ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ใครที่อยู่นอกแวดวงทหาร อาจไม่คุ้นเคยกับคำเรียกขานเฉพาะสำหรับทหารสังกัด “กองทัพบก” 2 คำ คือคำว่า “วงศ์เทวัญ” และ “บูรพาพยัคฆ์” ดังนั้น จึงยังไม่รู้ว่า วงศ์เทวัญกับบูรพาพยัคฆ์คืออะไร มีความเป็นมาอย่างไร และมีความสำคัญมากน้อยแค่ไหน
วงศ์เทวัญ เป็นคำศัพท์ทางการเมืองไทยที่ใช้เรียกกลุ่มทหารสังกัดกองทัพบกที่เติบโตมาจาก กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ และ กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล. 1 รอ.) ซึ่งมีฐานอำนาจที่อยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร และต่อมาได้ขึ้นเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยระดับคุมกำลังพลที่สำคัญๆ เช่น ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก, เสนาธิการทหารบก, แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นต้น
วงศ์เทวัญนั้นยิ่งใหญ่ในกองทัพบกมาเป็นเวลานาน ใหญ่ชนิดที่เรียกว่า ถ้าใครถูกจัดวางให้มาเป็น ผบ.หน่วยในไลน์ของวงศ์เทวัญ เช่น ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) หรือผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) ก็ฝันหวานถึงเก้าอี้ ผบ.ทบ.หรืออย่างน้อยๆ ก็ 5 เสือ ทบ.ได้เลย
อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติพิเศษของนายทหารกลุ่มวงศ์เทวัญก็คือ มักจะเป็นบุคคลในนามสกุลหรือเป็นเครือญาติของอดีตนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในทางใดทางหนึ่งเป็นสำคัญ
แต่หลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ขั้วอำนาจในกองทัพได้ถูกเปลี่ยนผ่านมาสู่กลุ่มบูรพาพยัคฆ์ หรือ กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ และ ทหารเสือราชินี หรือ กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ที่มีฐานอยู่ภาคตะวันออกเสียมากกว่า
ตัวอย่างขุนพลสายบูรพาพยัคฆ์ที่เป็นใหญ่ในยุคนี้ก็คือ “ก๊ก 3 ป.” ซึ่งประกอบไปด้วยบิ๊กป๊อก-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการกองทัพบก บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกคนปัจจุบัน และมีบิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณเป็นพี่ใหญ่ของกลุ่ม
วันนี้ บูรพาพยัคฆ์สืบทอดความเป็นใหญ่ในกองทัพบก ทรงพลังและทรงอานุภาพอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้ เนื่องจากสามารถควบคุมและกำหนดโผการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารได้เต็มที่ โดยไม่ต้องผ่าน “กรรมวิธี” ที่เคยใช้มาในอดีต
ขณะที่วงศ์เทวัญได้แต่มองตาปริบๆ เพราะโอกาสที่จะเบียดแทรกขึ้นมาเป็นใหญ่ในกองทัพบกน้อยเต็มที เท่าที่เห็นก็น่าจะมีเพียง พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เท่านั้นที่โดดเด่นและสามารถหลุดโผเข้ามาอยู่ในไลน์ 5 เสือทบ.ได้ในเก้าอี้ “รองผู้บัญชาการทหารบก” ด้วยเหตุผลประการเดียวคือความที่เป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 12(ตท.12) กับพล.อ.ประยุทธ์ และมีความสนิทสนมพิเศษเป็นการส่วนตัว
อย่างไรก็ตาม บูรพาพยัคฆ์ ณ วันนี้กำลังเผชิญความท้าทายครั้งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลพวงจากปฏิบัติการชัตดาวน์ปิดกรุงเทพฯ ของ กปปส.นำโดยกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ ทั้งจากบูรพาพยัคฆ์ระดับล่างที่เริ่มไม่พอใจพี่ๆ บูรพาพยัคฆ์ที่เล่นบทไทยเฉยเพราะพิษถั่งเช่าที่สวาปามเข้าไป ทั้งจากขุนทหารสายวงศ์เทวัญที่ถูกกีดกันจากตำแหน่งสำคัญๆ เสียจนทำให้สมดุลในกองทัพเปลี่ยนแปลงไป บ้างก็ย้ายไปเป็นทหารแตงโม ส่วนที่เป็นทหารอาชีพก็เริ่มออกอาการหงุดหงิดจากบทไทยเฉยของบูรพาพยัคฆ์
นอกจากนี้ยังรวมไปถึงแรงดันจากมวลมหาประชาชนที่คาดหวังให้ทหารอยู่เคียงข้าง คนเสื้อแดงที่จ้องเล่นงานเพื่อไม่ให้ทหารทำรัฐประหาร และรัฐบาลปูที่ต้องการให้ทหารเป็นคนกลางในการหาทางลงที่สวยๆ
ด้วยเหตุดังกล่าวคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่า บิ๊กตู่จะบริหารความไม่พอใจทั้งหลายทั้งปวงอย่างไร
ไปที่เรื่องอื่นๆ กันบ้าง เริ่มจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดย ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จับมือ 3 ชุมชนรอบศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. ได้แก่ ชุมชนบ้านมั่นคงสวนพลู ชุมชนหน้าสมาคมธรรมศาสตร์ และชุมชนบ้านเอื้ออาทร ร่วมกันจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ณ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติฯ 80 พรรษา ซอยงามดูพลี เขตสาทร ด้วยการเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ สร้างแรงบันดาลใจให้แก่เด็กๆ ได้มีพื้นที่แสดงทักษะ ความสามารถผ่านกิจกรรมร้องรำ ทำเพลง และอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก อาทิ การแสดงละครเยาวชนจากกลุ่มละครหน้ากากเปลือย , การแสดงกลองยาว, การแสดงโฟล์คซองคำเมือง เป็นต้น
ตามต่อด้วยนายจรูณ อินทจาร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดงานวันเด็กแห่งชาติ โดยนายเชาวนะ ไตรมาส เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และน้องๆตัวแทนจาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นักแสดงจากละครเรื่อง 7 มงกุฎทางช่อง 7 แจ็ค วีรคณิศร์ กานต์วัฒนกุล โบ ธัญญสุภางค์ จิรปรีชานนท์ ภณัฐ สุจิรังกุล ,สโรชา วาทิตตพันธ์ ,เกริก ชิลเลอร์ ร่วมงาน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า แจ้งวัฒนะ
และปิดท้ายกับนายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต พร้อมด้วยพลเอกวันชัย เรืองตระกูล ประธานมูลนิธิเพื่อสถาบันราชานุกูลในพระอุปถัมภ์ฯ เป็นประธานเปิดงาน Open House 2014 “Rajanukul” Think beyond องค์กรแห่งการเรียนรู้ สู่ต้นแบบการพัฒนาสติปัญญาเด็กไทย โดยมี ศาสตราจารย์เกียรติคุณแพทย์หญิงชนิกา ตู้จินดา พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต และ พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผอ.สถาบันราชานุกูล ร่วมงาน ณ สถาบันราชานุกูล ดินแดง กรุงเทพฯ เมื่อวันก่อน
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ...
ลุงอ้วน
managerweekend@yahoo.com
คอลัมน์// หนังสือน่าอ่าน
หอมดอกประดวน
ความเท่อย่างไม่มีบิดพลิ้วของสำนวนเพรียวนม 'รงค์ วงษ์สวรรค์ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ นักเขียนผู้ช่ำชองประดิษฐ์ถ้อยคำให้เข้าถึงอารมณ์กามา สบถ-เย้ยหยันสิ่งรอบตัวได้อย่างเจ็บแสบ ซึ่งถ้าหากใครได้อ่านงานเขียนของเขาก็ย่อมรู้สึกได้ถึงรูปประโยคที่มีความหมายขัดแย้งในตัวเองอย่างน่าทึ่ง อีกทั้งยังชวนให้ยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะอ่านงานเขียนของเขาผ่านไปแต่ละบรรทัด พาให้ลุ่มหลง คลั่งไคล้ไปกับเรื่องราวที่บรรจงถ่ายทอดสู่ผู้อ่าน
“หอมดอกประดวน”เล่มนี้จึงพาผู้อ่านสัมผัสกลิ่นอายผู้หญิงโสเภณี หรือการมักมากในกามอารมณ์กับสตรีผู้มีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้ว โดยตัวละครเอกในเรื่องที่มีชื่อว่า 'โฉน ไพรำ' เกิดความรู้สึกอยากลิ้มลองมีเซ็กซ์กับผู้หญิงที่แปดเปื้อนเหล่านั้นตั้งแต่อายุเพียง16 ปี เพียงเพื่อปลดปล่อยภาวะกระสันเซ็กซ์ มากเสียกว่าจะเกิดจากความรักใคร่ ชอบพอด้วยใจบริสุทธิ์จริง
เส้นทางปลดเปลื้องความเป็นชายชาตรีในมุมมองของ'รงค์ วงษ์สวรรค์ ที่มองหญิงกระหรี่เหมือนของเล่นชิ้นหนึ่งของหมาบ้า เขาพาตัวละครไปซึมซับจริตหญิงเหล่านั้น ซึ่งตัวละครทำทีเป็นว่านอนสอนง่ายในคราวที่เปิดซิงกับหญิงกระหรี่ นั่นคือครั้งแรก ทุกอย่างจึงดูสวยงามและงดงามเจือกลิ่นคาวโลกีย์ แต่เมื่อเคยชินและผ่านตรงจุดนั้นมาแล้วเขาก็กลับมีมุมมองต่อหญิงจำพวกนั้นว่าน่า'ขยะแขยง'แต่ก็ขาดเธอไม่ได้
หอมดอกประดวนของ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ได้ให้ความหมายไว้ว่า “ดอกประดวนไม่มีในสวนและในป่า ผมเบื่อดอกไม้ทุกดอกที่ธรรมชาติสร้าง สาบาน ผมเบื่อ และพานเบื่อไปถึงดอกไม้พลาสติสที่เกลื่อนอยู่ในแจกันและในหัวใจคน ผมจึงทำตัวเป็นธรรมชาติเสียเอง...สร้างดอกประดวนไว้ดมเล่น”
สำหรับ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ ผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของโฉน ไพรำเป็นดั่งดอกประดวนที่เขาว่า มีสีสันดิบๆ เถื่อนๆ
ถ้าใครสงสัยว่าดอกประดวนเป็นเช่นไร...
ลองซื้อหามาอ่านดู