xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

2 ก.พ.57เลือกตั้งไปเพื่อสำมะหาอันใด?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-บัดนี้ เป็นที่ชัดแจ้งแล้วว่า ไม่ว่าฟ้าจะถล่ม ดินจะทลายและจะมีคนตายอีกสักเท่าไหร่ การเลือกตั้ง ส.ส.ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 จะดำเนินต่อไปตามแรงปรารถนาและความต้องการของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

เพราะนี่คือหนทางรอดหนทางเดียวของระบอบทักษิณ

เพราะการเลือกตั้งคืออาวุธอันทรงพลานุภาพที่จะทำให้สังคมโลกเห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่ของบ้านนี้เมืองนี้ยังคงมอบความไว้วางใจให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลต่อไป

แต่คำถามมีอยู่ว่า การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นจะทำให้ปัญหาทุกอย่างจบสิ้นลงเช่นนั้นหรือ

และคำถามถึงพวก “แดงแอ๊บขาว” ที่รวมกลุ่มกันจุดเทียนและท่องคาถาอันศักดิ์สิทธิ์ว่า respect my vote พร้อมแสดงอาการจะเป็นจะตายเพื่อรักษาสิทธิเลือกตั้งของตนเองก็คือ เลือกตั้งไปเพื่อสำมะหาอันใด

เพื่อความเป็นประชาธิปไตย
เพื่อระบอบทักษิณ
เพื่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์อันเป็นที่รัก
เพื่อตัวกูของกูและพวกพ้อง
ฯลฯ

นักประชาธิปไตยในสายเลือดเหล่านี้ มิเคยมองเลยว่า รัฐบาลหุ่นเชิดและพรรคเผาไทยสร้างความฉิบหายอะไรเอาไว้ให้ประเทศชาติบ้าง หรือเห็นแต่ก็ไม่สนใจเนื่องจากตัดสินใจเลือกข้างแล้ว มิอาจเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นได้

นักประชาธิปไตยเหล่านี้ใช้สายตาอันคับแคบและคิดเพียงชั้นเดียวเชิงเดียวว่า การเลือกตั้งคือคำตอบของทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้

ดังนั้น 2 ก.พ.จงปล่อยให้พวกเขาไปเลือกตั้งกันตามสะดวก ไม่ต้องไปขัดขวาง เนื่องจากจะทำให้เสียเลือดเสียเนื้อเหมือนเช่นที่เกิดขึ้นกับ “สุทิน ธราทิน” แกนนำ กปท. ส่วนคนที่เห็นด้วยว่าต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ก็ใช้สิทธิอันพึงมีของตนเองต่อไป จะไปโหวตโนหรือโนโหวตก็ว่ากันไปตามสะดวก

ไปที่เรื่องอื่นๆ กันบ้าง เริ่มจาก ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.วีระเชษฐ์ ขันเงิน เปิดตัวนวัตกรรม รถลากจูงไฟฟ้าอุตสาหกรรม SRR 24 -400 เพื่อโลกสะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และประหยัดพลังงานตามมาตรฐานสากล ผลงานวิจัยนี้ได้นำมาผลิตและใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมชั้นนำในประเทศไทยหลายแห่งช่วยลดการนำเข้า และลดต้นทุนแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม เนื่องจากรถลากไฟฟ้าจาก
ต่างประเทศมีราคาแพงมาก นอกำจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตเทคโนโลยีสะอาดภายในประเทศอีกด้วย

ตามต่อด้วยบริษัท เสริมสุข จำกัด(มหาชน) นำโดย นางปรางณี ไชยพิเดช (กลาง-แถวบน)ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด - การสื่อสาร พร้อมด้วยทีมงานฝ่ายขายจังหวัดเชียงใหม่ มอบผ้าห่มจำนวน 400 ผืน พร้อมด้วยอุปกรณ์กีฬาฟุตบอล ตุ๊กตาหมีและเครื่องดื่มเอส เพื่อบรรเทาความหนาวเย็นและเติมความสุขให้กับเด็กนักเรียนชาวเขาเผ่าม้งและชาวไทยใหญ่ที่ขาดแคลนใน3 โรงเรียนในเขตพื้นที่ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ โรงเรียนบ้านบวกจั่น โรงเรียนบ้านกองแหะ และโรงเรียนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์ 7 ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในโครงการช่วยผู้ประสบภัยหนาวของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) อันสามารถสร้างรอยยิ้มและความประทับใจให้กับคณะครูและนักเรียนเป็นอย่างมาก

และปิดท้ายกับทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาวะ (สสส.) เป็นประธานในพิธีเปิดงาน "มหกรรมอาหารและวัฒนธรรมมุสลิมไทยครั้งที่ 5" ภายใต้แนวคิด “As-sihah สุขภาวะ...นิอฺมัตที่ถูกลืม” จัดโดยมูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.) ภายใต้การสนับสนุนของสสส. วิทยาลัยอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี และภาคีเครือข่าย ที่อาคารวิทยอิสลามนานาชาติ ม.อ.ปัตตานี เมื่อเร็วๆ นี้

พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ...

ลุงอ้วน
managerweekend@yahoo.com

คอลัมน์// หนังสือน่าอ่าน

หัวใจห้องที่ห้า

นับว่าเป็นหนังสือที่ร่ายกวีนิพนธ์จากประวัติศาสตร์ตั้งแต่ถือกำเนิดผืนแผ่นดินขึ้นมาสะท้อนให้เข้าถึงธรรมชาติ “รังสรรค์” สิ่งที่มีอยู่ก่อนกาลตั้งแต่อดีตอันไกลโพ้น กระทั่งมนุษยชาติจับจองที่อยู่อาศัย จากวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่มีรายละเอียดค่อนข้างดิ้นรน สู่การเดินทางเผชิญกับการต่อสู้สงครามการเมือง หยดน้ำตาแห่งการสูญเสีย สู่ยุคสมัยใหม่ที่มนุษย์เริ่มมีความสามารถสร้างสิ่งปลูกสร้างขึ้นมา ในขณะที่อีกมุมหนึ่งก็มีผู้คนที่ได้รับผล กระทบอยู่อย่างพลัดถิ่น อ้างว้าง..

ขณะที่อ่านไปก็เกิดภาวะอารมณ์และให้ข้อคิดที่ว่า เราพยายามสร้างสัญลักษณ์ขึ้นมาเพื่อตอกย้ำความมีอยู่ของตนเองหรือไม่ หรือเราตกเป็น เครื่องมือของใครอยู่? ที่มนุษย์เริ่มเผชิญกับความวิปริตของความเปลี่ยนแปลงยุคสมัยอันมีความขัดแย้งเป็นแกนกลางหมุนวน

หัวใจห้องที่ห้า กวีนิพนธ์ซีไรต์ประจำปี 2556 ประพันธ์โดยอังคาร จันทาทิพย์ นำเสนอเรื่องเล่าโดยจำลองวิวัฒนาการของมนุษย์ตั้งแต่ยุคโบราณก่อนประวัติศาสตร์ การตั้งชุมชนจนถึงสังคมร่วมสมัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งสังคมเมือง ซึ่งประกอบไปด้วย คนไร้บ้าน คนพลัดถิ่น คนกลุ่มน้อย โดยเชื่อมโยงเรื่องเล่าในอดีตกับวิถีชีวิตในปัจจุบัน ซึ่งล้วนระทมทุกข์ นำเสนอการปะทะสังสรรค์ท่ามกลางความหลากหลายทางวัฒนธรรม

หัวใจห้องที่ห้าจึงสะท้อนเรื่องราวหลายยุค หลายสมัยได้อย่างลงตัว ซึ่งกว่าจะเป็นกวีนิพนธ์ที่ทรงคุณค่าเล่มนี้ได้ ทุกฉากทุกอารมณ์ที่ถ่ายทอดออกมานั้นผู้แต่งได้เคี่ยวกรำจากหัวใจที่รักในการเขียนบทกวี

“ผมเขียนบทกวีด้วยความรู้สึกว่ามีเรื่องอยากบอกเล่าให้คนอื่นๆฟัง ผมถนัดที่จะบอกเล่าในแบบบทกวี ผมคิดว่าเสน่ห์บทกวีอยู่ที่ความกระชับ แต่สามารถบรรจุประเด็น เนื้อหา อารมณ์ ความคิด สีสัน บรรยากาศ จินตภาพ ที่กวีต้องการบอกเล่าออกไปไว้อย่างครบถ้วน งดงาม วรรณกรรมประเภทอื่นอาจจะต้องใช้ความยาวหลายหน้าหนังสือในการบอกเล่า แต่ปรากฏในกวีเพียงบทเดียว สำนวนเดียว นี่จึงอาจจะเป็นความยากในการที่จะเขียนบทกวีดีๆ งดงาม ลงตัว สั่นสะเทือนคนอ่านได้ และอาจเป็นเครื่องชี้วัดความสำเร็จของบทกวี ซึ่งความสำเร็จที่ว่าอาจจะไม่ได้หมายถึงยอดจำหน่าย หรือรางวัลที่ได้รับเสมอไป”

และนี่คือถ้อยคำจากความรู้สึกของผู้แต่ง ที่เมื่อเปิดหนังสือเล่มนี้แล้วละเอียดอ่านไปแต่ละประโยค เราจะเข้าถึงจิตวิญญาณของเขาที่ได้พาผู้อ่าน'ผจญ'โลกกวีนิพนธ์ ออกเดินทางไปพบกับอีกมิติหนึ่ง ที่จะทำให้ผู้อ่านได้เข้าใจกับสภาพความเป็นอยู่ของมนุษย์ได้มากยิ่งขึ้น




กำลังโหลดความคิดเห็น