สงขลารื้อสถานที่รับสมัคร ส.ส. เผย 8 จังหวัดใต้รับสมัคร ส.ส.เขตไม่ได้ มี 6 จังหวัดปิดตายแล้ว "สมชัย" ขอเป็นคนกลาง ดอดคุยแกนนำรัฐบาล ก่อนหารือ กปปส. หวังให้การเลือกตั้งราบรื่น ขณะที่ เลขานุการ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปัดไม่ได้รับการติดต่อ ชพน. เปิดตัว"สุนารี ราชสีมา" ลงส.ส.โคราช "เจ๊สด" ห่วงสถานการณ์เลือกตั้ง แนะหากเกิดเดดล็อกให้ยื่นศาล รธน.ตีความ "จารุพงศ์" ขู่เอาผิดกกต.ละเว้นปฏิบัติหน้าที่
วานนี้ (29 ธ.ค.) บรรยากาศการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง วันที่ 2 ของ จ.สงขลา ทาง กกต.สงขลา ยังคงเดินหน้าเปิดรับสมัครตามปกติ โดยใช้สถานที่ภายในสนามกีฬาติณสูลานนท์ เป็นสถานที่รับสมัครเหมือนเดิม พร้อมกับแต่งตั้งเจ้าหน้าที่มาปฏิบัติหน้าที่แทน ผอ.กกต.ทั้ง 8 เขต ที่ได้ลาออกไปเมื่อวันที่ 28ธ.ค.
อย่างไรก็ตาม กกต.จังหวัดไม่สามารถดำเนินการรับสมัครได้ เนื่องจากมีกลุ่ม กปปส.สงขลา เดินทางมาชุมนุม และเข้ายึดสถานที่รับสมัครเหมือนกับวันแรก จนต้องยุติการรับสมัครชั่วคราว แม้จะมีกำลังของตำรวจชุดควบคุมฝูงชนมาดูแล แต่ก็ไม่สามารถสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้ และเจ้าหน้าที่เลี่ยงที่จะเผชิญหน้าเพื่อเลี่ยงความรุนแรง นอกจากนี้ ยังได้มีการรื้อสถานที่รับสมัคร ทั้งเต็นท์ โต๊ะ เก้าอี้ ออกจากสถานที่รับสมัครทั้งหมดแล้ว
ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนไปรวมตัวอยู่ที่หน้าสำนักงาน กกต.สงขลา ซึ่งอยู่ภายในศาลากลางจังหวัด เพื่อรอดูท่าที และฟังคำตอบจาก กกต.สงขลา ว่าจะเดินหน้าเปิดรับสมัครเลือกตั้งในวันถัดไปอีกหรือไม่ โดยมีนายดลเดช พัฒนรัฐ รองผู้ว่าราชการ จ.สงขลา เป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ ทั้งนี้ ทางแกนนำเครือข่าย กปปส.สงขลา ยืนยันจะชุมนุมกดดันเพื่อไม่ให้มีการรับสมัครเลือกตั้งเกิดขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงวันสุดท้ายของการรับสมัคร
ด้านนายโชคชัย ผลวัฒนะ ผอ.กกต.สงขลา ระบุว่า ทาง กกต.สงขลา ยังไม่สามารถบอกได้ว่า จะยังเปิดการรับสมัครได้อีกหรือไม่ โดยรอฟังแนวทางปฏิบัติจาก กกต.กลาง และประเมินสถานการณ์แบบวันต่อวัน
**8 จังหวัด 40 เขตใต้รับสมัครไม่ได้
นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางไปมาตรวจเยี่ยมสถานที่สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบเบ่งเขตเลือกตั้ง กทม.ณ ศูนย์เชื่อมต่อรถโดยสารประจำทางในศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะว่า ได้รับรายงานว่ามีเพียง 8 จังหวัดในภาคใต้เท่านั้น ที่มีปัญหาในการรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เนื่องจากมีมวลชนไปปิดล้อม ได้แก่ กระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช พัทลุง ภูเก็ต สงขลา และสุราษฎร์ธานี รวม 40 เขตเลือกตั้ง จาก 56 เขตเลือกตั้ง ใน 15 จังหวัดภาคใต้
นายภุชงค์ กล่าวว่า กรณีที่ จ.สุราษฎร์ธานี ผอ.กกต.จว.ประธาน กกต.จว. ผอ. กกต.เขต และ กกต.ไม่สามารถเข้าไปในสถานที่รับสมัครรับเลือกตั้งได้ เพราะมวลชนมีการล่ามโซ่ไม่ให้เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นทาง ผอ.กกต.เขต และ กกต.จว.ต้องพูดคุยกันว่าจะดำเนินการอย่างไร หากมีการคุกคามมีผลต่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ก็ให้ยุติการรับสมัครไปก่อน ส่วน จ.นครศรีธรรมราช มีประชาชนไปกดดันบริเวณสถานที่รับสมัคร และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ กกต.ลาออก ซึ่งขณะนี้ทางจังหวัดกำลังประชุมกันอยู่ ในส่วนของ จ.ยะลา เหตุการณ์ปกติ มีผู้สมัคร 3 เขตๆ ละ 1 คน
“8 จังหวัดหนักใจมากๆ แต่ต้องประคับประคองการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งไปจนถึงวันที่ 1ม.ค. หากไม่มีผู้สมัครเลยเป็นข้อกฎหมายที่ กกต.ทั้ง 5 ท่านจะวินิจฉัย ขณะนี้ กกต.คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้สมัคร เจ้าหน้าที่และประชาชน ดังนั้น ขอร้องอย่าให้มีการกระทบกระทั่งกัน โดยขอให้ ผอ.กกต.เขต และ กกต.จังหวัด ยุติการรับสมัครทันทีหากจะมีปัญหา เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกัน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า หาก 8 จังหวัดดังกล่าว ไม่มีผู้สมัครเลยจะทำให้เกิดปัญหาตามมา ซึ่งนายภุชงค์ กล่าวว่า ทุกคนก็ทราบว่าการเปิดสภาฯต้องมี ส.ส.95% จาก 500 คน หากมี ส.ส.95% ต้องเปิดสภาฯใน 30 วัน แต่ถ้า 8 จว.รับสมัคร ส.ส.ไม่ได้เลย ก็ต้องมาดูว่า กกต.ทั้ง 4 ท่านจะทำอย่างไร อย่างไรก็ตาม หาก 8 จังหวัด เลือกตั้งไม่ได้ ซึ่ง พ.ร.ฎ.มีอายุถึงวันที่ 2 ก.พ.57 เราก็จะรายงาน ครม.ไปว่า เลือกตั้งได้กี่เขต ไม่ได้กี่เขต รัฐบาลก็ไปว่ากันต่อไป
ต่อมานายภุชงค์ ให้สัมภาษ์อีกครั้งถึงผลสรุปในภาพรวมของการรับสมัครส.ส.เขต วันที่สองว่า ทั่วประเทศ 77 จังหวัดมีผู้สมัครเพิ่ม 102 คน รวมเป็น 480 คน ส่วนพื้นที่ภ่คใต้ที่มีปัญหานั้น ขณะนี้ได้ยุติการรับสมัครไปแล้ว 6 จังหวัด ส่วนอีก 2 จังหวัดแม้จะมีผู้คัดค้านแต่ก็ยังไม่ได้ยุติคือ จ.สุราษฎร์ธานี และจ.ภูเก็ต
** "สมชัย" ขอเป็นคนกลางคุยรัฐบาล
วานนี้ (29 ธ.ค.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า ตนจะไปพูดคุยกับแกนนำระดับสูงมากของรัฐบาลจำนวน 3 คน ในส่วนกกต.กำลังดูอยู่ว่า จะมีกี่คนที่ไปด้วย ทั้งนี้ไม่สามารถบอกเวลา และสถานที่ได้ โดยการพูดคุยจะเป็นการคุยทีละฝ่ายก่อน เมื่อพูดคุยกับรัฐบาลได้ข้อสรุปแล้ว คาดว่าในวันที่ 30 ธ.ค.จะไปพูดคุยกับทาง กปปส. ต่อไป แต่ตอนนี้ยังนัดไม่ได้
สำหรับประเด็นที่จะพูดคุยนั้น เบื้องต้นคงจะชี้ให้เห็นถึงภาพที่ กกต. กังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้น เป็นภาพอนาคตหากเดินหน้าเลือกตั้งแล้วไม่มีความพยายามดำเนินการใดๆ ซึ่งไม่ได้หมายถึงการเลื่อนการเลือกตั้ง แต่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ภาพจะเป็นอย่างไร และเกิดอะไรขึ้นบ้าง เราจะฉายให้เห็นว่า จะเกิดอะไรขึ้นก่อนวันที่ 2 ก.พ.57 และหลังจากนั้น และภาพดังกล่าวจะก่อให้เกิดผลกระทบต่างๆ ทั้งต่อการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และประเทศไทยอย่างไร เป็นการแลกเปลี่ยนกัน จะกว่าจะได้ภาพตรงกันว่า มันจะเกิดอะไรขึ้นหากไม่มีการใช้ความพยายามใด ๆ ส่วนโจทย์ต่อไปคือ หากภาพนี้เป็นภาพที่ดี ก็ไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าเกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง เกิดความหายนะ รัฐบาลคิดว่าทางออกที่จะแก้ไขปัญหาคืออะไร
"ทางออกทางดังกล่าวรัฐบาลต้องไม่ได้ฝ่ายเดียว ไม่ได้ชนะฝ่ายเดียว ถ้าหากวิธีการดังกล่าวที่คุยกับตัวแทนรัฐบาลแล้วพอเป็นไปได้ ผมจะนำไปพูดคุยกับ กปปส. ซึ่งอาจจะรับหรือไม่รับยังไม่รู้ แต่ต้องคุยไปคุยมาอย่างนี้เรื่อย คิดว่าคงไม่จบในครั้งเดียว แต่ถ้ามีความคืบหน้าต่างๆ คงเป็นการดี ที่ผมต้องบอกเรื่องนี้เพราะสถานะ กกต.อยู่ดี ๆ การเดินไปคุยกับใครอาจถูกตั้งข้อสังเกตต่างๆ ดังนั้นการพูดคุยครั้งนี้เป็นการใช้สิทธิส่วนบุคคล ที่ผมได้แจ้งไว้แล้วว่า ไม่ผูกพันกับ กกต. และได้บอกล่วงหน้าว่าจะไปก็ปลอดภัย หากเห็นเรานั่งกินข้าวกันจะได้เห็นว่าไม่ได้เป็นไปเจรจารับทรัพย์กัน"
ส่วน กกต.ท่านอื่นๆ นั้นอาจจะประสานคู่ขัดแย้งเช่นกัน แต่อาจจะไม่พูดก็ได้ ดังนั้นการไปวันนี้นอกจากตนแล้ว อาจจะมีคนอื่นอีก ตอนนี้กำลังฟอร์มทีมอยู่ เมื่อถามว่า ที่ต้องคุยกับรัฐบาลก่อนเพราะรัฐบาลมีอำนาจในการพิจารณาว่าจะเลื่อนการเลือกตั้งใช่หรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า ถูกต้อง ที่เริ่มจากฝ่ายรัฐบาลก่อน จะได้ข้อเสนอที่อาจจะไม่เคยเสนอต่อสังคมมาก่อน แต่ตนจะไม่เปิดเผยข้อเสนอในการพูดคุยจนกว่าจะได้ไปพูดคุยกับ กปปส. จึงไม่มีการแถลงข่าว เจาะอย่างไรก็คงไม่ได้ข่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่ นายสมชัย ได้ให้สัมภาษณ์ในช่วงเช้า ว่าวันนี้จะไปคุยตัวแทนระดับสูงจากรัฐบาล 3 คน โดยช่วงเวลาประมาณ 12.00 น. นายสมชัย ได้นำรถยนต์ส่วนตัวมาจอดที่ชั้นใต้ดิน อาคารบี ศูนย์ราชการฯ เมื่อเข้าไปสอบถามนายสมชัย ว่าได้ไปคุยกับตัวแทนฝ่ายรัฐบาลแล้วหรือไม่ นายสมชัย กล่าวปฏิเสธ และไม่เปิดเผยว่า บุคคลที่จะเข้าไปพูดคุยเป็นใคร เนื่องจากทางฝ่ายรัฐบาลได้ขอร้องมายังตนว่าห้ามเปิดเผยรายละเอียด
**รัฐบาลยันไม่มีการประสานจาก"สมชัย"
นายวิม รุ่งวัฒนจินดา เลขานุการ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการสอบถามแกนนำรัฐบาลและแกนนำพรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้รับการประสานจากนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง แม้แต่คนเดียว ตามที่ออกระบุว่าประสาน 3 แกนนำรัฐบาลแล้ว เพื่อพูดคุยคลี่คลายความขัดแย้ง เรื่องของความขัดแย้งคนที่มีเครดิตทางสังคมมากกว่านายสมชัยอาสาเป็นคนกลางเจรจาระหว่างรัฐบาลกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.นายสุเทพยังไม่ฟัง แล้วนายสมชัยเป็นใคร มีหน้าที่อะไร นายสมชัยเป็นกกต.มีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง ไม่ได้มีหน้าที่เคลียร์ความขัดแย้ง ถ้านายสุเทพ ยอมที่จะมาฟังนายสมชัย ก็เป็นเรื่องที่ตลกแล้ว
**ชพน.เปิดตัว"สุนารี"ลงส.ส.โคราช
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตที่ จ.นครราชสีมาวานนี้ ว่า มีการแบ่งสถานที่รับสมัคร 15 เขต บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา โดยช่วงเช้านายสุธรรม พรสันเทียะ ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย เดินยื่นหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ กกต.เป็นคนแรก ส่วนรายชื่อผู้สมัครพรรคเพื่อไทยทั้ง 15 เขต ที่น่าสนใจมีเขต 12 มี นายประนอม โพธิ์คำ อดีต ส.ส.ย้ายจากพรรคภูมิใจไทย และเขต 13.นายวิสิทธิ์ พิทยาภรณ์ อดีต ส.ส.ย้ายจากพรรคภูมิใจไทย
ขณะที่พรรคชาติพัฒนา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จะเดินทางไปยื่นใบสมัครในแต่ละเขต วันที่ 30 ธ.ค.นี้ รายชื่อผู้สมัครประกอบด้วย เขต 1 นายแพทย์ วรรณรัตน์ ชาญนุกูล อดีต ส.ส.หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา เขต 2 นายวัชรพล โตมรศักดิ์ อดีต ส.ส. เขต 3. นายประเสริฐ บุญชัยสุข อดีต รมว.อุตสาหกรรม เขต 4 นางสุนารี ราชสีมา นักร้อง เพลงลูกทุ่งชื่อดัง เขต 5 นายพุทธิพงษ์ เข็มพุดซา อดีต ส.จ.เขตอำเภอคง เขต 6 นางสุเนตร ศิลปะเดช อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบัวใหญ่ เขต 7 นายนิกร โสมกลาง เขต 8 นายราเมศ เรือง- ธนานุรักษ์ เขต 11 นายประทีป กรีฑาเวช เขต 12. นายสมศักดิ์ พันธุ์เกษม และเขต 14 นายอุทัย มิ่งขวัญ พรรคภูมิใจไทย เขต 10 นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ อดีต รมช.มหาดไทย
ส่วนที่ จ.อุตรดิตถ์ มีเพียงพรรคเพื่อไทย ที่ส่งผู้สมัคร ส.ส.เขต ลงสมัครครบ 3 เขต โดยนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง นำทีมผู้สมัครพรรคเพื่อไทย
จ.สุโขทัย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรองนายกรัฐมนตรี นำลูกทีมพรรคเพื่อไทยลงสมัคร ส.ส.ครบทั้ง 3 เขต ส่วนที่ จ.อุดรธานี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พร้อมนายขวัญชัย สาราคำ หรือ ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร และผู้สมัคร ส.ส.อีก 6 เขต จ.ขอนแก่น มีผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นอดีต ส.ส.ทั้ง 10 เขต ลงรับสมัคร
ขณะที่ จ.พิจิตร นายวินัย ภัทรประสิทธิ์ อดีต ส.ส.พิจิตร น้องชายนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ลงสมัครเขตเลือกตั้งที่ 1 และนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ อดีต รมช.เกษตรฯ บุตรชาย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ลงสมัครในเขตเลือกตั้งที่ 3
**"เจ๊สด" ชี้สถานการณ์เลือกตั้งน่าห่วง
นางสดศรี สัตยธรรม อดีต กกต. กล่าวถึงกรณีที่เขตเลือกตั้งบางเขต อาจไม่มีผู้สมัครลงรับสมัครเลือกตั้งว่า กรณีนี้ถือว่าเริ่มเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากบางเขตเลือกตั้ง โดยเฉพาะจังหวัดทางภาคใต้ ที่มีผู้ชุมนุมไปขัดขวางไม่ให้มีการเลือกตั้ง และอาจไม่มีผู้สมัครไปลงเลือกตั้งเอง ซึ่งอาจส่งผลให้จำนวนของ ส.ส. นั้นไม่ถึง 95 % ที่สามารถเปิดประชุมสภาได้ เนื่องจากจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขตนั้น ต้องนำไปรวมกับ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ แล้วหารออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้น หากมีเขตเลือกตั้งเพียง 25 เขต ที่ไม่มีผู้สมัครเลือกตั้ง ก็จะส่งผลกระทบที่จะทำให้สัดส่วนของ ส.ส.ไม่ถึง 95 % ทันที
ส่วนวิธีหาทางออกหากเกิดกรณีดังกล่าวขึ้น ในสมัยที่ตนยังดำรงตำแหน่งเป็น กกต.นั้น ก็เคยเจอปัญหานี้ในตอนที่จัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.แทนตำแหน่งที่ว่าง ที่ ส.ส.ได้ลาออกไปเป็นแกนนำผู้ชุมนุม ซึ่งพบว่า 3 จังหวัดทางภาคใต้ มีแนวโน้มจะไม่มีผู้ลงสมัครเลือกตั้งจนเลยเวลาที่กำหนด โดยกรณีนี้เรียกว่าเดตล็อก กฎหมายไม่มีบทบัญญัติที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว ในขณะนั้น กกต.ก็เตรียมทำเรื่องไปยังผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอเรื่องต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยโดยเร็วว่า กฎหมายมีปัญหา และชี้แนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพราะ กกต.ไม่สามารถส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวิจิฉัยโดยตรงได้
**"จารุพงศ์"ขู่!เอาผิดกกต.ไม่ทำหน้าที่
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย พร้อมด้วย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ ร่วมแถลงถึงการทำหน้าที่รับสมัคร ส.ส.ของ กกต.ในพื้นที่ภาคใต้ ที่ตอนนี้มีปัญหามาก โดยนายจารุพงศ์ กล่าวว่า ขอร้องผู้ที่ไม่เห็นด้วย และให้เลื่อนการเลือกตั้งนั้น อยากให้คำนึงและระมัดระวังการกระทำการที่เข้าข่ายขัดขวางการเลือกตั้ง ซึ่งมีโทษตามกฎหมาย พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง มาตรา 4 กำหนดโทษไว้ว่า ผู้ใดขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต. กกต.จังหวัด ผอ.เลือกตั้งประจำจังหวัด และกรรมการที่มีหน้าที่ มีโทษทั้งปรับและจำคุก แต่หากใช้กำลังประทุษร้าย ผู้กระทำการมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และคดีมีอายุความ 10 ปี จึงฝากความห่วงใยประชาชนที่ไม่ต้องการให้เลือกตั้ง แม้จะเป็นสิทธิ์ แต่ต้องไม่ละเมิดคนอื่นด้วย และขอฝากไปถึง กกต. ให้ดำเนินการจัดการเลือกตั้งอย่างเต็มที่ และสามารถของความร่วมมือหน่วยงานราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจ ทหาร อัยการ เพื่อร่วมในการแก้ปัญหาต่อไป ไม่ใช่พอเกิดปัญหาแล้วลาออก เพราะจะเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
เมื่อถามว่าได้คุยกับ กกต.ถึงกระแสข่าวที่มีตัวแทนรัฐบาลเสนอให้เลื่อนการเลือกตั้งแล้วหรือยัง นายจารุพงศ์ กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่การเลื่อนการเลือกตั้ง แต่เมื่อยุบสภาแล้วรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 กำหนดให้มีการเลือกตั้งภายใน 45 วัน ไม่เกิน 60 วัน และที่กำหนดไว้เป็นวันที่ 2 ก.พ. 57 ก็จะเหลือเวลาไม่กี่วัน ที่จะครบกำหนด 60 วัน และถ้าจะเลื่อนได้แค่ 6-7 วัน จะเลื่อนไปทำไม จึงถามไปถึง กกต.ว่าหากจะให้เลื่อนวันเลือกตั้งออกไป ต้องถามว่าจะให้เลื่อนไปวันไหน และใช้กฎหมายมาตราใดมาเลื่อน ส่วนที่กกต.โยนมาให้รัฐบาลไปคุยกับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย หากรัฐบาลดำเนินการแล้วฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ก็จะออกมาพูดโดยไม่สะเด็ดน้ำอีก เพราะคิดว่าคนไทยไม่รู้เรื่อง ก็จะสร้างความสับสนเพราะยังมีคนที่รู้เรื่องอยู่เช่นกัน.
วานนี้ (29 ธ.ค.) บรรยากาศการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง วันที่ 2 ของ จ.สงขลา ทาง กกต.สงขลา ยังคงเดินหน้าเปิดรับสมัครตามปกติ โดยใช้สถานที่ภายในสนามกีฬาติณสูลานนท์ เป็นสถานที่รับสมัครเหมือนเดิม พร้อมกับแต่งตั้งเจ้าหน้าที่มาปฏิบัติหน้าที่แทน ผอ.กกต.ทั้ง 8 เขต ที่ได้ลาออกไปเมื่อวันที่ 28ธ.ค.
อย่างไรก็ตาม กกต.จังหวัดไม่สามารถดำเนินการรับสมัครได้ เนื่องจากมีกลุ่ม กปปส.สงขลา เดินทางมาชุมนุม และเข้ายึดสถานที่รับสมัครเหมือนกับวันแรก จนต้องยุติการรับสมัครชั่วคราว แม้จะมีกำลังของตำรวจชุดควบคุมฝูงชนมาดูแล แต่ก็ไม่สามารถสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้ และเจ้าหน้าที่เลี่ยงที่จะเผชิญหน้าเพื่อเลี่ยงความรุนแรง นอกจากนี้ ยังได้มีการรื้อสถานที่รับสมัคร ทั้งเต็นท์ โต๊ะ เก้าอี้ ออกจากสถานที่รับสมัครทั้งหมดแล้ว
ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนไปรวมตัวอยู่ที่หน้าสำนักงาน กกต.สงขลา ซึ่งอยู่ภายในศาลากลางจังหวัด เพื่อรอดูท่าที และฟังคำตอบจาก กกต.สงขลา ว่าจะเดินหน้าเปิดรับสมัครเลือกตั้งในวันถัดไปอีกหรือไม่ โดยมีนายดลเดช พัฒนรัฐ รองผู้ว่าราชการ จ.สงขลา เป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ ทั้งนี้ ทางแกนนำเครือข่าย กปปส.สงขลา ยืนยันจะชุมนุมกดดันเพื่อไม่ให้มีการรับสมัครเลือกตั้งเกิดขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงวันสุดท้ายของการรับสมัคร
ด้านนายโชคชัย ผลวัฒนะ ผอ.กกต.สงขลา ระบุว่า ทาง กกต.สงขลา ยังไม่สามารถบอกได้ว่า จะยังเปิดการรับสมัครได้อีกหรือไม่ โดยรอฟังแนวทางปฏิบัติจาก กกต.กลาง และประเมินสถานการณ์แบบวันต่อวัน
**8 จังหวัด 40 เขตใต้รับสมัครไม่ได้
นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางไปมาตรวจเยี่ยมสถานที่สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบเบ่งเขตเลือกตั้ง กทม.ณ ศูนย์เชื่อมต่อรถโดยสารประจำทางในศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะว่า ได้รับรายงานว่ามีเพียง 8 จังหวัดในภาคใต้เท่านั้น ที่มีปัญหาในการรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เนื่องจากมีมวลชนไปปิดล้อม ได้แก่ กระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช พัทลุง ภูเก็ต สงขลา และสุราษฎร์ธานี รวม 40 เขตเลือกตั้ง จาก 56 เขตเลือกตั้ง ใน 15 จังหวัดภาคใต้
นายภุชงค์ กล่าวว่า กรณีที่ จ.สุราษฎร์ธานี ผอ.กกต.จว.ประธาน กกต.จว. ผอ. กกต.เขต และ กกต.ไม่สามารถเข้าไปในสถานที่รับสมัครรับเลือกตั้งได้ เพราะมวลชนมีการล่ามโซ่ไม่ให้เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นทาง ผอ.กกต.เขต และ กกต.จว.ต้องพูดคุยกันว่าจะดำเนินการอย่างไร หากมีการคุกคามมีผลต่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ก็ให้ยุติการรับสมัครไปก่อน ส่วน จ.นครศรีธรรมราช มีประชาชนไปกดดันบริเวณสถานที่รับสมัคร และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ กกต.ลาออก ซึ่งขณะนี้ทางจังหวัดกำลังประชุมกันอยู่ ในส่วนของ จ.ยะลา เหตุการณ์ปกติ มีผู้สมัคร 3 เขตๆ ละ 1 คน
“8 จังหวัดหนักใจมากๆ แต่ต้องประคับประคองการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งไปจนถึงวันที่ 1ม.ค. หากไม่มีผู้สมัครเลยเป็นข้อกฎหมายที่ กกต.ทั้ง 5 ท่านจะวินิจฉัย ขณะนี้ กกต.คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้สมัคร เจ้าหน้าที่และประชาชน ดังนั้น ขอร้องอย่าให้มีการกระทบกระทั่งกัน โดยขอให้ ผอ.กกต.เขต และ กกต.จังหวัด ยุติการรับสมัครทันทีหากจะมีปัญหา เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกัน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า หาก 8 จังหวัดดังกล่าว ไม่มีผู้สมัครเลยจะทำให้เกิดปัญหาตามมา ซึ่งนายภุชงค์ กล่าวว่า ทุกคนก็ทราบว่าการเปิดสภาฯต้องมี ส.ส.95% จาก 500 คน หากมี ส.ส.95% ต้องเปิดสภาฯใน 30 วัน แต่ถ้า 8 จว.รับสมัคร ส.ส.ไม่ได้เลย ก็ต้องมาดูว่า กกต.ทั้ง 4 ท่านจะทำอย่างไร อย่างไรก็ตาม หาก 8 จังหวัด เลือกตั้งไม่ได้ ซึ่ง พ.ร.ฎ.มีอายุถึงวันที่ 2 ก.พ.57 เราก็จะรายงาน ครม.ไปว่า เลือกตั้งได้กี่เขต ไม่ได้กี่เขต รัฐบาลก็ไปว่ากันต่อไป
ต่อมานายภุชงค์ ให้สัมภาษ์อีกครั้งถึงผลสรุปในภาพรวมของการรับสมัครส.ส.เขต วันที่สองว่า ทั่วประเทศ 77 จังหวัดมีผู้สมัครเพิ่ม 102 คน รวมเป็น 480 คน ส่วนพื้นที่ภ่คใต้ที่มีปัญหานั้น ขณะนี้ได้ยุติการรับสมัครไปแล้ว 6 จังหวัด ส่วนอีก 2 จังหวัดแม้จะมีผู้คัดค้านแต่ก็ยังไม่ได้ยุติคือ จ.สุราษฎร์ธานี และจ.ภูเก็ต
** "สมชัย" ขอเป็นคนกลางคุยรัฐบาล
วานนี้ (29 ธ.ค.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า ตนจะไปพูดคุยกับแกนนำระดับสูงมากของรัฐบาลจำนวน 3 คน ในส่วนกกต.กำลังดูอยู่ว่า จะมีกี่คนที่ไปด้วย ทั้งนี้ไม่สามารถบอกเวลา และสถานที่ได้ โดยการพูดคุยจะเป็นการคุยทีละฝ่ายก่อน เมื่อพูดคุยกับรัฐบาลได้ข้อสรุปแล้ว คาดว่าในวันที่ 30 ธ.ค.จะไปพูดคุยกับทาง กปปส. ต่อไป แต่ตอนนี้ยังนัดไม่ได้
สำหรับประเด็นที่จะพูดคุยนั้น เบื้องต้นคงจะชี้ให้เห็นถึงภาพที่ กกต. กังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้น เป็นภาพอนาคตหากเดินหน้าเลือกตั้งแล้วไม่มีความพยายามดำเนินการใดๆ ซึ่งไม่ได้หมายถึงการเลื่อนการเลือกตั้ง แต่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ภาพจะเป็นอย่างไร และเกิดอะไรขึ้นบ้าง เราจะฉายให้เห็นว่า จะเกิดอะไรขึ้นก่อนวันที่ 2 ก.พ.57 และหลังจากนั้น และภาพดังกล่าวจะก่อให้เกิดผลกระทบต่างๆ ทั้งต่อการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และประเทศไทยอย่างไร เป็นการแลกเปลี่ยนกัน จะกว่าจะได้ภาพตรงกันว่า มันจะเกิดอะไรขึ้นหากไม่มีการใช้ความพยายามใด ๆ ส่วนโจทย์ต่อไปคือ หากภาพนี้เป็นภาพที่ดี ก็ไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าเกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง เกิดความหายนะ รัฐบาลคิดว่าทางออกที่จะแก้ไขปัญหาคืออะไร
"ทางออกทางดังกล่าวรัฐบาลต้องไม่ได้ฝ่ายเดียว ไม่ได้ชนะฝ่ายเดียว ถ้าหากวิธีการดังกล่าวที่คุยกับตัวแทนรัฐบาลแล้วพอเป็นไปได้ ผมจะนำไปพูดคุยกับ กปปส. ซึ่งอาจจะรับหรือไม่รับยังไม่รู้ แต่ต้องคุยไปคุยมาอย่างนี้เรื่อย คิดว่าคงไม่จบในครั้งเดียว แต่ถ้ามีความคืบหน้าต่างๆ คงเป็นการดี ที่ผมต้องบอกเรื่องนี้เพราะสถานะ กกต.อยู่ดี ๆ การเดินไปคุยกับใครอาจถูกตั้งข้อสังเกตต่างๆ ดังนั้นการพูดคุยครั้งนี้เป็นการใช้สิทธิส่วนบุคคล ที่ผมได้แจ้งไว้แล้วว่า ไม่ผูกพันกับ กกต. และได้บอกล่วงหน้าว่าจะไปก็ปลอดภัย หากเห็นเรานั่งกินข้าวกันจะได้เห็นว่าไม่ได้เป็นไปเจรจารับทรัพย์กัน"
ส่วน กกต.ท่านอื่นๆ นั้นอาจจะประสานคู่ขัดแย้งเช่นกัน แต่อาจจะไม่พูดก็ได้ ดังนั้นการไปวันนี้นอกจากตนแล้ว อาจจะมีคนอื่นอีก ตอนนี้กำลังฟอร์มทีมอยู่ เมื่อถามว่า ที่ต้องคุยกับรัฐบาลก่อนเพราะรัฐบาลมีอำนาจในการพิจารณาว่าจะเลื่อนการเลือกตั้งใช่หรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า ถูกต้อง ที่เริ่มจากฝ่ายรัฐบาลก่อน จะได้ข้อเสนอที่อาจจะไม่เคยเสนอต่อสังคมมาก่อน แต่ตนจะไม่เปิดเผยข้อเสนอในการพูดคุยจนกว่าจะได้ไปพูดคุยกับ กปปส. จึงไม่มีการแถลงข่าว เจาะอย่างไรก็คงไม่ได้ข่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่ นายสมชัย ได้ให้สัมภาษณ์ในช่วงเช้า ว่าวันนี้จะไปคุยตัวแทนระดับสูงจากรัฐบาล 3 คน โดยช่วงเวลาประมาณ 12.00 น. นายสมชัย ได้นำรถยนต์ส่วนตัวมาจอดที่ชั้นใต้ดิน อาคารบี ศูนย์ราชการฯ เมื่อเข้าไปสอบถามนายสมชัย ว่าได้ไปคุยกับตัวแทนฝ่ายรัฐบาลแล้วหรือไม่ นายสมชัย กล่าวปฏิเสธ และไม่เปิดเผยว่า บุคคลที่จะเข้าไปพูดคุยเป็นใคร เนื่องจากทางฝ่ายรัฐบาลได้ขอร้องมายังตนว่าห้ามเปิดเผยรายละเอียด
**รัฐบาลยันไม่มีการประสานจาก"สมชัย"
นายวิม รุ่งวัฒนจินดา เลขานุการ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการสอบถามแกนนำรัฐบาลและแกนนำพรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้รับการประสานจากนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง แม้แต่คนเดียว ตามที่ออกระบุว่าประสาน 3 แกนนำรัฐบาลแล้ว เพื่อพูดคุยคลี่คลายความขัดแย้ง เรื่องของความขัดแย้งคนที่มีเครดิตทางสังคมมากกว่านายสมชัยอาสาเป็นคนกลางเจรจาระหว่างรัฐบาลกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.นายสุเทพยังไม่ฟัง แล้วนายสมชัยเป็นใคร มีหน้าที่อะไร นายสมชัยเป็นกกต.มีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง ไม่ได้มีหน้าที่เคลียร์ความขัดแย้ง ถ้านายสุเทพ ยอมที่จะมาฟังนายสมชัย ก็เป็นเรื่องที่ตลกแล้ว
**ชพน.เปิดตัว"สุนารี"ลงส.ส.โคราช
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตที่ จ.นครราชสีมาวานนี้ ว่า มีการแบ่งสถานที่รับสมัคร 15 เขต บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา โดยช่วงเช้านายสุธรรม พรสันเทียะ ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย เดินยื่นหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ กกต.เป็นคนแรก ส่วนรายชื่อผู้สมัครพรรคเพื่อไทยทั้ง 15 เขต ที่น่าสนใจมีเขต 12 มี นายประนอม โพธิ์คำ อดีต ส.ส.ย้ายจากพรรคภูมิใจไทย และเขต 13.นายวิสิทธิ์ พิทยาภรณ์ อดีต ส.ส.ย้ายจากพรรคภูมิใจไทย
ขณะที่พรรคชาติพัฒนา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จะเดินทางไปยื่นใบสมัครในแต่ละเขต วันที่ 30 ธ.ค.นี้ รายชื่อผู้สมัครประกอบด้วย เขต 1 นายแพทย์ วรรณรัตน์ ชาญนุกูล อดีต ส.ส.หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา เขต 2 นายวัชรพล โตมรศักดิ์ อดีต ส.ส. เขต 3. นายประเสริฐ บุญชัยสุข อดีต รมว.อุตสาหกรรม เขต 4 นางสุนารี ราชสีมา นักร้อง เพลงลูกทุ่งชื่อดัง เขต 5 นายพุทธิพงษ์ เข็มพุดซา อดีต ส.จ.เขตอำเภอคง เขต 6 นางสุเนตร ศิลปะเดช อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบัวใหญ่ เขต 7 นายนิกร โสมกลาง เขต 8 นายราเมศ เรือง- ธนานุรักษ์ เขต 11 นายประทีป กรีฑาเวช เขต 12. นายสมศักดิ์ พันธุ์เกษม และเขต 14 นายอุทัย มิ่งขวัญ พรรคภูมิใจไทย เขต 10 นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ อดีต รมช.มหาดไทย
ส่วนที่ จ.อุตรดิตถ์ มีเพียงพรรคเพื่อไทย ที่ส่งผู้สมัคร ส.ส.เขต ลงสมัครครบ 3 เขต โดยนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง นำทีมผู้สมัครพรรคเพื่อไทย
จ.สุโขทัย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรองนายกรัฐมนตรี นำลูกทีมพรรคเพื่อไทยลงสมัคร ส.ส.ครบทั้ง 3 เขต ส่วนที่ จ.อุดรธานี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พร้อมนายขวัญชัย สาราคำ หรือ ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร และผู้สมัคร ส.ส.อีก 6 เขต จ.ขอนแก่น มีผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นอดีต ส.ส.ทั้ง 10 เขต ลงรับสมัคร
ขณะที่ จ.พิจิตร นายวินัย ภัทรประสิทธิ์ อดีต ส.ส.พิจิตร น้องชายนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ลงสมัครเขตเลือกตั้งที่ 1 และนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ อดีต รมช.เกษตรฯ บุตรชาย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ลงสมัครในเขตเลือกตั้งที่ 3
**"เจ๊สด" ชี้สถานการณ์เลือกตั้งน่าห่วง
นางสดศรี สัตยธรรม อดีต กกต. กล่าวถึงกรณีที่เขตเลือกตั้งบางเขต อาจไม่มีผู้สมัครลงรับสมัครเลือกตั้งว่า กรณีนี้ถือว่าเริ่มเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากบางเขตเลือกตั้ง โดยเฉพาะจังหวัดทางภาคใต้ ที่มีผู้ชุมนุมไปขัดขวางไม่ให้มีการเลือกตั้ง และอาจไม่มีผู้สมัครไปลงเลือกตั้งเอง ซึ่งอาจส่งผลให้จำนวนของ ส.ส. นั้นไม่ถึง 95 % ที่สามารถเปิดประชุมสภาได้ เนื่องจากจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขตนั้น ต้องนำไปรวมกับ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ แล้วหารออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้น หากมีเขตเลือกตั้งเพียง 25 เขต ที่ไม่มีผู้สมัครเลือกตั้ง ก็จะส่งผลกระทบที่จะทำให้สัดส่วนของ ส.ส.ไม่ถึง 95 % ทันที
ส่วนวิธีหาทางออกหากเกิดกรณีดังกล่าวขึ้น ในสมัยที่ตนยังดำรงตำแหน่งเป็น กกต.นั้น ก็เคยเจอปัญหานี้ในตอนที่จัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.แทนตำแหน่งที่ว่าง ที่ ส.ส.ได้ลาออกไปเป็นแกนนำผู้ชุมนุม ซึ่งพบว่า 3 จังหวัดทางภาคใต้ มีแนวโน้มจะไม่มีผู้ลงสมัครเลือกตั้งจนเลยเวลาที่กำหนด โดยกรณีนี้เรียกว่าเดตล็อก กฎหมายไม่มีบทบัญญัติที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว ในขณะนั้น กกต.ก็เตรียมทำเรื่องไปยังผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอเรื่องต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยโดยเร็วว่า กฎหมายมีปัญหา และชี้แนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพราะ กกต.ไม่สามารถส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวิจิฉัยโดยตรงได้
**"จารุพงศ์"ขู่!เอาผิดกกต.ไม่ทำหน้าที่
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย พร้อมด้วย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ ร่วมแถลงถึงการทำหน้าที่รับสมัคร ส.ส.ของ กกต.ในพื้นที่ภาคใต้ ที่ตอนนี้มีปัญหามาก โดยนายจารุพงศ์ กล่าวว่า ขอร้องผู้ที่ไม่เห็นด้วย และให้เลื่อนการเลือกตั้งนั้น อยากให้คำนึงและระมัดระวังการกระทำการที่เข้าข่ายขัดขวางการเลือกตั้ง ซึ่งมีโทษตามกฎหมาย พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง มาตรา 4 กำหนดโทษไว้ว่า ผู้ใดขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต. กกต.จังหวัด ผอ.เลือกตั้งประจำจังหวัด และกรรมการที่มีหน้าที่ มีโทษทั้งปรับและจำคุก แต่หากใช้กำลังประทุษร้าย ผู้กระทำการมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และคดีมีอายุความ 10 ปี จึงฝากความห่วงใยประชาชนที่ไม่ต้องการให้เลือกตั้ง แม้จะเป็นสิทธิ์ แต่ต้องไม่ละเมิดคนอื่นด้วย และขอฝากไปถึง กกต. ให้ดำเนินการจัดการเลือกตั้งอย่างเต็มที่ และสามารถของความร่วมมือหน่วยงานราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจ ทหาร อัยการ เพื่อร่วมในการแก้ปัญหาต่อไป ไม่ใช่พอเกิดปัญหาแล้วลาออก เพราะจะเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
เมื่อถามว่าได้คุยกับ กกต.ถึงกระแสข่าวที่มีตัวแทนรัฐบาลเสนอให้เลื่อนการเลือกตั้งแล้วหรือยัง นายจารุพงศ์ กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่การเลื่อนการเลือกตั้ง แต่เมื่อยุบสภาแล้วรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 กำหนดให้มีการเลือกตั้งภายใน 45 วัน ไม่เกิน 60 วัน และที่กำหนดไว้เป็นวันที่ 2 ก.พ. 57 ก็จะเหลือเวลาไม่กี่วัน ที่จะครบกำหนด 60 วัน และถ้าจะเลื่อนได้แค่ 6-7 วัน จะเลื่อนไปทำไม จึงถามไปถึง กกต.ว่าหากจะให้เลื่อนวันเลือกตั้งออกไป ต้องถามว่าจะให้เลื่อนไปวันไหน และใช้กฎหมายมาตราใดมาเลื่อน ส่วนที่กกต.โยนมาให้รัฐบาลไปคุยกับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย หากรัฐบาลดำเนินการแล้วฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ก็จะออกมาพูดโดยไม่สะเด็ดน้ำอีก เพราะคิดว่าคนไทยไม่รู้เรื่อง ก็จะสร้างความสับสนเพราะยังมีคนที่รู้เรื่องอยู่เช่นกัน.