่างไรก็ตามกระทรวงพลังงานได้มีโครงการลดผลกระทบต่อผู้ใช้แอลพีจีที่มีรายได้น้อยรวม 7.7 ล้านรายให้ได้รับสิทธิ์ซื้อแอลพีจีราคาเดิม
ทั้งนี้ล่าสุดมีผู้มาใช้สิทธิ์เพียง 1.6 แสนรายเท่านั้นโดยครัวเรือนใช้ 6.6 หมื่นรายหาบเร่ ร้านค้าแผงลอย 9.6 หมื่นรายซึ่งจากการติดตามพบว่าการที่ครัวเรือนมาใช้สิทธิ์ต่ำนั้นเพราะส่วนใหญ่คนไทยมีการประกอบอาหารทานเองน้อยลงโดยจะอาศัยซื้อทานเป็นส่วนใหญ่ดังนั้นจึงได้มอบหมายให้สำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)ไปจัดทำแนวทางในการขยายสิทธิ์ให้ร้านค้า หาบเร่ แผงลอยเพิ่มขึ้นเช่น ขยายพื้นที่ร้านค้าให้มากกว่า50ตารางเมตร เป็นต้นโดยให้เร่งสรุปเพื่อนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.)พิจารณาต่อไป
"กพช.ได้มอบหมายให้ปรับขึ้นแอลพีจีภาคขนส่งโดยจะต้องไปพิจารณามาตรการบรรเทาผลกระทบในกลุ่มแท็กซี่เพื่อเสนอกพช.และคณะรัฐมนตรีอีกครั้งแต่เมื่อกพช.และครม.เป็นเพียงรักษาการจึงทำไม่ได้" นายสุเทพกล่าว
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มภาคขนส่งตามกรอบเดิมที่จะเริ่มเดือนมี.ค.นี้คงจะต้องรอรัฐบาลใหม่พิจารณา เนื่องจากจะต้องเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้รัฐบาลรักษาการไม่มีอำนาจพิจารณา
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลายฝ่ายเกรงว่าราคาครัวเรือนที่สูงกว่าขนส่งจะทำให้เกิดการลักลอบเบื้องต้นกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.)จะออกระเบียบในการควบคุมให้เข้มงวดและมีบทลงโทษที่เพิ่มขึ้นจึงเชื่อว่าแม้ราคาที่ต่างกันก็จะไม่เอื้อให้เกิดการฉ้อโกงในการนำไปใช้ผิดประเภท
"ที่ผ่านมาก็จะเห็นว่ามีการลักลอบใช้ในครัวเรือนมากเพราะขนส่งสูงกว่าแต่พอกระทรวงพลังงานได้เข้ามาดูแลเข้มงวดจับกุมก็จะเห็นว่าระยะหลังก็เกิดขึ้นน้อยมากก็คิดว่าราคาต่างกันจะไม่เกิดปัญหา"นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ปลัดกระทรวงพลังงานกล่าวว่า วันที่ 1 มี.ค.นี้ราคาแอลพีจีครัวเรือนก็จะขยับอีก 50 สตางค์ต่อกิโลกรัมรวมที่ทยอยปรับขึ้นตั้งแต่ก.ย.55 รวมเป็น 3.50 บาทต่อกก.ซึ่งจะทำให้ราคาแอลพีจีครัวเรือนอยู่ที่21.63 สูงกว่าขนส่งที่ตรีงอยู่ที่ 21.38 บาทต่อกก. โดยธพ.จะมีการควบคุมการขนส่งอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการลักลอบ
อย่างไรก็ตามกระทรวงพลังงานได้มีโครงการลดผลกระทบต่อผู้ใช้แอลพีจีที่มีรายได้น้อยรวม 7.7 ล้านรายให้ได้รับสิทธิ์ซื้อแอลพีจีราคาเดิม
ทั้งนี้ล่าสุดมีผู้มาใช้สิทธิ์เพียง 1.6 แสนรายเท่านั้นโดยครัวเรือนใช้ 6.6 หมื่นรายหาบเร่ ร้านค้าแผงลอย 9.6 หมื่นรายซึ่งจากการติดตามพบว่าการที่ครัวเรือนมาใช้สิทธิ์ต่ำนั้นเพราะส่วนใหญ่คนไทยมีการประกอบอาหารทานเองน้อยลงโดยจะอาศัยซื้อทานเป็นส่วนใหญ่ดังนั้นจึงได้มอบหมายให้สำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)ไปจัดทำแนวทางในการขยายสิทธิ์ให้ร้านค้า หาบเร่ แผงลอยเพิ่มขึ้นเช่น ขยายพื้นที่ร้านค้าให้มากกว่า50ตารางเมตร เป็นต้นโดยให้เร่งสรุปเพื่อนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.)พิจารณาต่อไป
"กพช.ได้มอบหมายให้ปรับขึ้นแอลพีจีภาคขนส่งโดยจะต้องไปพิจารณามาตรการบรรเทาผลกระทบในกลุ่มแท็กซี่เพื่อเสนอกพช.และคณะรัฐมนตรีอีกครั้งแต่เมื่อกพช.และครม.เป็นเพียงรักษาการจึงทำไม่ได้" นายสุเทพกล่าว