**2 ก.พ. วันเลือกตั้งทั่วไป บนสถานการณ์การเมืองที่ไม่ปกติบรรยากาศสุดแปลกประหลาด เงียบเหงาวังเวง
หากย้อนไปตั้งแต่วันยุบสภา 9 ธ.ค. 56 ที่ปูกรรเชียง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯจอมฉุยฉายสมองกลวง ประกาศท่ามกลางมวลมหาประชาชนเคลื่อนขบวนใหญ่นายกฯ ตกใจยุบสภาทันที วันนั้นถึงวันนี้บรรยากาศการหาเสียงเงียบกริบ
มีเพียงพรรคเพื่อไทยพยายามตีปี๊บเป็นหลักร่วมกับพรรคเล็กพรรคน้อย ที่ฮั้วกัน ซูเอี๋ยกันสร้างภาพ นอกนั้นเหมือนไม่ตั้งใจจะเลือกเพราะประเมินสถานการณ์รู้ดีว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นอย่างไร ไม่ปกติแถมเสี่ยงเป็นโมฆะ
พรรคประชาธิปัตย์ไม่ลงเลือกตั้ง ประกาศบอยคอต ตามแนวทางของ กปปส. ของ สุเทพ เทือกสุบรรณที่เน้นย้ำว่าต้องมีการปฏิรูปประเทศไทยก่อนการเลือกตั้งขัดขวางคัดค้านการเลือกตั้งตามรูปแบบเดิมๆ อย่างเต็มที่ เพราะรู้ว่าผลสรุปจะออกมาเป็นอย่างไรระบอบทักษิณกลับมาครองอำนาจบ่อนทำลายประเทศอีกครั้งอย่างแน่นอนหลายฝ่ายต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในมิติใหม่ๆเกิดขึ้นเสียก่อน
วันเลือกตั้ง 2 ก.พ. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สรุปคร่าวๆ บอกว่า 9 จังหวัด 42 เขตเลือกตั้ง ลงคะแนนไม่ได้ ในกทม.ก็มีหลายเขตมีปัญหาส่งหีบบัตรเลือกตั้งไม่ได้ ถูกผู้ชุมนุมปิดล้อมมีเหตุการณ์ปะทะกัน กกต.เขต ประกาศงดลงคะแนน และลาออก
เลือกตั้งครั้งนี้ดูไม่จืด ปัญหาอยู่ตรงหน้าก็ยั่งทู่ซี้เลือกกันไป เปรียบเทียบเมื่อการเลือกตั้งปี 2554 ในกทม. มีผู้มาใช้สิทธิ์ 3,019,406 คน จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 4,260,951 คน คิดเป็นร้อยละ 71.62 ปีนี้เงียบเหงาวังเวง ยอดเทียบกันไม่ติด
การเลือกตั้งเต็มไปด้วยปัญหา กกต.บอกชัดปิดหีบเลือกตั้งก็นับคะแนนไม่ได้ เพราะยังนับคะแนนเลือกตั้งไม่ครบทุกหน่วย โดยเฉพาะที่ภาคใต้ปัญหาสำคัญคือบัตรปาร์ตี้ลิสต์ ไหนจะปัญหาการเลือกตั้งเมื่อ 26 ม.ค. เลือกตั้งล่วงหน้าที่มีปัญหาหลายจุดต้องไปนัดเลือกตั้งใหม่ 23 ก.พ.
สับสนอลเวงโกลาหลอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน แม้กกต.จะไม่เห็นด้วยกับการจัดเลือกตั้งครั้งนี้แต่ก็ต้องดันทุรังเดินหน้าไปตามประสงค์ของยิ่งลักษณ์ และรัฐบาล ทั้งๆที่รู้ว่าแนวโน้มการเลือกตั้งเป็นโมฆะสูงลิ่ว
**ถ้ามีการสรุปตัวเลขออกมาทั่วประเทศพบว่ามีคนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งไม่ถึง 40% ของคนมีสิทธิ์ แปลว่าคนส่วนใหญ่ไม่เอาเลือกตั้งไม่เอารัฐบาลใช่หรือไม่ หรือว่าถ้าคนออกไปใช้สิทธิ์แล้วไปกาโหวตโน กันถล่มทลายรัฐบาลต้องพิจารณาตัวเอง ไสหัวลาออกไปได้แล้ว
เมื่ออิงแอบยึดเหนี่ยวกับการเลือกตั้งมาตลอดเมื่อผลออกมาไม่เป็นที่ยอมรับ ก็ไม่มีความสง่างามจะอยู่อีกแล้ว จะหาอะไรมาแก้ตัวหรือจะหาอะไรมาเกาะเกี่ยวเพื่อหน้าด้านอยู่ต่อไปอีก
ก่อนหน้านี้การเลือกตั้งก็ไม่ปกติอยู่แล้วต้องเลือกกันท่ามกลางความขัดแย้งบนขวากหนามสารพัด รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงเท่านั้นไม่พอยังประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในเวลาต่อมาเลือกตั้งกันบนสถานการณ์แบบนี้มันพิลึกพิลั่นมาก ทำไมไม่ทำให้บ้านเมืองสงบก่อนเลือกตั้งกันแบบนี้ใครจะยอมรับ
การเลือกตั้งครั้งนี้อาจเป็นหน้าประวัติศาสตร์ที่อัปยศที่สุดเพราะคนมาใช้สิทธิ์น้อยที่สุดเป็นประวัติการณ์ บรรยากาศการหาเสียงก็น้อยที่สุดเหมือนบ้านเมืองไม่ได้เป็นประชาธิปไตยที่เต็มใบต้องกล้ำกลืนฝืนเลือกตั้งกันไปตามความต้องการของรัฐบาล
หลายเขตเลือกตั้งไม่มีผู้สมัครหลายเขตเลือกตั้งลงคะแนนไม่ได้ หลายเขตไม่มีบัตรเลือกตั้งและหลายๆเขตไม่มีกรรมการนับคะแนน กรรมการหลายคนต้องฝืนใจทำหน้าที่แต่เมื่อเกิดปัจจัยรบกวนนิดหน่อยก็ตัดใจไขก็อกทันทีด้วยใจจริงไม่อยากให้เกิดการเลือกตั้งท่ามกลางสภาวะแบบนี้
การเลือกตั้งครั้งนี้มีการนับคะแนน แต่ไม่มีการรวมคะแนนและไม่มีการประกาศผล ทุกลักทุเล แล้วไม่รู้จะได้รวมผลคะแนนกันเมื่อใดเพราะเลือกตั้งครั้งนี้ได้ส.ส.ไม่ครบตามจำนวนแน่นอน ขาดไปหลายเขตตามระเบียบก็ต้องเลือกตั้งใหม่ในเขตที่ติดขัดไม่มีปัญหา เลือกกันไปเรื่อยๆภายในระยะเวลา 180 วัน เมื่อถึงเดดไลน์แล้วจะได้ครบหรือไม่ยังไม่รู้
แต่หลับตาทายล่วงหน้าได้เลยหากม็อบ กปปส. ยังเข้มแข็งขนาดนี้เลือกตั้งไม่มีวันเสร็จสมบูรณ์แน่นอน เลือกกันไปจนหมดเขตก็ตั้งสภาไม่ได้เลือกนายกฯไม่ได้ เพราะได้ส.ส.ไม่ครบ 95%ตามเงื่อนไข
นอกจากนี้จะมีการฟ้องร้องกันตามมาอุตลุดล่าสุดทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ก็ยื่นฟ้องตามความเห็นของฝ่ายการเมืองและนักวิชาการ ว่าให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะยกเหตุผลว่าการเลือกตั้งไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกันภายในวันเดียว เป็นปัญหาลักลั่นเรื่องต้องไปสรุปกันที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งดูแล้วแนวโน้มการเลือกตั้งจะเป็นโมฆะมีสูงมาก
จากทั้งปัจจัยสถานการณ์ปัจจัยกฎหมาย และปัจจัยอื่นๆผนวกกันหลายประการแต่รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยหาได้แคร์มั้ย ล้มก็ล้ม โมฆะก็โมฆะเพราะถือว่าได้ทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว กอดหลักการ กอดกฎหมายไว้จนหยดสุดท้ายยอมตายคาสนาม คาหลักการแบบนี้แหละ เพื่อสานต่ออำนาจชั่ว
แม้จะรู้ว่าเลือกตั้งไม่สมบูรณ์ส่อโมฆะ หรือเลือกตั้งแล้วนองเลือดเลือกตั้งแล้วไม่พบทางออกก็ต้องทู่ซี้ต่อไปอย่างหน้าด้านๆ สุดท้ายเลือกตั้ง 2ก.พ. ทั่วประเทศ กกต.สรุปผลลงคะแนนได้เพียง 89% มี 9 จังหวัดลงคะแนนไม่ได้เลย ส่วนอีก 9 จังหวัด ลงคะแนนได้บางส่วน
เลือกส.ส.ไม่ได้ประมาณ 55คน เกินกว่า 5% เยอะ ฉะนั้นต้องเลือกตั้งซ่อมซ้ำอีกซึ่งไม่รู้อีกกี่ครั้งเพื่อให้ได้มาอีก 30 คนนี่ยังไม่นับรวมที่คาดว่าจะมีปัญหาตามอีกหลายเขตเกี่ยวกับเงื่อนไขเลือกตั้งดูแล้วยังยากที่จะเปิดสภา เลือกนายกฯได้
ปัญหาที่เกิดขึ้นล้อกับการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 26 ม.ค. ที่ผ่านมา พื้นที่ที่ขัดขวางการเลือกตั้งเป็นพื้นที่เดิมๆ แก้ไม่ตกเขาไม่เอาเลือกตั้งแล้วจะไปยัดเยียดให้เขาอยู่ได้ สุดท้ายไม่แน่ว่าต้องเอาทหารเอาฝ่ายความมั่นคงไปถือปืนขู่ สภาพเลือกตั้งในหลายพื้นที่ต้องเดินฝ่าดงปืนเข้าไปอเนจอนาถสิ้นดี
**การเลือกตั้งครั้งนี้ จึงนับได้ว่าอัปยศที่สุดในประเทศไทยมัดมือชกเหมารวมจัดพิธีกรรมล้างบาป ล้างซวยของรัฐบาล แต่หารู้ไม่คนที่ซวยและกำลังทำผิดต่อกฎหมาย รวมทั้งผิดต่อสำนึกในจิตใจของประชาชน คือรัฐบาลเองเตรียมตัวไปเลือกตั้งกันในคุกได้เลย !!!
หากย้อนไปตั้งแต่วันยุบสภา 9 ธ.ค. 56 ที่ปูกรรเชียง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯจอมฉุยฉายสมองกลวง ประกาศท่ามกลางมวลมหาประชาชนเคลื่อนขบวนใหญ่นายกฯ ตกใจยุบสภาทันที วันนั้นถึงวันนี้บรรยากาศการหาเสียงเงียบกริบ
มีเพียงพรรคเพื่อไทยพยายามตีปี๊บเป็นหลักร่วมกับพรรคเล็กพรรคน้อย ที่ฮั้วกัน ซูเอี๋ยกันสร้างภาพ นอกนั้นเหมือนไม่ตั้งใจจะเลือกเพราะประเมินสถานการณ์รู้ดีว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นอย่างไร ไม่ปกติแถมเสี่ยงเป็นโมฆะ
พรรคประชาธิปัตย์ไม่ลงเลือกตั้ง ประกาศบอยคอต ตามแนวทางของ กปปส. ของ สุเทพ เทือกสุบรรณที่เน้นย้ำว่าต้องมีการปฏิรูปประเทศไทยก่อนการเลือกตั้งขัดขวางคัดค้านการเลือกตั้งตามรูปแบบเดิมๆ อย่างเต็มที่ เพราะรู้ว่าผลสรุปจะออกมาเป็นอย่างไรระบอบทักษิณกลับมาครองอำนาจบ่อนทำลายประเทศอีกครั้งอย่างแน่นอนหลายฝ่ายต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในมิติใหม่ๆเกิดขึ้นเสียก่อน
วันเลือกตั้ง 2 ก.พ. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สรุปคร่าวๆ บอกว่า 9 จังหวัด 42 เขตเลือกตั้ง ลงคะแนนไม่ได้ ในกทม.ก็มีหลายเขตมีปัญหาส่งหีบบัตรเลือกตั้งไม่ได้ ถูกผู้ชุมนุมปิดล้อมมีเหตุการณ์ปะทะกัน กกต.เขต ประกาศงดลงคะแนน และลาออก
เลือกตั้งครั้งนี้ดูไม่จืด ปัญหาอยู่ตรงหน้าก็ยั่งทู่ซี้เลือกกันไป เปรียบเทียบเมื่อการเลือกตั้งปี 2554 ในกทม. มีผู้มาใช้สิทธิ์ 3,019,406 คน จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 4,260,951 คน คิดเป็นร้อยละ 71.62 ปีนี้เงียบเหงาวังเวง ยอดเทียบกันไม่ติด
การเลือกตั้งเต็มไปด้วยปัญหา กกต.บอกชัดปิดหีบเลือกตั้งก็นับคะแนนไม่ได้ เพราะยังนับคะแนนเลือกตั้งไม่ครบทุกหน่วย โดยเฉพาะที่ภาคใต้ปัญหาสำคัญคือบัตรปาร์ตี้ลิสต์ ไหนจะปัญหาการเลือกตั้งเมื่อ 26 ม.ค. เลือกตั้งล่วงหน้าที่มีปัญหาหลายจุดต้องไปนัดเลือกตั้งใหม่ 23 ก.พ.
สับสนอลเวงโกลาหลอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน แม้กกต.จะไม่เห็นด้วยกับการจัดเลือกตั้งครั้งนี้แต่ก็ต้องดันทุรังเดินหน้าไปตามประสงค์ของยิ่งลักษณ์ และรัฐบาล ทั้งๆที่รู้ว่าแนวโน้มการเลือกตั้งเป็นโมฆะสูงลิ่ว
**ถ้ามีการสรุปตัวเลขออกมาทั่วประเทศพบว่ามีคนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งไม่ถึง 40% ของคนมีสิทธิ์ แปลว่าคนส่วนใหญ่ไม่เอาเลือกตั้งไม่เอารัฐบาลใช่หรือไม่ หรือว่าถ้าคนออกไปใช้สิทธิ์แล้วไปกาโหวตโน กันถล่มทลายรัฐบาลต้องพิจารณาตัวเอง ไสหัวลาออกไปได้แล้ว
เมื่ออิงแอบยึดเหนี่ยวกับการเลือกตั้งมาตลอดเมื่อผลออกมาไม่เป็นที่ยอมรับ ก็ไม่มีความสง่างามจะอยู่อีกแล้ว จะหาอะไรมาแก้ตัวหรือจะหาอะไรมาเกาะเกี่ยวเพื่อหน้าด้านอยู่ต่อไปอีก
ก่อนหน้านี้การเลือกตั้งก็ไม่ปกติอยู่แล้วต้องเลือกกันท่ามกลางความขัดแย้งบนขวากหนามสารพัด รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงเท่านั้นไม่พอยังประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในเวลาต่อมาเลือกตั้งกันบนสถานการณ์แบบนี้มันพิลึกพิลั่นมาก ทำไมไม่ทำให้บ้านเมืองสงบก่อนเลือกตั้งกันแบบนี้ใครจะยอมรับ
การเลือกตั้งครั้งนี้อาจเป็นหน้าประวัติศาสตร์ที่อัปยศที่สุดเพราะคนมาใช้สิทธิ์น้อยที่สุดเป็นประวัติการณ์ บรรยากาศการหาเสียงก็น้อยที่สุดเหมือนบ้านเมืองไม่ได้เป็นประชาธิปไตยที่เต็มใบต้องกล้ำกลืนฝืนเลือกตั้งกันไปตามความต้องการของรัฐบาล
หลายเขตเลือกตั้งไม่มีผู้สมัครหลายเขตเลือกตั้งลงคะแนนไม่ได้ หลายเขตไม่มีบัตรเลือกตั้งและหลายๆเขตไม่มีกรรมการนับคะแนน กรรมการหลายคนต้องฝืนใจทำหน้าที่แต่เมื่อเกิดปัจจัยรบกวนนิดหน่อยก็ตัดใจไขก็อกทันทีด้วยใจจริงไม่อยากให้เกิดการเลือกตั้งท่ามกลางสภาวะแบบนี้
การเลือกตั้งครั้งนี้มีการนับคะแนน แต่ไม่มีการรวมคะแนนและไม่มีการประกาศผล ทุกลักทุเล แล้วไม่รู้จะได้รวมผลคะแนนกันเมื่อใดเพราะเลือกตั้งครั้งนี้ได้ส.ส.ไม่ครบตามจำนวนแน่นอน ขาดไปหลายเขตตามระเบียบก็ต้องเลือกตั้งใหม่ในเขตที่ติดขัดไม่มีปัญหา เลือกกันไปเรื่อยๆภายในระยะเวลา 180 วัน เมื่อถึงเดดไลน์แล้วจะได้ครบหรือไม่ยังไม่รู้
แต่หลับตาทายล่วงหน้าได้เลยหากม็อบ กปปส. ยังเข้มแข็งขนาดนี้เลือกตั้งไม่มีวันเสร็จสมบูรณ์แน่นอน เลือกกันไปจนหมดเขตก็ตั้งสภาไม่ได้เลือกนายกฯไม่ได้ เพราะได้ส.ส.ไม่ครบ 95%ตามเงื่อนไข
นอกจากนี้จะมีการฟ้องร้องกันตามมาอุตลุดล่าสุดทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ก็ยื่นฟ้องตามความเห็นของฝ่ายการเมืองและนักวิชาการ ว่าให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะยกเหตุผลว่าการเลือกตั้งไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกันภายในวันเดียว เป็นปัญหาลักลั่นเรื่องต้องไปสรุปกันที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งดูแล้วแนวโน้มการเลือกตั้งจะเป็นโมฆะมีสูงมาก
จากทั้งปัจจัยสถานการณ์ปัจจัยกฎหมาย และปัจจัยอื่นๆผนวกกันหลายประการแต่รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยหาได้แคร์มั้ย ล้มก็ล้ม โมฆะก็โมฆะเพราะถือว่าได้ทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว กอดหลักการ กอดกฎหมายไว้จนหยดสุดท้ายยอมตายคาสนาม คาหลักการแบบนี้แหละ เพื่อสานต่ออำนาจชั่ว
แม้จะรู้ว่าเลือกตั้งไม่สมบูรณ์ส่อโมฆะ หรือเลือกตั้งแล้วนองเลือดเลือกตั้งแล้วไม่พบทางออกก็ต้องทู่ซี้ต่อไปอย่างหน้าด้านๆ สุดท้ายเลือกตั้ง 2ก.พ. ทั่วประเทศ กกต.สรุปผลลงคะแนนได้เพียง 89% มี 9 จังหวัดลงคะแนนไม่ได้เลย ส่วนอีก 9 จังหวัด ลงคะแนนได้บางส่วน
เลือกส.ส.ไม่ได้ประมาณ 55คน เกินกว่า 5% เยอะ ฉะนั้นต้องเลือกตั้งซ่อมซ้ำอีกซึ่งไม่รู้อีกกี่ครั้งเพื่อให้ได้มาอีก 30 คนนี่ยังไม่นับรวมที่คาดว่าจะมีปัญหาตามอีกหลายเขตเกี่ยวกับเงื่อนไขเลือกตั้งดูแล้วยังยากที่จะเปิดสภา เลือกนายกฯได้
ปัญหาที่เกิดขึ้นล้อกับการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 26 ม.ค. ที่ผ่านมา พื้นที่ที่ขัดขวางการเลือกตั้งเป็นพื้นที่เดิมๆ แก้ไม่ตกเขาไม่เอาเลือกตั้งแล้วจะไปยัดเยียดให้เขาอยู่ได้ สุดท้ายไม่แน่ว่าต้องเอาทหารเอาฝ่ายความมั่นคงไปถือปืนขู่ สภาพเลือกตั้งในหลายพื้นที่ต้องเดินฝ่าดงปืนเข้าไปอเนจอนาถสิ้นดี
**การเลือกตั้งครั้งนี้ จึงนับได้ว่าอัปยศที่สุดในประเทศไทยมัดมือชกเหมารวมจัดพิธีกรรมล้างบาป ล้างซวยของรัฐบาล แต่หารู้ไม่คนที่ซวยและกำลังทำผิดต่อกฎหมาย รวมทั้งผิดต่อสำนึกในจิตใจของประชาชน คือรัฐบาลเองเตรียมตัวไปเลือกตั้งกันในคุกได้เลย !!!