xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนคำพูด “บิ๊กตู่-ประยุทธ์” “มีการบาดเจ็บล้มตาย รัฐบาลต้องรับผิดชอบ” วันนี้พิสูจน์แล้วมันคือการผายลม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**แม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยฯ(กปปส.)พูดในท่วงทำนองให้”ทหาร-ผู้นำกองทัพ”แสดงจุดยืนเคียงข้างมวลมหาประชาชนที่ปักหลักชุมนุมกันมาร่วมจะ 3 เดือนแล้ว แต่ที่ผ่านมาคงไม่มีครั้งไหน เสียงเรียกร้องที่ตะโกนออกไปจะทำให้หลายคนพูดถึงได้มากเท่ารอบนี้
สุเทพ ขึ้นปราศรัยบนเวทีสี่แยกปทุมวัน หลังเกิดเหตุรุนแรง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 ม.ค.ที่ทำให้เกิดการสูญเสีย “สุทิน ธาราทิน”แกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ หรือ กปท. จากเหตุเผชิญหน้ากันระหว่างมวลชนแนวร่วมกปปส.กับคนเสื้อแดง อันมีผลทำให้นายสุทินถูกยิงเสียชีวิตและมีผู้บาดเจ็บอีก 11 คนคงเป็นอีกหนึ่งคดีที่ฟันธงได้ว่า ตำรวจจะละเลยเพิกเฉยติดตามสืบสวนสอบสวนมือสังหารมาดำเนินคดีได้ตามเคยเป็นเหตุให้สุเทพ ประกาศไว้ตอนหนึ่งในการปราศรัยเมื่อ 26 ม.ค.ว่า
“ได้รับแจ้งข่าวว่ามีมือปืนยาวแบบปืนสไนเปอร์ จำนวน 80 คน อยู่ตึกสูง และจ้องทำร้ายประชาชน และแกนนำ กปปส. เมื่อมีโอกาส ผมไม่ไว้วางใจตำรวจอีกต่อไป
อยากฝากไปถึง ผบ. 3 เหล่าทัพ หากเป็นมือปืนจากเขมร แปลว่า ล่วงล้ำอธิปไตย พี่น้องทหารต้องจัดการ หรือหากเป็นวายร้าย นักเลงอันธพาล ตำรวจชุบเลี้ยงไว้ ผมก็ขอให้ ผบ. 3 เหล่าทัพจัดกำลังเจ้าหน้าที่ทหารคุ้มครองประชาชน หากเห็นว่าเราใช้สิทธิ์ถูกต้องรัฐธรรมนูญ อาทิ การตั้งด้านบริเวณการชุมนุมเพื่อตรวจค้นอาวุธสกัดจับคนร้าย เพราะคนร้ายสามารถผ่านด่านตำรวจได้ทั้งหมด
ที่พูด ไม่ได้ให้ทหารออกมาปฏิวัติ แต่ให้ออกมาคุ้มครองผู้บริสุทธิ์ และยืนเคียงข้างประชาชน หากทหารคนใดเห็นการปราศรัยของผม ขอไปแจ้ง ผบ. 3เหล่าทัพว่าประชาชนขอการคุ้มครองจากทหาร พร้อมกับตัดสินใจมาอยู่ข้างประชาชนได้แล้ว”
พลันที่สิ้นเสียงสุเทพ ก็มีเสียงตอบรับจากประชาชนที่สี่แยกปทุมวันกันดังอื้ออึงว่าให้ทหารออกมา ทหารออกมา ถือเป็นเสียงประชาชนที่ไม่รู้ผู้นำเหล่าทัพทั้งหลายจะได้ยินไหม
**เมื่อเป็นการเรียกร้องของสุเทพ ในสถานการณ์ที่เห็นได้ชัดว่าไม่เป็นการดีแน่นอนหากปล่อยให้ ประชาชน ผู้บริสุทธิ์ จำนวนมาก ต้องบาดเจ็บ-ล้มตายกันไปเรี่อยๆ แบบทุกวันนี้ จึงทำให้เสียงเรียกร้องของสุเทพครั้งนี้จึง มีนัยยะสำคัญไม่น้อย แม้หลายคนจะรู้ว่า สุดท้าย ผู้นำเหล่าทัพ โดยเฉพาะพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ก็คงลอยตัว ทำหล่ออุ้มปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปเรื่อยๆ
เมื่อย้อนไปดูคำกล่าวบนเวทีของสุเทพในลักษณะดังกล่าวก็พบว่า นับแต่มีปฏิบัติการ Shutdown Bangkok สุเทพ ก็พูดทำนองนี้มาแล้วอาทิเช่น เมื่อ 16 ม.ค. 56 สุเทพพูดบนเวทีที่สี่แยกปทุมวันตอนหนึ่งว่า
"ต้องเรียนไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ว่าวันนี้ประชาชนรักท่าน เพราะคัดค้านรัฐบาลไม่ให้รัฐบาลใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาปราบปรามประชาชน แต่จะให้ดี ผบ.เหล่าทัพ 3 เหล่าทัพ ออกโทรทัศน์พร้อมกันพร้อมประกาศเหมือนที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผบ.ทบ.เคยประกาศ ว่า ถ้าผมเป็นสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ลาออกไปนานแล้ว ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ฉายหนังนี้อีกรอบพูดสั้นๆ ว่า อยู่ข้างประชาชน" เท่านั้นเรื่องก็จบแล้ว”
แต่ก็อย่างที่หลายคนเห็น ไร้การขานรับใดๆ จากพลเอกประยุทธ์ และผู้นำเหล่าทัพ ในการแสดงท่าทีว่ากองทัพพร้อมอยู่ข้างประชาชน จะไม่ยอมให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บล้มตายเพียงเพราะความเห็นการเมืองแตกต่างกัน
ครั้นหากจะมีปฏิกริยาแสดงออกอยู่บ้าง ก็จะพบว่าตัวพลเอกประยุทธ์ มักใช้ถ้อยคำโชว์แมนให้สัมภาษณ์สื่อทำนอง
**พร้อมอยู่ข้างประชาชน จะไม่ยอมให้เกิดความรุนแรงหากมีอะไรรัฐบาลต้องรับผิดชอบ
แต่น่าเสียดายว่า สิ่งที่ผบ.ทบ.พูดไว้มันหาได้เกิดขึ้นจริงในทางปฏิบัติ
ที่พอทำได้ก็คือส่งทหารบางส่วนไปดูแลจุดชุมนุมบางแห่งที่ต้องดูแลเข้มเป็นพิเศษเช่นบริเวณสะพานหัวช้าง ซึ่งอยู่ใกล้วังสระปทุมหลังเคยเกิดเหตุมีเสียงปืนดังระงมในบริเวณดังกล่าว นอกนั้นก็ไม่เห็นผบ.ทบ.ทำอะไร
มีบางจังหวะก็ทำเป็นห่วงใยประชาชนเช่นให้ลูกน้องทีมโฆษกกองทัพบกออกมาให้ข่าวในบางจังหวะที่ต้องเล่นบทพระเอก เช่นตอนที่ตำรวจระดมยิงแก๊สน้ำตาใส่ประชาชนช่วง 30 พ.ย.ถึง 2 ธ.ค. ตอนประชาชนบุกประชิดข้างทำเนียบรัฐบาล ทหารก็ออกมาบอกว่า ตำรวจควรระงับการใช้แก๊สน้ำตากับประชาชนมือเปล่าแต่คำร้องขอดังกล่าวก็ไร้ผล เพราะตำรวจระดมขว้าง-ยิงแก๊สน้ำตาใส่ประชาชนอย่างบ้าระห่ำ แสดงให้เห็นว่า คำร้องขอจากกองทัพไร้ผล หรือตอนเกิดเหตุระเบิด ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเมื่อ 19 ธ.ค. ก็ส่งทหารลูกน้องออกมาให้ข่าวว่า ตำรวจควรต้องเร่งสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดี ทั้งหมดก็แค่โชว์หล่อเล่นบทพระเอกตีกินไปวันๆ
ดูไปแล้ว เสียงกู่ร้องของสุเทพ ที่ต้องการให้กองทัพยืนข้างประชาชน คุ้มครองประชาชน เมื่อ 26 ม.ค. จึงอาจเสียเปล่า แล้วประชาชนอย่างเราๆ ก็ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกันเอาเอง
ทั้งที่หากย้อนดูคำให้สัมภาษณ์ของพลเอกประยุทธ์ก่อนหน้านี้ ที่สำคัญๆ ในเรื่องนี้ในช่วงตั้งแต่เริ่มต้นปี 2557 เป็นต้นมา ก่อนหน้าเกิดเหตุการณ์ระเบิดที่ถนนบรรทัดทอง-ตามด้วยระเบิดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและล่าสุดกับเหตุการณ์ยิงสุทิน ธาราทิน จะพบได้ว่า หลายคำพูดได้ผูกมัดความเป็นชายชาติทหาร ของพลเอกประยุทธ์ไว้แล้ว แต่ถึงเวลาจริงๆ พลเอกประยุทธ์ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเพื่อรักษาคำพูดนั้น
เช่น คำให้สัมภาษณ์เมื่อ 7 ม.ค.57 ซึ่งตอนนั้นกปปส.ประกาศไว้แล้วว่าจะ Shutdown Bangkok ในวันที่ 13 ม.ค. โดยวันนั้นผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์ไว้หลังมีการวิจารณ์กันมากเรื่องที่กองทัพมีการขนอาวุธหนักเข้ากรุงเทพฯจำนวนมาก โดยผบ.ทบ.บอกว่าเอาอาวุธเข้ามาเพื่อแสดงในงานวันเด็กและวันกองทัพไทย ไม่ใช่เพื่อเตรียมทำรัฐประหาร
"ที่มีคนระแวงว่าทหารจะใช้การปฏิวัติเป็นทางออกสุดท้ายนั้น คนไปกลัวในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เมื่อมองไม่เห็นก็อย่าไปกลัว คิดว่าทุกอย่างมีสาเหตุหมด ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเรื่องเดียว ทุกเรื่องต้องมีสาเหตุ ต้องมีเงื่อนไข ดังนั้นต้องไปหาให้เจอว่าอยู่ที่ไหน ถ้าไม่มีเหตุอะไรก็ไม่มีเรื่อง เหมือนเรื่องอีกากับวัว ถ้าวัวมีแผล อีกาก็จะมาจิกหลังทุกวัน ถ้าไม่มีแผลก็ไม่มีอีกา ประเทศชาติอยู่ด้วยกระบวนการ ศาลยุติธรรม องค์กรอิสระ ถ้าเราอยู่ด้วยการแก้ปัญหาที่ผิดวิธีจะสร้างปัญหาไปเรื่อยๆ"
เมื่อสื่อมวลชนถามว่า เกรงหรือไม่การที่กลุ่ม กปปส.จะปิดกรุงเทพฯ จะส่งผลให้เกิดการปะทะกัน พล.อ.ประยุทธ์ ตอบไว้ว่า การปะทะเกิดมาแล้วหลายครั้ง ลองย้อนกลับไปดูปี 53 ว่าเกิดอะไรขึ้น ในปี 53 มีสองฝ่าย คือรัฐบาลกับกลุ่มต่อต้าน ส่วนปีนี้มีรัฐบาลกับกลุ่มต่อต้านคือ กปปส. และยังมีอีกกลุ่มที่เตรียมออกมาอีก สรุปคือมี 3 กลุ่ม ซึ่งต่างจากปี 53
"ผมขออย่างเดียว อย่าให้เกิดความรุนแรง ซึ่งทหารต้องดูแลประชาชนทุกพวกทุกฝ่ายไม่ให้บาดเจ็บล้มตาย ไม่ได้ดูแลฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ผมต้องดูแลคนทั้งประเทศ การปิดกรุงเทพฯ ของ กปปส. ต้องคอยดูว่า จะเกิดอะไร ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไร เพราะไม่ใช่ กปปส. หวังเพียงอย่างเดียวว่าจะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น ทั้งสองฝ่ายมีทางออกร่วมกัน หรือใครจะหวังให้ฆ่ากันตายหมด ใครก็ตามที่ทำให้เกิดความรุนแรงคนนั้นจะต้องรับผิดชอบ
จำไว้ ไม่ว่าพวกไหนก็แล้วแต่ ถ้าออกมาเมื่อไร ประชาชนตีกัน มีการบาดเจ็บล้มตาย จลาจล รัฐบาลต้องรับผิดชอบในหลักการ" (7 ม.ค.57)
ต่อมา 20 มกราคม 57 ก่อนออกพรก.ฉุกเฉิน “บิ๊กตู่”บอกไว้ว่า การใช้ความรุนแรงทำให้เกิดความวุ่นวายบานปลายไปเรื่อยๆ และบีบบังคับให้เจ้าหน้าที่ออกมาทำงาน และจำเป็นต้องใช้อาวุธต่อสู้กัน ทำให้เป็นปัญหาค้างคามาจนวันนี้
"สังคมอาจจะมองว่าทหารต้องออกมาทำหน้าที่แทนคนอื่น ผมคิดว่าไม่ใช่ พอเวลาสงบท่านก็หวาดระแวงทหาร แต่พอมีปัญหาก็เรียกหาทหาร ผมไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไร วันนี้มีหลายกลุ่มออกมา แต่เมื่อหันซ้ายหันขวาตำหนิใครไม่ได้แล้ว ก็ตำหนิทหารว่าจะออกมาทำโน่นทำนี่ คิดว่าไม่เป็นธรรม ผมไม่อยากพูดย้อนกลับไปในสิ่งที่เจ็บปวดสำหรับทหาร ในปี 2553 เราออกไปทำงานด้วยใจบริสุทธิ์ ในการทำตามหน้าที่ สถานการณ์ ความรับผิดชอบที่มีอยู่ ซึ่งเป็นคนละเหตุผลและ บริบทในปี 2556 ในปัจจุบันยังไม่สู่จุดนั้น การที่ทหารจะออกมาทำอะไรไม่น่าจะได้"
**“อย่ามาบอกว่าไม่ได้ทำหน้าที่ ทหารทุกคนเสียสละให้ท่านอยู่แล้ว ผมยังคงเป็นทหารของชาติและประชาชนมาโดยตลอด”(20 ม.ค. )
พอมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วคือ 22 มกราคม 57 หลังรัฐบาลประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯซึ่งกองทัพไม่เห็นด้วยมาแต่แรก ตัวพลเอกประยุทธ์ พูดถึงเรื่องนี้ไว้ดังนี้
“หน้าที่รับผิดชอบยังเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมี ผบ.ตร.เป็นผู้รับผิดชอบในส่วนการใช้กำลัง ส่วนทหารตลอดระยะเวลาที่เกิดความรุนแรง เรามีทหารออกมาทำงานเพื่อรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ไม่ใช่ไปดูแลฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือใครเป็นพิเศษทหารจะทำหน้าที่ของทหารให้ดีที่สุด เมื่อไรก็ตามที่ความขัดแย้งรุนแรงถึงขนาดที่แก้ไขอะไรไม่ได้ ทหารจำเป็นจะต้องแก้ไข เราจะดูแลประเทศชาติให้ดีที่สุดตามวิธีการที่ถูกต้อง ฝ่ายไหนยังทำให้เกิดภาพความรุนแรง เช่น กลุ่มคนที่ใช้อาวุธและความรุนแรง ใช้ระเบิด คนเหล่านี้ไม่น่าจะใช่คนที่เกิดมาบนแผ่นดินนี้ ผมไม่รู้ว่าคนเหล่านี้หัวใจทำด้วยอะไร มันฆ่าคนไทยด้วยกัน สร้างความรุนแรงเพื่อหวังผลอะไรสักอย่าง แต่คงไม่เกิดอย่างที่เขาต้องการ ยิ่งทำให้การแก้ไขปัญหายากขึ้นไปทุกวัน ต้องช่วยกันนำคนเหล่านี้มาลงโทษให้ได้”
“มีกลุ่มเล็กๆ ที่ชอบออกมาเคลื่อนไหว ชอบกดดันเจ้าหน้าที่ ซึ่งกลุ่ม กปปส.ที่ออกมาเขาก็ผิด แต่เขาทำในความเชื่อที่มีเหตุผลของเขา แต่อีกกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงนอกกฎหมาย ขอประณามคนเหล่านี้ และพอรู้อยู่บ้างว่าเป็นคนกลุ่มไหน ขอเตือนอีกครั้งว่า อย่าทำอีก เรากำลังติดตามหาหลักฐาน หาข้อมูลเพื่อให้ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย ถือว่าเป็นกระทำนอกกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องของรัฐที่ต้องดำเนินการ”
ที่เคยบอกไว้ว่าหากเกิดเหตุ การบาดเจ็บล้มตาย จลาจล รัฐบาลต้องรับผิดชอบหรือมองว่าสถานการณ์เวลานี้ยังไม่วิกฤตเหมือนปี 53 ที่ถึงตอนนี้ คำพูดนี้ คงต้องเปลี่ยนแล้ว เพราะยามนี้สถานการณ์เห็นชัดว่า รุนแรงหนักขึ้นเรื่อยๆ
และที่ลั่นวาจาบอกยังเป็นทหารของชาติและประชาชน รวมถึงเคยให้คำมั่นเมื่อไรก็ตามที่ความขัดแย้งรุนแรงถึงขนาดที่แก้ไขอะไรไม่ได้ ทหารจำเป็นจะต้องแก้ไข ทหารจะดูแลประเทศชาติให้ดีที่สุดตามวิธีการที่ถูกต้อง
อีกทั้งยังเคยเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องต้องร่วมกันเอาคนผิดที่ทำร้ายคนไทยด้วยกันเองมาลงโทษ แถมอ้างว่าพอรู้ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มไหนที่กระทำการรุนแรง
**ทุกคำพูดที่ลั่นวาจาไว้ “ประยุทธ์”คุณทำตามที่พูดหรือยัง ในสถานการณ์ที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ กำลังโดนกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ไล่ทำร้ายล่าชีวิตทุกวันคืน
กำลังโหลดความคิดเห็น