ASTVผู้จัดการรายวัน-ชาวนาภาคตะวันตกผนึกกำลังเครือข่ายชาวนา 4 ภาค รวมตัวบุกปิด "พาณิชย์" วันนี้ ทวงเงินจำนำข้าว ลั่นไม่ได้เงินไม่กลับ ส่วนชาวนาอ่างทองนัดปิดถนนสายเอเชีย พิจิตรเข้ากรุงยื่นถวายฎีกา อคส.เต้นหนีบโรงสีหอบหลักฐานให้ตำรวจสอบสวนข้าวหาย 3.47 ล้านกก. ปชป.ซัดแค่หาแพะเซ่นโกงทำข้าวถุง แฉล้มจีทูจีเก๊ เหตุกลัวติดคุก "ปู"โบ้ยจำนำข้าวเหลว เพราะยุบสภา ผู้ส่งออกจี้รัฐเลิกขายหน้าคลังและวิธีลับ
เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ (5 ก.พ.) ที่บริเวณจุดปิดถนนพระราม 2 หน้าหน่วยบริการประชาชนตู้ยามตำรวจทางหลวงวังมะนาว อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี แกนนำกลุ่มชาวนาทั้ง 7 จังหวัดภาคตะวันตกประกอบด้วย จ.ราชบุรี กาญจนบุรี เพชรบุรี นครปฐม ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสงคราม และสุพรรณบุรี นำโดยนายระวี รุ่งเรือง ประธานศูนย์ข้าวชุมชนภาคตะวันตกได้ร่วมหารือกับแกนนำชาวนาจากจังหวัดต่างๆ ทั้ง 7 จังหวัด และได้ข้อสรุปร่วมกันว่า ในวันนี้ (6 ก.พ.) กลุ่มชาวนาทั้งหมดภาคตะวันตกจะเดินทางเข้าไปชุมนุมที่กรุงเทพฯ เนื่องจากที่ผ่านมา ได้มีการชุมนุมติดต่อกันมาหลายวันแล้ว แต่ทางรัฐบาลกลับไม่ได้ให้ความสนใจ ไม่ส่งตัวแทนเข้ามาเจรจากับชาวนาแต่อย่างใด
ดังนั้น กลุ่มชาวนาจึงได้มีการพูดคุยกับเครือข่ายชาวนาทุกภาครวมทั้งหมด 4 ภาค คือ ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคตะวันตกว่าจะยกระดับการชุมนุม โดยได้มีการนัดรวมชาวนาในเวลา 07.00-09.00 น. จากนั้นจะใช้ถนนเส้นทางเพชรเกษมเดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยจะมีชาวนาจากพื้นที่ต่างๆ เช่น จ.นครปฐม กาญจนบุรี และจังหวัดสุพรรณบุรี เดินทางมาสมทบอีกจำนวนหนึ่ง
"จุดหมายปลายทางของเรา คือ กระทรวงพาณิชย์ โดยถ้าชาวนาไม่ได้เงิน เราก็จะไม่กลับพร้อมกันทั้ง 4 ภาค ซึ่งกลุ่มชาวนาจะนำรถอีแต๋น รถไถ รถเกี่ยวข้าว รถทุกชนิดเดินทางไปชุมนุมด้วย ส่วนถนนพระราม 2 ที่ยังมีการชุมนุมปิดถนนอยู่ ก็จะยังคงปิดตายอยู่เหมือนเดิม จะยังไม่มีการเปิดถนนอย่างเด็ดขาด" นายระวีกล่าว
**ชาวนากาญจน์ฮือปิดถนนหนองขาว
ที่ จ.กาญจนบุรี เมื่อเวลา 08.00 น.วานนี้ กลุ่มชาวนา ต.หนองขาว อ.ท่าม่วง กว่า 300 คนได้ออกมาปิดถนนสาย 324 กาญจนบุรี-สุพรรณบุรี หรือถนนสายหนองขาว-กาญจนบุรี บริเวณสามแยกไฟแดง ต.หนองขาว อ.ท่าม่วง ด้วยการนำรถเทรลเลอร์ รถเกี่ยวข้าวมาปิดถนน ส่งผลให้รถติดหลายสิบกิโลเมตร นำโดยนายทรงพล เอกจิต นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหนองขาว นางลำพัน ครูทอง กำนันตำบลหนองขาว นายเจน หล่อจิต ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.หนองขาว เพื่อเรียกร้องเงินค่าจำนำข้าวจากรัฐบาล โดยแกนนำกลุ่มชาวนาได้ประกาศว่าหากไม่ได้รับเงินกลุ่มชาวนาทั้งหมด และอีกหลายพื้นที่ใน จ.กาญจนบุรี จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ทันที
อีกทั้งแกนนำชาวนายังได้สลับกันกล่าวโจมตีรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง แม้นายสุริยันต์ กาญจนศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายบุญญะพัฒน์ จันทรอุไร ปลัดจังหวัดกาญจนบุรี นายขจร เศรษฐยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส.กาญจนบุรี นายวรวิศว์ เมฆนพรัตน์ พาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี นางพรรษวรรณ จันทร์ดี การค้าภายในจังหวัดกาญจนบุรี จะมาร่วมเจรจา แต่การเจรจาไม่ประสบผลสำเร็จ พร้อมกับมีเสียงโห่เป็นระยะๆ ทำให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความตึงเครียด พร้อมกันนี้กลุ่มชาวนายังได้มีการนำเต็นท์ 5 ตัวมาติดตั้งขวางถนนเอาไว้ด้วย
ต่อมาเวลา 11.00 น.กลุ่มเกษตรกรชาวนาจาก อ.พนมทวน ประมาณ 100 คนได้เดินทางมารวมตัวที่บริเวณ 3 แยกไฟแดงพนมทวน อ.พนมทวน เช่นกัน ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ชาวนา ต.หนองขาวปิดถนนประมาณ 10 กิโลเมตร
สำหรับข้อเรียกร้องที่กลุ่มชาวนาเรียกร้องไปยังรัฐบาล 3 ข้อ คือ 1.จ่ายเงินค่าจำนำข้าวให้ชาวนา 80% ของใบประทวน และไม่คิดดอกเบี้ย 2.ขอให้จ่ายเงินให้ชาวนาภายในวันที่ 12 ก.พ.2557 3.ช่วยเยียวยาในเรื่องการเป็นลูกหนี้จากเจ้าหนี้ภาคการเกษตร การกู้เงินจากธนาคาร ธ.ก.ส. ธนาคารพาณิชย์ สหกรณ์การเกษตร บริษัทรถที่ชาวนาซื้อไปแล้วและยังไม่ได้ผ่อนส่ง ให้กรุณาอย่ายึดรถคืน และอย่าปรับดอกเบี้ยเพิ่ม
**ชาวนาภาคกลางนัดปิดสายเอเชีย
ที่บริเวณโรงเรียนชาวนา อ.สามโก้ จ.อ่างทอง นายทรงพล พูลสวัสดิ์ ประธานสภาเกษตรจังหวัดอ่างทอง พร้อมเกษตรกรชาวนาในจังหวัดอ่างทองกว่า 500 คน ได้มีการประชุมเพื่อหาข้อสรุปในการเคลื่อนไหวเรียกร้องเงินค่าจำนำข้าวจากรัฐบาล โดยในที่ประชุมได้ข้อสรุปว่า ในวันนี้ (6 ก.พ.) เวลา 09.00 น. กลุ่มชาวนาในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง จะมีการปิดถนนสายเอเชีย บริเวณแยกวัดไชโยวรวิหาร พร้อมจะมีการตั้งโต๊ะรับเรื่องยื่นฟ้องรัฐบาลที่รับจำนำข้าวแล้วไม่ยอมจ่ายเงิน และจะรวมกลุ่มชาวนาภาคกลางปิดถนนทวงเงินค่าจำนำข้าวต่อรัฐบาลจนกว่าจะได้รับเงินแน่นอน
นายเฉลียว น้อยแสง แกนนำชาวนาชัยนาท กล่าวว่า ตามที่กลุ่มชาวนาภาคกลาง 10 จังหวัด ได้ยืดเส้นตายในการจ่ายค่าข้าวให้แก่รัฐบาลมาจนถึงวันที่ 5 ก.พ. ซึ่งหากยังไม่มีการจ่ายเงินค่าข้าว ชาวนาชัยนาทจะเคลื่อนไหวร่วมกับชาวนา จ.สิงห์บุรี และอุทัยธานี ปิดถนนสายเอเชีย พร้อมกับชาวนาภาคกลางอีกหลายๆ จุด เพื่อประกาศให้สังคมรับทราบว่า ชาวนากำลังเดือดร้อนหนัก
นายนิพนธ์ ศึกษากิจ ชาวนาจาก อ.สรรพยา จ.ชัยนาท กล่าวว่า การเคลื่อนไหวคราวนี้ ชาวนาคงไม่ไปตัวเปล่า เพราะจะเอาเครื่องมือเกษตร รถไถ รถเกี่ยว ที่มีอยู่ ไปปักหลักกินนอนบนถนนจนกว่าจะได้เงินค่าข้าว เพราะเรายืดเวลาให้รัฐบาลมานาน จนชาวนาและครอบครัวจะอดตายแล้ว
**ชาวนาพิจิตรแห่ลงชื่อยื่นฎีกาเช้าวันนี้
ที่ จ.พิจิตร บริเวณริมถนนสาย 117 หน้า ธ.ก.ส.บึงนาราง จ.พิจิตร กลุ่มชาวนาที่ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการจำนำข้าวของรัฐบาล ได้รวมตัวตั้งเวทีชุมนุมประท้วงทวงเงินจำนำข้าวจากรัฐบาลติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ซึ่งยังคงมีชาวนาที่ยังไม่ได้รับเงินจำนำข้าว นำหลักฐานมาแสดง พร้อมร่วมลงชื่อ เพื่อให้ตัวแทนนำไปยื่นถวายฎีกาอย่างต่อเนื่อง
นายมนูญ มณีโชติ ชาวนา อ.บึงนาราง จ.พิจิตร กล่าวว่า แกนนำชาวนาในจังหวัดพิจิตร พร้อมเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อยื่นถวายฎีกาต่อสำนักราชเลขาธิการ เช้าวันที่ 6 ก.พ.2557 ที่สนามหลวง ซึ่งขณะนี้กลุ่มชาวนายอมลงขันกันคนละ 400 บาท เช่ารถบัสเพิ่มอีก 1 คัน รวมเป็น 2 คันเดินทางไปด้วย โดยจะมีชาวนาสิงห์บุรีเดินทางไปสมทบด้วย ซึ่งในช่วง 3 วันที่ผ่านมา รวบรวมรายชื่อผู้ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลแล้วประมาณ 3,000 ราย
"เราเดือดร้อนจริงๆ แต่ไม่อยากให้การเมืองมายุ่งกับชาวนามากนัก จึงไม่มีแกนนำ หรือพรรคการเมืองมาร่วม หรือสนับสนุน จนมีมติร่วมกันว่า หาทางออกด้วยการถวายฎีกาผ่านสำนักราชเลขาธิการฯ อยากให้พ่อหลวงรู้ถึงปัญหาชาวนา เพราะเป็นที่พึ่งสุดท้ายแล้ว ซึ่งจริงๆ แล้ว ตัวเลขยื่นถวายฎีกาคงไม่ใช่ประเด็น เพียงแค่ หลักร้อยก็ถือว่า ได้รับความเดือดร้อนแล้ว"
***อคส.หอบหลักฐานแจ้งความข้าวหาย
ที่ห้องสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.ปิยะวิทย์ วงศ์สวัสดิ์ รองผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) นายยุทธศาสตร์ แสนสวนจิตร์ อคส.อุดรธานี และนายประพันธ์ ลุนสา ตัวแทนโรงสีโชควรลักษณ์รุ่งเรืองกิจ เข้าพบ พ.ต.ท.นวกฤต นวการพาณิชย์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ เพื่อให้ปากคำกรณีข้าวสารเหนียว ก.ข.6 10% เมล็ดยาว และข้าวหอมมะลิ 105 จำนวน 3.47 ล้านกิโลกรัม หายไประหว่างขนย้ายไปโรงสีโชควรลักษณ์รุ่งเรืองกิจ จ.ลพบุรี ซึ่งเป็น 1 ใน 6 โรงสี ที่ได้รับมอบจากรัฐบาลให้ปรับปรุงคุณภาพ และนำไปบรรจุถุงขายให้ประชาชนในราคาถูกตามโครงการลดค่าครองชีพผู้บริโภค โดยใช้เวลาให้ปากคำนาน 3 ชั่วโมง
พ.ต.ท.ปิยะวิทย์ กล่าวว่า ได้รับหมายจากนายชนุตร์ปกรณ์ วงศ์สีนิล ผอ.อคส.นำเอกสาร 105 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับกรณีข้าวสาร 3.47 ล้านกิโลกรัมสูญหายไป มามอบแก่พนักงานสอบสวนเพิ่มเติม หลังจากการตรวจสอบบัญชีจำนวนข้าวรายปีทั่วประเทศของอคส. พบว่า มีข้าวหายไป เมื่อวันที่ 28 ม.ค.2557 และได้แจ้งความร้องทุกข์ เพราะเป็นกรณีแรกที่ตรวจพบ ซึ่งหากตรวจพบอีกจะดำเนินการเอาผิดทุกกรณีไป
นายประพันธ์ ลุนสา ตัวแทนของโรงสีโชควรลักษณ์รุ่งเรืองกิจ กล่าวว่า การขนย้ายข้าวสาร 3.47 ล้านกิโลกรัม จากโกดังโรงสีอุดรประเสริฐผล ได้ตรวจรายละเอียดทุกอย่างตั้งแต่เอกสารขนย้าย ทะเบียนรถบรรทุก ใช้เวลาขนย้ายประมาณ 1 เดือนจึงเสร็จ ซึ่งรถทุกคันจะต้องถือใบขนย้ายมาคนละใบ และใบขนย้ายจะมี 4 ชุด ตนจะเก็บเอาไว้ 1 ชุด และเมื่อขนย้ายเสร็จทั้งหมด ตนได้รวบรวมเอกสารใบสั่งขนย้ายแล้วจัดส่งเอกสาร 105 ชุดทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษไปให้ทางโรงสีโชควรลักษณ์รุ่งเรืองกิจเมื่อประมาณเดือนก.ย.2556 ส่วนข้าวสารจำนวนดังกล่าวสูญหายที่ไหนนั้น ตนไม่ทราบ เพราะตรวจเช็กที่ต้นทางครบตามจำนวนอย่างถูกต้อง และเอกสารขนย้ายจัดส่งไปให้ทางโรงสีหมดทุกใบแล้ว
ด้าน พ.ต.ท.นวกฤต กล่าวว่า ตำรวจตั้งสมมติฐานไว้ 3 ประการ คือ ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง โดยได้ติดต่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเดินทางมาให้ปากคำทุกคนแล้ว เพื่อที่จะได้รายงานผลให้ผู้บังคับบัญชาทราบต่อไป หากผลการสืบสวนสอบสวนเกี่ยวโยงไปถึงบุคคลไม่ว่าระดับใดจะดำเนินการตามกฎหมายทันที
***ปชป.แฉหาแพะรับผิดโกงทำข้าวถุง
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีข้าวเหนียวจากโรงสีอุดรประเสริฐผล ที่ส่งโรงสีโชควรลักษณ์รุ่งเรืองกิจ และโรงสีสิงห์โตทอง โดยในส่วนที่สูญหาย คือ ข้าวที่ต้องส่งให้โรงสีโชควรลักษณ์ฯ จำนวน 3.47 ล้านกก. หายไปในระหว่างการขนส่งระหว่างวันที่ 5 มี.ค.2556 เหตุการณ์เกิดนานแล้ว เหตุใดจึงเพิ่งมีการแจ้งว่าสูญหาย
ทั้งนี้ ข้าวเหนียวดังกล่าว ให้บรรจุถุงขาย 1.8 ล้านตัน เดือนละ 3 แสนตัน นับตั้งแต่ ม.ค.เป็นต้นไป ดังนั้น การขนย้ายเดือนมี.ค. เป็นสัญญาที่เซ็นในเดือนก.พ. แต่จากการตรวจสอบพบว่า ไม่ได้มีการทำข้าวถุงจริง มีเพียง 10% นอกนั้นมีแต่กระดาษเท่านั้น ทำให้เกิดไฟลนก้น เพราะประชาธิปัตย์ ยื่นร้องต่อ ป.ป.ช. ช่วงที่ผ่านมา จึงพยายามหาแพะ ปัดความรับผิดชอบจากฝ่ายการเมือง และข้าราชการระดับสูง ให้หลุดจากการทุจริตข้าวถุง โดยอ้างว่าข้าวหาย เพื่อหาแพะมารับผิดชอบแทนในระหว่างที่ป.ป.ช. กำลังตรวจสอบ
***เผยล้มจีทูจีเก๊เพราะกลัวติดคุก
นพ.วรงค์กล่าวว่า กรณีนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ออกมายอมรับว่าบริษัทจีนในเครือเป่ยต้าหวง ล้มสัญญาซื้อข้าวรัฐบาลไทย ซึ่งเป็นการซื้อขายแบบหน้าคลัง และตนยืนยันมาตลอดว่าไม่มีสัญญาจริง แต่เป็นเครือข่ายที่มาทำเหมือนกับ สยามอินดิก้า เป็นเครือข่ายม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี เพราะการซื้อขายหน้าคลัง แบบจีทูจี ไม่มีในโลกทำ นอกจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จนกระทั่งป.ป.ช.ออกมาชี้มูลเรื่องจีทูจีเก๊ ก็เลยทำให้เกิดความกลัวว่าจะติดคุกที่นำจีทูจีปลอมมาอ้าง เป็นความผิดซ้ำซาก ตนจึงขอย้ำว่า สัญญาดังกล่าวไม่มีจริง จึงล้มเพราะกลัวติดคุก ทั้งนี้เห็นว่าถึงเวลาที่รัฐบาลต้องพูดความจริง แทนคำโกหก
ส่วนการหาเงินมาจ่ายจำนำข้าว กรณีจะขายข้าวในสต๊อก รัฐบาลต้องแยกข้าวคุณภาพดีและข้าวเสื่อมสภาพ เพื่อให้เกิดความมั่นใจต่อผู้ซื้อ แต่ถ้ายังหาเงินมาจ่ายไม่พอ ขอเสนอให้โรงสีปล่อยกู้ให้รัฐบาล 1 พันแห่งๆ ละ 100 ล้านบาท คนแดนไกลเพิ่มอีก 3 หมื่นล้าน ก็จะได้เงิน 1.3 แสนล้านมาจ่าย เพราะคนเหล่านี้ได้ประโยชน์จากโครงการจำนำและความทุกข์ของชาวนามานานแล้ว ทั้งนี้ ยังมีข้อกังวลว่า ข้าวนาปรังที่จะเริ่ม 1 มี.ค.2557 รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร เพราะมติ ครม. 3 ก.ย.2556 ระบุว่าจะรับจำนำตันละ 1.3 หมื่นบาท ไม่เกินครัวเรือนละ 3.5 แสนบาท ต้องติดตามว่าจะเดินต่อหรือไม่
***"ปู"ให้ไปถามเรื่องเงินกับคลัง
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวว่า การจ่ายเงินในโครงการจำนำข้าว ตอนนี้รัฐบาลและทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องพยายามดูแลอยู่ เพราะตอนนี้ทุกคนรู้ดีว่าอะไรที่รัฐบาลจะทำโดยผูกพันไปถึงรัฐบาลหน้าไม่สามารถทำได้ จึงทำให้มีข้อจำกัด รัฐบาลจำเป็นต้องทำภายใต้ข้อจำกัดและข้อกฎหมายที่กำกับ จึงต้องใช้เวลา ซึ่งอาจจะต่างจากรัฐบาลปกติ และอยากให้เห็นใจ และหวังว่าทุกหน่วยงานจะให้ความเห็นใจชาวนา โดยรัฐบาลได้สั่งให้ทุกหน่วยงานดูแลเต็มที่ แต่บางอย่างไม่สามารถทำได้ทันที ส่วนเรื่องเงินกู้ กระทรวงการคลังกำลังดำเนินการ แต่จะติดขัดตรงไหน ขอให้ไปสอบถามทางรัฐมนตรีคลังดีกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าโครงการรับจำนำข้าวนี้ล้มเหลว เพราะไม่สามารถหาเงินไปจ่ายชาวนาได้ใช่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไม่ใช่นะคะ แต่อันนี้เป็นผลมาจากการยุบสภา เพราะทำให้เราต้องดำเนินการตามขั้นตอนตามที่กฎหมายกำหนด
***ผู้ส่งออกจี้รัฐเลิกขายหน้าคลัง-วิธีลับ
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า สมาคมฯ ได้ออกแถลงการณ์ว่าด้วยแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวไทยอย่างยั่งยืน โดยขอให้ส่งเสริมการแข่งขีนอย่างเสรีและยุติธรรม ปลอดจากอิทธิพลการเมือง ขอให้ช่วยเหลือเกษตรกรในทุกรูปแบบ ช่วยส่งเสริมให้มีรายได้ด้วยการเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน และในการกำหนดนโยบายและมาตรฐานต่างๆ เกี่ยวกับข้าว ควรให้เอกชนมีส่วนร่วม ส่วนการระบายข้าวในสต๊อก ต้องประมูลแบบโปร่งใส ขอให้ระงับการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) หน้าคลัง รวมถึงวิธีลับทุกวิธี
***ธ.ก.ส.ยืดหนี้ให้ชาวนา6เดือน
นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวถึงแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรว่า ธ.ก.ส.ได้กำหนดมาตรการยืดเวลาชำระหนี้ออกไปเป็นเวลา 6 เดือน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และความกังวลใจของเกษตรกรเกี่ยวกับภาระหนี้สินที่มีอยู่ และหากเกษตรกรมีความประสงค์จะใช้เงินเพื่อนำไปลงทุนทำการผลิตในฤดูกาลใหม่ ธ.ก.ส.พร้อมให้เงินกู้ก้อนใหม่ ตามหลักเกณฑ์สินเชื่อปกติของ ธ.ก.ส.
ทั้งนี้ การดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2556/57 ธ.ก.ส.ได้ทยอยจ่ายเงินดังกล่าวให้เกษตรกรไปแล้ว 59,518 ล้านบาท คิดเป็นปริมาณข้าว เปลือกจำนวน 3.7 ล้านตัน โดยเงินที่จ่ายไปแล้วดังกล่าวเป็นเงินจากงบประมาณ และเงินจากการระบายข้าวที่กระทรวงพาณิชย์ส่งมาชำระคืน โดยไม่ใช้เงินทุน ธ.ก.ส.
***ธปท.ยันไม่ยุ่งแบงก์ปล่อยกู้จำนำข้าว
นางสาลินี วังตาล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับธนาคารพาณิชย์ ในส่วนของฝ่ายสินเชื่อ และด้านบริหารความเสี่ยงว่า ไม่ได้มีการหารือถึงการปล่อยสินเชื่อให้กับรัฐบาลในโครงการรับจำนำข้าว เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นการตัดสินเชิงธุรกิจและธนาคารแต่ละแห่งจะเป็นผู้ตัดสินใจเอง เพราะมีทีมกฎหมายที่วิเคราะห์ความเสี่ยง ด้านเครดิตและกฎหมายอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่กระแสข่าวว่ามีประชาชนถอนเงินสดออกจากสถาบันการเงินที่มีข่าวเกี่ยวกับการปล่อยกู้ในโครงการรับจำนำข้าวนั้น ธปท.ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีประชาชนถอนเงินในระบบธนาคารพาณิชย์จนผิดปกติจนน่าเป็นห่วงแต่อย่างใด