โสภณ องค์การณ์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์
เห็นสภาพเสนาบดีเถื่อนหนีหัวซุกหัวซุนจากการไล่ล่าของเครือข่ายมวลมหาประชาชนจากที่ทำงาน เคหสถาน ต้องเร่ร่อน กินนอน ทำงานไม่เป็นที่แล้ว รู้สึกสมเพช อนาถใจ ข้าราชการเต็มใจเลิกทำงานตามคำขอของมวลชนซึ่งกดดันนางโพยปูโพรกให้ลาออก
...จากสถานภาพรักษาการนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม แล้วไปรักษาอาการความผิดปกติต่างๆ ของจิตใจ จิตสำนึก ฟิตร่างกายให้ดูดีกว่าความท้วม ย้วย อุ้ยอ้าย! และยังต้องไปปรับปรุงแต่งรูปโฉม ฟื้นฟูเสน่ห์อิสตรีซึ่งกำลังจืดจางร่วงโรยราอย่างรวดเร็ว
นี่คือสภาพของ “รัฐบาลล้มเหลว” โดยการลุกฮือของประชาชนคนรักชาติ ขับไล่ขบวนการกังฉินกินเมืองโดยมีหัวโจกเป็นคนหนีคุกขายชาติมีพฤติกรรมอุบาทว์ต่ำทรามโลภไม่สิ้นสุด พกพาความอาฆาตมาดร้าย ทำลายบ้านเกิด เพื่อล้างแค้นให้สาแก่ใจ
ไม่คำนึงว่าผลสุดท้ายจะทำให้โคตรเหง้าเหล่ากอเครือข่ายบริวารกังฉินจะต้องกลายสภาพเป็นหมาหางด้วนไร้แผ่นดินอยู่ ตะลอนๆ เอาเงินโกงไปซื้อแผ่นดินอื่นอาศัย และนี่เป็นชะตากรรมที่หลีกเลี่ยงไม่พ้น แม้จะสั่งให้นางโพยปูโพรกอึด ทน ด้านก็ตาม
ทุกวันนี้ที่ยังส่งเสียงเจื้อยแจ้ว ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน เฉไฉไขสือ เล่นเล่ห์เพทุบาย แสร้งทำโน่นทำนี่หาทางยื้อให้อยู่ต่อถึงวันเลือกตั้งเพื่ออ้างความชอบธรรม หลังจากบักเหลี่ยมตัวร้ายประกาศิตห้ามลาออก ไม่ว่าฟ้าจะถล่มดินทะลาย โคตรเหง้าต้องดิ้นตาย
รู้ดีว่านี่เป็นปราการสุดท้ายที่ต้องยึดให้ได้เพื่อรักษาฐานเดิมพันสูง เพราะไม่เฉพาะแต่ตระกูลกังฉินกินเมืองที่ต้องไร้แผ่นดิน พวกสมุนบริวาร ขี้ข้าทั้งหลายต้องหนีคุก หนีตาย หนีการถูกคิดบัญชี ยึดทรัพย์ เพื่อให้คนดีฟื้นฟูแผ่นดินไทยให้ปลอดคนชั่ว
ทุกภาคส่วนมวลชนต่างสาขาอาชีพของสังคมพร้อมใจกันเมินหน้าหนี ปฏิเสธความเป็นผู้นำกำมะลอและรัฐบาลเถื่อน หลังจากผยองลำพองอำนาจจากการซื้อเสียงเข้ามาโกงกินโดยลืมนึกไปว่าผลสุดท้ายคนไทยจะทนไม่ได้กับพฤติกรรมชั่วช้าสามานย์
เหลือเพียงองค์ตำรวจ มีหัวโจกไม่กี่คนทำตัวเป็นขี้ข้าบักเหลี่ยม สับเปลี่ยนกำลังพลเพื่อค้ำจุนฐานอำนาจ สั่งการ ใช้เงินส่วยจากแหล่งอบายมุขสารพัดเพื่อรักษาสภาพของนางโพย เป็นการร่วมกันปกป้องซึ่งกันและกัน แต่ละวันอยู่ในสภาวะร่อแร่เต็มทน
ก็อย่างว่านั่นแหละ จะทนไปได้สักกี่น้ำ แม้บักเหลี่ยมสั่งเด็ดขาดว่าถ้าจะต้องออก ก็เป็นเพราะการรัฐประหาร จะได้หาเหตุตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ใช้เงินโกงจ้างขี้ข้าทั้งท้องถิ่นและต่างชาติทำร้ายบ้านเกิดต่อไปตามคำประกาศ “ถ้ากูอยู่ไม่ได้ พวกมึงก็อยู่ไม่ได้ด้วย”
ตำรวจหัวโจกไม่ธรรมดา ใช้อำนาจกฎหมาย อิทธิพลเถื่อนและอันธพาลลอบทำร้ายการชุมนุมของประชาชนทุกค่ำคืน โดยอาวุธร้ายแรงทั้งปืน ระเบิด เห็นชีวิตผู้คนไร้ความหมาย ไม่ต่างจากยุคการอุ้มฆ่าพวกต่อต้านคัดค้านพฤติกรรมชั่วเกิดความวุ่นวาย
น่าอนาถ กองกำลังตำรวจได้เป็นผู้พิทักษ์ทรราช รูปปั้นอนุสาวรีย์หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติหาใช่เป็นการอุ้มช่วยเหลือเด็ก เหยื่ออาชญากรรม แต่ถูกมองว่านั่นเป็นการสะท้อนให้เห็นพฤติกรรมการอุ้มฆ่าของผู้พิฆาตราษฎร โดยคำสั่งของนักการเมืองชั่ว
การชุมนุมปิดเมืองเดินหน้าไปแต่ละวัน ขบวนการบักเหลี่ยมเชื่อมั่นว่าถ้ารัฐบาลกำมะลอยื้อได้นานถึงสัปดาห์กระแสน่าจะตีกลับ คนทั่วไปรังเกียจ ออกมาต่อต้านพวกกำนันสุเทพ ขบวนการนกหวีดกู้ชาติ คงลืมไปว่านี่ย่างเข้าเดือนที่ 3 มวลชนยังไม่เลิกรา
มีแต่จะมีคนหูตาสว่างมากกว่าเดิม และกลุ่มชาวนาจากทั่วประเทศมีพลังแฝงเร้นแข็งแกร่งจะเป็นตัวเร่งการหนีภัยของพวกนักการเมืองชั่วร้ายด้วยคำทวงบาดใจทุรชน
“เอาข้าวกูไป เอาเงินกูมา!” นั่นเป็นเสียงตะโกนของชาวนาในหลายพื้นที่ แต่พวกนางโพยและจอมเขมือบในตระกูลของนางคงตอบในใจ “เงินพวกมึงเรอะ กูโกงแบบหน้าด้านไปหมดแล้ว” และอีกไม่นานจะรู้ว่ากองทัพชาวนาจะมาทวงหนี้ในเมืองหลวง
เป็นการประจานความหายนะของนโยบายจำนำข้าว ซึ่งทำให้โครงสร้างของเกษตรกรรมข้าวย่อยยับตั้งแต่การผลิต การขาย การส่งออก การชำระเงิน! ประเทศไทยต้องตกอันดับจากที่ 1 มาอยู่อันดับ 3 หลังจากครองตลาดโลกนานกว่าทศวรรษ
เห็นการต่อสู้ของมวลมหาประชาชนอย่างอดทน กินนอนบนถนน ตากแดด ลมฝน อากาศหนาวเย็น ความไม่สะดวกต่างๆ โดยยังไม่สามารถกำหนดวันชนะความหน้าด้านของนางโพยปูโพรกเน่าในได้ ทำให้เกิดคำถามหลากหลายต่อกลุ่มระดับนำสังคม
คำถามต่อ ผบ.ตร. และตำรวจระดับนายพลที่ยังรับไช้เป็นฐานค้ำอำนาจนางโพยคือ “บักเหลี่ยมได้สร้างบุญคุณ ความมั่งคั่งมากให้พวกเอ็งแค่ไหนจึงทำให้ลืมว่าในหลวงใด้ทรงทำอะไรไว้มากมายสำหรับชาติบ้านเมือง นับตั้งแต่ทรงครองราชย์จนถึงทุกวันนี้”
ในยุคของบักเหลี่ยม รัฐบาลเถื่อน สภาพผู้นำกำมะลอของนางโพย ความอหังการของคนเสื้อแดงถ่อย เป็นสภาวะ “ผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน กระเบื้องเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยถอยจม” คนดีต้องก้มหน้าด้วยความขมขื่นอกไหม้ไส้ขมระทมทุกข์
มาถึงยุคมวลมหาประชาชนลุกฮือขับไล่นางโพย คนดีศรีแผ่นดินกลับมายึดครองถนน ทำให้พวกขี้ข้า ขี้ครอก คางคกขึ้นวอ หลบหลีกเร้นกาย หนีการขับไล่ล่า ไม่กล้าเชิดหน้าอวดบารมีในที่สาธารณะ แม้แต่นางโพยปูโพรกก็เร่ร่อนกินนอนไม่เป็นที่เป็นทาง
ผบ.ทบ. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำตาวาวพูดย้ำหลายครั้ง บางครั้งมีอารมณ์ฉุนเฉียวว่า “ทหารก็คือประชาชน” ถือเป็นประโยคทองของผู้นำกองทัพหลายยุคเมื่อเกิดความขัดแย้ง บัดนี้มวลมหาประชาชนบนถนนเสี่ยงภัยจากตำรวจและโจรมีคำถาม
เมื่อไหร่ทหารจะมารับบทเป็นประชาชนซะที ร่วมสร้างชาติ ขับไล่นางโพยและพวกกังฉินให้พ้นจากแผ่นดินไทย พิสูจน์ว่า “ทหารก็คือประชาชน” จริงๆ! ตอบได้มั้ย?