ตร.จับกุมหัวหน้า รปภ.ซุกซ่อนอาวุธปืน ระเบิด เสื้อเกราะ มีด กระบอง ไว้ในรถเก๋งขณะผ่านด่านตรวจได้หลายรายการ อ้างเป็นตำรวจบ้านช่วยงานตำรวจพกไว้ป้องกันตัว-คุมงานก่อสร้าง
เมื่อเวลา 14.30 น.วันนี้ ( 14 มี.ค.) พล.ต.ต.รัษฎากร ยิ่งยง ผบก.น.8 พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิศาล พันธุ์มณี รอง ผบก.น.8 และพ.ต.อ.กัมปนาท อรุณคีรีโรจน์ ผกก.สน.บุคคโล ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายวิชัย โหงโต อายุ 44 ปี อาชีพหัวหน้ารักษาความปลอดภัย บจก.เจ เอส พี พรอพเพอร์ตี้ ผู้รับเหมาก่อสร้างตลาดสำเพ็ง 2 ชาว จ.สมุทรสาคร โดยจับกุมตัวได้พร้อมของกลางอาวุธปืน มีด กระบอง เสื้อเกราะ และระเบิด จำนวนมาก ขณะที่นายวิชัยขับรถผ่านด่านกวดขันวินัยการจราจร ที่บริเวณแยกบุคคโล ถนนเจริญนคร แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กทม.
พล.ต.ต.รัษฎากรกล่าวว่า เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ ขณะที่ พ.ต.ท.ณัฎฐ์พัชร์ ผดุงจันทน์ รอง ผกก.จร.สน.บุคคโล และ พ.ต.ท.ชยันต์ เบ็ญจาธิกุล สว.จร.สน.บุคคโล ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรตั้งด่านอยู่ที่บริเวณสี่แยกดังกล่าว ได้เรียกให้รถเก๋งมีลักษณะเป็นรถแต่งยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นอีคาร์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฎภ-2751 กรุงเทพมหานคร มีการติดตรา POLICE ที่กระจกด้านหน้าขับ ลงจากสะพานกรุงเทพ 1 มุ่งหน้าไปทางถนนตากสินหยุดรถเพื่อทำการตรวจค้น โดยพบนายวิชัยเป็นคนขับ และเมื่อตรวจสอบภายในรถพบของกลางอาวุธและยุทธภัณฑ์จำนวนมาก จึงควบคุมตัวไว้พร้อมของกลางเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.รัษฎากรกล่าวอีกว่า สำหรับผู้ต้องหารายนี้ถูกจับกุมพร้อมของกลางจำนวน 23 รายการ ประกอบด้วย บัตรอาสาสมัครตำรวจบ้าน สน.บางโพงพาง 1 ใบ อาวุธปืนขนาด 9 มม.พร้อมเครื่องกระสุน 13 นัด แมกกาซีน 2 อัน ซองพก 3 อัน ระเบิดไข่ 23 ลูก กระบอง 2 อัน ไม้คมแฝก 1 อัน หนังสติ๊กพร้อมลูกแก้ว 20 ลูก หน้ากากพรางใบหน้า 2 ชุด มีดดาบ 4 เล่ม เสื้อเกราะติดตรา POLICE 2 ตัว วิทยุสื่อสาร 4 เครื่อง กล้องส่องทางไกล 1 ตัว เข็มขัดปราบจลาจล 2 เส้น หมวกปราบจลาจล 1 ใบ กุญแจมือ 1 คู่ กล้องวงจรปิด 3 ตัว นกหวีด ปลอกแขน และริชแบรนด์ลายธงชาติอีก 1 ชุด ซึ่งจะต้องทำการสอบปากคำผู้ต้องหาอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนแจ้งข้อหาต่อไป
จากการสอบสวนนายวิชัยยอมรับว่าปัจจุบันเป็นหัวหน้า รปภ.ของบริษัทที่ดูแลการก่อสร้างตลาดสำเพ็ง 2 ซึ่งขณะนี้กำลังก่อสร้างอยู่บนถนนกัลปพฤกษ์ ก่อนเกิดเหตุกำลังขับรถจากที่พักย่านบางโพงพางมุ่งหน้าไปที่ไซต์งาน ส่วนของกลางทั้งหมดยอมรับว่าเป็นของตน ซึ่งอาวุธปืนก็มีทะเบียนถูกต้อง แต่ต้องพกติดรถไว้เพื่อป้องกันตัว เนื่องจากตนเป็นอาสาสมัครตำรวจบ้าน สน.บางโพงพาง มีภารกิจออกตรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมาโดยตลอด ที่ผ่านมาก็เคยวิ่งไล่จับคนร้ายจนตัวเองโดนฟันศีรษะได้รับบาดเจ็บ สำหรับระเบิดไข่นั้นตนต้องมีไว้เพื่อจุดขู่คนงานเวลาตีกัน ประกอบต้องใช้หนังสติ๊กยิงไล่สุนัขจรจัดที่ชอบลักลอบเข้ามาถ่ายอุจจาระเลอะเทอะในไซต์งานด้วย ที่ผ่านมายอมรับว่าเคยถูกเพื่อนชวนไปร่วมชุมนุมกับทาง กปปส.2 ครั้งที่เวทีสวนลุมพินี และเวทีแจ้งวัฒนะ จึงมีตราสัญลักษณ์ทางการเมืองเก็บอยู่บนรถ ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่เคยไปร่วมอีกเลย เนื่องจากมีความเห็นไม่ตรงกันกับพรรคพวก เพราะตนมีจิตใจฝักใฝ่รักในการปฏิบัติหน้าที่ช่วยงานตำรวจมากกว่า เห็นได้จากการที่รถมีเสื้อเกราะ และกระเป๋าบัตรประจำตัวก็ใช้ตราตำรวจทั้งหมด ขอยืนยันว่าไม่ได้คิดอยากเอาไปอวดเบ่งทำร้ายใคร แต่เพราะชอบช่วยงานตำรวจจริงๆ แต่เมื่อโดนจับกุมในครั้งนี้ก็น้อมรับและยอมรับสารภาพโดยดี เนื่องจากช่วงนี้ทราบดีว่ามีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่
เบื้องต้นชุดจับกุมนำตัวนายวิชัยส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการ 3 ข้อหา ได้แก่ พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรหรือโดยไม่ได้รับอนุญาต มียุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีวิทยุโทรคมนาคมไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้อนุญาต และจะเดินทางไปตรวจค้นที่ไซต์งาน และบ้านพักของผู้ต้องหาเพื่อหาของกลางอื่นๆ เพิ่มขยายผลต่อไป
เมื่อเวลา 14.30 น.วันนี้ ( 14 มี.ค.) พล.ต.ต.รัษฎากร ยิ่งยง ผบก.น.8 พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิศาล พันธุ์มณี รอง ผบก.น.8 และพ.ต.อ.กัมปนาท อรุณคีรีโรจน์ ผกก.สน.บุคคโล ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายวิชัย โหงโต อายุ 44 ปี อาชีพหัวหน้ารักษาความปลอดภัย บจก.เจ เอส พี พรอพเพอร์ตี้ ผู้รับเหมาก่อสร้างตลาดสำเพ็ง 2 ชาว จ.สมุทรสาคร โดยจับกุมตัวได้พร้อมของกลางอาวุธปืน มีด กระบอง เสื้อเกราะ และระเบิด จำนวนมาก ขณะที่นายวิชัยขับรถผ่านด่านกวดขันวินัยการจราจร ที่บริเวณแยกบุคคโล ถนนเจริญนคร แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กทม.
พล.ต.ต.รัษฎากรกล่าวว่า เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ ขณะที่ พ.ต.ท.ณัฎฐ์พัชร์ ผดุงจันทน์ รอง ผกก.จร.สน.บุคคโล และ พ.ต.ท.ชยันต์ เบ็ญจาธิกุล สว.จร.สน.บุคคโล ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรตั้งด่านอยู่ที่บริเวณสี่แยกดังกล่าว ได้เรียกให้รถเก๋งมีลักษณะเป็นรถแต่งยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นอีคาร์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฎภ-2751 กรุงเทพมหานคร มีการติดตรา POLICE ที่กระจกด้านหน้าขับ ลงจากสะพานกรุงเทพ 1 มุ่งหน้าไปทางถนนตากสินหยุดรถเพื่อทำการตรวจค้น โดยพบนายวิชัยเป็นคนขับ และเมื่อตรวจสอบภายในรถพบของกลางอาวุธและยุทธภัณฑ์จำนวนมาก จึงควบคุมตัวไว้พร้อมของกลางเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.รัษฎากรกล่าวอีกว่า สำหรับผู้ต้องหารายนี้ถูกจับกุมพร้อมของกลางจำนวน 23 รายการ ประกอบด้วย บัตรอาสาสมัครตำรวจบ้าน สน.บางโพงพาง 1 ใบ อาวุธปืนขนาด 9 มม.พร้อมเครื่องกระสุน 13 นัด แมกกาซีน 2 อัน ซองพก 3 อัน ระเบิดไข่ 23 ลูก กระบอง 2 อัน ไม้คมแฝก 1 อัน หนังสติ๊กพร้อมลูกแก้ว 20 ลูก หน้ากากพรางใบหน้า 2 ชุด มีดดาบ 4 เล่ม เสื้อเกราะติดตรา POLICE 2 ตัว วิทยุสื่อสาร 4 เครื่อง กล้องส่องทางไกล 1 ตัว เข็มขัดปราบจลาจล 2 เส้น หมวกปราบจลาจล 1 ใบ กุญแจมือ 1 คู่ กล้องวงจรปิด 3 ตัว นกหวีด ปลอกแขน และริชแบรนด์ลายธงชาติอีก 1 ชุด ซึ่งจะต้องทำการสอบปากคำผู้ต้องหาอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนแจ้งข้อหาต่อไป
จากการสอบสวนนายวิชัยยอมรับว่าปัจจุบันเป็นหัวหน้า รปภ.ของบริษัทที่ดูแลการก่อสร้างตลาดสำเพ็ง 2 ซึ่งขณะนี้กำลังก่อสร้างอยู่บนถนนกัลปพฤกษ์ ก่อนเกิดเหตุกำลังขับรถจากที่พักย่านบางโพงพางมุ่งหน้าไปที่ไซต์งาน ส่วนของกลางทั้งหมดยอมรับว่าเป็นของตน ซึ่งอาวุธปืนก็มีทะเบียนถูกต้อง แต่ต้องพกติดรถไว้เพื่อป้องกันตัว เนื่องจากตนเป็นอาสาสมัครตำรวจบ้าน สน.บางโพงพาง มีภารกิจออกตรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมาโดยตลอด ที่ผ่านมาก็เคยวิ่งไล่จับคนร้ายจนตัวเองโดนฟันศีรษะได้รับบาดเจ็บ สำหรับระเบิดไข่นั้นตนต้องมีไว้เพื่อจุดขู่คนงานเวลาตีกัน ประกอบต้องใช้หนังสติ๊กยิงไล่สุนัขจรจัดที่ชอบลักลอบเข้ามาถ่ายอุจจาระเลอะเทอะในไซต์งานด้วย ที่ผ่านมายอมรับว่าเคยถูกเพื่อนชวนไปร่วมชุมนุมกับทาง กปปส.2 ครั้งที่เวทีสวนลุมพินี และเวทีแจ้งวัฒนะ จึงมีตราสัญลักษณ์ทางการเมืองเก็บอยู่บนรถ ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่เคยไปร่วมอีกเลย เนื่องจากมีความเห็นไม่ตรงกันกับพรรคพวก เพราะตนมีจิตใจฝักใฝ่รักในการปฏิบัติหน้าที่ช่วยงานตำรวจมากกว่า เห็นได้จากการที่รถมีเสื้อเกราะ และกระเป๋าบัตรประจำตัวก็ใช้ตราตำรวจทั้งหมด ขอยืนยันว่าไม่ได้คิดอยากเอาไปอวดเบ่งทำร้ายใคร แต่เพราะชอบช่วยงานตำรวจจริงๆ แต่เมื่อโดนจับกุมในครั้งนี้ก็น้อมรับและยอมรับสารภาพโดยดี เนื่องจากช่วงนี้ทราบดีว่ามีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่
เบื้องต้นชุดจับกุมนำตัวนายวิชัยส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการ 3 ข้อหา ได้แก่ พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรหรือโดยไม่ได้รับอนุญาต มียุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีวิทยุโทรคมนาคมไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้อนุญาต และจะเดินทางไปตรวจค้นที่ไซต์งาน และบ้านพักของผู้ต้องหาเพื่อหาของกลางอื่นๆ เพิ่มขยายผลต่อไป
