xs
xsm
sm
md
lg

ชัยชนะของมวลมหาประชาชนคือปฏิวัติก่อนการปฏิรูป

เผยแพร่:   โดย: ดร.ป. เพชรอริยะ

ท่านที่รักทั้งหลาย การปฏิวัติ (Revolution) คือเปลี่ยนอำนาจของเหล่านักการเมือง ทุนสามานย์เพียงหยิบมือเดียว มาเป็นของปวงชนอย่างมั่นคงถาวร โดยมีหลักการปกครองโดยธรรม (หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9) เป็นตัวค้ำประกัน ยืนยันความเป็นธรรมแก่ปวงชนทุกคน

การปฏิวัติ (จริงๆ) ไม่ใช่การทำรัฐประหาร (ซึ่งเป็นความลับสุดยอด) การปฏิวัติทำโดยขบวนการประชาชนผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เชิดชูธรรม มีคณะปัญญาชนเป็นแกนนำ ด้วยการให้ความรู้โดยเปิดเผยไม่ปกปิด ไม่ปิดบังซ่อนเร้นเป้าหมาย บอกกันตรงๆ ว่าต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบเผด็จการ (ระบอบการเมืองที่ไม่มีหลักการปกครองโดยธรรม) โดยมีนักการเมือง พรรคฯ เป็นจุดหมายเพียงอย่างเดียวและประชาชนต้องตกเป็นทาสทางการเมืองอย่างเป็นไปเองและถูกบังคับให้ไปเลือกตั้ง

การปฏิวัติเป็นการเปลี่ยนตรงเนื้อหา หรือแกน เลวๆ อันมีนักการเมือง พรรคการเมือง เป็นแกนกลาง มาเป็นหลักการปกครองโดยธรรม อันมีหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 เป็นแกนกลาง อันเป็นเหตุแห่งความดีทั้งปวงทั้งในด้านจิตใจและทางการเมืองในหลายๆ ลักษณะ เช่น เป็นจุดหมายของปวงชน, เป็นเอกภาพของปวงชน, เป็นระบอบการเมืองที่แท้จริงของปวงชน, เป็นการเมืองยุติธรรมโดยแท้ของปวงชน, เป็นหลักนิติธรรมแห่งชาติ, เป็นกฎหมายความมั่นคงสูงสุดของชาติ (Supreme Law) อย่างแท้จริง เหนือกว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญ อันเป็นวิธีการปกครอง, เป็นบ่อเกิดของความสมดุลในทุกๆ ด้าน ทุกๆ ระดับ, เป็นแกนกลางของความเป็นเอกภาพในชาติ, เป็นเหตุแห่งศักยภาพอันสูงส่งของประชาชน ฯลฯ

ปฏิวัติเพื่อให้มีหลักการปกครองโดยธรรม อันเป็นเหตุแห่งความดีทั้งปวงของแผ่นดินก่อให้เกิดผลคือกฎหมายรัฐธรรมนูญก็เป็นธรรม เลือกตั้งก็เป็นธรรม รัฐบาลก็เป็นธรรม การบริหารราชการแผ่นดินทั่วทั้งแผ่นดินก็เป็นธรรม

หากมีแต่กฎหมายรัฐธรรม ซึ่งเป็นวิธีการ เป็นเครื่องมือในการปกครองเพียงอย่างเดียว มันเป็นการเริ่มต้นที่ผิดอย่างร้ายแรงต่อชาติ ดุจดังใส่กระดุมเม็ดแรกผิด นั่นก็คือ เอากระดุมเม็ดที่สองไปใส่ในรางดุมแรก เป็นเช่นนี้มายาวนาน 81 ปี ไม่มีใครคิดจะแก้ไข ทั้งนี้เพราะเขาเอาวิธีการ มาเป็นหลักการนั่นเอง อันเป็นความเห็นผิดอย่างร้ายแรงต่อชาติและทำความอัปรีย์จัญไรให้กับประชาชนและประเทศชาติทุกรัฐบาล และเป็นเหตุให้ผู้ปกครองไทยทุกชุด ทุกรัฐบาล ทุกประธาน มีความเห็นผิดว่า รัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย และหลอกลวงประชาชนว่า การเลือกตั้งคือระบอบประชาธิปไตย ซึ่งมันก็เป็นแค่วิธีการและรูปแบบเท่านั้น

ท่านที่รักทั้งหลาย “จุดหมายย่อมเกิดก่อนวิธีการ ฉันใด หลักการปกครองธรรมาธิปไตย ย่อมเกิดก่อนกฎหมายรัฐธรรมนูญ ฉันนั้น”

การปฏิวัติย่อมเกิดก่อนการปฏิรูป ฉันใด การสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ย่อมเกิดก่อนปฏิรูปการปกครองด้านต่างๆ ฉันนั้น

การปฏิรูปก่อน การปฏิวัติ นั่นคือความเห็นผิดและทำผิดพลาดอย่างร้ายแรงต่อชาติ ทั้งเสี่ยงภัยและเสียเวลาเปล่า เพราะนั่น เป็นการยึดเอาวิธีการเป็นจุดหมาย แต่จุดหมายที่แท้จริงยังไม่มี ก็เท่ากับว่าไม่ได้ก้าวหน้าไปไหนเลย ดังอุทานธรรมที่ว่า “หากไม่มีจุดหมาย (ของปวงชน) ย่อมไม่มีหนทาง (ของปวงชน) เมื่อไม่มีหนทางก็ไม่มีความก้าวหน้า (ของปวงชน) อุปมาภายเรือในอ่างน้ำ” แต่ผลในทางการเมืองที่ตามมาคือ จุดหมายกลายเป็นพรรคฯ นักการเมือง ทุนสามานย์ เพียงหยิบมือเดียวนั่นเอง

พระอาทิตย์ย่อมเป็นเอกภาพของดาวเคราะห์อันแตกต่างหลากหลาย ฉันใด

หลักการปกครองธรรมาธิปไตย ย่อมเป็นเอกภาพของปวงชนอันแตกต่างหลากหลาย และกฎหมายรัฐธรรมนูญ ฉันนั้น

พระรัตนตรัย ย่อมเป็นเอกภาพของชาวพุทธแท้อันแตกต่างหลากหลาย ฉันใด

หลักการปกครองธรรมาธิปไตย ย่อมเป็นเอกภาพของปวงชนอันแตกต่างหลากหลาย และกฎหมายรัฐธรรมนูญ ฉันนั้น

พระเจ้าแผ่นดิน ย่อมเป็นเอกภาพของพสกนิการอันแตกต่างหลากหลาย ฉันใด

หลักการปกครองธรรมาธิปไตย ย่อมเป็นเอกภาพของปวงชนอันแตกต่างหลากหลาย และกฎหมายรัฐธรรมนูญ ฉันนั้น

วัดพระแก้ว ย่อมเป็นเอกภาพของวิธีการไปอันแตกต่างหลากหลาย ฉันใด

หลักการปกครองธรรมาธิปไตย ย่อมเป็นเอกภาพของปวงชนอันแตกต่างหลากหลาย ฉันนั้น ฯลฯ

ดังนั้น การที่คณะราษฎรและทุกรัฐบาลทั้งจากรัฐประหารและเลือกตั้งต่างก็สืบทอดเอาวิธีการปกครอง คือกฎหมายรัฐธรรมนูญมาก่อนทั้งนั้น ย้ำอยู่กับความผิดพลาดอย่างร้ายแรงต่อชาติมายาวนาน 81 ปี โดยไม่มีใครมองเห็นแหละคิดแก้ไข

กปปส. เริ่มต้นก็บอกว่า จะปฏิรูปการปกครอง ก็ถือว่าเอาผล มาเป็นเหตุ โดยลืมไปว่า ที่ทุกอย่างเลวร้ายนั้น เพราะมีสาเหตุมาจากระบอบเผด็จการ ระบอบที่ไม่มีจุดหมายของปวงชนฯ เป็นระบอบที่ไม่มีหลักการปกครองโดยธรรม

พูดง่ายๆ ว่า เป็นระบอบที่ไม่มีดวงอาทิตย์ แล้วดาวเคราะห์ทั้งปวงจะดำรงอยู่ได้อย่างไร ถามว่า หากไม่มีพระพุทธเจ้า แล้วพุทธบริษัท จะมีอยู่ได้อย่างไร

หากไม่มีพระเจ้าแผ่นดิน และพสกนิกรจะเกิดได้อย่างไร

หากไม่มีโรงพยาบาลศิริราช แล้วจะมีเจ้าหน้าคนป่วย ญาติ จะไปได้อย่างไร ฉันใด

การไม่มีหลักการปกครองโดยธรรม กฎหมายรัฐธรรมนูญ มันจึงอยู่ไม่ได้ มันจึงกลายเป็นเหตุความอัปรีย์จัญไรในทุกๆ ด้าน เพราะหลักการปกครองกลายเป็นพรรค นักการเมือง ฝ่ายโน้น ฝ่ายนั้น ทุนสามานย์ เพียงหยิบมือเดียว ฉันนั้น

เราเชื่อว่า ปัญญาชนในมวลมหาประชาชนจะได้นำไปพิจารณาอย่างรอบคอย รอบด้าน ด้วยสติ ด้วยปัญญา อย่างรอบด้าน จะเอาชนะก็ต้องปฏิวัติ จับไมค์เสนอ เชิดชู หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 หากจะแค่ไล่รัฐบาล แต่ยังคงรักษาระบอบเผด็จการของพรรคฯ นักการเมืองไว้คงเดิม ก็ปฏิรูป หลงทางกันต่อไป

การปฏิรูป (Reform) อำนาจยังคงเป็นของเหล่าพรรคฯ นักการเมือง ทุนสามานย์ เพียงหยิบมือเดียวอยู่เช่นเดิม แค่เปลี่ยนวิธีการเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างตามแนวคิดคณะผู้นำการปฏิรูป ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่า ปฏิ แปลว่า ทวนกลับ รูป ก็คือรูป,วัตถุ, รูปธรรม รูปในทางการเมืองเช่น ระบบรัฐสภา, กฎหมายรัฐธรรมนูญ, การเลือกตั้ง และองค์กรต่างๆ อันเป็นกลไกรัฐ (Stat machine)

การปฏิรูป เช่น การเปลี่ยนเก้าอี้จากที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ก็ปรับเปลี่ยนให้หันหน้าไปทางทิศเหนือ เป็นต้น หรือเปลี่ยนจากเก้าอี้ไม้ เป็นเก้าอี้เบาะพับได้ เป็นต้น

ดังนั้น ท่านที่รักทั้งหลายคงจะมีปัญญาอย่างถูกต้องแล้วว่าระหว่างการปฏิวัติกับการปฏิรูป อะไรควรทำก่อน ทำหลัง

การปฏิวัติคือการเปลี่ยนหลักการ เนื้อหาสาร แก่นสาร คือเปลี่ยนระบอบเผด็จการ (ที่ไม่มีหลักการปกครองโดยธรรม) อันมีพรรคฯ นักการเมืองและทุนสามานย์ เพียงหยิบมือเดียวเป็นศูนย์กลางเปลี่ยนไปเป็นระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ (มีหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9) เป็นหลักประกันเป็นศูนย์กลางเป็นเอกภาพของปวงชนในชาติ ทำให้นักการเมืองทุกคน (เพราะพวกเขาเห็นผิด หลงผิดซ้ำซากมานานแล้ว) และประชาชนที่เชื่อนักการเมืองพ้นจากความเห็นผิด และประชาชนทั้งปวงพ้นจากความเป็นทาสของพรรคฯ และนักการเมือง

การเสนอการปฏิรูป จึงเป็นสัญญาณเตือนปัญญาชน แกนนำทั้งหลาย ว่ามวลมหาประชาชนจะไม่ได้อะไรเลย อย่าเชื่ออะไรลอยๆ จงคิดไตร่ตรองให้จงหนัก

ทำไมต้องทำการปฏิวัติโดยประชาชน เพราะประเทศที่ยังไม่มีการปฏิวัติประชาธิปไตย นั่นก็หมายความว่า ประเทศนั้นยังเป็นระบอบเผด็จการ แต่นักการเมืองทุกตัวกลบเกลื่อนว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย เมื่อประชาชนตื่นรู้ ประชาชน แกนนำ จะมีความก้าวหน้ากว่านักการเมือง เช่น นักการเมืองเสนอปฏิรูป เพื่อหวงอำนาจไว้ให้อยู่กับพรรคฯและนักการเมืองให้ยาวนานที่สุด

แต่แกนนำ ปัญญาชนเสนอการปฏิวัติสันติด้วยการเสนอ เชิดชู อุดมการณ์ชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9ดังนี้

ถาม รัฐประหารกับปฏิวัติต่างกันอย่างไร ครับท่านอาจารย์

รัฐประหาร เป็นวิธีการอย่างหนึ่งอันเป็นความลับสุดยอด เพื่อโค่นล้มรัฐบาลที่ปกครองไม่เป็นธรรม แต่ไม่ได้เปลี่ยนระบอบจากระบอบเผด็จการเป็นระบอบประชาธิปไตย ตามที่กล่าวแล้วข้างต้น

การรัฐประหารในประเทศไทย ก็มีแนวความคิดเดียวกันกับคณะราษฎร คือ รัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญ แล้วร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ

ส่วนการรัฐประหาร เพื่อไปสู่การปฏิวัติ คือรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ แล้วเสนอหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ให้ความรู้กับประชาชนอย่างเต็มที่ จากนั้นจึงร่างรัฐธรรมนูญในกรอบของหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ดุจดังดาวเคราะห์ขึ้นต่อหรืออยู่ในกรอบหรืออยู่ในในอำนาจของดวงอาทิตย์

สรุป การต่อสู้เอาชนะระบอบเผด็จการ ก็ต้องเสนอยุทธศาสตร์หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ทุกวัน เพื่อโค่นระบอบเผด็จการ ระบอบทักษิณ ก็จะหมดไปเองโดยอัตโนมัติ หากโค่นแต่ระบอบทักสินซึ่งเป็นเงา เป็นผลของระบอบเผด็จการ ระบอบทักษิณก็จะไม่ตายไม่สิ้นสุด ก็พิสูจน์กัน

ดังนั้นทุกครั้งที่จับไมค์แกนนำ ปัญญาชน ประกาศ อธิบายหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ได้ทดสอบมาแล้ว ไม่มีสาธุชนคนดีคนไหนปฏิเสธมีแต่พรรคฯ นักการเมืองเท่านั้นที่ปฏิเสธทั้งสองขั้ว พระสงฆ์องค์เจ้าก็รับรอง ชนชั้นสูงก็โอเคกองทัพข้าราชการทั้งปวงก็คุกเข่าลงน้อมรับ สามัญชนคนดีก็รับรอง แล้วคณะกรรมการ กปปส. ละ พิจารณากันบ้างหรือไม่

อย่ามัวแต่ทำเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง จงพิจารณาให้จงหนัก การกระทำใดๆ จุดหมายต้องมาก่อน ในทุกเรื่อง คนบ้าเท่านั้นที่ไปทำวิธีการก่อน หลงทาง หลงผิดมาแล้ว 81 ปีแล้ว จะหลงทางต่อไปเป็น 100 ปีหรือไร ท่าน กปปส. (ขอให้มีสติ พึงกระทำด้วยความรักคนอื่น เสมือนรักตนเองเถิด) กำนันสุเทพ หรือแกนนำคนใดคนหนึ่งประกาศ ก็มีก้าวแรกสู่ชัยชนะในทันที
กำลังโหลดความคิดเห็น