ASTVผู้จัดการรายวัน - ส่องวิชั่น 5 นายกสมาคมฯภาคธุรกิจ ประเมินภาพเศรษฐกิจไทยปีมะเมีย 2557 ฟันธงยังคงเหนื่อยจากหลากปัญหารุมเร้า โดยเฉพาะปัญหาหลักการเมืองที่วุ่นวายไม่จบ พร้อมฟันธง เป็นปี “ม้าขาแพลง”
ผ่านเข้าสู่ปีใหม่ 2557 มาแล้วเกือบ 20 วัน แต่ดูเหมือนภาพรวมเศรษฐกิจของไทยยังคงจับทิศทางไม่ถูกว่าจะเดินหน้ากันอย่างไร ท่ามกลางปัญหาการเมืองและการชุมนุมที่ส่อเค้ารุนแรงขึ้นทุกขณะ “ASTVผู้จัดการรายวัน” สำรวจและสัมภาษณ์ความคิดเห็นกับ 4 ผู้นำของสมาคมภาคธุรกิจต่างๆ เพื่อประเมินสถานการณ์และมองทิศทางว่าปี มะเมีย ปีนี้จะเป็นอย่างไร
นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยในปี 2557 คาดว่าคงยังไม่ดีขึ้นกว่าปี 2556 แน่ ซ้ำร้ายอาจจะแย่กว่าด้วย เนื่องจากประเทศไทยยังมีปัญหาอีกหลายอย่างที่ยังไม่ลงตัวโดยเฉพาะเรื่องการเมือง ที่ยังไม่รู้ว่าจะจบกันยังไง
อย่างไรก็ตามปัจจัยลบที่จะเกิดขึ้นในปี2557ก็ล้วนแต่ยังคงเป็นปัจจัยลบเดิมๆเกิดขึ้นแต่จะลุกลามหนักอีกคือ 1.ปัญหาภาคการเกษตรทั้งเรื่องราคาพืชผลที่ต่ำลง ผลผลิตที่บางช่วงล้นตลาดบางช่วงขาดตลาด 2.ภาคอุตสาหกรรม ที่ขณะนี้ค่าแรงงานของไทยเราสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาก หลังจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงกว่าประเทศอื่น 3.ปัญหาการเมือง ที่จะยังคงมีความวุ่นวายอีก ซึ่งมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและนโยบายการลงทุนของต่างชาติด้วย 4.ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นปัญหารุนแรงและใหญ่หลวงมากที่ยังแก้ไขไม่ได้
“ที่สำคัญความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็ลดลงด้วย กำลังซื้อต่างๆก็ลดลงทั้งระบบ และไม่มีใครคาดเดาได้ว่ารัฐบาลใหม่จะเป็นอย่างไร มีหน้าตาอย่างไร เป็นที่ยอมรับของสาธารณชนส่วนใหญ่หรือไม่ และเมื่อเข้ามาบริหารประเทศแล้วจะสานต่อโครงการเก่าๆของรัฐบาลชุดเดิมต่อไปหรือไม่ ตรงนี้ก็จะเกิดความไม่แน่นอนทางการลงทุนเช่นกัน”
นายสมชายกล่าวว่า หากเปรียบเสมือนประเทศไทยตอนนี้ ก็เหมือนบ้านที่มีปลวกเต็มไปหมด ถูกปลวกแทะกินจนเสาบ้าน สภาพบ้านพังทะลายไปมาก การที่จะซ่อมแซมบ้านในสภาพนี้มันก็ลำบาก คงต้องรื้อบ้านทิ้งแล้วสร้างใหม่จะดีกว่า หากมองในแง่การเมืองแล้ว ก็ต้องปฎิรูปเปลี่ยนแปลงใหม่ก่อน แล้วเลือกตั้งเพื่อที่จะได้อะไรที่ดีขึ้น
นายสมชายกล่าวต่อในแง่ของธุรกิจค้าปลีกค้าส่งด้วยว่า ในปี 2557 ยังคงแข่งขันกันดุเดือดเหมือนเดิม เพราะว่าปี 2556 ตัวเลขโดยรวมไม่ค่อยดีเท่าไร ปี2557ทุกค่ายค้าปลีกต้องทำโปรโมชั่นกันหนัก ทั้งลดแลกแจกแถม มากกว่าเดิม เพื่อกระตุ้นอารมณ์การจับจ่ายของผู้บริโภค โมเดิร์นเทรดต้องพยายามเจรจากับทางซัพพลายเออร์เพื่อขอการสนับสนุนราคาสินค้าให้ต่ำลลงเพื่อแข่งกับคู่แข่ง
“ปี2557ที่เป็นปีมะเมียหรือปีม้า ผมมองว่าคงจะเป็นปีม้าขาแพลง แน่นอน เพราะม้าตัวนี้จะวิ่งเร็วก็วิ่งไม่ได้ จะกระโดดพยศก็ไม่ได้ ได้แต่เดินกะเผลกๆไปเรื่อยๆ เพราะว่าม้ามันขาแพลง”
สมาพันธ์ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ไทย
นายจิรบูลย์ วิทยสิงห์ ประธานกิตติมศักดิ์สมาคมของขวัญของชำร่วยไทยและของตกแต่งบ้านและเลขาธิการสมาพันธ์ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ไทย ให้ความเห็นว่า ปี 2557 นี้ผมยังมีความเป็นห่วงในภาพรวมของธุรกิจไทยอย่างมาก เนื่องจากมีปัญหาที่ยังคาราคาซังต่อเนื่องมาจากปีที่แล้วหลายอย่าง นอกจากนั้นปัญหาการเมืองก็ยังเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ปฎิเสธไม่ได้ว่ากระทบต่อภาพรวมธุรกิจแน่ หากยืดเยื้อไปอีกนาน
ปัญหาหลักๆที่จะเป็นตัวฉุดเศรษฐกิจไทยปีนี้คือ 1. ภาคการนำเข้า ซึ่งสวนทางกับกำลังซื้อของผู้บริโภคไทยในขณะนี้ที่ไม่ค่อยดีเท่าไร โดยเฉพาะระดับแมสกับรากหญ้า 2.ภาคการส่งออก ซึ่งเป็นเรื่อ่งที่หนักมาก เพราะว่าต่อเนื่องมาตั้งแตปีที่แล้วที่การส่งออกของไทยลดลงมาตลอด 3.ภาคการลงทุนของเอกชนไทยและต่างชาติ ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงมาจากปัญหาการเมือง ทำให้นักลงทุนหวาดกลัวกับการลงทุนในไทย มีหลายกลุ่มที่พิจารณาอาจจะย้ายฐานการลงทุนไปประเทศเพื่อนบ้านเราแทน เช่นฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เป็นต้น 4.ปัยญหาเรื่องเงินเฟ้อ และ 5. ปัญหาเรื่องการจับจ่ายที่น่าเป็นห่วง
“ส่วนตัวแล้วมองว่าปัญหาการเมืองควรที่จะต้องจบลงให้เร็วที่สุด รูปแบบใดก็ได้ ที่ประเทศชาติไม่เสียหาย เพราะถ้าไม่จบ การค้าการขายมันก็จะเดือดร้อนมาก การลงทุนก็ลดน้อยลง ถ้าสรุปแล้ว ปีนี้คงเป็นปี ม้าขาแพลง ไม่ใช่ม้าทองคำ “
สมาคมผู้ค้าปลีกไทย
นางสาวบุษบา จิราธิวัฒน์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ผลประกอบการตลอดปี 2556 ภาพรวมค้าปลีกห่างเป้าหมาย โดยเฉพาะพื้นที่ในจุดสุ่มเสี่ยงทางการเมืองจากภาวะการเมืองที่ไม่มีท่าทีที่ชัดเจน มู้ดการจับจ่ายของผู้บริโภคไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมาซึ่งจะเป็นช่วงที่ดีที่สุดไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
อย่างไรก็ตามหากประเทศไทยกลับสู่ภาวะปกติ ธุรกิจค้าปลีกฯก็จะมีทิศทางการเติบโตที่ชัดเจน ประกอบด้วย 1. ธุรกิจค้าปลีกประเภทร้านสะดวกซื้อ ยังเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตมากที่สุด 2. ร้านค้าเพื่อสุขภาพและความงามจะได้รับความสนใจและเติบโตต่อเนื่อง 3. การซื้อ-ขายผ่าน “ออนไลน์” จะพลิกโฉมจาก e market place สู่ e-tailing “ชอปปิ้งออนไลน์” ในไทยกำลังก้าวสู่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญสู่ยุค e-Tailing หรือ Electronic Retailing
4. สัดส่วนการขยายสาขาของภาคธุรกิจคงจะเน้นไปยังพื้นที่ภูมิภาคมากขึ้น ซึ่งคาดว่าภายในปี 2560 สัดส่วนร้านค้าในต่างจังหวัดต่อสัดส่วนร้านค้าที่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็น 72% กับ 28% และ 5. กลยุทธ์การส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายจะมีเต็มตลาด จากกำลังซื้อที่ซบเซาต่อเนื่อง ภาวะการเมืองที่ยังไม่มีข้อยุติข้ามปี ทำให้การก้าวข้ามสู่ปี 2557 ของทุกผู้ค้าปลีกที่ต้องระดมสรรพวิชาการตลาดช่วงชิงยอดขาย
สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย
นายจรัญ หอมเทียนทอง สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย หรือ (PUBAT) กล่าวว่า ไม่ว่าประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งรัฐบาลชุดใหม่หรือไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในปี2557นี้ ก็ไม่ได้มีความสำคัญเท่ากับนโยบายของรัฐบาลที่จะช่วยสนับสนุนตลาดหนังสือให้กลับมาเติบโตได้ เห็นได้จากปี2556ที่ผ่านมา จากรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ไม่ได้สนับสนุนหรือส่งเสริมให้รักการอ่าน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการอ่านมากขึ้นแต่อย่างใด บวกกับมีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้นอีกด้วยในช่วงปลายปีที่ผ่านมา อีกทั้งกำลังซื้อก็มีค่าครองชีพที่สูงอยู่แล้ว สิ่งสุดท้ายที่ผู้บริโภคจะนึกถึง คือ หนังสือ ทำให้ในปีที่ผ่านมา ตลาดหนังสือตกลงไปไม่ต่ำกว่า 10-20%
ดังนั้นในปีนี้คาดหวังว่ารัฐบาลที่เกิดขึ้นใหม่ จะมีนโยบายส่งเสริมให้รักการอ่าน เพื่อขับเคลื่อนให้ตลาดหนังสือกลับมามีการเติบโตเท่าปี2555 ขณะเดียวกันหากค่าครองชีพของผู้บริโภคดีขึ้นก็น่าจะส่งผลดีต่อตลาดหนังสือเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ยังมองว่ากลุ่มหนังสือประเภทธรรมะ และให้กำลังใจ และที่เกี่ยวกับอาชีพ รวมถึงจำพวกเฉพาะกลุ่ม จะเป็นกลุ่มหนังสือที่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับปี2556ที่ผ่านมา เพราะปัจจุบันคนไทยมีปัญหาในชีวิตค่อนข้างมาก ส่วนกลุ่มหนังสือที่ไม่ได้คุณภาพจะมียอดลดลงทิศทางของสำนักพิมพ์เกิดใหม่นั้น ปี2557นี้มองว่าจะมีอัตราส่วนการเกิดใหม่และหายไปเท่ากับปีที่ผ่านมาๆ ไม่ได้มีนัยยะสำคัญมากนัก เป็นไปตามกลไกของตลาดมากกว่า
สมาคมผู้ประกอบวิสหากิจในย่านราชประสงค์
นายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ หรือ อาร์เอสทีเอ กล่าวว่า จากการที่กลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือ กปปส. ได้เข้ามาชุมนุมที่ราชประสงค์ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งสามารถทำได้และควรมีการจัดการชุมนุมให้มีความปลอดภัย เนื่องจากพื้นที่สี่แยกราชประสงค์เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญใจกลางกรุงเทพฯ ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการพัฒนาประเทศไทย ทั้งในด้านการท่องเที่ยว เศรษฐกิจการค้า และแหล่งไลฟ์สไตล์สำคัญที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาใช้บริการวันละประมาณ 250,000 คนต่อวัน ซึ่งสมาคมฯใคร่ขอวิงวอนให้กลุ่ม กปปส.อย่าชุมนุมยืดเยื้อจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ล่าสุดสมาคมฯและสมาชิกฯวางแผนจัดโปรโมชั่นกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เสนอโปรชั่นด้านชอปปิ้งไลฟ์สไตล์ ไดน์นิ่งไลฟ์สไตล์ มอบส่วนลดพิเศษสำหรับกลุ่มแฟชั่นลดสูงสุด 80% กลุ่มไดน์นิ่งลดสูงสุด 30% กลุ่มห้องพักโรงแรมลดสูงสุด 40% เป็นต้น
ผ่านเข้าสู่ปีใหม่ 2557 มาแล้วเกือบ 20 วัน แต่ดูเหมือนภาพรวมเศรษฐกิจของไทยยังคงจับทิศทางไม่ถูกว่าจะเดินหน้ากันอย่างไร ท่ามกลางปัญหาการเมืองและการชุมนุมที่ส่อเค้ารุนแรงขึ้นทุกขณะ “ASTVผู้จัดการรายวัน” สำรวจและสัมภาษณ์ความคิดเห็นกับ 4 ผู้นำของสมาคมภาคธุรกิจต่างๆ เพื่อประเมินสถานการณ์และมองทิศทางว่าปี มะเมีย ปีนี้จะเป็นอย่างไร
นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยในปี 2557 คาดว่าคงยังไม่ดีขึ้นกว่าปี 2556 แน่ ซ้ำร้ายอาจจะแย่กว่าด้วย เนื่องจากประเทศไทยยังมีปัญหาอีกหลายอย่างที่ยังไม่ลงตัวโดยเฉพาะเรื่องการเมือง ที่ยังไม่รู้ว่าจะจบกันยังไง
อย่างไรก็ตามปัจจัยลบที่จะเกิดขึ้นในปี2557ก็ล้วนแต่ยังคงเป็นปัจจัยลบเดิมๆเกิดขึ้นแต่จะลุกลามหนักอีกคือ 1.ปัญหาภาคการเกษตรทั้งเรื่องราคาพืชผลที่ต่ำลง ผลผลิตที่บางช่วงล้นตลาดบางช่วงขาดตลาด 2.ภาคอุตสาหกรรม ที่ขณะนี้ค่าแรงงานของไทยเราสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาก หลังจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงกว่าประเทศอื่น 3.ปัญหาการเมือง ที่จะยังคงมีความวุ่นวายอีก ซึ่งมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและนโยบายการลงทุนของต่างชาติด้วย 4.ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นปัญหารุนแรงและใหญ่หลวงมากที่ยังแก้ไขไม่ได้
“ที่สำคัญความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็ลดลงด้วย กำลังซื้อต่างๆก็ลดลงทั้งระบบ และไม่มีใครคาดเดาได้ว่ารัฐบาลใหม่จะเป็นอย่างไร มีหน้าตาอย่างไร เป็นที่ยอมรับของสาธารณชนส่วนใหญ่หรือไม่ และเมื่อเข้ามาบริหารประเทศแล้วจะสานต่อโครงการเก่าๆของรัฐบาลชุดเดิมต่อไปหรือไม่ ตรงนี้ก็จะเกิดความไม่แน่นอนทางการลงทุนเช่นกัน”
นายสมชายกล่าวว่า หากเปรียบเสมือนประเทศไทยตอนนี้ ก็เหมือนบ้านที่มีปลวกเต็มไปหมด ถูกปลวกแทะกินจนเสาบ้าน สภาพบ้านพังทะลายไปมาก การที่จะซ่อมแซมบ้านในสภาพนี้มันก็ลำบาก คงต้องรื้อบ้านทิ้งแล้วสร้างใหม่จะดีกว่า หากมองในแง่การเมืองแล้ว ก็ต้องปฎิรูปเปลี่ยนแปลงใหม่ก่อน แล้วเลือกตั้งเพื่อที่จะได้อะไรที่ดีขึ้น
นายสมชายกล่าวต่อในแง่ของธุรกิจค้าปลีกค้าส่งด้วยว่า ในปี 2557 ยังคงแข่งขันกันดุเดือดเหมือนเดิม เพราะว่าปี 2556 ตัวเลขโดยรวมไม่ค่อยดีเท่าไร ปี2557ทุกค่ายค้าปลีกต้องทำโปรโมชั่นกันหนัก ทั้งลดแลกแจกแถม มากกว่าเดิม เพื่อกระตุ้นอารมณ์การจับจ่ายของผู้บริโภค โมเดิร์นเทรดต้องพยายามเจรจากับทางซัพพลายเออร์เพื่อขอการสนับสนุนราคาสินค้าให้ต่ำลลงเพื่อแข่งกับคู่แข่ง
“ปี2557ที่เป็นปีมะเมียหรือปีม้า ผมมองว่าคงจะเป็นปีม้าขาแพลง แน่นอน เพราะม้าตัวนี้จะวิ่งเร็วก็วิ่งไม่ได้ จะกระโดดพยศก็ไม่ได้ ได้แต่เดินกะเผลกๆไปเรื่อยๆ เพราะว่าม้ามันขาแพลง”
สมาพันธ์ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ไทย
นายจิรบูลย์ วิทยสิงห์ ประธานกิตติมศักดิ์สมาคมของขวัญของชำร่วยไทยและของตกแต่งบ้านและเลขาธิการสมาพันธ์ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ไทย ให้ความเห็นว่า ปี 2557 นี้ผมยังมีความเป็นห่วงในภาพรวมของธุรกิจไทยอย่างมาก เนื่องจากมีปัญหาที่ยังคาราคาซังต่อเนื่องมาจากปีที่แล้วหลายอย่าง นอกจากนั้นปัญหาการเมืองก็ยังเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ปฎิเสธไม่ได้ว่ากระทบต่อภาพรวมธุรกิจแน่ หากยืดเยื้อไปอีกนาน
ปัญหาหลักๆที่จะเป็นตัวฉุดเศรษฐกิจไทยปีนี้คือ 1. ภาคการนำเข้า ซึ่งสวนทางกับกำลังซื้อของผู้บริโภคไทยในขณะนี้ที่ไม่ค่อยดีเท่าไร โดยเฉพาะระดับแมสกับรากหญ้า 2.ภาคการส่งออก ซึ่งเป็นเรื่อ่งที่หนักมาก เพราะว่าต่อเนื่องมาตั้งแตปีที่แล้วที่การส่งออกของไทยลดลงมาตลอด 3.ภาคการลงทุนของเอกชนไทยและต่างชาติ ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงมาจากปัญหาการเมือง ทำให้นักลงทุนหวาดกลัวกับการลงทุนในไทย มีหลายกลุ่มที่พิจารณาอาจจะย้ายฐานการลงทุนไปประเทศเพื่อนบ้านเราแทน เช่นฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เป็นต้น 4.ปัยญหาเรื่องเงินเฟ้อ และ 5. ปัญหาเรื่องการจับจ่ายที่น่าเป็นห่วง
“ส่วนตัวแล้วมองว่าปัญหาการเมืองควรที่จะต้องจบลงให้เร็วที่สุด รูปแบบใดก็ได้ ที่ประเทศชาติไม่เสียหาย เพราะถ้าไม่จบ การค้าการขายมันก็จะเดือดร้อนมาก การลงทุนก็ลดน้อยลง ถ้าสรุปแล้ว ปีนี้คงเป็นปี ม้าขาแพลง ไม่ใช่ม้าทองคำ “
สมาคมผู้ค้าปลีกไทย
นางสาวบุษบา จิราธิวัฒน์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ผลประกอบการตลอดปี 2556 ภาพรวมค้าปลีกห่างเป้าหมาย โดยเฉพาะพื้นที่ในจุดสุ่มเสี่ยงทางการเมืองจากภาวะการเมืองที่ไม่มีท่าทีที่ชัดเจน มู้ดการจับจ่ายของผู้บริโภคไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมาซึ่งจะเป็นช่วงที่ดีที่สุดไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
อย่างไรก็ตามหากประเทศไทยกลับสู่ภาวะปกติ ธุรกิจค้าปลีกฯก็จะมีทิศทางการเติบโตที่ชัดเจน ประกอบด้วย 1. ธุรกิจค้าปลีกประเภทร้านสะดวกซื้อ ยังเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตมากที่สุด 2. ร้านค้าเพื่อสุขภาพและความงามจะได้รับความสนใจและเติบโตต่อเนื่อง 3. การซื้อ-ขายผ่าน “ออนไลน์” จะพลิกโฉมจาก e market place สู่ e-tailing “ชอปปิ้งออนไลน์” ในไทยกำลังก้าวสู่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญสู่ยุค e-Tailing หรือ Electronic Retailing
4. สัดส่วนการขยายสาขาของภาคธุรกิจคงจะเน้นไปยังพื้นที่ภูมิภาคมากขึ้น ซึ่งคาดว่าภายในปี 2560 สัดส่วนร้านค้าในต่างจังหวัดต่อสัดส่วนร้านค้าที่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็น 72% กับ 28% และ 5. กลยุทธ์การส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายจะมีเต็มตลาด จากกำลังซื้อที่ซบเซาต่อเนื่อง ภาวะการเมืองที่ยังไม่มีข้อยุติข้ามปี ทำให้การก้าวข้ามสู่ปี 2557 ของทุกผู้ค้าปลีกที่ต้องระดมสรรพวิชาการตลาดช่วงชิงยอดขาย
สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย
นายจรัญ หอมเทียนทอง สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย หรือ (PUBAT) กล่าวว่า ไม่ว่าประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งรัฐบาลชุดใหม่หรือไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในปี2557นี้ ก็ไม่ได้มีความสำคัญเท่ากับนโยบายของรัฐบาลที่จะช่วยสนับสนุนตลาดหนังสือให้กลับมาเติบโตได้ เห็นได้จากปี2556ที่ผ่านมา จากรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ไม่ได้สนับสนุนหรือส่งเสริมให้รักการอ่าน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการอ่านมากขึ้นแต่อย่างใด บวกกับมีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้นอีกด้วยในช่วงปลายปีที่ผ่านมา อีกทั้งกำลังซื้อก็มีค่าครองชีพที่สูงอยู่แล้ว สิ่งสุดท้ายที่ผู้บริโภคจะนึกถึง คือ หนังสือ ทำให้ในปีที่ผ่านมา ตลาดหนังสือตกลงไปไม่ต่ำกว่า 10-20%
ดังนั้นในปีนี้คาดหวังว่ารัฐบาลที่เกิดขึ้นใหม่ จะมีนโยบายส่งเสริมให้รักการอ่าน เพื่อขับเคลื่อนให้ตลาดหนังสือกลับมามีการเติบโตเท่าปี2555 ขณะเดียวกันหากค่าครองชีพของผู้บริโภคดีขึ้นก็น่าจะส่งผลดีต่อตลาดหนังสือเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ยังมองว่ากลุ่มหนังสือประเภทธรรมะ และให้กำลังใจ และที่เกี่ยวกับอาชีพ รวมถึงจำพวกเฉพาะกลุ่ม จะเป็นกลุ่มหนังสือที่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับปี2556ที่ผ่านมา เพราะปัจจุบันคนไทยมีปัญหาในชีวิตค่อนข้างมาก ส่วนกลุ่มหนังสือที่ไม่ได้คุณภาพจะมียอดลดลงทิศทางของสำนักพิมพ์เกิดใหม่นั้น ปี2557นี้มองว่าจะมีอัตราส่วนการเกิดใหม่และหายไปเท่ากับปีที่ผ่านมาๆ ไม่ได้มีนัยยะสำคัญมากนัก เป็นไปตามกลไกของตลาดมากกว่า
สมาคมผู้ประกอบวิสหากิจในย่านราชประสงค์
นายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ หรือ อาร์เอสทีเอ กล่าวว่า จากการที่กลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือ กปปส. ได้เข้ามาชุมนุมที่ราชประสงค์ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งสามารถทำได้และควรมีการจัดการชุมนุมให้มีความปลอดภัย เนื่องจากพื้นที่สี่แยกราชประสงค์เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญใจกลางกรุงเทพฯ ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการพัฒนาประเทศไทย ทั้งในด้านการท่องเที่ยว เศรษฐกิจการค้า และแหล่งไลฟ์สไตล์สำคัญที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาใช้บริการวันละประมาณ 250,000 คนต่อวัน ซึ่งสมาคมฯใคร่ขอวิงวอนให้กลุ่ม กปปส.อย่าชุมนุมยืดเยื้อจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ล่าสุดสมาคมฯและสมาชิกฯวางแผนจัดโปรโมชั่นกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เสนอโปรชั่นด้านชอปปิ้งไลฟ์สไตล์ ไดน์นิ่งไลฟ์สไตล์ มอบส่วนลดพิเศษสำหรับกลุ่มแฟชั่นลดสูงสุด 80% กลุ่มไดน์นิ่งลดสูงสุด 30% กลุ่มห้องพักโรงแรมลดสูงสุด 40% เป็นต้น