ASTVผู้จัดการรายวัน-ตื่นตูม! เสริมกำลังขั้นสูงสุด คุมเข้มที่ทำงาน "ปู" ป้องกันถูกปิดล้อม "เหลิม"เดือดปุด ด่า "สาทิตย์ ไอ้ส้นตีน" ฟ้องกองทัพ กปปส.ชุมนุมไม่สงบ ด้านศาลอาญาอนุมัติหมายจับ 19 แกนนำ กปปส. ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แกนนำไม่สน ยันสู้ต่อ ส่วนศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องเพื่อไทยยื่นให้สั่งยุติชุมนุม ส่วนการขอคืนพื้นที่ มท. ไม่สำเร็จ "สาธิต"ลั่นฟ้องศาลสู้ หลังถูกเนรเทศ
เมื่อเวลา 09.45 น.วานนี้ (5 ก.พ.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจ ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (สป.กห.)เมืองทองธานี เพื่อประชุมติดตามสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ร่วมกับรัฐมนตรีและหัวหน้าส่วนราชการ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด มีการจำกัดพื้นที่ และผู้สื่อข่าวต้องเซ็นชื่อแลกบัตร
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงการรักษาความปลอดภัยในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานชั่วคราวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า จะเรียกว่าการรักษาความปลอดภัยขณะนี้ อยู่ในขั้นสูงสุดก็ได้ โดยมีมาตรการที่เข้มข้นขึ้น เช่น ห้ามเข้าอาคารบางแห่ง หรือห้ามใช้เส้นทางบางเส้นทาง ซึ่งถือเป็นมาตรการที่เข้มขึ้นของเจ้าหน้าที่ โดยหากมีรายงานว่ากลุ่ม กปปส. จะเข้ามา ก็จะมีการจัดระเบียบตามแผนที่วางไว้ และสกัดกั้นไม่ให้เข้ามา
ทั้งนี้ ได้มีการเพิ่มเติมกำลังเข้ามาแล้ว โดยกำลังที่เตรียมไว้ทั้งหมด ในส่วนของตำรวจมี 30 กองร้อย ทหาร 2 กองร้อย ซึ่งรวมถึงทหารอากาศที่มาเพิ่มเมื่อวันที่ 4 ก.พ.อีก 1 กองร้อยด้วย โดยทหารที่มีสัดส่วนน้อย เพราะต้องการให้เน้นดูแลเฉพาะสถานที่เท่านั้น ส่วนตำรวจจะอยู่รอบนอกทั้งหมดและคิดว่าคงไม่ต้องเพิ่มกำลังทหารแล้ว เท่าที่มีอยู่น่าจะเพียงพอ
** ทบ.สอนมวย"ปึ้ง"อย่าขอกำลังทหารผ่านสื่อ
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณี นายสุรพงษ์ โตวิจักรชัยกุล รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะที่ปรึกษา ศรส. ออกมาระบุให้ ผบ.เหล่าทัพ ดูแลรักษาความปลอดภัยของน.ส. ยิ่งลักษณ์ หลังจากที่ถูกกลุ่ม กปปส. ตามไปขัดขวางการปฎิบัติงาน ว่า เรื่องการขอกำลังทหารไปดูแลบุคคลสำคัญ เช่น นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็น รมว.กลาโหม เป็นหน้าที่ต้องให้ทางสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นผู้ร้องขอมา และเป็นไปตามระเบียบขั้นตอน โดยผ่านทางกองบัญชาการกองทัพไทย และจะแจ้งมายังเหล่าทัพอีกครั้งว่าต้องการกำลังทหารจากเหล่าทัพไหน จำนวนเท่าไร รวมถึงภารกิจ อยู่ดีๆ จะให้กองทัพส่งกำลังทหารไปโดยไม่มีการร้องขอ คงทำไม่ได้ เพราะผิดขั้นตอนการปฏิบัติ
**"เหลิม"ฟ้องกองทัพ กปปส.ชุมนุมไม่สงบ
เวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) กล่าวถึงกรณีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ กปปส. ระบุว่า ตนกลัวผู้ชุมนุม จึงไม่ไปร่วมเปิดกระทรวงแรงงาน เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า ตนเป็น ผอ.ศรส. ต้องนั่งทำงานที่ ศรส. ไม่ใช่ว่ากลัว หรือไม่กลัว นายสาทิตย์ไม่มีราคาในสายตาตน และขอยืนยันอีกครั้ง หากใครไปบุกรุกสถานที่ราชการจะจับ หากไปกันอีก ตนล้อม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. อย่าฟ้องกองทัพมากนัก ตนขอฟ้องบ้างว่า กปปส. เกเร ชุมนุมไม่สงบ เปิดเผยจริง แต่ไม่อหิงสา
นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยที่ ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ แกนนำ กปท. ไปยึดไว้ กระทรวงมหาดไทย ได้ไปร้องทุกข์ และฟ้องทางแพ่งเอาไว้ ซึ่งตนจะมอบหมายให้ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร.ไปเจรจาให้ออกจากพื้นที่ หากการเจรจาไม่เป็นผล จะจับข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ ถ้าอยากแตกหักให้ยกไปล้อมไว้ แล้วตนจะระดมกำลังตำรวจไปล้อมต่อ จะให้ยึดกระทรวงมหาดไทยไม่ได้โดยเด็ดขาด
“ไอ้สาทิตย์ ทำเป็นพูดจาแบบนักเลง ผมขอใช้คำพูดหยาบๆ หน่อยได้ไหม ไปบอกไอ้สาทิตย์ว่า ไอ้ส้นตีน มาด่าผม อายุก็น้อยกว่า พูดจาให้เรียบร้อยหน่อย”ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวอีกว่า นายสุเทพ มีมือปืนล้อมรอบไม่ต่ำกว่า 50 คน ตนกลัวเสียเลือดเนื้อ ไม่อย่างนั้นสั่งจับไปแล้ว ดังนั้น ดีที่สุด ควรมอบตัว
** อัด"สุวัจน์"ท่อน้ำเลี้ยงไทยโพสต์ด่ารัฐบาล
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เป็นนายทุน อยู่รัฐบาลแท้ๆ แต่ปล่อยให้หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ด่านายกฯ และรัฐบาลอย่างหมูอย่างหมา ไม่รู้นะ ถ้ามีการตั้งรัฐบาลแล้วเอาพรรคชาติพัฒนามาร่วมรัฐบาล ตนจะค้าน เห็นแก่ตัว ไปหนุนหนังสือพิมพ์ที่ด่ารัฐบาลทุกวัน
**หมายจับ19 แกนนำผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งกรณี พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมคณะ ยื่นคำร้องเพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับแกนนำกปปส. 19 ราย ประกอบด้วย 1.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ 2.นายสาธิต วงศ์หนองเตย 3.นายชุมพล จุลใส 4.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 5.นายอิสระ สมชัย 6.นายวิทยา แก้วภราดัย 7.นายถาวร เสนเนียม 8.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 9.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ 10.น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก 11.นายนิติธร ล้ำเหลือ 12.นายอุทัย ยอดมณี 13.เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ 14.พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ 15.นายรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี หรือ นายอมร อมรรัตนานนท์ 16.นายกิตติชัย ใสสะอาด 17.นายสำราญ รอดเพชร 18.นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม และ 19.นายพานสุวรรณ ณ แก้ว ในข้อหากระทำผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรา11 (1) และมาตรา 12
โดยศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ผู้ร้องเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในท้องที่กทม. และปริมณฑล และประกาศให้พนักงานที่มีอำนาจจับกุม และควบคุมตัวบุคคลที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นผู้ร่วมกระทำการให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงได้ ประกอบกับพยานหลักฐานของผู้ร้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพยานบุคคลทั้ง 18 ปาก พยานเอกสาร วัตถุพยาน เช่น แผ่นวีซีดี บันทึกภาพเคลื่อนไหวเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น จึงทำให้รับฟังได้ว่า มีเหตุผลเพียงพอว่าผู้ต้องสงสัยทั้ง 19 ราย จะเป็นผู้ร่วมกระทำการ ผู้ใช้ ผู้โฆษณา หรือผู้สนับสนุนการกระทำ ให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงอนุญาตให้จับกุมผู้ต้องสงสัยทั้ง 19 รายได้ จนกว่าสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงนั้น จะถูกยกเลิก โดยให้รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการจับกุมต่อศาลทุก 3 เดือน จนกว่าจะจับกุมตัวได้ และเมื่อจับกุมได้แล้ว ให้นำไปควบคุมไว้ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี มีกำหนดเวลาเท่าที่จำเป็น แต่ไม่เกิน 7 วัน นับตั้งแต่วันจับกุม
พร้อมทั้งให้จัดทำรายงาน การจับกุมและควบคุมตัว แนบภาพถ่ายผู้ถูกจับกุม เสนอต่อศาลอย่างช้าภายใน 48 ชั่วโมง นับแต่วันที่จับกุมได้ และจัดทำสำเนารายงานนั้นไว้ที่ทำการของผู้ร้อง เพื่อให้ญาติ หรือผู้ที่ได้รับความไว้วางใจของบุคคลนั้น สามารถตรวจดูได้ตลอดระยะเวลาที่ถูกควบคุมตัว หากผู้ร้องไม่กระทำการดังกล่าวข้างต้น ศาลอาจเพิกถอนหมายจับ หรือสั่งประการใดตามที่เห็นสมควรต่อไป และเมื่อครบกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่ศาลออกหมายจับ และควบคุมตัว หากยังไม่สามารถจับกุมบุคคลตามหมายจับได้ ศาลอาจเรียกผู้ร้องมาสอบถาม หรือเพิกถอนหมายจับและควบคุมตัวนั้น
**ห้ามเผยแพร่หมายจับในโซเชียลมีเดีย
ทั้งนี้ ท้ายคำสั่ง ศาลได้ออกข้อกำหนดห้ามผู้ร้อง หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติการตามหมายนี้ทั้งหมด นำหมายจับของศาลไปเผยแพร่ โดยการถ่ายภาพด้วยกล้องถ่ายภาพ โทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือเครื่องมือสื่อสารใดๆ เพื่อนำไปเผยแพร่ ทางอินเตอร์เน็ต ไลน์ เฟซบุ๊ก หรือสื่อออนไลน์ใดๆ ที่เป็นการเผยแพร่ทางสังคมออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย และห้ามนำหมายจับของศาลไปทำสำเนา หรือนำไปเผยแพร่อันก่อให้เกิดความเสียหายด้วยวิธีการใดๆ เช่น นำไปโปรยทางเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์แก่ประชาชน หากฝ่าฝืนข้อกำหนดดังกล่าว จะเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาล
พล.ต.ต.ขจรศักดิ์ ปานสาคร รอง ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ศรส. กล่าวภายหลังว่า จะนำหมายจับไปให้กับ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ในฐานะหัวหน้าชุดจับกุม เพื่อไปรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และดำเนินการจับกุมต่อไป
ด้านนายวิโรจน์ ภูมิศิริสวัสดิ์ ทนายความของกลุ่ม กปปส. กล่าวว่า จะไปปรึกษากับทางทีมทนายความว่าจะยื่นอุทธรณ์หมายจับหรือไม่
** กปปส.เดินหน้าไล่"ปู"ไม่สนหมายจับ
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. กล่าวยืนยันว่า แผนยกระดับการเคลื่อนไหวและกดดันปิดล้อมสถานที่ราชการของ กปปส. ยังคงดำเนินต่อไป รวมถึงการเดินขบวนรณรงค์ของนายสุเทพ แม้จะมีกระแสข่าวการบุกจับแกนนำ ตามหมายจับของศาลอาญา
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำกปปส. ปราศรัยบนเวทีแยกปทุมวัน ว่า แกนนำ กปปส. 19 คน ไม่มีใครหวั่นไหวต่อกรณีที่ศาลอนุมัติออกหมายจับข้อหาผ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตามที่ดีเอสไอ ได้ยื่นขอต่อศาล ซึ่งขณะนี้ทนายความได้เตรียมยื่นอุทธรณ์แล้ว โดยจะเดินหน้าชุมนุมต่อไป ซึ่งแกนนำจะไม่หลบหนี แต่ที่ยังไม่เข้ามอบตัว เพราะการชุมนุมยังไม่บรรลุเป้าหมาย และทันทีที่นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง แกนนำทั้งหมดจะเดินทางเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ทันที
** ศาลยกคำร้องชี้ม็อบไม่เข้าข่ายล้มล้างฯ
ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก ไม่รับคำร้องที่นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ และคำร้องที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ขอให้วินิจฉัยว่า การนายกฯ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ออกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในขณะที่มีพระราชกฤฎีการเลือกตั้ง เพราะไม่ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 วรรค 1
ทั้งนี้ ยังไม่รับคำร้องที่นายสิงห์ทอง บัวชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย ยื่นขอให้สั่งให้กลุ่มผู้ชุมนุม ทั้ง กปปส. และคปท. ยุติการชุมนุม
** กปท.เปิดสะพานพระราม 8
บรรยากาศการชุมนุมของ กปปส. วานนี้ (5 ก.พ.) ทุกเวทีเป็นไปอย่างปกติ ไม่มีเหตุรุนแรงตลอดคืนวันที่ 4ก.พ.ที่ผ่านมา ทั้งเวทีแยกปทุมวัน เวทีราชประสงค์ เวทีอโศกมนตรี และเวทีสวนลุมพินี สีลม
ส่วนที่สะพานพระราม 8 ซึ่งเป็นจุดชุมนุมของกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) และกองทัพธรรม ที่ได้เข้ายึดพื้นที่อยู่ แต่เมื่อ กปปส. มีมติที่จะปรับยุทธศาสตร์การต่อสู้ใหม่ ที่ไม่ต้องการให้ประชาชน นักเรียน ผู้ปกครองเดือดร้อน แต่จะมุ่งกดดันรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โดยจะคืนพื้นที่สะพานพระราม 8 ให้ประชาชนได้ใช้สัญจรข้ามระหว่างฝั่งกรุงเทพฯ กับฝั่งธนบุรี โดยในช่วงเช้า มวลชน กปท.ต่างเก็บสัมภาระ ข้าวของเพื่อเปิดทางให้รถยนต์สามารถผ่านได้ตามปกติ
** "หลวงปู่"ปัดเจรจาดีเอสไอ
ที่เวทีศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ ที่หลวงปู่พุทธะอิสระ ดูแลอยู่ การชุมนุมก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีการเปิดให้ข้าราชการบางส่วนเข้าทำงานได้ตามปกติแล้ว ขณะที่ข้าราชการกระทรวงยุติธรรม ต่างเริ่มก็ทยอยเข้าทำงาน ท่ามกลางการดูแลความเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ทหาร
ต่อมาคณะตัวแทน ดีเอสไอ นำโดย พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ ได้ขอเข้าพบหลวงปู่พุทธะอิสระ เพื่อเจรจาเปิดพื้นที่ให้ข้าราชการดีเอสไอ โดยเฉพาะศูนย์ช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายเข้าทำงาน แต่หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้ปฏิเสธการเจรจา เนื่องจากต้องมีการนัดล่วงหน้าก่อน และยินดีจะให้เข้าพบในวันนี้ (6ก.พ.)
**สมัชชาพุทธบริษัทฯแจ้งจับ"หลวงปู่"
ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.30 น. นายชัยธนพล ศรีจิวังษา ผู้แทนกลุ่มสมัชชาพุทธบริษัทแห่งประเทศไทย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ณัฐปกรณ์ ปัญญาดี พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ หลวงปู่พุทธะอิสระ ซึ่งร่วมชุมนุมกับกลุ่ม กปปส. โดยเป็นแกนนำในเวทีการชุมนุม ที่ถนนแจ้งวัฒนะ
**"เหลิม"สั่งเปิดมท.ไม่สำเร็จ
ที่กระทรวงมหาดไทย พล.ต.ต.อดุลย์ รัตนภิรมย์ ผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางเข้าขอเจรจาคืนพื้นที่กับกลุ่มสหภาพรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ หรือ สรส. โดยเมื่อมาถึง ได้มีการขอเข้าพบแกนนำเพื่อเจรจาหาทางออกในการคืนพื้นที่ให้กับข้าราชการและประชาชนในการติดต่อราชการต่างๆ แต่การ์ดพร้อมผู้ชุมนุมตรึงกำลังกั้นไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางเข้าไปในพื้นที่การชุมนุมได้ พร้อมกับเป่านกหวีด และตะโกนไล่ว่า จะไม่มีการเจรจาโดยเด็ดขาด
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการพยายามฝ่าแนวกั้นเข้าไปในพื้นที่ชุมนุม แต่ไม่สามารถทำได้ จึงต้องถอยกลับออกมา และยอมกลับโดยไม่มีการเจรจาเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.อดุลย์ได้กล่าวว่า จะมีการขอเจรจาจนกว่าจะสำเร็จ ด้วยแนวทางสันติ และจะไม่มีการใช้กำลังปราบปรามในการขอคืนพื้นที่ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการรายงานไปยังผู้บัญชาการให้รับทราบต่อไป
** สาธิตเตรียมฟ้องศาลหลังถูกสั่งเนรเทศ
จากกรณีเมื่อวันที่ 4ก.พ.ที่ผ่านมา ที่ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ได้สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เนรเทศนายสาธิต เซกัล ประธานกลุ่มนักธุรกิจไทย-อินเดีย และแกนนำ กปปส. สีลม ออกนอกประเทศ ตามกฎหมายในสถานการณ์ฉุกเฉิน เนื่องจากตรวจพบว่าเป็นบุคคลต่างด้าว และถูกดำเนินคดีในหลายข้อหา
นายสาธิต เซกัล กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า จะยื่นฟ้องต่อศาล กรณีที่ศรส.ได้สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเนรเทศตนเองออกนอกประเทศ ซึ่งตนจำเป็นจะต้องหาองค์กรที่ให้ความเป็นธรรมมาต่อสู้ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด โดยเฉพาะหลังจากรัฐบาลออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ไม่เคยขึ้นเวทีใดของ กปปส. เลย
"แม้ว่าผมจะถือสัญชาติอินเดีย เพราะเกิดในประเทศอินเดีย แต่ครอบครัวได้อยู่ในประเทศไทยมาไม่ต่ำกว่า 70 ปี และพี่น้อง 4 คน ก็มีสัญชาติไทยทั้งสิ้น ส่วนตัวผมอยู่ในประเทศไทย และนับว่าเป็นคนไทยคนหนึ่ง รวมทั้งตลอดชีวิตที่อยู่ในประเทศไทย 55 ปี ได้ทำความดีให้แก่ประเทศมาโดยตลอด เคยเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีมา 6 สมัย ทั้งในรัฐบาลชวน หลีกภัย รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยืนยันว่าผมทำงานเพื่อประโยชน์แก่ประเทศ ไม่ได้รับใช้พรรคใดพรรคหนึ่ง" นายสาธิต กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดในโซเชียลมีเดีย มีการส่งข้อความให้กำลังใจนายสาธิตมากมาย ขณะที่นายสาธิต จะรอความชัดเจนเรื่องข้อหาดังกล่าวเพื่อเตรียมการต่อสู้ต่อไป
***"สุเทพ"เมินหมายจับลั่นเจอข้อหากบฎอยู่แล้ว
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. กล่าวบนเวทีปราศรัยที่แยกปทุมวันว่า ไม่ต้องตกใจกับการออกหมายจับ 19 คน ตนไม่สะเทือน เพราะก่อนหน้านี้ออกหมายจับข้อหากบฎอยู่แล้ว ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดแล้ว แต่ก็ยังจับตนไม่ได้ ตนไม่ได้หนีไปไหน แม้จะจับได้ ก็ไม่ได้มีโทษรุนแรงอะไร ยังมีมวลชนอีกล้านคนสู้ต่อไปได้ ไม่มีปัญหา
นายสุเทพได้ชี้ให้เห็นถึงการเลือกตั้ง 2 ก.พ.ว่า มีผู้ไปใช้สิทธิ 19.6 ล้านคน น้อยสุดในประวัติศาสตร์ และในนั้นเป็นบัตรเสีย จงใจด่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ 2.3 ล้านคน โหวตโน 3.3 ล้านคน เท่ากับมีคนต่อต้าน 5.6 ล้านคน รวมกับ 35 ล้านคนไม่ไปใช้สิทธิ แสดงว่ามีคนไม่เอาน.ส.ยิ่งลักษณ์ และระบอบทักษิณเยอะ
นายสุเทพกล่าวว่า กรณีเหตุรุนแรงที่แยกหลักสี่ โกตี๋ใช้สถานีวิทยุแดงปลุกระดมมวลชนพร้อมอาวุธมาที่ถนนแจ้งวัฒนะ แต่ตำรวจไม่จับ แต่ที่น่าเจ็บใจ คนก่อเหตุไม่รู้เป็นใคร แต่ตำรวจรีบสรุป เป็นฝ่าย กปปส. ส่วนคดีอื่นๆ ไม่คืบหน้า แล้วยังมีข้อกังขาที่ตำรวจเอาเฮลิคอปเตอร์ เอาภาษีประชาชน รับส่งนายขวัญชัยเข้ากรุงเทพฯ สำหรับ ศรส. จะไปปิดแน่ตามคำท้า ขอให้ ร.ต.อ.เฉลิมรอได้เลย ทั้งนี้ ขอฝากไปถึงชาวนา หากมวลมหาประชาชนชนะเมื่อไร ก็จะยึดทรัพย์ตระกูลชินวัตรมาใช้หนี้จำนำข้าวให้ ส่วนการปิดกระทรวง ทบวง กรม ก็จะยังคำดำเนินการต่อไป เพื่อไม่ให้ข้าราชการทำงานให้กับระบอบทักษิณ
เมื่อเวลา 09.45 น.วานนี้ (5 ก.พ.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจ ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (สป.กห.)เมืองทองธานี เพื่อประชุมติดตามสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ร่วมกับรัฐมนตรีและหัวหน้าส่วนราชการ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด มีการจำกัดพื้นที่ และผู้สื่อข่าวต้องเซ็นชื่อแลกบัตร
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงการรักษาความปลอดภัยในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานชั่วคราวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า จะเรียกว่าการรักษาความปลอดภัยขณะนี้ อยู่ในขั้นสูงสุดก็ได้ โดยมีมาตรการที่เข้มข้นขึ้น เช่น ห้ามเข้าอาคารบางแห่ง หรือห้ามใช้เส้นทางบางเส้นทาง ซึ่งถือเป็นมาตรการที่เข้มขึ้นของเจ้าหน้าที่ โดยหากมีรายงานว่ากลุ่ม กปปส. จะเข้ามา ก็จะมีการจัดระเบียบตามแผนที่วางไว้ และสกัดกั้นไม่ให้เข้ามา
ทั้งนี้ ได้มีการเพิ่มเติมกำลังเข้ามาแล้ว โดยกำลังที่เตรียมไว้ทั้งหมด ในส่วนของตำรวจมี 30 กองร้อย ทหาร 2 กองร้อย ซึ่งรวมถึงทหารอากาศที่มาเพิ่มเมื่อวันที่ 4 ก.พ.อีก 1 กองร้อยด้วย โดยทหารที่มีสัดส่วนน้อย เพราะต้องการให้เน้นดูแลเฉพาะสถานที่เท่านั้น ส่วนตำรวจจะอยู่รอบนอกทั้งหมดและคิดว่าคงไม่ต้องเพิ่มกำลังทหารแล้ว เท่าที่มีอยู่น่าจะเพียงพอ
** ทบ.สอนมวย"ปึ้ง"อย่าขอกำลังทหารผ่านสื่อ
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณี นายสุรพงษ์ โตวิจักรชัยกุล รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะที่ปรึกษา ศรส. ออกมาระบุให้ ผบ.เหล่าทัพ ดูแลรักษาความปลอดภัยของน.ส. ยิ่งลักษณ์ หลังจากที่ถูกกลุ่ม กปปส. ตามไปขัดขวางการปฎิบัติงาน ว่า เรื่องการขอกำลังทหารไปดูแลบุคคลสำคัญ เช่น นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็น รมว.กลาโหม เป็นหน้าที่ต้องให้ทางสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นผู้ร้องขอมา และเป็นไปตามระเบียบขั้นตอน โดยผ่านทางกองบัญชาการกองทัพไทย และจะแจ้งมายังเหล่าทัพอีกครั้งว่าต้องการกำลังทหารจากเหล่าทัพไหน จำนวนเท่าไร รวมถึงภารกิจ อยู่ดีๆ จะให้กองทัพส่งกำลังทหารไปโดยไม่มีการร้องขอ คงทำไม่ได้ เพราะผิดขั้นตอนการปฏิบัติ
**"เหลิม"ฟ้องกองทัพ กปปส.ชุมนุมไม่สงบ
เวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) กล่าวถึงกรณีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ กปปส. ระบุว่า ตนกลัวผู้ชุมนุม จึงไม่ไปร่วมเปิดกระทรวงแรงงาน เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า ตนเป็น ผอ.ศรส. ต้องนั่งทำงานที่ ศรส. ไม่ใช่ว่ากลัว หรือไม่กลัว นายสาทิตย์ไม่มีราคาในสายตาตน และขอยืนยันอีกครั้ง หากใครไปบุกรุกสถานที่ราชการจะจับ หากไปกันอีก ตนล้อม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. อย่าฟ้องกองทัพมากนัก ตนขอฟ้องบ้างว่า กปปส. เกเร ชุมนุมไม่สงบ เปิดเผยจริง แต่ไม่อหิงสา
นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยที่ ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ แกนนำ กปท. ไปยึดไว้ กระทรวงมหาดไทย ได้ไปร้องทุกข์ และฟ้องทางแพ่งเอาไว้ ซึ่งตนจะมอบหมายให้ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร.ไปเจรจาให้ออกจากพื้นที่ หากการเจรจาไม่เป็นผล จะจับข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ ถ้าอยากแตกหักให้ยกไปล้อมไว้ แล้วตนจะระดมกำลังตำรวจไปล้อมต่อ จะให้ยึดกระทรวงมหาดไทยไม่ได้โดยเด็ดขาด
“ไอ้สาทิตย์ ทำเป็นพูดจาแบบนักเลง ผมขอใช้คำพูดหยาบๆ หน่อยได้ไหม ไปบอกไอ้สาทิตย์ว่า ไอ้ส้นตีน มาด่าผม อายุก็น้อยกว่า พูดจาให้เรียบร้อยหน่อย”ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวอีกว่า นายสุเทพ มีมือปืนล้อมรอบไม่ต่ำกว่า 50 คน ตนกลัวเสียเลือดเนื้อ ไม่อย่างนั้นสั่งจับไปแล้ว ดังนั้น ดีที่สุด ควรมอบตัว
** อัด"สุวัจน์"ท่อน้ำเลี้ยงไทยโพสต์ด่ารัฐบาล
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เป็นนายทุน อยู่รัฐบาลแท้ๆ แต่ปล่อยให้หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ด่านายกฯ และรัฐบาลอย่างหมูอย่างหมา ไม่รู้นะ ถ้ามีการตั้งรัฐบาลแล้วเอาพรรคชาติพัฒนามาร่วมรัฐบาล ตนจะค้าน เห็นแก่ตัว ไปหนุนหนังสือพิมพ์ที่ด่ารัฐบาลทุกวัน
**หมายจับ19 แกนนำผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งกรณี พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมคณะ ยื่นคำร้องเพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับแกนนำกปปส. 19 ราย ประกอบด้วย 1.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ 2.นายสาธิต วงศ์หนองเตย 3.นายชุมพล จุลใส 4.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 5.นายอิสระ สมชัย 6.นายวิทยา แก้วภราดัย 7.นายถาวร เสนเนียม 8.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 9.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ 10.น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก 11.นายนิติธร ล้ำเหลือ 12.นายอุทัย ยอดมณี 13.เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ 14.พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ 15.นายรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี หรือ นายอมร อมรรัตนานนท์ 16.นายกิตติชัย ใสสะอาด 17.นายสำราญ รอดเพชร 18.นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม และ 19.นายพานสุวรรณ ณ แก้ว ในข้อหากระทำผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรา11 (1) และมาตรา 12
โดยศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ผู้ร้องเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในท้องที่กทม. และปริมณฑล และประกาศให้พนักงานที่มีอำนาจจับกุม และควบคุมตัวบุคคลที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นผู้ร่วมกระทำการให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงได้ ประกอบกับพยานหลักฐานของผู้ร้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพยานบุคคลทั้ง 18 ปาก พยานเอกสาร วัตถุพยาน เช่น แผ่นวีซีดี บันทึกภาพเคลื่อนไหวเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น จึงทำให้รับฟังได้ว่า มีเหตุผลเพียงพอว่าผู้ต้องสงสัยทั้ง 19 ราย จะเป็นผู้ร่วมกระทำการ ผู้ใช้ ผู้โฆษณา หรือผู้สนับสนุนการกระทำ ให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงอนุญาตให้จับกุมผู้ต้องสงสัยทั้ง 19 รายได้ จนกว่าสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงนั้น จะถูกยกเลิก โดยให้รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการจับกุมต่อศาลทุก 3 เดือน จนกว่าจะจับกุมตัวได้ และเมื่อจับกุมได้แล้ว ให้นำไปควบคุมไว้ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี มีกำหนดเวลาเท่าที่จำเป็น แต่ไม่เกิน 7 วัน นับตั้งแต่วันจับกุม
พร้อมทั้งให้จัดทำรายงาน การจับกุมและควบคุมตัว แนบภาพถ่ายผู้ถูกจับกุม เสนอต่อศาลอย่างช้าภายใน 48 ชั่วโมง นับแต่วันที่จับกุมได้ และจัดทำสำเนารายงานนั้นไว้ที่ทำการของผู้ร้อง เพื่อให้ญาติ หรือผู้ที่ได้รับความไว้วางใจของบุคคลนั้น สามารถตรวจดูได้ตลอดระยะเวลาที่ถูกควบคุมตัว หากผู้ร้องไม่กระทำการดังกล่าวข้างต้น ศาลอาจเพิกถอนหมายจับ หรือสั่งประการใดตามที่เห็นสมควรต่อไป และเมื่อครบกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่ศาลออกหมายจับ และควบคุมตัว หากยังไม่สามารถจับกุมบุคคลตามหมายจับได้ ศาลอาจเรียกผู้ร้องมาสอบถาม หรือเพิกถอนหมายจับและควบคุมตัวนั้น
**ห้ามเผยแพร่หมายจับในโซเชียลมีเดีย
ทั้งนี้ ท้ายคำสั่ง ศาลได้ออกข้อกำหนดห้ามผู้ร้อง หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติการตามหมายนี้ทั้งหมด นำหมายจับของศาลไปเผยแพร่ โดยการถ่ายภาพด้วยกล้องถ่ายภาพ โทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือเครื่องมือสื่อสารใดๆ เพื่อนำไปเผยแพร่ ทางอินเตอร์เน็ต ไลน์ เฟซบุ๊ก หรือสื่อออนไลน์ใดๆ ที่เป็นการเผยแพร่ทางสังคมออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย และห้ามนำหมายจับของศาลไปทำสำเนา หรือนำไปเผยแพร่อันก่อให้เกิดความเสียหายด้วยวิธีการใดๆ เช่น นำไปโปรยทางเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์แก่ประชาชน หากฝ่าฝืนข้อกำหนดดังกล่าว จะเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาล
พล.ต.ต.ขจรศักดิ์ ปานสาคร รอง ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ศรส. กล่าวภายหลังว่า จะนำหมายจับไปให้กับ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ในฐานะหัวหน้าชุดจับกุม เพื่อไปรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และดำเนินการจับกุมต่อไป
ด้านนายวิโรจน์ ภูมิศิริสวัสดิ์ ทนายความของกลุ่ม กปปส. กล่าวว่า จะไปปรึกษากับทางทีมทนายความว่าจะยื่นอุทธรณ์หมายจับหรือไม่
** กปปส.เดินหน้าไล่"ปู"ไม่สนหมายจับ
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. กล่าวยืนยันว่า แผนยกระดับการเคลื่อนไหวและกดดันปิดล้อมสถานที่ราชการของ กปปส. ยังคงดำเนินต่อไป รวมถึงการเดินขบวนรณรงค์ของนายสุเทพ แม้จะมีกระแสข่าวการบุกจับแกนนำ ตามหมายจับของศาลอาญา
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำกปปส. ปราศรัยบนเวทีแยกปทุมวัน ว่า แกนนำ กปปส. 19 คน ไม่มีใครหวั่นไหวต่อกรณีที่ศาลอนุมัติออกหมายจับข้อหาผ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตามที่ดีเอสไอ ได้ยื่นขอต่อศาล ซึ่งขณะนี้ทนายความได้เตรียมยื่นอุทธรณ์แล้ว โดยจะเดินหน้าชุมนุมต่อไป ซึ่งแกนนำจะไม่หลบหนี แต่ที่ยังไม่เข้ามอบตัว เพราะการชุมนุมยังไม่บรรลุเป้าหมาย และทันทีที่นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง แกนนำทั้งหมดจะเดินทางเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ทันที
** ศาลยกคำร้องชี้ม็อบไม่เข้าข่ายล้มล้างฯ
ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก ไม่รับคำร้องที่นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ และคำร้องที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ขอให้วินิจฉัยว่า การนายกฯ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ออกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในขณะที่มีพระราชกฤฎีการเลือกตั้ง เพราะไม่ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 วรรค 1
ทั้งนี้ ยังไม่รับคำร้องที่นายสิงห์ทอง บัวชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย ยื่นขอให้สั่งให้กลุ่มผู้ชุมนุม ทั้ง กปปส. และคปท. ยุติการชุมนุม
** กปท.เปิดสะพานพระราม 8
บรรยากาศการชุมนุมของ กปปส. วานนี้ (5 ก.พ.) ทุกเวทีเป็นไปอย่างปกติ ไม่มีเหตุรุนแรงตลอดคืนวันที่ 4ก.พ.ที่ผ่านมา ทั้งเวทีแยกปทุมวัน เวทีราชประสงค์ เวทีอโศกมนตรี และเวทีสวนลุมพินี สีลม
ส่วนที่สะพานพระราม 8 ซึ่งเป็นจุดชุมนุมของกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) และกองทัพธรรม ที่ได้เข้ายึดพื้นที่อยู่ แต่เมื่อ กปปส. มีมติที่จะปรับยุทธศาสตร์การต่อสู้ใหม่ ที่ไม่ต้องการให้ประชาชน นักเรียน ผู้ปกครองเดือดร้อน แต่จะมุ่งกดดันรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โดยจะคืนพื้นที่สะพานพระราม 8 ให้ประชาชนได้ใช้สัญจรข้ามระหว่างฝั่งกรุงเทพฯ กับฝั่งธนบุรี โดยในช่วงเช้า มวลชน กปท.ต่างเก็บสัมภาระ ข้าวของเพื่อเปิดทางให้รถยนต์สามารถผ่านได้ตามปกติ
** "หลวงปู่"ปัดเจรจาดีเอสไอ
ที่เวทีศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ ที่หลวงปู่พุทธะอิสระ ดูแลอยู่ การชุมนุมก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีการเปิดให้ข้าราชการบางส่วนเข้าทำงานได้ตามปกติแล้ว ขณะที่ข้าราชการกระทรวงยุติธรรม ต่างเริ่มก็ทยอยเข้าทำงาน ท่ามกลางการดูแลความเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ทหาร
ต่อมาคณะตัวแทน ดีเอสไอ นำโดย พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ ได้ขอเข้าพบหลวงปู่พุทธะอิสระ เพื่อเจรจาเปิดพื้นที่ให้ข้าราชการดีเอสไอ โดยเฉพาะศูนย์ช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายเข้าทำงาน แต่หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้ปฏิเสธการเจรจา เนื่องจากต้องมีการนัดล่วงหน้าก่อน และยินดีจะให้เข้าพบในวันนี้ (6ก.พ.)
**สมัชชาพุทธบริษัทฯแจ้งจับ"หลวงปู่"
ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.30 น. นายชัยธนพล ศรีจิวังษา ผู้แทนกลุ่มสมัชชาพุทธบริษัทแห่งประเทศไทย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ณัฐปกรณ์ ปัญญาดี พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ หลวงปู่พุทธะอิสระ ซึ่งร่วมชุมนุมกับกลุ่ม กปปส. โดยเป็นแกนนำในเวทีการชุมนุม ที่ถนนแจ้งวัฒนะ
**"เหลิม"สั่งเปิดมท.ไม่สำเร็จ
ที่กระทรวงมหาดไทย พล.ต.ต.อดุลย์ รัตนภิรมย์ ผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางเข้าขอเจรจาคืนพื้นที่กับกลุ่มสหภาพรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ หรือ สรส. โดยเมื่อมาถึง ได้มีการขอเข้าพบแกนนำเพื่อเจรจาหาทางออกในการคืนพื้นที่ให้กับข้าราชการและประชาชนในการติดต่อราชการต่างๆ แต่การ์ดพร้อมผู้ชุมนุมตรึงกำลังกั้นไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางเข้าไปในพื้นที่การชุมนุมได้ พร้อมกับเป่านกหวีด และตะโกนไล่ว่า จะไม่มีการเจรจาโดยเด็ดขาด
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการพยายามฝ่าแนวกั้นเข้าไปในพื้นที่ชุมนุม แต่ไม่สามารถทำได้ จึงต้องถอยกลับออกมา และยอมกลับโดยไม่มีการเจรจาเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.อดุลย์ได้กล่าวว่า จะมีการขอเจรจาจนกว่าจะสำเร็จ ด้วยแนวทางสันติ และจะไม่มีการใช้กำลังปราบปรามในการขอคืนพื้นที่ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการรายงานไปยังผู้บัญชาการให้รับทราบต่อไป
** สาธิตเตรียมฟ้องศาลหลังถูกสั่งเนรเทศ
จากกรณีเมื่อวันที่ 4ก.พ.ที่ผ่านมา ที่ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ได้สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เนรเทศนายสาธิต เซกัล ประธานกลุ่มนักธุรกิจไทย-อินเดีย และแกนนำ กปปส. สีลม ออกนอกประเทศ ตามกฎหมายในสถานการณ์ฉุกเฉิน เนื่องจากตรวจพบว่าเป็นบุคคลต่างด้าว และถูกดำเนินคดีในหลายข้อหา
นายสาธิต เซกัล กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า จะยื่นฟ้องต่อศาล กรณีที่ศรส.ได้สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเนรเทศตนเองออกนอกประเทศ ซึ่งตนจำเป็นจะต้องหาองค์กรที่ให้ความเป็นธรรมมาต่อสู้ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด โดยเฉพาะหลังจากรัฐบาลออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ไม่เคยขึ้นเวทีใดของ กปปส. เลย
"แม้ว่าผมจะถือสัญชาติอินเดีย เพราะเกิดในประเทศอินเดีย แต่ครอบครัวได้อยู่ในประเทศไทยมาไม่ต่ำกว่า 70 ปี และพี่น้อง 4 คน ก็มีสัญชาติไทยทั้งสิ้น ส่วนตัวผมอยู่ในประเทศไทย และนับว่าเป็นคนไทยคนหนึ่ง รวมทั้งตลอดชีวิตที่อยู่ในประเทศไทย 55 ปี ได้ทำความดีให้แก่ประเทศมาโดยตลอด เคยเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีมา 6 สมัย ทั้งในรัฐบาลชวน หลีกภัย รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยืนยันว่าผมทำงานเพื่อประโยชน์แก่ประเทศ ไม่ได้รับใช้พรรคใดพรรคหนึ่ง" นายสาธิต กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดในโซเชียลมีเดีย มีการส่งข้อความให้กำลังใจนายสาธิตมากมาย ขณะที่นายสาธิต จะรอความชัดเจนเรื่องข้อหาดังกล่าวเพื่อเตรียมการต่อสู้ต่อไป
***"สุเทพ"เมินหมายจับลั่นเจอข้อหากบฎอยู่แล้ว
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. กล่าวบนเวทีปราศรัยที่แยกปทุมวันว่า ไม่ต้องตกใจกับการออกหมายจับ 19 คน ตนไม่สะเทือน เพราะก่อนหน้านี้ออกหมายจับข้อหากบฎอยู่แล้ว ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดแล้ว แต่ก็ยังจับตนไม่ได้ ตนไม่ได้หนีไปไหน แม้จะจับได้ ก็ไม่ได้มีโทษรุนแรงอะไร ยังมีมวลชนอีกล้านคนสู้ต่อไปได้ ไม่มีปัญหา
นายสุเทพได้ชี้ให้เห็นถึงการเลือกตั้ง 2 ก.พ.ว่า มีผู้ไปใช้สิทธิ 19.6 ล้านคน น้อยสุดในประวัติศาสตร์ และในนั้นเป็นบัตรเสีย จงใจด่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ 2.3 ล้านคน โหวตโน 3.3 ล้านคน เท่ากับมีคนต่อต้าน 5.6 ล้านคน รวมกับ 35 ล้านคนไม่ไปใช้สิทธิ แสดงว่ามีคนไม่เอาน.ส.ยิ่งลักษณ์ และระบอบทักษิณเยอะ
นายสุเทพกล่าวว่า กรณีเหตุรุนแรงที่แยกหลักสี่ โกตี๋ใช้สถานีวิทยุแดงปลุกระดมมวลชนพร้อมอาวุธมาที่ถนนแจ้งวัฒนะ แต่ตำรวจไม่จับ แต่ที่น่าเจ็บใจ คนก่อเหตุไม่รู้เป็นใคร แต่ตำรวจรีบสรุป เป็นฝ่าย กปปส. ส่วนคดีอื่นๆ ไม่คืบหน้า แล้วยังมีข้อกังขาที่ตำรวจเอาเฮลิคอปเตอร์ เอาภาษีประชาชน รับส่งนายขวัญชัยเข้ากรุงเทพฯ สำหรับ ศรส. จะไปปิดแน่ตามคำท้า ขอให้ ร.ต.อ.เฉลิมรอได้เลย ทั้งนี้ ขอฝากไปถึงชาวนา หากมวลมหาประชาชนชนะเมื่อไร ก็จะยึดทรัพย์ตระกูลชินวัตรมาใช้หนี้จำนำข้าวให้ ส่วนการปิดกระทรวง ทบวง กรม ก็จะยังคำดำเนินการต่อไป เพื่อไม่ให้ข้าราชการทำงานให้กับระบอบทักษิณ