เดือด! คปท. รุกหนักสะพานชมัยมรุเชฐ รื้อแบริเออร์เหลือชั้นสุดท้าย ด้านตร.จัดหนัก แก๊สน้ำตาปลิวว่อน กระสุนจริงปริศนาพุ่งใส่ผู้ชุมนุม - ช่างภาพ - รถสื่อ “ประยุทธ์” ส่งทหารแพทย์ช่วยประชาชน สั่งเปิดค่ายทหารรับผู้บาดเจ็บ "ป๋าเปรม" เตรียมประชุมองคมนตรีวันนี้ รพ.รามาฯแถลงพบมีผู้ถูกกระสุนจริงยิง 4 ราย จากเหตุที่ ม.รามคำแหง 2 ราย และเหตุปะทะกับผู้ชุมนุมอีก 2 ราย
วานนี้ (2 ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ขึ้นประกาศบนเวทีระดมมวลชนเข้ายึดพื้นที่ตามเป้าหมายที่ยังเข้ายึดไม่ได้ โดยกำลังส่วนหนึ่งนำโดย นายอิสระ สมชัย แกนนำ กปปส. เดินทางไปยังแยกการเรือน เพื่อกดดันตำรวจที่ดูแลพื้นที่บริเวณกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กำลังอีกส่วนเดินทางไปด้านสะพานสะพานชมัยมรุเชฐ สมทบกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ (กปท.) กองทัพธรรม และเครือข่าย 77 จังหวัดทั่วประเทศ บุกทำเนียบฯรัฐบาล
** ตร.ระดมแก็สน้ำตาถล่มชมัยมรุเชฐ
ที่แยกนางเลิ้ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นับตั้งแต่เวลา 9.00 น. ผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งได้ทำการกดดันบริเวณแนวแบริเออร์ เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ อย่างหนัก เจ้าหน้าที่จึงเริ่มต้นยิงแก๊สน้ำตาเป็นระยะๆ และตึงเครียดขึ้นอย่างมากๆตั้งแต่ช่วงเที่ยง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจยังระดมยิงแก๊สน้ำตา สลับกับฉีดน้ำผสมสารเคมีออกมา พร้อมพูดผ่านเครื่องขยายเสียงตอบโต้ลักษณะยั่วยุอยู่เป็นระยะ เช่น "เข้ามากันเลย รอบนี้จะเอาแก๊สแบบไหนดี เข้ามาใกล้ๆเลย" อย่างต่อเนื่อง
** อัลจาชีร่า-ผู้ชุมนุม เจอกระสุนจริง
ที่ ถนนพระราม 5 ห่างจากบริเวณแยกพาณิชยการเพียง 20 เมตร โดยที่เกิดเหตุพบผู้ชุมนุมผู้ชายอายุ 25 ปี ได้รับบาดเจ็บที่ขาข้างขวา ซึ่งที่แผลเป็นร่องรอยคล้ายถูกกระสุนปืน โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เข้าทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นประเมินว่า ว่าเป็นบาดแผลที่เกิดจากกระสุนปืนขนาด .22
ขณะที่บริเวณถนนพระรามที่ 5 ตรงข้ามอาคารสำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เกิดเหตุรถตู้ของสำนักข่าวต่างประเทศอัลจาซีรา ถูกยิง 2 นัด บริเวณช่องเติมน้ำมัน และประตูผู้โดยสาร ซึ่งผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่าเป็นวิถีกระสุนมาจากแนวป้องกันของตำรวจ
ต่อจากนั้นในช่วงบ่าย ที่บริเวณใกล้เคียง นายสุรเชษฐ์ วัชรวิศิษฏ์ หัวหน้าช่างภาพเดลินิวส์ ถูกยิงได้รับบาดเจ็บที่บริเวณใบหู ส่งผลให้หูฉีก ขณะที่กำลังบันทึกภาพอยู่หน้าแนวแบร์ริเออร์ เมื่อสอบถามผู้ชุมนุมยังคงยืนยันว่า ทิศทางของกระสุนมาจากฝั่งตำรวจ ที่ยืนซุ่มอยู่บริเวณตามพุ่มไม้ฝั่ง ก.พ.
** ใช้กระสุนยางสลับกระสุนจริง
เวลา 13.30 น. ที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ สถานการณ์เป็นไปอย่างชุลมุน ผู้ชุมนุมได้นำรถห้องขังของตำรวจจำนวน 2 คัน ที่ยึดมาได้ เข้ากดดันที่บริเวณแนวแบริเออร์ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ระดมยิงแก๊สน้ำตา สลับการฉีดน้ำผสมสารเคมีเข้าอย่างหนัก
จากนั้นเวลา 13.45 น. ตำรวจประกาศผ่านเครื่องกระจายเสียงจะใช้กระสุนยางหากผู้ชุมนุมนำรถแทรคเตอร์ฝ่าเข้าพื้นที่ทำเนียบฯ ส่วนผู้ชุมนุมได้ใช้เชือกผูกกับรถยนต์เพื่อรื้อดึงแท่งแบริเออร์ออกมา ซึ่งท้ายที่สุดผู้ชุมนุมได้ใช้รถผู้ต้องขังของตำรวจ ทำลายแนวแบริเออร์ไปได้แล้ว 2 ชั้น เหลือเพียงชั้นในสุด ที่อยู่หน้าแนวตำรวจ ขณะเดียวบริเวณป้อมตำรวจที่แยกพาณิชยการ ได้เกิดเหตุผู้ชุมนุมผู้ชายถูกยิงเข้าใส่ที่บริเวณชายโครงด้านขวา โดยสภาพแผลมีรอยฉีกขาด และมีเลือดไหลพุ่งทะลักออกมา ขณะเดียวกันได้มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการรื้อแท่งแบริเออร์ เป็นจำนวนมาก
**รองผบ.ตร. ปัดใช้กระสุนจริง
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผบ.ตร ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีการใช้กระสุนยางแต่อย่างใด ทางเจ้าหน้าที่จะยังไม่ใช้กระสุนยางหากยังไม่รุนแรงมาก
ส่วนในกรณีที่มีข่าวว่า มีการใช้กระสุนจริงกับกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น ไม่เป็นความจริง ต่อไปอาจมีการใช้แก๊สนํ้าตารูปแบบใหม่ ที่จะใช้ยิงสกัด เฉพาะตัวบุคคล
**"หมอประดิษฐ์"ปัดห้ามจ่ายน้ำเกลือผู้ชุมนุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการส่งข้อความทางเครือข่ายสังคมออนไลน์โจมตีการทำงานของ สธ. โดยอ้างว่า นพ.ประดิษฐ สั่งให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ระงับการบริจาคน้ำเกลือให้หน่วยแพทย์ฉุกเฉินเพื่อนำไปช่วยผู้ชุมนุม และไม่ให้นำออกจาก อภ. ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบไปยัง อภ. พบว่า ในวันที่ 1 ธ.ค.ได้ส่งน้ำเกลือให้ 2,500 ขวด วันที่ 2 ธ.ค. ได้ส่งให้ 2,500 ขวด และยาหยอดยา 1,000 ขวด
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เพราะสั่งการให้นำน้ำเกลือสนับสนุนกับทุกฝ่ายที่ร้องขอเข้ามา แต่ให้ อภ.ส่งน้ำเกลือมายังศูนย์ฯ เพื่อจะได้มีการตรวจสอบหน่วยงานที่ร้องขอเข้ามา
** แพทย์ยันผู้บาดเจ็บเจอกระสุนจริง
รศ.นพ.สมศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผู้อำนวยการ รพ.รามาธิบดี กล่าวว่า เมื่อเวลา 16.00 น. มีผู้ชุมนุมถูกนำส่งมาเข้ารับการรักษาที่ รพ.รามาฯ 4 ราย ทั้งหมดเป็นเพศชาย ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนจริง 2 ราย รายแรก เข้าที่ขาขวาทำให้กระดูกแตก เข้ารับการผ่าตัด รายที่ 2 เข้าที่หน้าอก กำลังผ่าตัด และกระสุนยาง 2 ราย รายแรกเข้าที่ท้องต้องเข้ารับการผ่าตัด รายที่ 2 เฉี่ยวที่ขา กลับบ้านแล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนำส่งโรงพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บรู้สึกตัวดี นอกจากนี้ ได้มีการเก็บเสื้อผ้าผู้ชุมนุมที่ถูกสารสีม่วงไปตรวจสอบแล้ว ผลยังไม่ออก แต่ได้รับการแจ้งจากฝ่ายตำรวจว่าเป็นสีผสมสารระคายเคือง
พล.อ.ต.นพ.วิชาญ เปี้ยวนิ่ม หัวหน้าสาขาวิชานิติเวชศาสตร์ รพ.รามาธิบดี กล่าวว่า จากการพิสูจน์ลักษณะบาดแผลและฟิลม์เอ็กซเรย์ พบว่า รายที่ถูกยิงที่หน้าอกเป็นกระสุนขนาด 9 มม. เป็นลูกโดดชนิดพกพาทั่วไป ไม่ได้มีความเร็วสูงแบบที่ใช้ในสงคราม ส่วนรายที่ถูกยิงขาขวานั้นเนื่องจากกระสุนกระแทกกระดูกจนแตกละเอียดทำให้ไม่สามารถทราบได้ว่าเป็นกระสุนขนาดใด แต่จากลักษณะของบาดแผลคาดว่าจะเป็นกระสุนขนาด 9 มม. เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นกระสุนจากฝ่ายใด มีวิถีกระสุนอย่างไร และยิงมาจากปืนชนิดใด ต้องให้ส่งให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจต่อคือ กองพิสูจน์หลักฐาน หรือสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ตรวจ ทั้งนี้ กระสุนปืนมี 2 ชนิดคือ ลูกโดดที่จะออกจากลำกล้องทีละนัด เช่น ปืนสั้น ปืนพก ปืนลูกโม่ ปืนแม็กกาซีนอย่างที่ทหารใช้ ปืนไรเฟิล ปืนยาว และลูกซอง ที่เมื่อยิงแล้วจะออกมาหลายนัด
**ส่งรถแทรกเตอร์รื้อแนวแบริเออร์
เวลา 15.30 น. ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ชุมนุม นำรถแทรกเตอร์คันสีเหลืองขนาดใหญ่เคลื่อนไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยมีรถสิบล้อขนาดใหญ่บรรทุกประชาชนเคลื่อนนำหน้ารถแทรกเตอร์ และมีมวลชนที่พกพาอุปกรณ์ป้องกันแก็สน้ำตาติดตามไปเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้มี น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แกนนำม็อบราชดำเนิน นั่งบนรถแทรกเตอร์ นำขบวนไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล
นอกจากนี้ที่ราชดำเนิน มีการเตรียมลูกโป่งจำนวนมากเตรียมพร้อมหากมีการนำเฮลิคอปเตอร์ บินผ่านเหนืออนุสาวรีย์ให้เตรียมปล่อยลูกโป่งรบกวนการบินของ เฮลิคอปเตอร์โดยทันที
ล่าสุดเมื่อช่วงหัวค่ำวานนี้ มีรถขนเสบียง2คันและป้อมตำรวจถูกเผาบริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ์ และมีเสียงปืนดังเป็นระยะ โดยยังไม่ทราบว่าเป็นฝีมือของฝ่ายใดเผา
**สภาทนายประณามตร.ยิงแก๊สน้ำตา
สภาทนายความออกแถลงการณ์ประณามเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยมีข้อร้องเรียน คือ ถ้าเรื่องที่มีความเห็นทางกฎหมาย ที่ฝ่ายการเมืองเห็นว่ายังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดยังจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยถามถึงความสง่างามของพรรคการเมือง นอกเหนือจากนั้นขอแสดงความเสียใจที่เจ้าหน้าที่แก๊สน้ำตายิงใส่ฝูงชน ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งระงับการดำเนินการอย่างใดที่ใช้กำลังเพื่อปะทะกับประชาชนที่ชุมนุมคัดค้าน
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ได้ดำเนินการตามระบบสากลโดยมีการใช้แก๊สน้ำตาก่อนมีการแจ้งเตือนตามลำดับ และไม่เป็นไปตามแบบวิธีที่ถูกต้อง คือยิงพุ่งตรงมายังกลุ่มผู้ชุมนุม แทนที่จะยิงแนววิถีโค้ง หากปล่อยให้เป็นไปในลักษณะนี้ ตนเกรงว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะกลายเป็นนายกฯ ที่สั่งฆ่าประชาชนตัวจริง ไม่ได้มีความจริงใจและจริงจังที่จะตอบรับข้อเสนอเรื่องการพูดคุยเจรจา เพราะเมื่อวันที่ 1ธ.ค. มีเหตุการณ์ตึงเครียดหลายจุด แต่ไม่มีใครทราบว่า นายกฯไปไหน ไม่โผล่ออกมาเลยแม้แต่วินาทีเดียว สะท้อนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขาดวุฒิภาวะการเป็นนายกฯ
** อัด"ปึ้ง"ประณามประเทศตัวเอง
นายชวนนท์ ยังกล่าวถึงกรณี นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ จะชี้แจงกับตัวแทนทูตต่างๆ ที่ประจำประเทศไทย และองค์กรระหว่างประเทศนั้น ตนเชื่อว่าจะมีการให้ร้ายประชาชนอย่างเป็นระบบ และจะบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อให้ดูว่าการชุมนุมไม่เป็นไปตามระบบประชาธิปไตย เพราะจากจดหมายที่ นายสุรพงษ์ ส่งไปยังสถานทูตต่างๆ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาประณามประเทศตัวเอง
“นายสุรพงษ์ยังเรียกร้องให้ประชาคมโลก ประณามการกระทำของประชาชนคนไทย เที่ยวร้องแรกแหกกระเชอ ขอให้ต่างชาติมารุมประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในไทย เพราะเป็นเรื่องผิดมารยาทการทูตที่ไม่ทำกัน ส่วนที่บอกว่ามีการเตือน10 ประเทศนั้น เป็นแค่การเตือนนักท่องเที่ยวของเขา ให้รับทราบถึงสถานการณ์ภายในประเทศไทย ว่ามีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงที่ใดบ้าง " นายชวนนท์ กล่าว
**ทบ.ส่งทีมแพทย์ช่วยปชช.โดนแก๊สน้ำตา
เมื่อวานนี้ (2 ธ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งยกเลิกกำหนดการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) ประจำเดือนธันวาคม ที่กองบัญชาการกองทัพบก และตลอดทั้งวัน พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงใช้กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) เป็นสถานที่ทำงานชั่วคราวของนายทหารระดับ 5 เสือทบ. และใช้เป็นวอร์รูม ในการติดตามสถานการณ์การชุนุมของกองทัพบก โดยในช่วงเช้า ที่มีการประชุมสรุปสถานการณ์การทำงานของกองทัพบกที่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธาน ยังคงมีการรายงานสถานการณ์การทำงานของทหารในพื้นที่ต่างๆ
ทั้งนี้ในการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้สั่งการให้ทางกองทัพติดตามสถานการณ์การชุนมอย่างใกล้ชิด และสั่งการให้มีการดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งประชาชนที่อยู่ในพื้นที่การชุมนุม โดยได้สั่งการให้กองทัพภาคที่ 1 จัดชุดทหารเสนารักษ์ กรมแพทย์ทหารบก เพื่อเตรียมพร้อมเข้าช่วยปฐมพยาบาลให้กับประชาชน ที่ได้รับบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตา บริเวณโดยรอบพื้นที่การชุมนุม
** "ป๋าเปรม"ประชุมองคมนตรีวันนี้
ด้าน พล.ต.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ ในฐานะนายทหารคนสนิทของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ กล่าวว่า ขณะนี้ พล.อ.เปรม ได้ติดตามสถานการณ์ข่าวสารต่างๆ อยู่ภายในบ้านพักรับรอง สี่เสาเวศร์ โดยไม่ได้เดินทางออกไปไหนแต่อย่างใด
ทั้งนี้ จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการใช้แก๊สน้ำตายิงใส่ผู้ชุมนุมนั้น ได้มีควันจำนวนมากลอยเข้ามาภายในบ้านพัก ทำให้ พล.อ.เปรม ต้องอยู่แต่ภายในบ้านพักเท่านั้น ซึ่งในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ พล.อ.เปรม จะเดินทางไปเป็นประธานการประชุมองคมนตรีที่ทำเนียบองคมนตรี
**“ปึ้ง”ลากจีน-สหรัฐฯ-สวิตฯ-อังกฤษ เป็นตัวกลางเจรจา
ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ. ) ถนนวิภาวดีรังสิต นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศได้เชิญคณะทูตานุทูต และผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ เข้ารับฟังการชี้แจงสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย และความพยายามของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาภายหลังการชี้แจงนายสุรพงษ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้เชิญคณะทูตานุทูตทั้งหมด 60 ประเทศ และ 8 องค์กระหว่างประเทศ
**อัด"ยิ่งลักษณ์"เล่นละครตบตา
นายเอกณัฐ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. แถลงว่า ถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรี ที่ออกมา ยังเป็นการเล่นละครตบตาประชาชนอีกครั้ง การที่กล่าวว่า ข้อเรียกร้องของพี่น้องประชาชนไม่สามารถปฏิบัติได้ตามกฎหมาย หรือไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญนั้น มีข้อสังเกตว่าเหตุใดจึงมาอ้างกฎหมายในขณะนี้ ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 รัฐบาล กลับออกมาปฏิเสธไม่ยอมรับ ซึ่งการปฏิเสธดังกล่าว เราถือว่าการกระทำของรัฐบาลนี้เป็นโมฆะไปแล้ว อีกทั้งการที่นายกฯ ระบุว่า จะไม่เป็นเงื่อนไขของการแก้ไขปัญหา พร้อมที่จะหยุด แต่ชัดเจนว่า กระบวนการระบอบทักษิณไม่ยอมหยุด จะเห็นได้ว่ามีการยกระดับการตอบโต้ ไม่ว่าจะเป็นการการประกาศผ่านเฟซบุ๊ก ของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พานิชย์ ให้มีการระดมมวลชนคนเสื้อแดงไปที่ศาลากลางจังหวัดทั่วประเทศ สอดคล้องกับที่ก่อนหน้านี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. เคยระบุก่อนที่จะมีการเสียชีวิตของนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงว่า “ถ้านักศึกษามา เจอดีแน่”
นอกจากนี้ ยังมีการเปลี่ยนผู้อำนวยการ ศอ.รส. ผู้ดูแลสถานการณ์ จาก พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม เป็น นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ ซึ่งชัดเจนว่า รมว.ต่างประเทศ น่าจะรับฟังคำสั่งได้ดีจากคนที่อยู่ในต่างประเทศ และยังมีข่าวขัดเจนถึงความขัดแย้ง ระหว่างผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยวันก่อนมีการชุมนุมของ กปปส. ที่หน้าสตช. และที่หน้าบชน. พบว่า ที่หน้า สตช. ไม่มีการยิงแก๊สน้ำตาใส่ประชาชน แต่ที่ บชน. กลับมีการดำเนินการ โดยทราบว่า มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ถึงกับพูดว่า “ กูรอเวลานี้มานานแล้ว”
วานนี้ (2 ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ขึ้นประกาศบนเวทีระดมมวลชนเข้ายึดพื้นที่ตามเป้าหมายที่ยังเข้ายึดไม่ได้ โดยกำลังส่วนหนึ่งนำโดย นายอิสระ สมชัย แกนนำ กปปส. เดินทางไปยังแยกการเรือน เพื่อกดดันตำรวจที่ดูแลพื้นที่บริเวณกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กำลังอีกส่วนเดินทางไปด้านสะพานสะพานชมัยมรุเชฐ สมทบกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ (กปท.) กองทัพธรรม และเครือข่าย 77 จังหวัดทั่วประเทศ บุกทำเนียบฯรัฐบาล
** ตร.ระดมแก็สน้ำตาถล่มชมัยมรุเชฐ
ที่แยกนางเลิ้ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นับตั้งแต่เวลา 9.00 น. ผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งได้ทำการกดดันบริเวณแนวแบริเออร์ เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ อย่างหนัก เจ้าหน้าที่จึงเริ่มต้นยิงแก๊สน้ำตาเป็นระยะๆ และตึงเครียดขึ้นอย่างมากๆตั้งแต่ช่วงเที่ยง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจยังระดมยิงแก๊สน้ำตา สลับกับฉีดน้ำผสมสารเคมีออกมา พร้อมพูดผ่านเครื่องขยายเสียงตอบโต้ลักษณะยั่วยุอยู่เป็นระยะ เช่น "เข้ามากันเลย รอบนี้จะเอาแก๊สแบบไหนดี เข้ามาใกล้ๆเลย" อย่างต่อเนื่อง
** อัลจาชีร่า-ผู้ชุมนุม เจอกระสุนจริง
ที่ ถนนพระราม 5 ห่างจากบริเวณแยกพาณิชยการเพียง 20 เมตร โดยที่เกิดเหตุพบผู้ชุมนุมผู้ชายอายุ 25 ปี ได้รับบาดเจ็บที่ขาข้างขวา ซึ่งที่แผลเป็นร่องรอยคล้ายถูกกระสุนปืน โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เข้าทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นประเมินว่า ว่าเป็นบาดแผลที่เกิดจากกระสุนปืนขนาด .22
ขณะที่บริเวณถนนพระรามที่ 5 ตรงข้ามอาคารสำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เกิดเหตุรถตู้ของสำนักข่าวต่างประเทศอัลจาซีรา ถูกยิง 2 นัด บริเวณช่องเติมน้ำมัน และประตูผู้โดยสาร ซึ่งผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่าเป็นวิถีกระสุนมาจากแนวป้องกันของตำรวจ
ต่อจากนั้นในช่วงบ่าย ที่บริเวณใกล้เคียง นายสุรเชษฐ์ วัชรวิศิษฏ์ หัวหน้าช่างภาพเดลินิวส์ ถูกยิงได้รับบาดเจ็บที่บริเวณใบหู ส่งผลให้หูฉีก ขณะที่กำลังบันทึกภาพอยู่หน้าแนวแบร์ริเออร์ เมื่อสอบถามผู้ชุมนุมยังคงยืนยันว่า ทิศทางของกระสุนมาจากฝั่งตำรวจ ที่ยืนซุ่มอยู่บริเวณตามพุ่มไม้ฝั่ง ก.พ.
** ใช้กระสุนยางสลับกระสุนจริง
เวลา 13.30 น. ที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ สถานการณ์เป็นไปอย่างชุลมุน ผู้ชุมนุมได้นำรถห้องขังของตำรวจจำนวน 2 คัน ที่ยึดมาได้ เข้ากดดันที่บริเวณแนวแบริเออร์ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ระดมยิงแก๊สน้ำตา สลับการฉีดน้ำผสมสารเคมีเข้าอย่างหนัก
จากนั้นเวลา 13.45 น. ตำรวจประกาศผ่านเครื่องกระจายเสียงจะใช้กระสุนยางหากผู้ชุมนุมนำรถแทรคเตอร์ฝ่าเข้าพื้นที่ทำเนียบฯ ส่วนผู้ชุมนุมได้ใช้เชือกผูกกับรถยนต์เพื่อรื้อดึงแท่งแบริเออร์ออกมา ซึ่งท้ายที่สุดผู้ชุมนุมได้ใช้รถผู้ต้องขังของตำรวจ ทำลายแนวแบริเออร์ไปได้แล้ว 2 ชั้น เหลือเพียงชั้นในสุด ที่อยู่หน้าแนวตำรวจ ขณะเดียวบริเวณป้อมตำรวจที่แยกพาณิชยการ ได้เกิดเหตุผู้ชุมนุมผู้ชายถูกยิงเข้าใส่ที่บริเวณชายโครงด้านขวา โดยสภาพแผลมีรอยฉีกขาด และมีเลือดไหลพุ่งทะลักออกมา ขณะเดียวกันได้มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการรื้อแท่งแบริเออร์ เป็นจำนวนมาก
**รองผบ.ตร. ปัดใช้กระสุนจริง
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผบ.ตร ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีการใช้กระสุนยางแต่อย่างใด ทางเจ้าหน้าที่จะยังไม่ใช้กระสุนยางหากยังไม่รุนแรงมาก
ส่วนในกรณีที่มีข่าวว่า มีการใช้กระสุนจริงกับกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น ไม่เป็นความจริง ต่อไปอาจมีการใช้แก๊สนํ้าตารูปแบบใหม่ ที่จะใช้ยิงสกัด เฉพาะตัวบุคคล
**"หมอประดิษฐ์"ปัดห้ามจ่ายน้ำเกลือผู้ชุมนุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการส่งข้อความทางเครือข่ายสังคมออนไลน์โจมตีการทำงานของ สธ. โดยอ้างว่า นพ.ประดิษฐ สั่งให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ระงับการบริจาคน้ำเกลือให้หน่วยแพทย์ฉุกเฉินเพื่อนำไปช่วยผู้ชุมนุม และไม่ให้นำออกจาก อภ. ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบไปยัง อภ. พบว่า ในวันที่ 1 ธ.ค.ได้ส่งน้ำเกลือให้ 2,500 ขวด วันที่ 2 ธ.ค. ได้ส่งให้ 2,500 ขวด และยาหยอดยา 1,000 ขวด
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เพราะสั่งการให้นำน้ำเกลือสนับสนุนกับทุกฝ่ายที่ร้องขอเข้ามา แต่ให้ อภ.ส่งน้ำเกลือมายังศูนย์ฯ เพื่อจะได้มีการตรวจสอบหน่วยงานที่ร้องขอเข้ามา
** แพทย์ยันผู้บาดเจ็บเจอกระสุนจริง
รศ.นพ.สมศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผู้อำนวยการ รพ.รามาธิบดี กล่าวว่า เมื่อเวลา 16.00 น. มีผู้ชุมนุมถูกนำส่งมาเข้ารับการรักษาที่ รพ.รามาฯ 4 ราย ทั้งหมดเป็นเพศชาย ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนจริง 2 ราย รายแรก เข้าที่ขาขวาทำให้กระดูกแตก เข้ารับการผ่าตัด รายที่ 2 เข้าที่หน้าอก กำลังผ่าตัด และกระสุนยาง 2 ราย รายแรกเข้าที่ท้องต้องเข้ารับการผ่าตัด รายที่ 2 เฉี่ยวที่ขา กลับบ้านแล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนำส่งโรงพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บรู้สึกตัวดี นอกจากนี้ ได้มีการเก็บเสื้อผ้าผู้ชุมนุมที่ถูกสารสีม่วงไปตรวจสอบแล้ว ผลยังไม่ออก แต่ได้รับการแจ้งจากฝ่ายตำรวจว่าเป็นสีผสมสารระคายเคือง
พล.อ.ต.นพ.วิชาญ เปี้ยวนิ่ม หัวหน้าสาขาวิชานิติเวชศาสตร์ รพ.รามาธิบดี กล่าวว่า จากการพิสูจน์ลักษณะบาดแผลและฟิลม์เอ็กซเรย์ พบว่า รายที่ถูกยิงที่หน้าอกเป็นกระสุนขนาด 9 มม. เป็นลูกโดดชนิดพกพาทั่วไป ไม่ได้มีความเร็วสูงแบบที่ใช้ในสงคราม ส่วนรายที่ถูกยิงขาขวานั้นเนื่องจากกระสุนกระแทกกระดูกจนแตกละเอียดทำให้ไม่สามารถทราบได้ว่าเป็นกระสุนขนาดใด แต่จากลักษณะของบาดแผลคาดว่าจะเป็นกระสุนขนาด 9 มม. เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นกระสุนจากฝ่ายใด มีวิถีกระสุนอย่างไร และยิงมาจากปืนชนิดใด ต้องให้ส่งให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจต่อคือ กองพิสูจน์หลักฐาน หรือสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ตรวจ ทั้งนี้ กระสุนปืนมี 2 ชนิดคือ ลูกโดดที่จะออกจากลำกล้องทีละนัด เช่น ปืนสั้น ปืนพก ปืนลูกโม่ ปืนแม็กกาซีนอย่างที่ทหารใช้ ปืนไรเฟิล ปืนยาว และลูกซอง ที่เมื่อยิงแล้วจะออกมาหลายนัด
**ส่งรถแทรกเตอร์รื้อแนวแบริเออร์
เวลา 15.30 น. ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ชุมนุม นำรถแทรกเตอร์คันสีเหลืองขนาดใหญ่เคลื่อนไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยมีรถสิบล้อขนาดใหญ่บรรทุกประชาชนเคลื่อนนำหน้ารถแทรกเตอร์ และมีมวลชนที่พกพาอุปกรณ์ป้องกันแก็สน้ำตาติดตามไปเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้มี น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แกนนำม็อบราชดำเนิน นั่งบนรถแทรกเตอร์ นำขบวนไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล
นอกจากนี้ที่ราชดำเนิน มีการเตรียมลูกโป่งจำนวนมากเตรียมพร้อมหากมีการนำเฮลิคอปเตอร์ บินผ่านเหนืออนุสาวรีย์ให้เตรียมปล่อยลูกโป่งรบกวนการบินของ เฮลิคอปเตอร์โดยทันที
ล่าสุดเมื่อช่วงหัวค่ำวานนี้ มีรถขนเสบียง2คันและป้อมตำรวจถูกเผาบริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ์ และมีเสียงปืนดังเป็นระยะ โดยยังไม่ทราบว่าเป็นฝีมือของฝ่ายใดเผา
**สภาทนายประณามตร.ยิงแก๊สน้ำตา
สภาทนายความออกแถลงการณ์ประณามเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยมีข้อร้องเรียน คือ ถ้าเรื่องที่มีความเห็นทางกฎหมาย ที่ฝ่ายการเมืองเห็นว่ายังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดยังจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยถามถึงความสง่างามของพรรคการเมือง นอกเหนือจากนั้นขอแสดงความเสียใจที่เจ้าหน้าที่แก๊สน้ำตายิงใส่ฝูงชน ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งระงับการดำเนินการอย่างใดที่ใช้กำลังเพื่อปะทะกับประชาชนที่ชุมนุมคัดค้าน
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ได้ดำเนินการตามระบบสากลโดยมีการใช้แก๊สน้ำตาก่อนมีการแจ้งเตือนตามลำดับ และไม่เป็นไปตามแบบวิธีที่ถูกต้อง คือยิงพุ่งตรงมายังกลุ่มผู้ชุมนุม แทนที่จะยิงแนววิถีโค้ง หากปล่อยให้เป็นไปในลักษณะนี้ ตนเกรงว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะกลายเป็นนายกฯ ที่สั่งฆ่าประชาชนตัวจริง ไม่ได้มีความจริงใจและจริงจังที่จะตอบรับข้อเสนอเรื่องการพูดคุยเจรจา เพราะเมื่อวันที่ 1ธ.ค. มีเหตุการณ์ตึงเครียดหลายจุด แต่ไม่มีใครทราบว่า นายกฯไปไหน ไม่โผล่ออกมาเลยแม้แต่วินาทีเดียว สะท้อนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขาดวุฒิภาวะการเป็นนายกฯ
** อัด"ปึ้ง"ประณามประเทศตัวเอง
นายชวนนท์ ยังกล่าวถึงกรณี นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ จะชี้แจงกับตัวแทนทูตต่างๆ ที่ประจำประเทศไทย และองค์กรระหว่างประเทศนั้น ตนเชื่อว่าจะมีการให้ร้ายประชาชนอย่างเป็นระบบ และจะบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อให้ดูว่าการชุมนุมไม่เป็นไปตามระบบประชาธิปไตย เพราะจากจดหมายที่ นายสุรพงษ์ ส่งไปยังสถานทูตต่างๆ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาประณามประเทศตัวเอง
“นายสุรพงษ์ยังเรียกร้องให้ประชาคมโลก ประณามการกระทำของประชาชนคนไทย เที่ยวร้องแรกแหกกระเชอ ขอให้ต่างชาติมารุมประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในไทย เพราะเป็นเรื่องผิดมารยาทการทูตที่ไม่ทำกัน ส่วนที่บอกว่ามีการเตือน10 ประเทศนั้น เป็นแค่การเตือนนักท่องเที่ยวของเขา ให้รับทราบถึงสถานการณ์ภายในประเทศไทย ว่ามีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงที่ใดบ้าง " นายชวนนท์ กล่าว
**ทบ.ส่งทีมแพทย์ช่วยปชช.โดนแก๊สน้ำตา
เมื่อวานนี้ (2 ธ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งยกเลิกกำหนดการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) ประจำเดือนธันวาคม ที่กองบัญชาการกองทัพบก และตลอดทั้งวัน พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงใช้กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) เป็นสถานที่ทำงานชั่วคราวของนายทหารระดับ 5 เสือทบ. และใช้เป็นวอร์รูม ในการติดตามสถานการณ์การชุนุมของกองทัพบก โดยในช่วงเช้า ที่มีการประชุมสรุปสถานการณ์การทำงานของกองทัพบกที่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธาน ยังคงมีการรายงานสถานการณ์การทำงานของทหารในพื้นที่ต่างๆ
ทั้งนี้ในการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้สั่งการให้ทางกองทัพติดตามสถานการณ์การชุนมอย่างใกล้ชิด และสั่งการให้มีการดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งประชาชนที่อยู่ในพื้นที่การชุมนุม โดยได้สั่งการให้กองทัพภาคที่ 1 จัดชุดทหารเสนารักษ์ กรมแพทย์ทหารบก เพื่อเตรียมพร้อมเข้าช่วยปฐมพยาบาลให้กับประชาชน ที่ได้รับบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตา บริเวณโดยรอบพื้นที่การชุมนุม
** "ป๋าเปรม"ประชุมองคมนตรีวันนี้
ด้าน พล.ต.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ ในฐานะนายทหารคนสนิทของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ กล่าวว่า ขณะนี้ พล.อ.เปรม ได้ติดตามสถานการณ์ข่าวสารต่างๆ อยู่ภายในบ้านพักรับรอง สี่เสาเวศร์ โดยไม่ได้เดินทางออกไปไหนแต่อย่างใด
ทั้งนี้ จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการใช้แก๊สน้ำตายิงใส่ผู้ชุมนุมนั้น ได้มีควันจำนวนมากลอยเข้ามาภายในบ้านพัก ทำให้ พล.อ.เปรม ต้องอยู่แต่ภายในบ้านพักเท่านั้น ซึ่งในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ พล.อ.เปรม จะเดินทางไปเป็นประธานการประชุมองคมนตรีที่ทำเนียบองคมนตรี
**“ปึ้ง”ลากจีน-สหรัฐฯ-สวิตฯ-อังกฤษ เป็นตัวกลางเจรจา
ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ. ) ถนนวิภาวดีรังสิต นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศได้เชิญคณะทูตานุทูต และผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ เข้ารับฟังการชี้แจงสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย และความพยายามของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาภายหลังการชี้แจงนายสุรพงษ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้เชิญคณะทูตานุทูตทั้งหมด 60 ประเทศ และ 8 องค์กระหว่างประเทศ
**อัด"ยิ่งลักษณ์"เล่นละครตบตา
นายเอกณัฐ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. แถลงว่า ถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรี ที่ออกมา ยังเป็นการเล่นละครตบตาประชาชนอีกครั้ง การที่กล่าวว่า ข้อเรียกร้องของพี่น้องประชาชนไม่สามารถปฏิบัติได้ตามกฎหมาย หรือไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญนั้น มีข้อสังเกตว่าเหตุใดจึงมาอ้างกฎหมายในขณะนี้ ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 รัฐบาล กลับออกมาปฏิเสธไม่ยอมรับ ซึ่งการปฏิเสธดังกล่าว เราถือว่าการกระทำของรัฐบาลนี้เป็นโมฆะไปแล้ว อีกทั้งการที่นายกฯ ระบุว่า จะไม่เป็นเงื่อนไขของการแก้ไขปัญหา พร้อมที่จะหยุด แต่ชัดเจนว่า กระบวนการระบอบทักษิณไม่ยอมหยุด จะเห็นได้ว่ามีการยกระดับการตอบโต้ ไม่ว่าจะเป็นการการประกาศผ่านเฟซบุ๊ก ของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พานิชย์ ให้มีการระดมมวลชนคนเสื้อแดงไปที่ศาลากลางจังหวัดทั่วประเทศ สอดคล้องกับที่ก่อนหน้านี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. เคยระบุก่อนที่จะมีการเสียชีวิตของนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงว่า “ถ้านักศึกษามา เจอดีแน่”
นอกจากนี้ ยังมีการเปลี่ยนผู้อำนวยการ ศอ.รส. ผู้ดูแลสถานการณ์ จาก พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม เป็น นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ ซึ่งชัดเจนว่า รมว.ต่างประเทศ น่าจะรับฟังคำสั่งได้ดีจากคนที่อยู่ในต่างประเทศ และยังมีข่าวขัดเจนถึงความขัดแย้ง ระหว่างผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยวันก่อนมีการชุมนุมของ กปปส. ที่หน้าสตช. และที่หน้าบชน. พบว่า ที่หน้า สตช. ไม่มีการยิงแก๊สน้ำตาใส่ประชาชน แต่ที่ บชน. กลับมีการดำเนินการ โดยทราบว่า มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ถึงกับพูดว่า “ กูรอเวลานี้มานานแล้ว”