xs
xsm
sm
md
lg

กก.สิทธิฯห่วงเลือกตั้งเลือด จี้รัฐบาลห้ามใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ ( 29 ม.ค. ) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ออกแถลงการณ์ข้อห่วงใย และข้อกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมือง กรณีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป ในวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ โดยระบุว่า สืบเนื่องมาจากการชุมนุมทางการเมืองของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) ที่ผ่านมา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์มาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมสังเกตการณ์การชุมนุมในสถานที่ต่างๆ โดยยึดหลักความเป็นกลาง อิสระ การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนทุกฝ่าย ไม่เลือกปฏิบัติ และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยึดแนวทางสันติในการแก้ปัญหา เคารพสิทธิซึ่งกันและกันมาโดยตลอด
จากการประชุมร่วมระหว่างองค์กรตามรัฐธรรมนูญได้แก่ คณะรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 28 ม.ค.57 เพื่อหารือการดำเนินการเลือกตั้ง ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามข้อวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ผลการปรึกษาหารือร่วมกันดังกล่าว มีข้อสรุปว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป ที่กำหนดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 2 ก.พ. 57 ยังคงยืนยันตามพระราชกฤษฎีกาฯ ที่กำหนดไว้เดิม
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ทราบและเข้าใจสาเหตุการรวมกลุ่มชุมนุม และข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมที่เกิดขึ้นเรื่อยมา นับตั้งแต่การคัดค้านพ.ร.บ. นิรโทษกรรม จนกระทั่งการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน การคัดค้านการเลือกตั้งล่วงหน้า โดยกลุ่มผู้ชุมนุมให้เหตุผลว่า รัฐบาลขาดความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินแล้ว ซึ่งเป็นไปตามหลักของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ที่ยอมรับว่า หากรัฐภาคีใดไม่เคารพต่อสิทธิมนุษยชน และหลักนิติธรรมแล้ว ประชาชนของรัฐภาคีนั้นย่อมสามารถพึ่งวิถีทางสุดท้าย คือ การลุกขึ้นต่อต้านความอยุติธรรม
อย่างไรก็ตาม การที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ขัดขวางประชาชนจนไม่สามารถไปทำหน้าที่ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าได้ รวมถึงการประกาศให้มีการคัดค้านหรืออาจมีการกระทำที่เป็นการขัดขวางมิให้มีการเลือกตั้ง ในวันอาทิตย์ที่ 2 ก.พ.ที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นการใช้สิทธิ และเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง ที่ส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นบทเรียนแก่ทุกฝ่ายเกี่ยวกับการใช้สิทธิ และเสรีภาพ ในการชุมนุม และการใช้อำนาจของรัฐ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จึงมีข้อห่วงใย และข้อกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมือง กรณีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ 2 ก.พ.นี้ และขอเรียกร้องให้ทุกภาคส่วน คำนึงและสมควรดำเนินการตามข้อที่ควรปฏิบัติ ดังนี้
1. รัฐบาลต้องมีมาตรการป้องกันมิให้เกิดความรุนแรง ไม่ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบกับผู้ชุมนุม และรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ที่มีการเลือกตั้งเป็นกรณีพิเศษ เพื่อป้องปรามมิให้เกิดความรุนแรงขึ้นอีก ผู้จัดการชุมนุมต้องดูแลการใช้สิทธิ และเสรีภาพในการชุมนุม และต้องปฏิบัติภายใต้กรอบแห่งกฎหมาย และเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล ชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ โดยจะต้องหลีกเลี่ยงและป้องกันมิให้เกิดสถานการณ์ความรุนแรงที่ไม่พึงประสงค์ขึ้นอีก รัฐบาลและผู้จัดการชุมนุมต้องร่วมกันในการสร้างระบบการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่การชุมนุม ตลอดจนต้องกำหนดมาตรการต่างๆ ในการเฝ้าระวัง หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และป้องปราม ผู้ไม่หวังดีที่ก่อสถานการณ์ความรุนแรง
2. รัฐบาล และกกต. ต้องกำหนดมาตรการที่ชัดเจนในการอำนวยความสะดวกต่อประชาชน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ประสงค์ในการทำหน้าที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งให้เป็นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 72 และขณะเดียวกัน รัฐบาลต้องรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมในการใช้เสรีภาพในการชุมนุมเพื่อแสดงความคิดเห็นทางการเมืองให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 63
3.รัฐบาลและกกต. ควรทำความเข้าใจต่อประชาชนให้เข้าใจถึงการดำเนินการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 2 ก.พ.นี้ ว่าได้ดำเนินการไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นหน้าที่ของประชาชนชาวไทยผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จะต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ทั้งนี้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เห็นว่า การปรึกษาหารือร่วมกันกำหนดแนวทางการดำเนินการกระบวนการเลือกตั้งของรัฐบาลและคณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นวิธีการที่จะนำไปสู่การสร้างความเข้าใจให้ประชาชนได้รับทราบ หากมีข้อขัดข้อง หรือมีอุปสรรคใดๆ ที่คาดว่าจะมีผลกระทบรุนแรงต่อการเลือกตั้ง รัฐบาลและกกคต. ควรได้มีการเจรจา และประชุมเพื่อหารือร่วมกัน เป็นระยะๆ มีการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ก่อนถึงวันเลือกตั้ง เพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์ความรุนแรง และประเทศชาติเกิดความเสียหายจากการนี้
4. สื่อมวลชนต้องนำเสนอข่าวที่เป็นความจริง ปราศจากอคติ เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ และต้องเป็นการสร้างสรรค์ ช่วยให้สังคมเกิดความสันติ อีกทั้ง รัฐบาลและผู้จัดการชุมนุมต้องรับผิดชอบในหลักประกันความปลอดภัยต่อการทำงานของสื่อมวลชนในที่ชุมนุม และในบริเวณหน่วยเลือกตั้ง
5. รัฐบาลต้องกำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งดำเนินการสืบสวน และสอบสวน เพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีเพื่อลงโทษตามกฎหมายโดยเร็ว ในทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น บริเวณมหาวิทยาลัยรามคำแหง บริเวณสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง บริเวณถนนบรรทัดทอง บริเวณวัดศรีเอี่ยม บริเวณห้าแยกลาดพร้าว บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ บริเวณสโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดีรังสิต ที่มีการใช้ความรุนแรง ที่มีการสูญเสียชีวิต บาดเจ็บ และทรัพย์สิน ตามกฎหมาย ด้วยความโปร่งใส เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น และมีความไว้วางใจต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยแถลงให้ประชาชนได้รับทราบถึงข้อเท็จจริง และความคืบหน้าให้สาธารณชนได้รับรู้เป็นระยะโดยเร็ว
6. รัฐบาลจะต้องให้การดูแลรักษาพยาบาลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ การเยียวยาผู้เสียหาย ผู้บาดเจ็บ และผู้ที่เสียชีวิตจากกรณีเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นตามหลักเกณฑ์ที่วางไว้เป็นมาตรฐาน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามหลักมนุษยธรรม โดยการให้หลักประกันว่าจะให้ความเป็นธรรมและเยียวยาทุกฝ่าย ทั้งในรูปเงินช่วยเหลือ การฟื้นฟู การช่วยเหลืออื่น ๆ และการเยียวยาด้านจิตใจโดยไม่เลือกปฏิบัติ
ทั้งนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้รวบรวมรายชื่อผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ผู้เสียชีวิตไว้เป็นข้อมูลเพื่อให้รัฐบาลได้เร่งดำเนินการช่วยเหลือเยียวยา ทั้งในรูปตัวเงิน การดูแลด้านจิตใจ และการช่วยเหลืออื่นๆ ต่อไป คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจึงขอวิงวอนให้ทุกฝ่ายได้ใช้สติโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก หยุดการเผชิญหน้าและหยุดการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ ทางออกที่ดีที่สุดคือกลับมาสู่การเจรจาโดยเร็วเพื่อนำความสงบและสันติสุขคืนสู่ประเทศไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น