ศูนย์ข่าวภูมิภาค - ปชช.หลายจังหวัดทั้ง "เหนือ-อีสาน"แสดงพลังกา"โหวดโน"และ"จงใจทำบัตรเสีย" มากสุดในประวัติศาสตร์ พบคนอุบลฯโหวตโน-ทำบัตรเสียมากกว่า 1 แสนใบ เช่นเดียวกับ "เชียงราย"รวมแล้วกว่า 1 แสนใบ ส่วน "นครศรีธรรมราช" มาใช้สิทธิแค่ 1,292 คนเท่านั้นจากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 1,153,060 คน
วานนี้ (3 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้รายงานตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการผลการเลือกตั้ง ส.ส.ทั้ง 77 จังหวัดเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบไปยังศูนย์ข้อมูลการเลือกตั้งตามจังหวัดต่างๆ พบว่ามีหลายจังหวัดที่ประชาชนไปเลือกตั้ง แต่ได้พร้อมใจกันกากบาทลงในช่องไม่ประสงค์จะเลือกใคร หรือ "โหวตโน" และจงใจทำบัตรเสียกันเป็นจำนวนมาก ขณะที่บางจังหวัดมีผู้ไปเลือกตั้งเพียงไม่กี่ราย เช่นที่ จ.นครศรีธรรมราช ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 1,153,060 คน แต่พบว่ามีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งเพียงแค่ 1,292 คนเท่านั้น
**อุบลฯ"โหวตโน-บัตรเสีย"กว่าแสนใบ
ส่วนผลการลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.อุบลราชธานีมีผู้ออกมาใช้สิทธิทั้งสิ้น 708,128 คนจากผู้มีสิทธิ 1,306,038 คน คิดเป็น 54.21% น้อยกว่าการเลือกตั้งปี 2554 ถึง 20% คาดว่าผู้สมัครพรรคเพื่อไทยได้รับเลือก 9 เขต ผู้สมัครพรรคชาติไทยพัฒนา 2 เขต
ที่น่าสนใจคือเกิดปรากฏการณ์มีบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนนระดับเขตสูงถึง 101,177 ใบ คิดเป็น 14.28% และระบบบัญชีรายชื่อสูงถึง 94,922 ใบ คิดเป็น 13.40% จงใจทำให้เป็นบัตรเสียมากเป็นประวัติการณ์ถึง 138,357 ใบ คิดเป็น 19.53% โดยพฤติกรรมทำให้เป็นบัตรเสียประกอบด้วย กากบาทในช่องลงคะแนนเลือกผู้สมัครเกินกว่าที่เลือกได้ ไม่กากบาทเลือกใครแล้วหย่อนเป็นบัตรเปล่า เขียนข้อความลงในบัตรเลือกตั้งด้วยถ้อยคำที่รุนแรง
ส่วนการเก็บรักษาหีบบัตรลงคะแนนนั้น นายทรงศักดิ์ จันทรุกขา ผู้อำนวยการสำนักงาน กกต.อุบลราชธานี ระบุว่า ได้นำหีบใช้ลงคะแนนทั้งหมดเก็บรักษาไว้ตามสถานีตำรวจทั้ง 11 เขต โดย กกต.ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวในห้องเก็บรักษาหีบบัตรไว้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อนำออกมานับรวมกับการเลือกตั้งล่วงหน้า และเลือกตั้งนอกเขตในวันที่ 23 ก.พ.นี้
**หนองคายบัตรเสีย-โหวตโนกว่า4หมื่น
ส่วนทางด้านศูนย์ข้อมูลการเลือกตั้งกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย ได้รวบรวมผลการเลือกตั้ง ส.ส.หลังจากปิดหีบลงคะแนนเมื่อวันที่ 2 ก.พ.โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำหน่วยเลือกตั้ง 773 หน่วย 3 เขตเลือกตั้ง ได้รายงานผลเมื่อเวลาประมาณ 22.30 น.คืนวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมารวมทั้ง 3 เขตเลือกตั้งมีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 378,486 คน มาใช้สิทธิ 199,995 คน บัตรเสีย 24,086 ใบ ไม่ประสงค์ลงคะแนน 19,036 ใบ
**ชาวเชียงราย "โหวตโน"เกือบแสน
ส่วนที่ จ.เชียงราย แม้ กกต.ยังไม่สามารถประกาศผลการลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.วันที่ 2 ก.พ.ได้เนื่องจากต้องรอผลการเลือกตั้งล่วงหน้าย้อนหลังในวันที่ 23 ก.พ.ก่อนก็ตาม แต่หลายหน่วยงานที่มีการรวบรวมข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ และกลุ่มการเมือง ที่มีส่วนได้เสียจากการเลือกตั้ง มีผลคะแนนที่จัดทำกันเองและไม่เป็นทางการหลายสำนัก โดยพบว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ จ.เชียงราย มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้ง 7 เขต 902,588 คนไปใช้สิทธิ 574,428 คน หรือร้อยละ 63.6 แต่ไม่ประสงค์จะลงคะแนน 94,399 คน หรือร้อยละ 10.46 และบัตรเสีย 79,843 บัตร หรือร้อยละ 8.85 เมื่อเปรียบเทียบกับการเลือกตั้งเมื่อปี 2554 พบว่าตัวเลขทุกรายการลดลง ยกเว้นกรณีบัตรไม่ประสงค์จะลงคะแนนและบัตรเสีย
โดยในปี 2554 ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 870,197 คนไปใช้สิทธิ 669,909 หรือร้อยละ 76.98 มีบัตรไม่ประสงค์จะลงคะแนนเพียง 13,858 บัตร หรือร้อยละ 2.07 ส่วนบัตรเสียมีจำนวนใกล้เคียงกันโดยปี 2554 มีบัตรเสีย 41,950 หรือร้อยละ 6.26 ส่วนผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการพบว่า ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยชนะทั้ง 7 เขต แต่เกือบทั้งหมดได้คะแนนต่ำกว่าปี 2554 มีเพียงบางเขตเท่านั้นที่ได้คะแนนมากกว่า
**กกต.ลำปางพบ "โหวตโน"เกือบแสน
ด้าน กกต.ลำปาง ได้สรุปผลการนับคะแนนและจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้พบว่า ผู้มีสิทธิในการเลือกตั้ง 613,809 คน มาใช้สิทธิ 393,062 คน หรือร้อยละ 64.04% สำหรับการลงคะแนนแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง มีบัตรดี 264,611 ใบ คิดเป็น 67.32% บัตรเสีย 54,315 ใบ คิดเป็น 13.82% และไม่ประสงค์ลงคะแนน 71,397 ใบ คิดเป็น 18.16% แบบบัญชีรายชื่อมีบัตรดี 298,562 ใบ คิดเป็น 75.96% บัตรเสีย 33,258 ใบ คิดเป็น 8.46% และไม่ประสงค์ลงคะแนนมี 63,102 ใบ คิดเป็น 16.05%
**เชียงใหม่ไม่ประสงค์ลงคะแนน 13%
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งข้อมูลการเลือกตั้ง ส.ส.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 2 ก.พ.อย่างไม่เป็นทางการว่า มีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวน 684,591 คน จากจำนวนผู้มีสิทธิทั้งหมด 1,021,714 คน หรือมีผู้ออกมาใช้สิทธิคิดเป็น 67% จำนวนผู้มีสิทธิ บัตรดี 441,733 ใบ คิดเป็น 64.53% บัตรเสีย 99,626 ใบ คิดเป็น 14.55% บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 139,347 ใบ คิดเป็น 13.64%
นายสุชาติ ใจภักดี ผอ.การเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จากข้อมูลสรุปเบื้องต้นในการจัดการเลือกตั้งของ จ.เชียงใหม่ มีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งประมาณ 67% ในเชิงปริมาณแล้วถือว่าเป็นที่น่าพอใจ แม้ว่าจะลดลงจากการเลือกตั้งครั้งก่อนที่มีผู้ออกมาใช้สิทธิประมาณ 83% ก็ตาม แต่เมื่อเปรียบกับอีกหลายจังหวัดที่มีปัญหาและมีผู้ออกมาใช้สิทธิไม่ถึงครึ่ง ต้องถือว่า จ.เชียงใหม่มีสถานการณ์ที่ดีกว่า และยังมีความเป็นไปได้ที่เมื่อนับรวมกับการเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดแล้ว จ.เชียงใหม่อาจจะมีสัดส่วนจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมากขึ้นอีกก็ได้
**"คนยะลา-โคราช"มาใช้สิทธิไม่ถึงครึ่ง
ส่วนศูนย์ข้อมูลการเลือกตั้งกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา รายงานการเลือกตั้ง 577 หน่วย 3 เขต 8 อำเภอมีหน่วยเลือกตั้งที่ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ 46 หน่วยคือ เขต อ.เมืองยะลา 22 หน่วย อ.กาบัง 11 หน่วย อ.ธารโต 10 หน่วย และ อ.เบตง 3 หน่วย ส่วนยอดผู้มาใช้สิทธิรวม 3 เขตจำนวน 101,604 คนหรือร้อยละ 32.60 จากจำนวนผู้มีสิทธิ 311,603 คน
ขณะที่ศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้งตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาสรุปผลจัดการเลือกตั้งเรียบร้อยเช่นกันทั้ง 15 เขตเลือกตั้งโดยจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งใน จ.นครราชสีมามีทั้งหมด 1,961,967 คนมาใช้สิทธิ 894,025 คน หรือร้อยละ 45.57
**ชาวเพชรบูรณ์หงุดหงิดกกต.ไม่แจ้งผล
ส่วนที่ จ.เพชรบูรณ์ ถึงแม้การเลือกตั้ง ส.ส.ทั้ง 6 เขตเลือกตั้ง การนับคะแนนจะเสร็จสิ้นเรียบร้อยไปแล้วก็ตาม แต่ถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการแจ้งผลคะแนนให้ทราบอย่างเป็นทางการ ส่งผลให้ประชาชนที่รอเฝ้าลุ้นต่างแสดงอาการหงุดหงิดไปตามกัน นอกจากนี้ ยังมีหลายรายที่เดินทางไปติดตามผลคะแนนที่สำนักงาน กกต. ในแต่ละเขต เดิมการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาจะมีการติดตั้งป้ายคัทเอาท์ขนาดใหญ่ให้ติดตามรายงานผลคะแนน แต่ในครั้งนี้กลับว่างเปล่า และเมื่อสอบถามทางเจ้าหน้าที่ก็ได้รับคำตอบว่า ทาง กกต. มีคำสั่งห้ามเปิดเผยผลคะแนน เนื่องจากในหลายเขตเลือกตั้ง ยังจัดการเลือกตั้งไม่เสร็จสิ้น
แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้สมัคร ส.ส.ที่มีคะแนนนำอย่างไม่เป็นทางการ ปรากฏว่า ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย มีคะแนนสูงสุดทั้ง 6 เขตเลือกตั้ง ขณะเดียวกัน การเลือกตั้งครั้งนี้ ยังมีการทุบสถิติผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้จำนวนบัตรเสียและบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน ทั้งแบบ ส.ส.แบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ทั้ง 6 เขตเลือกของ จ.เพชรบูรณ์ ยังค่อนข้างสูงเป็นประวัติการณ์อีกด้วย
วานนี้ (3 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้รายงานตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการผลการเลือกตั้ง ส.ส.ทั้ง 77 จังหวัดเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบไปยังศูนย์ข้อมูลการเลือกตั้งตามจังหวัดต่างๆ พบว่ามีหลายจังหวัดที่ประชาชนไปเลือกตั้ง แต่ได้พร้อมใจกันกากบาทลงในช่องไม่ประสงค์จะเลือกใคร หรือ "โหวตโน" และจงใจทำบัตรเสียกันเป็นจำนวนมาก ขณะที่บางจังหวัดมีผู้ไปเลือกตั้งเพียงไม่กี่ราย เช่นที่ จ.นครศรีธรรมราช ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 1,153,060 คน แต่พบว่ามีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งเพียงแค่ 1,292 คนเท่านั้น
**อุบลฯ"โหวตโน-บัตรเสีย"กว่าแสนใบ
ส่วนผลการลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.อุบลราชธานีมีผู้ออกมาใช้สิทธิทั้งสิ้น 708,128 คนจากผู้มีสิทธิ 1,306,038 คน คิดเป็น 54.21% น้อยกว่าการเลือกตั้งปี 2554 ถึง 20% คาดว่าผู้สมัครพรรคเพื่อไทยได้รับเลือก 9 เขต ผู้สมัครพรรคชาติไทยพัฒนา 2 เขต
ที่น่าสนใจคือเกิดปรากฏการณ์มีบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนนระดับเขตสูงถึง 101,177 ใบ คิดเป็น 14.28% และระบบบัญชีรายชื่อสูงถึง 94,922 ใบ คิดเป็น 13.40% จงใจทำให้เป็นบัตรเสียมากเป็นประวัติการณ์ถึง 138,357 ใบ คิดเป็น 19.53% โดยพฤติกรรมทำให้เป็นบัตรเสียประกอบด้วย กากบาทในช่องลงคะแนนเลือกผู้สมัครเกินกว่าที่เลือกได้ ไม่กากบาทเลือกใครแล้วหย่อนเป็นบัตรเปล่า เขียนข้อความลงในบัตรเลือกตั้งด้วยถ้อยคำที่รุนแรง
ส่วนการเก็บรักษาหีบบัตรลงคะแนนนั้น นายทรงศักดิ์ จันทรุกขา ผู้อำนวยการสำนักงาน กกต.อุบลราชธานี ระบุว่า ได้นำหีบใช้ลงคะแนนทั้งหมดเก็บรักษาไว้ตามสถานีตำรวจทั้ง 11 เขต โดย กกต.ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวในห้องเก็บรักษาหีบบัตรไว้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อนำออกมานับรวมกับการเลือกตั้งล่วงหน้า และเลือกตั้งนอกเขตในวันที่ 23 ก.พ.นี้
**หนองคายบัตรเสีย-โหวตโนกว่า4หมื่น
ส่วนทางด้านศูนย์ข้อมูลการเลือกตั้งกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย ได้รวบรวมผลการเลือกตั้ง ส.ส.หลังจากปิดหีบลงคะแนนเมื่อวันที่ 2 ก.พ.โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำหน่วยเลือกตั้ง 773 หน่วย 3 เขตเลือกตั้ง ได้รายงานผลเมื่อเวลาประมาณ 22.30 น.คืนวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมารวมทั้ง 3 เขตเลือกตั้งมีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 378,486 คน มาใช้สิทธิ 199,995 คน บัตรเสีย 24,086 ใบ ไม่ประสงค์ลงคะแนน 19,036 ใบ
**ชาวเชียงราย "โหวตโน"เกือบแสน
ส่วนที่ จ.เชียงราย แม้ กกต.ยังไม่สามารถประกาศผลการลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.วันที่ 2 ก.พ.ได้เนื่องจากต้องรอผลการเลือกตั้งล่วงหน้าย้อนหลังในวันที่ 23 ก.พ.ก่อนก็ตาม แต่หลายหน่วยงานที่มีการรวบรวมข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ และกลุ่มการเมือง ที่มีส่วนได้เสียจากการเลือกตั้ง มีผลคะแนนที่จัดทำกันเองและไม่เป็นทางการหลายสำนัก โดยพบว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ จ.เชียงราย มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้ง 7 เขต 902,588 คนไปใช้สิทธิ 574,428 คน หรือร้อยละ 63.6 แต่ไม่ประสงค์จะลงคะแนน 94,399 คน หรือร้อยละ 10.46 และบัตรเสีย 79,843 บัตร หรือร้อยละ 8.85 เมื่อเปรียบเทียบกับการเลือกตั้งเมื่อปี 2554 พบว่าตัวเลขทุกรายการลดลง ยกเว้นกรณีบัตรไม่ประสงค์จะลงคะแนนและบัตรเสีย
โดยในปี 2554 ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 870,197 คนไปใช้สิทธิ 669,909 หรือร้อยละ 76.98 มีบัตรไม่ประสงค์จะลงคะแนนเพียง 13,858 บัตร หรือร้อยละ 2.07 ส่วนบัตรเสียมีจำนวนใกล้เคียงกันโดยปี 2554 มีบัตรเสีย 41,950 หรือร้อยละ 6.26 ส่วนผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการพบว่า ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยชนะทั้ง 7 เขต แต่เกือบทั้งหมดได้คะแนนต่ำกว่าปี 2554 มีเพียงบางเขตเท่านั้นที่ได้คะแนนมากกว่า
**กกต.ลำปางพบ "โหวตโน"เกือบแสน
ด้าน กกต.ลำปาง ได้สรุปผลการนับคะแนนและจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้พบว่า ผู้มีสิทธิในการเลือกตั้ง 613,809 คน มาใช้สิทธิ 393,062 คน หรือร้อยละ 64.04% สำหรับการลงคะแนนแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง มีบัตรดี 264,611 ใบ คิดเป็น 67.32% บัตรเสีย 54,315 ใบ คิดเป็น 13.82% และไม่ประสงค์ลงคะแนน 71,397 ใบ คิดเป็น 18.16% แบบบัญชีรายชื่อมีบัตรดี 298,562 ใบ คิดเป็น 75.96% บัตรเสีย 33,258 ใบ คิดเป็น 8.46% และไม่ประสงค์ลงคะแนนมี 63,102 ใบ คิดเป็น 16.05%
**เชียงใหม่ไม่ประสงค์ลงคะแนน 13%
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งข้อมูลการเลือกตั้ง ส.ส.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 2 ก.พ.อย่างไม่เป็นทางการว่า มีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวน 684,591 คน จากจำนวนผู้มีสิทธิทั้งหมด 1,021,714 คน หรือมีผู้ออกมาใช้สิทธิคิดเป็น 67% จำนวนผู้มีสิทธิ บัตรดี 441,733 ใบ คิดเป็น 64.53% บัตรเสีย 99,626 ใบ คิดเป็น 14.55% บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 139,347 ใบ คิดเป็น 13.64%
นายสุชาติ ใจภักดี ผอ.การเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จากข้อมูลสรุปเบื้องต้นในการจัดการเลือกตั้งของ จ.เชียงใหม่ มีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งประมาณ 67% ในเชิงปริมาณแล้วถือว่าเป็นที่น่าพอใจ แม้ว่าจะลดลงจากการเลือกตั้งครั้งก่อนที่มีผู้ออกมาใช้สิทธิประมาณ 83% ก็ตาม แต่เมื่อเปรียบกับอีกหลายจังหวัดที่มีปัญหาและมีผู้ออกมาใช้สิทธิไม่ถึงครึ่ง ต้องถือว่า จ.เชียงใหม่มีสถานการณ์ที่ดีกว่า และยังมีความเป็นไปได้ที่เมื่อนับรวมกับการเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดแล้ว จ.เชียงใหม่อาจจะมีสัดส่วนจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมากขึ้นอีกก็ได้
**"คนยะลา-โคราช"มาใช้สิทธิไม่ถึงครึ่ง
ส่วนศูนย์ข้อมูลการเลือกตั้งกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา รายงานการเลือกตั้ง 577 หน่วย 3 เขต 8 อำเภอมีหน่วยเลือกตั้งที่ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ 46 หน่วยคือ เขต อ.เมืองยะลา 22 หน่วย อ.กาบัง 11 หน่วย อ.ธารโต 10 หน่วย และ อ.เบตง 3 หน่วย ส่วนยอดผู้มาใช้สิทธิรวม 3 เขตจำนวน 101,604 คนหรือร้อยละ 32.60 จากจำนวนผู้มีสิทธิ 311,603 คน
ขณะที่ศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้งตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาสรุปผลจัดการเลือกตั้งเรียบร้อยเช่นกันทั้ง 15 เขตเลือกตั้งโดยจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งใน จ.นครราชสีมามีทั้งหมด 1,961,967 คนมาใช้สิทธิ 894,025 คน หรือร้อยละ 45.57
**ชาวเพชรบูรณ์หงุดหงิดกกต.ไม่แจ้งผล
ส่วนที่ จ.เพชรบูรณ์ ถึงแม้การเลือกตั้ง ส.ส.ทั้ง 6 เขตเลือกตั้ง การนับคะแนนจะเสร็จสิ้นเรียบร้อยไปแล้วก็ตาม แต่ถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการแจ้งผลคะแนนให้ทราบอย่างเป็นทางการ ส่งผลให้ประชาชนที่รอเฝ้าลุ้นต่างแสดงอาการหงุดหงิดไปตามกัน นอกจากนี้ ยังมีหลายรายที่เดินทางไปติดตามผลคะแนนที่สำนักงาน กกต. ในแต่ละเขต เดิมการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาจะมีการติดตั้งป้ายคัทเอาท์ขนาดใหญ่ให้ติดตามรายงานผลคะแนน แต่ในครั้งนี้กลับว่างเปล่า และเมื่อสอบถามทางเจ้าหน้าที่ก็ได้รับคำตอบว่า ทาง กกต. มีคำสั่งห้ามเปิดเผยผลคะแนน เนื่องจากในหลายเขตเลือกตั้ง ยังจัดการเลือกตั้งไม่เสร็จสิ้น
แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้สมัคร ส.ส.ที่มีคะแนนนำอย่างไม่เป็นทางการ ปรากฏว่า ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย มีคะแนนสูงสุดทั้ง 6 เขตเลือกตั้ง ขณะเดียวกัน การเลือกตั้งครั้งนี้ ยังมีการทุบสถิติผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้จำนวนบัตรเสียและบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน ทั้งแบบ ส.ส.แบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ทั้ง 6 เขตเลือกของ จ.เพชรบูรณ์ ยังค่อนข้างสูงเป็นประวัติการณ์อีกด้วย
