ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ในช่วงระหว่างปฏิบัติการชัดดาวน์ของมวลมหาประชาชน ทั้งก่อนหน้าคือช่วงเดินเรียกแขกและหลังการปิดกรุงเทพฯ ได้เกิดความรุนแรงจากเงื้อมมือของ “ชายชุดดำ” มาเป็นระยะ ทั้งปาระเบิด ประทัดยักษ์ กราดยิงเข้าใส่ ฯลฯ โดยที่ “ตำรวจเสื้อแดง” ซึ่งเป็นกองกำลังของรัฐบาลไม่สามารถจับกุมดำเนินคดีอะไรได้
แน่นอน เป้าหมายของความรุนแรงดังกล่าวย่อมหนีไม่พ้นต้องการสร้างความหวาดกลัวให้มวลมหาประชาชนที่ออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลตามเวทีต่างๆ ทั้ง 7 เวที
ยิ่งนานวันไปสถานการณ์ก็ยิ่งถี่และทวีความรุนแรงท้าทายกฎหมายบ้านเมืองมากขึ้นทุกที
ทั้งนี้ เหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นกลางวันแสกๆ ของวันที่ 16 ม.ค.57 กล่าวคือ เมื่อเวลาประมาณ 12.45 น.เกิดเหตุประทัดยักษ์ระเบิดดังขึ้น 2 ครั้ง ที่บริเวณแนวบังเกอร์หน้าด่านทางเข้า คปท.บริเวณถนนพระรามที่ 5 ข้างสนามม้านางเลิ้ง โดยเหตุระเบิดห่างกัน 5 นาที ครั้งแรกเวลา 12.45 น.และครั้งที่ 2 เวลา 12.50 น.
ขณะที่ในช่วงเช้ามืดของวันที่ 16 ม.ค.57 เมื่อคนร้ายลงมือปาระเบิดลงมาจากสะพานห้าแยกลาดพร้าว แต่โชดดีที่ระเบิดไปติดอยู่บนราวสะพานแล้วระเบิดขึ้นที่นั่น จึงไม่มีผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิต ภายหลังการ์ดอาสาตรวจสอบพบว่า เป็นระเบิดที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง มีลักษณะเป็นเศษอลูมิเนียมขนาดเล็ก โดยคนร้ายใช้รถยนต์ในการก่อเหตุ
และเช่นเคยตำรวจไม่สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้แม้แต่รายเดียว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ก็เกิดเหตุความรุนแรงให้เห็นไม่แพ้กัน กระทั่งกล่าวได้ว่า ต่อเนื่องมาเป็นระยะๆ เลยทีเดียว
กลางดึกของคืนวันที่ 15 ม.ค.57 มีคนร้ายขับรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ส สีขาว วิ่งตรงมาจากแยกเทวกรรม ถนนนครสวรรค์ พอวิ่งมาถึงแยกนางเลิ้งก็กราดยิงใส่พื้นที่ชุมนุมของกลุ่มคปท. ราว5-6นัดโดยจุดเกิดเหตุคือบริเวณหน้าโรงเรียนราชวินิตมัธยม ซึ่งหลังจากกราดยิงอย่างเลือดเย็นแล้ว ก็บึ่งรถหลบหนีไปทางแยกยมราช
และในวันเดียวกันนั้นเองก็เกิดเหตุที่บริเวณสะพานเฉลิมหล้า56 หรือสะพานหัวช้าง โดยพื้นที่ดังกล่าวนั้นใกล้เคียงกับจุดชุมนุมของกลุ่มกปปส.แยกปทุมวัน ความรุนแรงที่เกิดขึ้นนี้เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ 2ราย คือ นายทศพล งามละม้าย มีอาชีพเป็นพนักงานเก็บขยะของสำนักงานเขตปทุมวัน ได้ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ศีรษะและขา ขณะที่นำรถขยะเข้าไปเก็บขยะในบริเวณห้างสยามดิสคัพเวอรี่ ส่วนอีกรายนั้นคือ น.ส.อัมไพ เจริญฤทธิ์ ได้ถูกคมกระสุนยิงเข้าที่แขนข้างขวา 1นัด
นอกจากนี้ยังมีรถกระบะยี่ห้ออีซุซุ สีน้ำเงิน ที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรมแรมเอเชีย ถูกยิงเป็นรูที่บริเวณฝากระบะท้าย 1นัด และพบหัวกระสุนไม่ทราบขนาดตกอยู่บริเวณใกล้เคียงอีก 1หัว
ตามต่อด้วยรถบัสโดยสารไม่ประจำทางของบริษัทชนะสิทธิ์ทัวร์ถูกเพลิงไหม้บริเวณล้อฝั่งซ้าย โดยรถบัสคันดังกล่าวจอดเทียบอยู่ริมหน้าประตู 2 สนามม้านางเลิ้ง ซึ่งเป็นรถที่ผู้ชุมนุมเหมามาจากจังหวัดสงขลา เพื่อเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ(คปท.) ที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการสร้างสถานการณ์ต่อผู้ชุมนุมแล้ว ดูเหมือนว่ากองกำลังชุดดำยังได้ปฏิบัติการทางจิตวิทยาต่อแกนนำ กปปส.รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกด้วย
ยกตัวอย่างเช่น กรณีการปาระเบิดเข้าใส่บ้านของนายอิสระ สมชัย หนึ่งในแกนนำ กปปส.ที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านหลักสี่วิลล่า ซ.แจ้งวัฒนะ 10 แขวงทุ่งสองสอง เขตหลักสี่ กทม. การใช้อาวุธสงครามกราดยิงใส่หน้าร้านกาแฟ A BIG SEAT ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ กรณีปาระเบิดเข้าใส่บ้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ภายในซอยสุขุมวิท31 รวมถึงการวางระเบิดชนิดแสวงเครื่องที่กระถางต้นไม้หน้าบ้าน น.ส.รังสิมา รอดรัศมี อดีต ส.ส.จังหวัดสมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์
ไม่เพียงในกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่ความรุนแรงนี้ยังได้ลุกลามไปในต่างจังหวัดอีกด้วย
13 ม.ค. 57 นายเฉลิมพันธ์ เหล่าสุขสมบูรณ์ เจ้าของร้านกาแฟ'เฮียบ๊วย เจ๊นิด' ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ชุมนุมกลุ่มกปปส.ที่เดินทางมาจากจังหวัดแพร่ เพื่อร่วมชัดดาวน์กับมวลชนกปปส.ที่กรุงเทพฯ ได้ถูกนายสมยศ เหลืองสมบูรณ์ แกนนำนปช.ซึ่งเป็นเจ้าของร้านข้าวหน้าเป็ด ได้ใส่เสื้อสีขาวมาก่อเหตุโดยใช้ท่อนเหล็กทุบกระจกหน้าร้านจนแตกละเอียด
หรือย้อนหลังกลับไปเมื่อวันที่ 10 ม.ค.57 ระหว่างที่ กลุ่มกปปส.ได้ออกตระเวนเดินสายเรียกร้องให้ผู้คนในจังหวัดปทุมธานีออกมาชุมนุมชัดดาวน์ที่กรุงเทพมหานครในวันที่ 13 ม.ค. 57 ปรากฏว่าได้ถูกกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) บุกเข้าทำร้าย ขับรถไล่ยิง และปาระเบิดปิงปองใส่ ณ บริเวณอนุสรณ์สถานรังสิตจนทำให้กลุ่มกปปส.ต้องขับรถหนี แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้นปช.หยุดไล่ล่าแม้แต่น้อย ยังคงลั่นกระสุนจนถึงตลอดทางลัดบนถนนเสมาฟ้าคราม จากลำลูกกามุ่งหน้าสู่รังสิต-นครนายก คลอง 2 จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ 4ราย รวมไปถึงชาวบ้านละแวกใกล้เคียงก็ยังถูกลูกหลงอีก 2 ราย ส่งผลให้ขบวนกปปส.นั้นถูกยิงเข้าด้านหน้ารถจนหม้อน้ำแตก สำหรับรายชื่อผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมีดังต่อไปนี้ 1.นายวสันต์ ประสงค์สกุลดี อายุ 16 ปี ถูกสะเก็ดปะทัดยักษ์ เข้าที่ขาซ้าย เข้าพักรักษาตัวอยู่ที่ศูนย์การแพทย์คูคต 2.นายสุติวัฒน์ ทิมา 45 ปี ถูกคมกระสุนยิงฝังเข้าที่ศรีษะด้านขวา อยู่ รพ.บีแคร์ 3.นายประหยัด นาคปลง อายุ 36ปี ถูกยิงเข้าที่ก้นด้านซ้าย4. นายวิชาญ ไทยมณี อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นชาวบ้านละแวกใกล้เคียงได้ถูกปะทัดยักษ์ที่ข้อเท้า ส่งต่อ รพ.เอกปทุม และ 5. นายถนอม ปัญญาดี อายุ 62 ปี ถูกคมกระสุนเข้าที่หน้าอก 1 นัด อาการสาหัส นำตัวส่งเข้ารับการช่วยเหลือที่รพ.ปทุมธานี
หรือที่อุดรธานี ขณะที่กลุ่มกปปส.ได้ขับรถยนต์เพื่อรณรงค์ปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง ก็ได้เผชิญหน้ากับกลุ่มเสื้อแดงชมรมคนรักอุดรที่บริเวณตลาดสดบ้านห้วย โดยคนเสื้อแดงได้บรรทุกมากับรถ 6 ล้อ ทำการขับรถปาดหน้าพร้อมตะโกนด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย กระทั่งกลุ่มคนเสื้อแดงที่อยู่บนรถ 30 กว่าคนได้กรูกันลงมาพยายามเข้าทำลายรถเครื่องเสียง และได้ทำการปิดล้อมขบวนรถ และพยายามเข้ามาทำร้ายกลุ่มกปปส. โดยถืออาวุธเป็นกระบองไม้และคมแฝก
เหล่านี้คือ ตัวอย่างให้เห็นถึงความถ่อยของกลุ่มคนเสื้อแดงและกองกำลังชายชุดดำที่ได้รับคำสั่งให้ออกปฏิบัติการเพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ชุมนุม ซึ่งแม้จะได้ผลบ้างในระดับหนึ่ง แต่ก็เชื่อว่า มิได้ลดทอนพลังแห่งความรักชาติและปรารถนาจะเห็นการปฏิรูปเกิดขึ้นแต่ประการใด