xs
xsm
sm
md
lg

อนาคตที่ไม่แน่นอน

เผยแพร่:   โดย: ชัยอนันต์ สมุทวณิช

คำถามที่ตอบยากเวลานี้ก็คือ การเมืองไทยจะเป็นอย่างไร เพราะการชุมนุมครั้งนี้ดูจะยืดเยื้อไปอีกนานผิดความคาดหมายของรัฐบาลที่คิดว่าม็อบจะเหนื่อยและฝ่อไปเอง หรือประชาชนคนอื่นที่ไม่ได้ร่วมชุมนุมจะไม่พอใจ แต่ปรากฏว่าคนก็กลับสนับสนุน “กำนัน” ออกมาต้อนรับ และให้เงินสนับสนุน

อีกฝ่ายหนึ่งก็มีการชุมนุมกันเช่นนั้น แต่มีข้อสังเกตว่าครั้งนี้ดูคนจะน้อยลง และไม่ฮึกเหิมเท่าที่ควร มีคนบอกว่าบางแห่งคนมารับเงินแล้วก็กลับบ้านไป

คนไทยจำนวนมากหมดความศรัทธาในระบบการเลือกตั้ง แม้จะยังรักประชาธิปไตยอยู่ ปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่เพราะพรรคเพื่อไทยก็คงจะชนะเลือกตั้งอีกหลายสมัย บางคนเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์หมดน้ำยาแล้ว จึงเสนอว่าคงจะมีพรรคทางเลือกเป็นพรรคที่สาม พรรคทางเลือกนี้คงจะได้คะแนนเสียงไม่มากเฉพาะคนกรุงเทพฯ 30 กว่าเขต แต่ก็ยังเป็นความหวัง แต่ผมเห็นว่าคงไม่เกิดประโยชน์อะไร เราควรหันมาแก้ไขที่ระบบการเลือกตั้งในปัจจุบันมากกว่า และที่สำคัญก็คือ พฤติกรรมทางการเมืองของนักการเมืองภายหลังการเลือกตั้ง

พฤติกรรมเหล่านี้ พอจะสรุปได้ว่าอย่างแรกเป็นพฤติกรรมในการอาศัยงบประมาณของรัฐซื้อเสียงล่วงหน้าด้วยการจัดตั้งกองทุนหมู่บ้าน และออกนโยบายประชานิยมต่างๆ นี่คือฐานเสียง 15 ล้านของพรรคเพื่อไทย

พฤติกรรมต่อไปคือ การหาผลประโยชน์จากงบประมาณของรัฐในโครงการใหญ่ๆ ที่มีมูลค่านับแสนล้านบาท มีข่าวแพร่สะพัดว่านักการเมืองสามารถแสวงหาผลประโยชน์ได้นับหมื่นล้านบาท นอกจากนั้นก็ยังมีการเรียกเงินเพิ่มเป็น 20-30 เปอร์เซ็นต์ ในการรับทำโครงการหรือประมูลซื้อขายกับหน่วยราชการต่างๆ

อีกพฤติกรรมหนึ่งก็คือ การเล่นพรรคเล่นพวกในวงราชการ การแต่งตั้งพรรคพวกให้ได้รับตำแหน่งสำคัญ และมีการเรียกเงินสำหรับตำแหน่งบางตำแหน่งอีกด้วย มีการโยกย้ายข้าราชการหัวแข็งที่ไม่ยอมสยบกับระบอบทักษิณ อย่างเช่นกรณีของเอกอัครราชทูตผู้หนึ่ง ซึ่งถูกย้ายจากอเมริกาไปเกาหลี และจากเกาหลีไปลิเบีย เป็นต้น การกระทำที่อัปยศนี้เป็นที่กล่าวขวัญกันโดยทั่วไป

เรื่องใหญ่ๆ 3 เรื่องนี้นานวันเข้าก็ยิ่งทำให้คนรู้มากขึ้น ในการชุมนุมมีการพูดบนเวทีเปิดโปงพฤติกรรมอันชั่วร้ายต่างๆ เมื่อประชาชนเรียนรู้มากขึ้น ก็ยิ่งสนับสนุนการต่อสู้มากขึ้น

รัฐบาลโต้กลับโดยล็อบบี้ รัฐบาลต่างประเทศให้ส่งหนังสือแสดงความกังวลมา ล่าสุดก็สามารถทำให้นายบันคีมูนส่งสาส์นแสดงความห่วงใยมาด้วย แสดงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังไม่สิ้นลายเพราะในต่างประเทศยังมีแรงสนับสนุนมาก สาเหตุสำคัญก็คือการเกิดรัฐประหารเมื่อปี 2549

แต่ข่าวเรื่องรัฐประหารก็ยังไม่หมดไป เพราะเมื่อเหตุการณ์ยืดเยื้อไม่มีทางออก คนก็หันไปนึกถึงทหาร ข้อคิดก็คือเมื่อทหารไม่เข้าแทรกแซง เราก็มีความจำเป็นที่จะต้องร่วมกันแก้ปัญหากันเอง ที่เห็นชัดเจนก็คือมีฉันทานุมัติที่จะดำเนินการปฏิรูปประเทศอย่างจริงจัง และนับวันก็เริ่มมีข้อเสนอที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้นเป็นลำดับ ผลที่เกิดขึ้นอีกอย่างหนึ่งก็คือ การรับรู้และเรียนรู้ทางการเมืองมีมากขึ้น การตื่นตัวทางการเมืองสูงขึ้น

การห้ามไม่ให้พรรคการเมืองดำเนินนโยบายประชานิยม คงเป็นไปได้ยาก แต่เราสามารถควบคุมได้ในขั้นตอนการใช้จ่ายงบประมาณให้มีการตรวจสอบมากกว่าที่เป็นอยู่ และอีกทางหนึ่งก็คือให้มีการกระจายอำนาจมากขึ้น ท้องถิ่นเข้ามาดำเนินกิจการมากขึ้น ในที่สุดเราก็ต้องยอมรับว่า ต้องมีความอดทน และการปฏิรูปต้องการเวลานาน เนื่องจากปัญหาสะสมมานาน

สรุปก็คือจะมีประชาธิปไตยก็ต้องมีค่าโสหุ้ยและต้องใจเย็นๆ การชุมนุมใหญ่ที่ผ่านมาหลายครั้งก็แสดงให้เห็นแล้วว่าประชาชนต้องการอะไร ประชาชนเริ่มหมดความอดทน แต่ก็ยังดีว่าการชุมนุมที่บ้านเรามีความรุนแรงน้อยกว่าที่ประเทศอื่น และการชุมนุมของชนชั้นกลางต่างไปจากการชุมนุมของคนระดับอื่น เพราะเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย ไม่มีการปล้นสะดมหรือเผาเมืองเหมือนอย่างคราวก่อน

ผมยอมรับว่าไม่รู้ว่าการเมืองจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ก็เห็นว่าได้ยกระดับพัฒนาขึ้นไปมากในแง่ของประชาชน ต่อไปก็อยู่ที่ว่าเราจะมีการปรับโครงสร้าง และพฤติกรรมทางการเมืองกันอย่างไรต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น