ASTVผู้จัดการรายวัน-ตำรวจตั้ง 2 ปมฆ่า คดียิง "ขวัญชัย" ขัดแย้งส่วนตัวและขัดแย้งเสื้อแดง เผยคนใกล้ตัวส่งซิก เหตุรู้ความเคลื่อนไหวดี ยันภายใน 2 สัปดาห์ คดีคืบแน่ เผยล่าสุดได้ย้ายไปรักษาตัวที่รพ.พระรามเก้า กรุงเทพฯ แต่อนาถ ไม่ยอมจ่ายค่ารักษากว่า 4 แสนบาท
พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ รอง ผบช.ภ.4 เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดียิงนายขวัญชัย ไพรพนา ว่า ชุดสืบสวนสอบสวนยังคงลงพื้นที่หาข่าว และแกะรอยคนร้ายอย่างเต็มที่ ส่งผลให้คดีมีความคืบหน้าไปมาก โดยประเด็นการลอบสังหาร ให้น้ำหนักไว้ที่ปมขัดแย้งส่วนตัวและปมขัดแย้งในฐานะแกนนำคนเสื้อแดงภาคอีสาน เพราะคนร้ายที่ก่อเหตุ ได้ติดตามพฤติกรรมความเคลื่อนไหวของนายขวัญชัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าคนในมีส่วนรู้เห็นหรือเกลือเป็นหนอน เพราะนายขวัญชัย มักจะเดินทางตลอด แต่คนร้ายกลับเลือกลงมือขณะนายขวัญชัยกำลังพักอยู่ที่บ้าน อาจจะมีคนแจ้งเบาะแสความเคลื่อนไหวของนายขวัญชัยให้มือปืนรู้
ทั้งนี้ ได้ส่งปลอกกระสุนไปเทียบกับการใช้อาวุธปืนตามพื้นที่ต่างๆ ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และพื้นที่จังหวัดภาคใต้ เพื่อสืบหาที่มาของปืนและกลุ่มคนร้าย มั่นใจว่าภายใน 2 สัปดาห์นี้ จะมีความคืบหน้าทางคดีและสามารถออกหมายจับผู้ลงมือก่อเหตุและผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด
ส่วนอาการของนายขวัญชัยปลอดภัยแล้ว สามารถสื่อสารและขยับตัวได้ ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี โดยได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก บก.สส.ภ.จว.อุดรธานี มาดูแลความปลอดภัยทั้งที่โรงพยาบาล และบ้านพัก ทั้งได้จัดชุดคุ้มกันให้คนในครอบครัวนายขวัญชัย เพราะเกรงว่าผู้ก่อเหตุอาจจะหวนคืนมาก่อเหตุอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดนายขวัญชัยได้ย้ายไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลพระรามเก้า กรุงเทพฯ หลังจากพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอุดร ตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลรวม 434,682 บาท แต่ทางโรงพยาบาลได้ให้ส่วนลดเหลือ 393,604 บาท โดยทางโรงพยาบาลยังไม่ได้รับเงินค่ารักษาแต่อย่างใด และไม่มีความชัดเจนว่าใครจะมาเคลียร์ให้ ซึ่งในการออกจากโรงพยาบาล มีกระแสข่าวว่า นายตำรวจยศพันเอกในพื้นที่จังหวัดอุดรธานีได้ใช้ตำแหน่งตัวเองค้ำประกันให้นายขวัญชัยออกจากโรงพยาบาลได้
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาระบุว่า คนที่ลอบฆ่า นายขวัญชัย เป็นทหารยศระดับจ่า 3 นาย ว่า ตรงนี้ยังไม่มีความชัดเจน หากเกี่ยวข้องกับกองทัพ ทางตำรวจต้องมีหลักฐาน พร้อมระบุชื่อ สังกัด นายทหารที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการแจ้งข้อกล่าวหา เท่าที่ทราบเรื่องดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการหาข้อมูล หลักฐาน และถ้าหากเป็นทหารจริง ก็ต้องไปดูอีกว่า อยู่เหล่าทัพไหน เป็นทหารเกษียณไปแล้ว หรืออยู่ในราชการ ซึ่งตรงนี้ไม่มีความชัดเจน ถือเป็นการพูดลอยๆ
พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ รอง ผบช.ภ.4 เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดียิงนายขวัญชัย ไพรพนา ว่า ชุดสืบสวนสอบสวนยังคงลงพื้นที่หาข่าว และแกะรอยคนร้ายอย่างเต็มที่ ส่งผลให้คดีมีความคืบหน้าไปมาก โดยประเด็นการลอบสังหาร ให้น้ำหนักไว้ที่ปมขัดแย้งส่วนตัวและปมขัดแย้งในฐานะแกนนำคนเสื้อแดงภาคอีสาน เพราะคนร้ายที่ก่อเหตุ ได้ติดตามพฤติกรรมความเคลื่อนไหวของนายขวัญชัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าคนในมีส่วนรู้เห็นหรือเกลือเป็นหนอน เพราะนายขวัญชัย มักจะเดินทางตลอด แต่คนร้ายกลับเลือกลงมือขณะนายขวัญชัยกำลังพักอยู่ที่บ้าน อาจจะมีคนแจ้งเบาะแสความเคลื่อนไหวของนายขวัญชัยให้มือปืนรู้
ทั้งนี้ ได้ส่งปลอกกระสุนไปเทียบกับการใช้อาวุธปืนตามพื้นที่ต่างๆ ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และพื้นที่จังหวัดภาคใต้ เพื่อสืบหาที่มาของปืนและกลุ่มคนร้าย มั่นใจว่าภายใน 2 สัปดาห์นี้ จะมีความคืบหน้าทางคดีและสามารถออกหมายจับผู้ลงมือก่อเหตุและผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด
ส่วนอาการของนายขวัญชัยปลอดภัยแล้ว สามารถสื่อสารและขยับตัวได้ ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี โดยได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก บก.สส.ภ.จว.อุดรธานี มาดูแลความปลอดภัยทั้งที่โรงพยาบาล และบ้านพัก ทั้งได้จัดชุดคุ้มกันให้คนในครอบครัวนายขวัญชัย เพราะเกรงว่าผู้ก่อเหตุอาจจะหวนคืนมาก่อเหตุอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดนายขวัญชัยได้ย้ายไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลพระรามเก้า กรุงเทพฯ หลังจากพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอุดร ตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลรวม 434,682 บาท แต่ทางโรงพยาบาลได้ให้ส่วนลดเหลือ 393,604 บาท โดยทางโรงพยาบาลยังไม่ได้รับเงินค่ารักษาแต่อย่างใด และไม่มีความชัดเจนว่าใครจะมาเคลียร์ให้ ซึ่งในการออกจากโรงพยาบาล มีกระแสข่าวว่า นายตำรวจยศพันเอกในพื้นที่จังหวัดอุดรธานีได้ใช้ตำแหน่งตัวเองค้ำประกันให้นายขวัญชัยออกจากโรงพยาบาลได้
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาระบุว่า คนที่ลอบฆ่า นายขวัญชัย เป็นทหารยศระดับจ่า 3 นาย ว่า ตรงนี้ยังไม่มีความชัดเจน หากเกี่ยวข้องกับกองทัพ ทางตำรวจต้องมีหลักฐาน พร้อมระบุชื่อ สังกัด นายทหารที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการแจ้งข้อกล่าวหา เท่าที่ทราบเรื่องดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการหาข้อมูล หลักฐาน และถ้าหากเป็นทหารจริง ก็ต้องไปดูอีกว่า อยู่เหล่าทัพไหน เป็นทหารเกษียณไปแล้ว หรืออยู่ในราชการ ซึ่งตรงนี้ไม่มีความชัดเจน ถือเป็นการพูดลอยๆ