ASTV ผู้จัดการรายวัน - หุ้นไทยผันผวนปิดลบ 0.37 จุด โบรกฯ ยอมรับ ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง และผันผวนมากกว่าตลาดหุ้นต่างประเทศ เนื่องจากปัจจัยการเมืองในประเทศเป็นหลัก ขณะที่นักลงทุนบางส่วนหยุดเทรดช่วงตรุษจีน ฉุดมูลค่าการซื้อขายเบาบางไม่ถึง 3 หมื่นล้านบาท อีกทั้งต่างชาติขนเงินออกไปมากแล้ว แนะจับตาศาลตัดสินพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ชี้วัดทิศทางหุ้นไทย
ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้ (29 ม.ค.) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,271.42 จุด ลดลง 0.37 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.03% มุลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 25,006.88 ล้านบาท โดยภาพรวมในวันนี้ ดัชนีสามารถปรับรีบาวน์ยืนแดนบวกได้คลอดช่วงเช้า และในช่วงบ่ายดัชนีแกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบ โดยมีแรงขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่อง
โดยนักลงทุนต่างชาติที่ยังขายหุ้นไทยต่อเนื่อง ทำให้ขณะนี้ คงเหลือเงินต่างชาติจะขายออกอีกไม่มากนัก เพราะนับตั้งแต่ปี 2551 เกิดวิกฤตแฮมเบอ์เกอร์ มีการซื้อสุทธิ 2.1 แสนล้านบาท แต่ปี 2556 ขายออกเกือบ 2 แสนล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,180.81 ล้านบาท ปิดที่ 173.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท , SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,851.03 ล้านบาท ปิดที่ 146.00 บาท ลดลง 1.00 บาท, JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,224.83 ล้านบาท ปิดที่ 6.85 บาท ไม่มีการเปลี่ยนแปลง , PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,132.54 ล้านบาท ปิดที่ 70.50 บาท ลดลง 1.75 บาท และ KBANK มูลค่าการซื้อขาย 994.03 ล้านบาท ปิดที่ 170.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
นางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ยอมรับว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง และผันผวนมากกว่าตลาดหุ้นต่างประเทศ เนื่องจากปัจจัยการเมืองในประเทศเป็นหลัก และมูลค่าการซื้อขายเบาบางไม่ถึง 3 หมื่นล้านบาท
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยทั้งวันที่ผ่านมาแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยอิงในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ จากที่วานนี้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นไปเกือบทั้งหมด เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดีเกินคาด ประกอบกับธนาคารกลางตุรกีและอินเดียตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของค่าเงินตลาดเกิดใหม่
โดยแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(30 ม.ค.) ต้องมีการติดตามศาลแพ่งนัดฟังคำสั่งว่าการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ชอบด้วยกฏหมายหรือไม่ หากคำสั่งออกมาในเชิงบวก ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสดีดตัวกลับขึ้นไปได้ พร้อมให้แนวรับที่ 1,260-1,265 จุด และแนวต้าน 1,280-1,290 จุด
ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้ (29 ม.ค.) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,271.42 จุด ลดลง 0.37 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.03% มุลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 25,006.88 ล้านบาท โดยภาพรวมในวันนี้ ดัชนีสามารถปรับรีบาวน์ยืนแดนบวกได้คลอดช่วงเช้า และในช่วงบ่ายดัชนีแกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบ โดยมีแรงขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่อง
โดยนักลงทุนต่างชาติที่ยังขายหุ้นไทยต่อเนื่อง ทำให้ขณะนี้ คงเหลือเงินต่างชาติจะขายออกอีกไม่มากนัก เพราะนับตั้งแต่ปี 2551 เกิดวิกฤตแฮมเบอ์เกอร์ มีการซื้อสุทธิ 2.1 แสนล้านบาท แต่ปี 2556 ขายออกเกือบ 2 แสนล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,180.81 ล้านบาท ปิดที่ 173.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท , SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,851.03 ล้านบาท ปิดที่ 146.00 บาท ลดลง 1.00 บาท, JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,224.83 ล้านบาท ปิดที่ 6.85 บาท ไม่มีการเปลี่ยนแปลง , PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,132.54 ล้านบาท ปิดที่ 70.50 บาท ลดลง 1.75 บาท และ KBANK มูลค่าการซื้อขาย 994.03 ล้านบาท ปิดที่ 170.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
นางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ยอมรับว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง และผันผวนมากกว่าตลาดหุ้นต่างประเทศ เนื่องจากปัจจัยการเมืองในประเทศเป็นหลัก และมูลค่าการซื้อขายเบาบางไม่ถึง 3 หมื่นล้านบาท
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยทั้งวันที่ผ่านมาแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยอิงในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ จากที่วานนี้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นไปเกือบทั้งหมด เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดีเกินคาด ประกอบกับธนาคารกลางตุรกีและอินเดียตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของค่าเงินตลาดเกิดใหม่
โดยแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(30 ม.ค.) ต้องมีการติดตามศาลแพ่งนัดฟังคำสั่งว่าการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ชอบด้วยกฏหมายหรือไม่ หากคำสั่งออกมาในเชิงบวก ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสดีดตัวกลับขึ้นไปได้ พร้อมให้แนวรับที่ 1,260-1,265 จุด และแนวต้าน 1,280-1,290 จุด
