รองโฆษก ทบ.ยันกองทัพดูแลชาวบ้านตามเขตความรับผิดชอบ รับสถานการณ์เริ่มรุนแรง ประสาน ศรส.ปรับมาตรการให้เหมาะสม วางทหารครอบคลุมมากขึ้น เชื่อตำรวจคงเคลียร์คดีคืบหน้า ระบุส่งกำลัง 2 ลักษณะ เน้น รปภ.ทุกฝ่าย จัดหน่วยเคลื่อนที่เร็วคลี่คลาย และให้บริการประชาชน
วันนี้ (29 ม.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงการดูแลประชาชนว่า กองทัพบกให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยของประชาชน และจะดูแลประชาชนภายใต้กรอบขอบเขตความรับผิดชอบอย่างดีที่สุด สถานการณ์ในขณะนี้เริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น ปัจจุบันกองทัพบกมีการประสานกับศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) เพื่อปรับระบบและมาตรการให้สอดคล้องเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นให้ได้อย่างดีที่สุด โดยเฉพาะได้ปรับการวางกำลังทหารให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น สำหรับเหตุความรุนแรงที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เร่งคลี่คลายเพื่อนำผู้กระทำผิดมาเข้าสู่กระบวนการ ซึ่งขณะนี้คงจะมีความคืบหน้ามาตามลำดับ
“ล่าสุดกองทัพได้ส่งกำลังทหารให้การสนับสนุน ศรส. โดยรูปแบบการใช้กำลัง มี 2 ลักษณะ คือ ลักษณะแรกเป็นการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่และประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย โดยเป็นงานรักษาความปลอดภัยสถานที่ จัดตั้งจุดตรวจเพื่อความมั่นคง งานจัดชุดสายตรวจลาดตระเวนรอบพื้นที่การชุมนุม เพื่อป้องปรามการก่อเหตุร้ายและเข้าแก้ไขสถานการณ์เบื้องต้น และงานการเตรียมกำลังเสริมเคลื่อนที่เร็วเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่วิกฤต สำหรับงานลักษณะที่ 2 เป็นงานการช่วยเหลือประชาชนโดยมีการจัดชุดปฏิบัติงานมวลชนเพื่อให้บริการทั่วไป บริการด้านการแพทย์ อำนวยการด้านการจราจรบริเวณใกล้เคียงพื้นที่ชุมนุม และการจัดชุดปฏิบัติการจิตวิทยาไว้ปฏิบัติกรณีมีการเผชิญหน้าเพื่อลดทอนความรู้สึกที่ร้อนแรงต่อกันสำหรับบางพื้นที่ที่มีความจำเป็น อย่างไรก็ตาม กองทัพบกไม่อยากให้สังคมไทยใช้ความรุนแรงต่อกัน มิฉะนั้นปัญหาจะยิ่งลุกลามยากต่อการแก้ไขส่งผลเสียหายอย่างรุนแรงต่อประเทศชาติ” รองโฆษก ทบ.กล่าว
วันนี้ (29 ม.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงการดูแลประชาชนว่า กองทัพบกให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยของประชาชน และจะดูแลประชาชนภายใต้กรอบขอบเขตความรับผิดชอบอย่างดีที่สุด สถานการณ์ในขณะนี้เริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น ปัจจุบันกองทัพบกมีการประสานกับศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) เพื่อปรับระบบและมาตรการให้สอดคล้องเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นให้ได้อย่างดีที่สุด โดยเฉพาะได้ปรับการวางกำลังทหารให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น สำหรับเหตุความรุนแรงที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เร่งคลี่คลายเพื่อนำผู้กระทำผิดมาเข้าสู่กระบวนการ ซึ่งขณะนี้คงจะมีความคืบหน้ามาตามลำดับ
“ล่าสุดกองทัพได้ส่งกำลังทหารให้การสนับสนุน ศรส. โดยรูปแบบการใช้กำลัง มี 2 ลักษณะ คือ ลักษณะแรกเป็นการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่และประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย โดยเป็นงานรักษาความปลอดภัยสถานที่ จัดตั้งจุดตรวจเพื่อความมั่นคง งานจัดชุดสายตรวจลาดตระเวนรอบพื้นที่การชุมนุม เพื่อป้องปรามการก่อเหตุร้ายและเข้าแก้ไขสถานการณ์เบื้องต้น และงานการเตรียมกำลังเสริมเคลื่อนที่เร็วเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่วิกฤต สำหรับงานลักษณะที่ 2 เป็นงานการช่วยเหลือประชาชนโดยมีการจัดชุดปฏิบัติงานมวลชนเพื่อให้บริการทั่วไป บริการด้านการแพทย์ อำนวยการด้านการจราจรบริเวณใกล้เคียงพื้นที่ชุมนุม และการจัดชุดปฏิบัติการจิตวิทยาไว้ปฏิบัติกรณีมีการเผชิญหน้าเพื่อลดทอนความรู้สึกที่ร้อนแรงต่อกันสำหรับบางพื้นที่ที่มีความจำเป็น อย่างไรก็ตาม กองทัพบกไม่อยากให้สังคมไทยใช้ความรุนแรงต่อกัน มิฉะนั้นปัญหาจะยิ่งลุกลามยากต่อการแก้ไขส่งผลเสียหายอย่างรุนแรงต่อประเทศชาติ” รองโฆษก ทบ.กล่าว