สะเก็ดไฟ
เวลาผ่านมา 2 ปีครึ่ง จนวันที่ 7 มี.ค. 2557 ศาลปกครองสูงสุดก็มีคำสั่งคืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติให้ “ถวิล เปลี่ยนศรี” ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำหลังจากเจ้าตัวฟ้อง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ชี้ว่าโยกย้ายจากตำแหน่งไม่เป็นธรรมเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ
ที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดจึงให้การเยียวยาแก่ผู้ฟ้องด้วยการให้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้ถูกฟ้องที่ 1 ดำเนินการเพิกถอนประกาศให้มีผลย้อนหลังไปถึง 30 ก.ย. 54 และดำเนินการภายใน 45 วัน นับตั้งแต่ศาลมีคำสั่ง
กลายเป็นอีกบรรทัดฐานหนึ่งที่ชี้ว่าฝ่ายการเมืองจะใช้อำนาจบาตรใหญ่ตามอำเภอใจไม่ได้ การโยกย้ายตำแหน่งต้องถูกต้อง โปร่งใส ยอมรับได้ไม่ใช่คิดจะโยกคนนี้เสียบแทนคนนั้นตามอำเภอใจ
เหมือนอย่างที่ระบอบทักษิณใช้กันมาจนเป็นสันดานชั่วช้าฝังลึก ข้าราชการส่วนใหญ่ไม่กล้ามีปากเสียงต้องก้มหน้ารับกรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อ!!!
กรณีของ “ถวิล” เป็นผลพวงจากปฏิบัติการย้ายข้ามห้วยมั่วซั่วสะท้านสะเทือนไปหลายวงการ เจตนามุ่งประสงค์เอา พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ขึ้นเป็น ผบ.ตร.ให้ได้ ในบั้นปลายก่อนเกษียณ ขอสำเร็จความใคร่ในหน้าที่การงานสีกากีเสียก่อน ไม่อย่างนั้นนอนตายตาไม่หลับ ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลต้องมัวหมองจึงนำมาสู่การย้าย พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ออกไปนั่งในเลขาธิการ สมช. แล้วก็ต้องโยก “ถวิล” เคลียร์ทางออกไปก่อนเรื่องมันจึงเอวังบนความอลเวง!!
ถึงตอนนี้ยังมีเสียงก่นด่าเหน็บแนมไปยังศาลปกครองจากฟากรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยตลอดว่าเป็นการก้าวล่วงอำนาจฝ่ายบริหาร โอดโอยประชดประชันว่าต่อไปฝ่ายบริหารคงทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว...
แบบนี้เขาเรียกว่า พูดแบบไร้สำนึก ไม่เคยละอายต่อบาปกรรม ไม่เคยย้อนดูการกระทำตัวเองว่ามันถูกต้องหรือไม่ตักน้ำใส่กะโหลกรัฐบาลนี้ไม่เคย นอกไม่ไม่เคยดูเงาตัวเองไม่เคยสนเงาหัวใครทั้งสิ้น
มันจึงเป็นที่มาให้คนมาไล่เต็มท้องถนนยาวนานแบบนี้ไงล่ะ เพราะความเกลียดชังต่อสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ทำไว้มันมากมายหลายสิ่งเหลือเกิน
จุดที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง คือ หากต้องคืนตำแหน่งเลขาธิการสมช.ให้ “ถวิล” นั่นหมายความว่าจะต้องให้ “ถวิล” ทำหน้าที่แทน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช.คนปัจจุบัน ทั้งหมดโดยเฉพาะการเข้าไปนั่งเป็นกรรมการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.)
ถ้า “ถวิล” เข้าไปคงแปลกพิลึก ใบ้กินกันทั้งห้องประชุมแน่
แต่รับประกันร้อยเอาบาทรัฐบาลชุดนี้ไม่เอา “ถวิล” เข้าไปนั่งสืบความลับตัวเองแน่ ถ้าไม่ยุบ ศรส.แล้วตั้งใหม่ก็ต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างไม่เอาเลขาธิการ สมช.มาเกี่ยวข้องแน่นอน
ว่าด้วยเรื่องโยกย้ายก็น่าจับตาเสียงวิพากษ์วิจารณ์การโยกย้ายทหารกลางปีที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ พบความเคลื่อนไหวที่น่าสังเกตว่า “ยิ่งลักษณ์” ที่กรรเชียงหนีเสียงนกหวีดอยู่ต่างจังหวัด ไปเหนือบ้าง อีสานบ้างได้เข้ามาร่วมประชุมกับฝ่ายทหารอยู่ตลอดว่ากันด้วยเรื่องโยกย้ายโดยมีมือประสานรู้ใจอย่าง พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม
เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อว่าจะปฏิวัติหรือไม่ มันไม่ใช่เฉพาะว่าต้องดูว่าใครใครคุมกำลังแต่ถ้าบริหารความพึงพอใจไม่ดีรัฐบาลก็อาจโดนปฏิวัติแบบพิสดาร
ฉะนั้นต้องประชุมถามความเห็นกันถี่ยิบเอาให้ทุกเหล่าทัพพอใจ จัดคนส่งมาอนุมัติไปตามนั้น พร้อมแทรกคนหรือเสนอปลดตามความต้องการของฝ่ายการเมืองบ้าง อะลุ่มอล่วยต่อรองกันดีๆ มันก็จบ
แต่มันต้องคุยกันลึกซึ้งละเอียดหน่อย “ปูกรรเชียง” เลยต้องเทียวไล้เทียวขื่อไม่ว่าจะไปราชการไกลแค่ไหนก็ตาม
ที่น่าสนใจ พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ย้ายจาก ผบ.มทบ.15 เพชรบุรี เข้ากรุง นั่งเก้าอี้ ผบ.พล.1 รอ. คุมกำลังสำคัญกลางกรุง กลับมาตามความคาดหมาย พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพน้อยที่ 1 ไปเป็นแม่ทัพภาค 4 ที่แดนใต้ เพื่อรอเวลากลับมาผงาดเป็น 5 เสือ ทบ.ชิงเก้าอี้ใหญ่ก่อนเกษียณปี 2559
ท่ามกลางกระแสข่าวเคลียร์กันเรียบร้อย นายกฯ กับ “บิ๊กตู่” ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.พูดจาภาษาดอกไม้เข้าใจกัน แม้ พล.ท.วลิตเคยกระชับพื้นที่คนเสื้อแดงเมื่อปี 53 มาแล้วก็ตาม
วงในรู้กันดีอยู่แล้ว “ยิ่งลักษณ์” กับเสื้อแดงไม่ได้สนิทใจกันเท่าไหร่ อยู่ในสถานะหลอกใช้มากกว่าพี่ชายนักโทษหนีคดี ทักษิณ ชินวัตร ด้วยซ้ำเกิดความระหองระแหงหลายครั้ง “ยิ่งลักษณ์” ก็ไม่ได้สนใจใยดี ครั้นเมื่อคราวเดือดร้อนจำเป็นถึงเรียกใช้วันนี้เสื้อแดงกับนายกฯ จึงมีระยะห่างพอควร
ที่โจษจันกันเหนือตำแหน่งอื่นใด ตือ ผบ.หน่วยสงครามพิเศษทางเรือ หรือหน่วยซีล ที่ พล.ร.ต.วินัย กล่อมอินทร์ เป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยนี้ มีรายงานว่า พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร.เสนอให้ย้าย พล.ร.ต.วินัยพ้นเก้าอี้ เพื่อยุติปัญหาฉาวโฉ่ว่าหน่วยซีลไปเป็นการ์ด กปปส. และเป็นกองกำลังคุ้มกันผู้ชุมนุม คุ้มครองแกนนำ กปปส.จนนำมาซึ่งการจับกุมเป็นข่าวคราวหลายครั้ง สะเทือนภาพลักษณ์ของกองทัพโดยรวม และการเปิดตัวชัดเจนว่าเลือกข้างของ พล.ร.ต.วินัยนั้นขัดต่อนโยบาย ผบ.ทร.ที่วางเอาไว้ด้วย
นั่นอาจเป็นเพียงเหตุผลระดับหนึ่งแต่มีกระแสข่าวฝ่ายการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องตำแหน่งนี้เป็นพิเศษ แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวของ พล.ร.ต.วินัยที่ผ่านล้วงทิ่มแทงใจฝ่ายรัฐบาลยิ่งนักจากวลีเด็ดๆ กองกำลังไม่ทราบฝ่าย-ชายชุดดำจากต่างชาติ เป็นพวกเดียวกับที่ก่อเหตุปี 2553 มาก่อเหตุในช่วงนี้
จ้องจะโยกย้ายระบายแค้นแม้จะเพิ่มยศให้ไปตามลำดับชั้นจาก พล.ร.ต. ขยับขึ้นไปเป็น พล.ร.ท.แต่เอาไปแขวนไว้ในตำแหน่งลอย ไม่ต้องมีการงานทำเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ต้องคุมกำลังตัดปัญหา ตัดรำคาญ จะได้ไม่ต้องมายุ่มย่ามสั่งการให้คนตัวเองมาเป็นการ์ดให้ กปปส.อีก
มีร่องรอยว่าการเมืองเข้ามาล้วงลูกชัดเจนเพราะหาก พล.ร.ต.วินัยพ้นจากตำแหน่งไป ระดับที่จะขึ้นมาเสียบแทนไม่มีเพราะล้วนแล้วแต่ไม่ได้เป็นหน่วยซีล อาจมีการเอาคนนอกมาเสียบให้รู้แล้วรู้รอด
ตอนนี้แว่วว่า พล.ร.ต.วินัย อยู่ระหว่างการถูกห้ามให้สัมภาษณ์ ย้ายปิดปาก ชายชาติทหาร ชาติเสือต้องไว้ลาย ชาติชายต้องไว้ชื่อ จะออกมาร้องแรกแหกกระเชอก็ใช่ จึงต้องเก็บงำความรู้สึกสะท้อนออกมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
สุดท้ายก็เป็นการฟ้องกันชัดๆ อีกครั้ง ระบอบทักษิณ กับการแต่งตั้งโยกย้ายตามอำเภอใจเป็นของคู่กันมาช้านาน ช่วยเชียร์ให้ข้าราชการผู้รักความเป็นธรรมลุกขึ้นมาต่อสู้เหมือน “ถวิล เปลี่ยนศรี” และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องลงดาบฟาดฟันสังคมต้องประณามให้ระบบแย่ๆ นี้สิ้นซากไปเสียที