xs
xsm
sm
md
lg

มวลชนแสดงพลังล้นกรุง จ่อล้อมกกต.ดินแดง สกัดสมัครสส.วันนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มวลมหาประชาชนหลายล้านทะลักกรุงเทพฯ แสดงเจตนารมย์ให้ "ยิ่งลักษณ์" ลาออกจากนายกฯรักษาการ เพื่อปฏิรูปประเทศไทยให้หลุดพ้นจากการครอบงำของ "ระบอบเผด็จการทุนสามานย์ทักษิณ" ก่อนเลือกตั้ง "สุเทพ" ขอบคุณมวลชนที่ออกมามากเป็นประวัติการณ์ จี้ข้าราชการเลิกรับใช้รัฐบาลทรราช ลั่นปิดล้อมศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่นดินแดง ไม่ให้มีการสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ มวลชนรับลูกเคลื่อนพลไปล้อมแล้ว ด้าน กกต.ยันไม่เลื่อนวันสมัคร ไม่ย้ายสถานที่

เมื่อวานนี้ ( 22 ธ.ค.) เป็นวันที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.)ได้นัดชุมนุมใหญ่ เพื่อเรียกร้องให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกจากรักษาการนายกรัฐมนตรี เพื่อเปิดทางให้มีการปฏิรูปประเทศไทย ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง โดยมีการกระจายการชุมนุมและตั้งเวทีปราศรัยตามจุดสำคัญทั่วกรุงเทพฯ อาทิ เวทีวงเวียนใหญ่ สีลม ลุมพินี ราชประสงค์ มาบุญครอง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อโศก ลาดพร้าว เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสิน วงเวียนใหญ่ เวลา 10.10 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้ไปพบปะและนำมวลชนเดินทางจากบริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ ไปยังถ.สีลม ซึ่งเป็นเวทีแรกที่นายสุเทพ จะเดินทางไปถึง โดยก่อนหน้านี้ได้ทำการสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ ก่อนจะกล่าวเชิญชวน และระดมมวลชนจากฝั่งธนบุรี ให้เคลื่อนขบวนมาสมทบที่เวทีสีลม

ขบวนของนายสุเทพ ได้เดินข้ามสะพานตากสินโโยมีมวลชนตามมายาวเหยียด เมื่อมาถึงบริเวณ สถานีรถไฟฟ้าตากสิน โดยระหว่างทางได้มีประชาชนยืนรอให้กำลังใจ มอบดอกไม้ และเงินสด ทั้งธนบัตรไทยและต่างชาติ เพื่อสนับสนุนการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลด้วย

เวลา 13.21 น. ขบวนนายสุเทพ เข้าสู่ถนนสีลม เพื่อไปยังเวทีสวนลุมพินี ที่นายสุเทพ จะขึ้นปราศรัยเป็นจุดแรก โดยมีมวลชนเข้าร่วมชุมนุมอย่างคับคั่ง

นายสุเทพ กล่าวว่าวันนี้ตั้งเป้าจะมีมวลชนเข้าร่วมชุมนุมกว่า 2 ล้านคน ในการเรียกร้องให้นายกฯรักษาการลาออกจากตำแหน่ง พร้อมทั้งให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ส่วนการที่พรรคประชาธิปัตย์ มีมติไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.นั้น ตนไม่ทราบว่านายกฯ คิดอย่างไร แต่คิดว่าประชาชนที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งกรุงเทพฯ และภาคใต้ คงตัดสินใจง่ายขึ้น เพราะยังไม่อยากให้มีการเลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายสุเทพ ถึงสวนลุมพินี ก็ได้ขึ้นปราศรัย ยืนยันจะต่อสู้เคียงข้างกันจนกว่าจะชนะ ขณะนี้ประชาชนออกมาร่วมต่อสู้กันหมดแล้ว เหลือเพียงแต่พี่น้องทหาร ตำรวจเท่านั้น พร้อมขอบคุณประชาชน ที่มาร่วมกันแสดงพลัง ก่อนจะนั่งพักรับประทานอาหาร บริเวณหลังเวที และเดินทางต่อ

**เรียกร้องตำรวจยืนข้างประชาชน

เวลา 15.41 น. นายสุเทพ ได้เดินทางมาถึงเวทีแยกราชประสงค์ ภายหลังนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มาจากเวทีสวนลุมพินี และเวทีแยกอโศก โดยขึ้นปราศรัยระบุ พลังประชาชนวันนี้ ยิ่งกว่าวันที่ 9 ธ.ค.เสียอีก เป็นการพิสูจน์คนไทยขจัดความกลัวออกจากหัวใจแล้ว ประเทศไทยต้องอยู่รอด ระบอบทักษิณต้องหมดไป อย่างแน่นอน ราชประสงค์ เมื่อหลายปีมีการฆ่ากัน เผาบ้านเผาเมือง ต่อสู้เพื่อคนที่อยู่ดูไบ และวันนี้สถานที่เดียวกัน คนมาเป็นล้าน ไม่มีการเผา ไม่มีการฆ่า พวกเราไม่ได้มาต่อสู้เพื่อใคร แต่ทำเพื่อชาติของเรา เรายึดหลักอหิงสาสู้ด้วยมือเปล่า และหัวใจที่ยิ่งใหญ่ จะรวมกำลังคนทั้งชาติสามัคคีเพื่อแผ่นดิน และไม่ยอมแพ้เด็ดขาด เราจะต่อสู้จนกว่ายิ่งลักษณ์จะออกไป

นายสุเทพ กล่าว่า ที่เรามาตรงนี้ใกล้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ได้เห็นจำนวนคนจะได้รายงานอย่างถูกต้อง ขอบอก พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เราสู้อย่างสันติ อย่าบังอาจปราบปรามประชาชน เพราะถ้าบังอาจทำ พล.ต.อ.อดุลย์ จะเดินบนถนนในประเทศไทยไม่ได้อีกต่อไป เราไม่ได้รังเกียจตำรวจชั้นผู้น้อย จงมาเป็นพวกของประชาชน และของบอกถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ว่าจะหน้าด้านยังไงประชาชนไม่ถอยอีกแล้ว จะต้องออกไป ขอให้ได้รีบไตร่ตรอง และระงับการเลือกตั้งเสีย เพราะประชาชนยืนยันว่า ต้องปฏิรูปก่อน ไม่ต้องฟัง พ.ต.ท.ทักษิณ

**มวลชนชุมนุมมากที่สุดในโลก

ต่อมาเวลา 18.56 น. นายสุเทพ ขึ้นเวทีปราศรัยที่ราชดำเนิน โดยกล่าวขอบคุณผู้ชุมนุมที่มาร่วมชุมนุม ได้แสดงออกว่ารักประเทศไทยอย่างสุดหัวใจ วันนี้ได้ขจัดความกลัว เหลือไว้แต่ความรักชาติรักแผ่นดิน ซึ่งอยู่เหนือความกลัว ที่ผ่านมาคนปรามาสว่า นัดให้ตายคนก็ไม่มากกว่าวันที่ 9 ธ.ค. แต่วันนี้พิสูจน์แล้วว่า คนมาเยอะกว่า ไม่ว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.รส. จะรายงานว่ามาเพียง 1.5 แสนคน หรือรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะทำตัวเลขให้สื่อต่างประเทศและผู้นำต่างประเทศก็ตามใจ เพราะภาพที่ปรากฏวันนี้หลอกฝรั่งตาน้ำข้าวได้ แต่หลอกคนไทยทั้งประเทศไม่ได้อีก ซึ่งตนจะรอดูสื่อเมืองไทยว่าจะรายงานเหตุการณ์วันนี้เป็นอย่างไร จะได้เห็นว่าสื่อเมืองไทยใจเป็นไท หรือเป็นทาส

ทั้งนี้ การออกมาวันนี้มากันทั้งแผ่นดิน ทุกจังหวัด ทุกภาคของประเทศ ด้วยหัวใจที่รักชาติรักแผ่นดิน และเพื่อขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรักษาการ วันนี้จะต้องเป็นวันที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่า เป็นวันที่พลเมืองดีลุกขึ้นมาต่อสู้มากที่สุดในโลก ยึดหลักสันติ สงบ มือเปล่าไม่มีอาวุธ แบบอหิงสาจริงๆ โลกจะต้องยกย่องพี่น้องชาวไทยวันนี้ตลอดไป ลูกหลานชาวไทยในวันข้างหน้าจะได้เรียนรู้ว่า ได้มีคนลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อแผ่นดิน เป็นเสรีชน ซึ่งเราออกมาชุมนุมวันนี้มากที่สุดเพื่อที่จะยืนยันเจตนารมณ์ว่าต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ และมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่ใช่แบบอื่น และยืนยันว่าต้องการปฏิรูปประเทศไทยก่อนเลือกตั้ง

“ถ้ารัฐบาลนี้และกกต. ยังดึงดันที่จะให้มีการเลือกตั้งต่อไป แสดงว่าเขาท้าทายประชาชนคนไทยทั้งประเทศ จะต้องเห็นดีกัน แล้วไม่ต้องมากล่าวหาว่าเราต่อต้านการเลือกตั้ง เราไม่ได้ต่อต้านการเลือกตั้ง แต่เราต้องการการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ ยุติธรรม ไม่มีการซื้อเสียง ไม่ให้พวกอัปรีย์เข้ามาเป็นใหญ่ในบ้านเมืองอีกต่อไป”นายสุเทพ กล่าว

** จวก"ชินวัตร"โกงทั้งโคตร

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ถ้าเราต้องการปฏิรูปประเทศไทยเสียก่อน เราจึงต้องทำให้เสร็จเรียบร้อยก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ถ้ายังดึงดัน ระบอบทักษิณอย่าเดินถนนออกมาพบประชาชนอีกเลย เพราะว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ หน้าด้าน ไม่ยอมลาออกโดยดี ทั้งที่ไม่มีความชอบธรรมทางกฎหมาย และทางการเมือง แต่กลับมามีข้ออ้าง ออกมาพูดว่า พวกเราไม่มีเหตุผล น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั่นแหละที่ไม่มีเหตุผล และยังทำลายระบอบประชาธิปไตย ซึ่งความเลวร้ายเกิดขึ้นตั้งแต่ ทักษิณ มายึดครองประเทศนี้ มีครอบครัวเป็นนายกฯ มา 3 คน และนอมินีอีก 1 คน ทำประเทศชิบหายทั้งสิ้น

ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ควรไปส่องกระจกดูว่า ประชาธิปไตยในประเทศไหนบ้างทุจริตเลือกตั้ง พอถูกจับได้ก็หน้าด้านเปลี่ยนพรรคการเมือง ซึ่งตนแนะนำว่า ให้ไปดูกำพืดคนในตระกูลเสียก่อน และที่กล่าวหาว่าไม่เคารพกฎหมาย แล้วทำไมไม่เคารพคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ทำไปไปว่าประชาชนคนดีๆ ที่ไปดูถูกเขา ถ้ารู้ว่าเป็นผู้วิเศษออกมาพูดก็จะยอมรับ แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชั่วและโกงแผ่นดินจึงไม่ยอมรับ แล้วไม่ต้องอ้างว่าสิ่งที่พวกเราทำไม่ถูกกฎหมาย เพราะรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นทรราช จึงมีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะออกมาขับไล่ และที่ออกมาด่าประชาชน จึงย้ำว่าไม่มีข้อต่อรอง ให้รู้ว่าคนที่โกง ไม่เคารพประชาธิปไตย ไม่ฟังเสียงประชาชน ยังอยู่ต่อไปก็ให้มันรู้ไป

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ตนขอยกย่องหัวใจที่ยิ่งใหญ่ของพี่น้องประชาชนทั้งหลาย ซึ่ง ธรรมะต้องชนะอธรรมเสมอ และขอยืนหยัดว่าจะต่อสู้ต่อไป และไม่ต้องถามว่าจะจบลงเมื่อไร จนกว่าคนพวกนี้จะหมดอำนาจ และเข้ามาจัดการประเทศด้วยมือประชาชน เรายืนยันชัดเจนว่าต้องการปฏิรูปการเลือกตั้ง เพราะเราไม่ต้องการกติกาแบบเดิมแล้ว ได้คนชั่วเข้ามาเป็นรัฐบาลแบบเดิม เข้ามาโกงกินแบบเดิม และเพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หน้าด้าน กอดเก้าอี้ เราจึงออกแรงมาขับไล่ วันนี้เป็นวันอาทิตย์ มวลมหาประชาชนออกมาแสดงมติหลายล้านคน มากกว่าวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา ถ้ามันยังไม่ออก วันนี้เราปิดกรุงเทพฯ เพียงครึ่งวัน คราวหน้าเราจะปิดกรุงเทพฯ ทั้งวัน และเอาวันทำงาน ไม่ใช่วันเสาร์ อาทิตย์ ถ้าปิดกรุงเทพฯ วันเดียวมันอยู่ได้ เรา ก็จะปิดกรุงเทพฯ มัน 7 วัน

** จี้ข้าราชการเลิกรับใช้ทรราช

พี่น้องไม่อยากให้เสียหาย ไม่อยากให้เดือดร้อน เรามาชุมนุมครึ่งวัน นึกว่าข้าราชการ ตำรวจ ทหารจะมีสติกดดันรัฐบาลบ้าง แต่ก็ยังไม่เห็นใจประชาชน วันนี้ประชาชนเอาชีวิตเป็นเดิมพัน อยากถามว่าหัวใจข้าราชการอยู่ตรงไหน สู้กันมาจนจะสิ้นปีอยู่แล้ว ทำทุกอย่างสันติ สงบ ถ้าข้าราชการยังดูดายอย่าโทษประชาชนก็แล้วกัน เพราะต้องทำโดยวิธีประชาชน ถ้ายังดึงดันอยากจะรับใช้ระบอบทักษิณต่อไป จะให้ประชาชนไม่ต้องยกมือไหว้ เป่านกหวีดใส่เหมือนกัน เพราะพวกคุณนอนฟูกอยู่ที่บ้าน กินอาหารดี ประชาชนสู้เพื่อชาติ นอนกลางดิน กินกลางถนน แต่พวกเขาทำ ต่อไปนี้ข้อเรียกร้องของประชาชนจะเข้มข้นขึ้น ถ้าในเวลาที่จำกัดข้าราชการยังจงรักภักดีกับระบอบทักษิณ ตนจะนำประชาชนปฏิวัติประชาชนสมบูรณ์แบบ

“ขอประกาศเป็นสัจจะวาจา ว่าประชาชนหลายล้านคนเหล่านี้ ที่ลุกขึ้นมาทั้งประเทศ จะไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว สู้ให้มันตายไปทั้งหมดทั้งประเทศ ดีกว่าอยู่เป็นขี้ข้า”นายสุเทพ กล่าว
เราจะให้เวลาข้าราชการระยะหนึ่ง ถ้าเราทำทุกอย่างแล้วยังไม่สามารถเปลี่ยนใจเขาได้ แล้วยังสมัครใจรับใช้ระบอบทักษิณต่อไป เราจะทำปฏิวัติด้วยอำนาจของรัฐธรรมนูญ อาศัยรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 ถ้าไม่ให้ดีๆ จะชิงคืน และจะได้เห็นกันไม่ช้านี้ คนอื่นยังสุขสบายกันอยู่ ส่วนเรามากินข้าวกลางถนน สู้เพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน และสู้เพื่อลูกมันด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายสุเทพ ได้ก้มลงกราบบนพื้นของเวทีราชดำเนิน พร้อมกล่าวขอบคุณหัวใจของประชาชนที่ออกมาร่วมต่อสู้ในวันนี้ นอกจากนี้ นายสุเทพ ยังกล่าวอีกว่า ในคืนนี้ให้มวลชนรวมตัวไปนอนกันที่สถานที่รับสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งอยู่ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง แต่จะไม่เข้าไปข้างใน หากมีการย้ายสถานที่เลือกตั้ง ก็จะตามไป แล้วถ้าวันที่ 2 ก.พ. น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังไม่ออก จะไม่มีการเลือกตั้ง เพราะจะปิดทั้งเมือง และทุกจังหวัด

** "กบฏดอกไม้" บุกบ้านนายกฯ

เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (22 ธ.ค.) ที่เวทีการชุมนุม กปปส. ที่ถนนราชดำเนิน น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์? น.ส.อัญชะลี ไพรีรักษ์ แกนนำ กปปส. และ ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการอิสระด้านสื่อสารมวลชน และการประชาสัมพันธ์ ได้เริ่มตั้งขบวนเพื่อเดินทางไปชุมนุมและทำกิจกรรม ที่บริเวณหน้าบ้านพักของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ ซอยโยธินพัฒนา 3 กรุงเทพฯ เพื่อแสดงสัญลักษณ์ของพลังหญิง และนำดอกไม้จันทน์ ไปมอบให้พร้อมกับอ่านแถลงการณ์ขอร้องให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลาออกจากรักษาการนายกรัฐมนตรี

ขณะที่ปากซอยโยธินพัฒนา 3 มีรายงานว่า มวลชนบางส่วนที่ไปรวมตัวรอขบวน ทางเข้าบ้านของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และได้ฝ่าด่านตรวจ และแนวกั้นของตำรวจจากบริเวณถนนหน้าปากซอย เข้าไปยังภายในบริเวณซอย แต่ยังไม่ถึงตัวบ้านของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยได้เคลื่อนย้ายรถคุมผู้ต้องขังพ้นการกีดขวาง โดยไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น ขณะที่ตำรวจได้ปรับแนวโดยวางกำลังขนานไปกับซอยโยธินพัฒนา 3 และตั้งจุดสกัดใหญ่บริเวณกลางซอย

อย่างไรก็ตาม มีเหตุการณ์ที่ นายยิ้ม ตาสว่าง แกนนำย่อยคนเสื้อแดง ที่ได้แฝงตัวเข้ามาสังเกตุการณ์ถูกการ์ดของกปปส. ซึ่้งยืนป้องกันเหตุให้มวลชนจับกุมพร้อมเชิญออกนอกพื้นที่ เพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดจนถูกทำร้ายด้วย ขณะที่มีรายงานว่า น.ส.สุมนต์รัตน์ วัฒนาเศลารัตน์ หรือ ปีใหม่ นักแสดง และ น.ส.ปฏิญญา ควรตระกูล หรือ ต๊อบ นักธุรกิจ ได้มารอมวลชนอยู่ที่บริเวณดังกล่าวด้วยเช่นกัน

เวลา 11.16 น. ที่ซ. โยธินพัฒนา 3 มีรายงานว่า ผู้ชุมนุม กปปส. ที่มารอขบวนใหญ่ซึ่งเคลื่อนมาจากเวทีราชดำนเนิน ได่ผ่านแนวกั้นรถผู้ต้องขังที่สองได้ มุ่งหน้าบ้านรักษาการนายกฯ ประมาณ 2 ก.ม. ขณะที่ขบวนใหญ่ได้เดินทางถึงแยกมิตรสัมพันธ์ พร้อมพักเป็นเวลา 10 นาที

เวลา 13.40 น. ขบวนรถของ ดร.เสรี ได้เดินทางมาถึงหน้าปากซอยโยธินพัฒนา 3 แล้ว โดยกำลังมุ่งหน้าไปสู่หน้าบ้านพักนายกรัฐมนตรีรักษาการ และได้เข้ามาถึงหน้าบ้านพักเมื่อเวลา 13.48 น.

ดร.เสรี ขึ้นปราศรัยขอบคุณตำรวจไม่ขวางกลุ่มผู้ชุมนุม ตนเชื่อว่าตำรวจไม่คิดทำร้ายประชาชน ซึ่งถ้าเราทำสำเร็จผลประโยชน์ก็จะตกอยู่กับตำรวจที่ไม่ต้องวิ่งเต้นเพื่อตำแหน่งอีกต่อไป พร้อมอ่านแถลงการณ์ ถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยระบุว่า ตลอดเวลาตั้งแต่ 2544 ที่ผ่านมา พี่ชายของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ทำสิ่งชั่วร้ายหลายอย่าง เพราะมีการทุจริต คอร์รัปชัน อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังสร้างความแตกแยกด้วยการบอกว่า จังหวัดไหนเลือกเพื่อไทย ก็ได้งบประมาณก่อนจังหวัดที่ไม่ได้เลือก นอกจากนี้ยังมีการทำลายการตรวจสอบด้วยการครอบงำ สื่อมวลชนและองค์กรอิสระ เป็นพฤติกรรมที่ต้องการรวบรวมประเทศไทยไปเป็นของตัวเองโดยปราศจากการตรวจสอบคานอำนาจ

"เมื่อพี่ชายของคุณยิ่งลักษณ์ พ้นตำแหน่งไปเพราะรัฐประหาร ก็ไม่สำนึกผิด ให้ร้ายประเทศไทยมาตลอด คนไม่สำนึกผิดแบบนี้ ยกโทษให้ไม่ได้ มีการสั่งการให้ผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อรวบอำนาจให้มีสภาผัวเมีย ทำลายอำนาจในการตรวจสอบ ทำให้เกิดเผด็จการในรัฐสภา เป็นการเหิมเกริมไม่เห็นหัวประชาชน" ดร.เสรี กล่าว

ดร.เสรีกล่าวอีกว่า แม้จะมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญให้ตรวจสอบและมีคำวินิจฉัยออกมา แต่ฝ่ายรัฐบาลก็ออกมาแถลงว่า ไม่ยอมรับคำวินิจศาล ฉะนั้นรัฐบาลนี้เป็นโมฆะ ไม่มีความชอบธรรมแล้วและขอเรียกร้องให้ลาออกไป เพื่อให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ ระหว่างที่ ดร.เสรี กำลังอ่านแถลงการณ์ ได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้น ภายหลังมีรายงานอ้างว่า ตำรวจที่ประจำการ 1 นาย ตบหน้าผู้ร่วมชุมนุมหญิง 1 ราย โดย น.ส.อัญชะลี พยายามที่จะให้ผู้ชุมนุมออกมาจากพื้นที่ลานจอดรถของบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขณะที่ดร.เสรี ขึ้นปราศรัยอีกครั้งว่า ใครต้องการที่จะทะเลาะกับตำรวจไม่ใช่พวกเรา ถือว่าเป็นมือที่ 3 ซึ่งล่าสุด น.ส.อัญชะลี ได้เดินลงไปเชิญผู้ชุมนุมออกจากบริเวณลานจอดรถทั้งหมดเพื่อให้ไม่เกิดการกระทบกระทั่งกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากอ่านแถลงการณ์แล้ว น.ส.อัญชะลี ได้ประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนกลับไปยังเวทีชุมนุมราชดำเนิน

**"หลวงปู่พุทธอิสระ"นำแนวร่วม พธม.เดิน

ช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยส่วนหนึ่งได้นัดแนะกันที่หน้าห้างพาต้า ปิ่นเกล้า เพื่อเดินเท้าข้ามสะพานพระราม 8 มายังหน้าทำเนียบรัฐบาล และไปร่วมกับส่วนต่างๆนำโดย หลวงปู่พุทธอิสระ จากวัดอ้อน้อย

ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ ตลอดในช่วงเช้า ได้มีประชาชนผู้สนับสนุนพรรคทยอยเดินทางมาสมทบที่ลานพระแม่ธรณีบีบมวยผม หลังจากทราบข่าวว่า จะมีสมาชิกพรรคร่วมเดินจากที่ทำการพรรคถนนเศรษฐศิริ ไปสมทบผุ้ชุมนุมทึ่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในเวลา 12.30 น. โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมอดีต ส.ส.พรรคส่วนหนึ่ง อาทิ นายสุทัศน์ เงินหมื่น นายอภิวัฒน์ เงินหมื่น นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู นายสมบัติ ยะสิน นายนิพนธ์ วิสิษฐยุทธศาสตร์ นายไชยวัฒน์ ไตรยะสุนันท์ นำชาวบ้านส่วนหนึ่ง ตั้งแถวที่พรรคประชาธิปัตย์ ออกเดินไปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ทั้งนี้ นายชวนได้กล่าวถึงกรณีที่ นายกรัฐมนตรี ขอให้ทุกพรรคยืนยันร่วมเดินหน้าสภาปฏิรูปหลังเลือกตั้งภายใน 2 ปี ว่า ปัญหาการปฏิรูปอยู่ที่การปฏิบัติ ซึ่งรัฐบาลระบุว่า ทุกฝ่ายต้องเคารพกฎหมาย แต่ในความเป็นจริง คนที่ไม่ปฏิบัติ และไม่เคารพกฎหมายก็คือรัฐบาลเสียเอง อีกทั้งไม่ยอมรับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และเลือกปฏิบัติ ซึ่งที่ผ่านมาการปฏิรูป และประชาธิปไตยที่กล่าวถึง เป็นเพียงทฤษฎีที่พูด แต่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องรวมทั้งรัฐบาล ไม่ยอมปฏิบัติตาม

ขณะเดียวกัน นายชวนยังได้มีการแจกองค์จตุคามรามเทพแก่ประชาชนก่อนที่จะมีการเดินขบวนร่วมกัน

**กกต.ยันไม่เลื่อน -ไม่ย้าย

เมื่อวานนี้ (22ธ.ค.) มีการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นัดพิเศษ ก่อนจะถึงวันเปิดรับสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. แถลงภายหลังการประชุมว่า ได้มีการพิจารณาถึงสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ในวันสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 23 - 27 ธ.ค. ที่อาคารกีฬาเวสน์ ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง รวมถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา ซึ่งคาดว่าจะมีผู้มาชุมนุมอยู่ในที่สมัคร พอสมควร โดยได้กำชับไปยังฝ่ายที่ดูแลความปลอดภัยว่า จะไม่อนุญาตให้ใช้ความรุนแรงใดๆ กับผู้ที่มาชุมนุม และให้ดูความปลอดภัยของบุคคลฝ่ายต่างๆ รวมถึงการดูแลทรัพย์สินของทางราชการ ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง มีมติยืนยันกำหนดการเดิมตามพระราชกฤษฎีกา เปิดรับสมัครตั้งแต่ 23-27 ธ.ค.ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ใดๆ หากมีพรรคการเมืองไม่สามารถเข้าไปในสถานที่รับสมัคร ก็จะมีมาตรการในการรองรับ โดยจะประสานกับพรรคการเมืองต่าง ๆ เพื่อให้มีระบบในการยืนยันว่า มาถึงสถานที่รับสมัครก่อนเวลา 08.30 น. เพื่อรักษาสิทธิในการจับสลาก และมั่นใจว่า มาตรการที่วางไว้จะเกิดความเป็นธรรม และจะเกิดความเรียบร้อย จึงไม่มีความกังวลใดๆ

ทั้งนี้ กกต.มีหน้าที่ในการรับสมัครให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่การให้ข้อมูล หรือดูแลความเรียบร้อย หรือการดูว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ ถือเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

อย่างไรก็ตาม มีการขอสนับสนุนกำลังทหาร แต่อาจไม่ได้ใช้ เพราะมาตรการที่เตรียมไว้ อาจจะไม่ต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทั้งหมดด้วยซ้ำ

"เรามีมาตรการในการที่จะทำให้การสมัครเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเสร็จสิ้นได้ตามกำหนดเวลา คือ วันที่ 27 ธ.ค. เวลา 16.30 น. ไม่มีสถานที่รับสมัครสำรอง ไม่มีการเลื่อนวันสมัคร ซึ่งระบบการรับสมัครที่เราสร้างขึ้น เชื่อว่าจะทำให้การสมัครรับเลือกตั้งสำเร็จได้ โดยยืนยันว่า เป็นระบบที่ถูกต้องตามกฎหมาย และสามารถสร้างความเป็นธรรมให้กับพรรคการเมือง ที่เดินทางมาก่อนเวลา 08.30 น. แต่ทั้งนี้ ไม่สามารถที่จะเปิดเผยรายละเอียดของระบบที่ทำขึ้นว่าจะเป็นอย่างไร”นายสมชัย กล่าว และว่า กำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย อาจจะมีจำนวนมากกว่าปกติอยู่บ้าง ในส่วนของกำลังทหารก็มีการขอไว้ แต่คิดว่าอาจจะไม่ได้ใช้

ด้านนายภุชงค์ นุตราวงศ์? เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ในทางปฏิบัติ ผู้สมัครในระบบบัญชีรายชื่อ ไม่จำเป็นต้องมาทุกคน อาจเป็นหัวหน้าพรรคคนเดียว หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย นำเอกสารการสมัครของผู้สมัครฯทุกรายมายื่น พร้อมกับใบรับรองของหัวหน้าพรรค ก็สามารถสมัครรับเลือกตั้งได้แล้ว

** ใช้วิธีรับสมัครโดยไปแจ้งความที่ สน.

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับระบบการรับสมัครที่ กกต.คิดขึ้นไว้ ในกรณีที่หากเกิดการปิดล้อมสถานที่รับสมัคร จนพรรคการเมืองไม่สามารถเข้าไปยังสถานที่รับสมัครได้นั้น ก็คือ หากในวันสมัคร พรรคการเมืองเดินทางมาเพื่อยื่นสมัครแล้ว ไม่สามารถสมัครได้ ก็ให้พรรคการเมืองเดินทางไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจ เพื่อลงบันทึกไว้ โดย กกต.จะเอาบันทึกแจ้งความที่พรรคการเมืองได้แจ้งไว้ก่อนเวลา 08.30 น. เป็นหลักฐานว่า พรรคการเมืองใดบ้าง ที่มาถึงสถานที่รับสมัครก่อน เวลา 08.30 น. จากนั้นก็จะให้พรรคการเมืองยื่นหลักฐานการสมัคร โดย กกต.จะออกใบรับให้ก่อน และเมื่อกกต. ตรวจเอกสารการรับสมัครว่า ครบถ้วนแล้ว หลังจากนั้นก็จะเรียกพรรคการเมืองที่มาก่อน เวลา 08.30 น.มาชำระเงิน และจับหมายเลขผู้สมัครที่แต่ละพรรค จะได้ไว้ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งการจับหมายเลขนั้น กกต.จะนัดสถานที่ และวันจับหมายอีกครั้งภายหลัง ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในช่วงวันท้าย ๆ ก่อนการปิดรับสมัคร ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อก็ได้

“สมมุติว่าวันสมัครวันแรก ก่อนเวลา 08.30 น. มีพรรคการเมืองเดินทางไปที่สถานที่รับสมัครก่อนเวลา 08.30 น. และเข้าไม่ได้แล้วไปแจ้งความไว้รวม 10 พรรค กกต.ก็จะถือว่า หมายเลข 1-10 นี้ กกต.จะเก็บไว้ให้กับ 10 พรรคการเมืองนี้ จับภายหลังจากที่ได้ตรวจสอบเอกสารการสมัครแล้วเสร็จ ขณะที่หลังเวลา 08.30 -16.30 น. หากมีพรรคการเมืองมายื่นสมัคร และสมัครไม่ได้อีก กกต.ก็จะใช้วิธีเดียวกัน โดยหมายเลขที่แต่ละพรรคจะได้ ก็จะดูจากเวลาที่บันทึกอยู่ในใบแจ้งความ ซึ่งระบบนี้ กกต.เชื่อว่าจะคงความเป็นธรรมให้กับพรรคการเมืองที่ต้องการได้หมายเลขประจำพรรคดี ๆ จึงต้องมาก่อนเวลา 08.30 น. ได้ “ แหล่งข่าว กล่าว

อย่างไรก็ตาม กกต.ยังประเมินว่า อาจจะมีพรรคการเมืองที่สามารถเข้าไปยังสถานที่รับสมัครอาคารกีฬาเวสน์ 2 ได้ และเพื่อเป็นการป้องกันมิให้เกิดปัญหาว่า เจ้าหน้าที่ของ กกต.ถูกกั้นไม่ให้เข้าไปทำหน้าที่รับสมัครได้ ทางสำนักงานจึงได้ให้เจ้าหน้าที่กกต. ที่จะต้องทำหน้าที่เกี่ยวกับการรับสมัครราว 40 คน เข้าพักค้างภายในอาคารกีฬาเวสน์ ตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค. ส่วนเจ้าหน้าที่ที่จะเดินทางไปสมทบได้มีการกำหนดให้เดินทางมาพร้อมกัน ที่สำนักงานกกต.และออกเดินทางไปพร้อมกันในเวลา 04.30 น. ส่วน กกต. 5 คนนั้น ทางสำนักงานจะดูเหตุการณ์ในช่วงเช้าก่อนว่ามีความหนักหน่วงแค่ไหน แล้วจึงค่อยเสนอกรรมการว่าสามารถเดินทางเข้าไปยังสถานที่รับสมัครได้หรือไม่

**โวยรัฐส่ง ตร.ปราบจลาจลเข้ากีฬาเวสน์

อย่างไรก็ตาม ก่อนการประชุม นายสมชัย ได้ให้สัมภาษณ์ว่า กกต. ไม่ได้ขอตำรวจปราบจลาจล ไปสแตนบายด์ ที่อาคารกีฬาเวสน์ ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่นดินแดง สถานที่รับสมัครผู้สมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ โดยตนไม่ทราบ เรื่องที่เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. มีตำรวจปราบจลาจลเข้าไปในอาคารกีฬาเวสน์ ทั้งนี้ ตนเห็นว่าหากรัฐบาลจะส่งใครเข้าไป ควรประสาน กกต.ก่อน เพราะกกต.ได้แถลงข่าวแล้วว่าจะไม่ร้องขอตำรวจปราบจลาจล

นายสมชัย กล่าวด้วยว่า ตนจะนำเรื่องนี้เข้าหารือที่ประชุมกกต. ซึ่งหากมีเหตุต้องย้ายที่รับสมัคร จะต้องมีขั้นตอนคือ 1. มีเหตุที่ทำให้การเปิดรับสมัครเกิดปัญหา 2. กกต.ต้องมีการประชุมและมีมติให้ย้ายสถานที่ 3. ต้องมีประกาศในราชกิจจานุเบกษาก่อน ให้ผู้สมัคร แต่ละพรรครับทราบ ไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนที่ก็เปลี่ยนทันที นั่นหมายความว่า ต้องเปิดรับสมัครอีกทีวันรุ่งขึ้น

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเช้าวานนี้ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะกำกับดูแล ศอ.รส.ได้เดินทางมาประชุมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อติดตามสถานการณ์ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า การประชุม ศอ.รส. ครั้งนี้ มีตัวแทนจาก กกต.เข้าร่วมประชุมด้วย ก่อนที่จะมีการเปิดรับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในวันนี้ (23 ธ.ค.)

**"จารุพงศ์" นำ พท.สมัครเลือกตั้งวันนี้

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ขณะนี้ทางพรรคได้เตรียมรายชื่อผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค 125 รายชื่อ เสร็จสิ้นแล้ว มีทั้งอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย โดยนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรค จะนำผู้สมัครไปยังสนามกีฬาไทยญี่ปุ่น-ดินแดง เพื่อลงสมัครในเวลา 08.30 น. วันที่ 23 ธ.ค. ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย และพร้อมจะรับฟังความเห็นของประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง ส่วนการรณรงค์หาเสียง ได้เตรียมนโยบาย ทั้งการนำประเทศไปสู่การปฏิรูปการเมือง การแก้ปัญหาปากท้องฯลฯ โดยภายหลังจากลงสมัครจะพร้อมหาเสียงได้ทันทีก่อนจะถึงช่วงปีใหม่นี้

นายพีระพันธ์ พาลุสุข ปฏิบัติหน้าที่ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อยากให้ทุกคนยึดและเดินตามกรอบของกฎหมายรัฐธรรมนูญ เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้ว ก็เปรียบเหมือนการเริ่มต้นการแข่งขัน ทุกคนที่ต้องการอาสาเข้ามาเป็นตัวแทนของประชาชนก็ต้องลงสมัครรับเลือกตั้ง การที่พรรคประชาธิปัตย์บอยคอต ก็เป็นสิทธิ์ แต่อย่ามาขัดขวางการเลือกตั้ง แต่เท่าที่ทราบมีสมาชิก ปชป. หลายคน ทั้งภาคเหนือและอีสาน เตรียมลงสมัครพรรคอื่น ส่วนที่มีบางฝ่ายเป็นห่วงว่าพื้นที่ภาคใต้ จะมีปัญหาข้อกฎหมาย หาก ปชป.ไม่ส่งผู้สมัครนั้น ตามรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ชัดเจนว่า หากมีพรรคการเมืองเดียวส่งผู้สมัคร ต้องมีประชาชนในเขตพื้นที่ผู้มีสิทธิ์ออกมาใช้สิทธิ์ 20% แต่หากมีพรรคลงแข่งขัน แม้มีประชาชนมาใช้สิทธิ์แค่ 20 คน ก็ถือเป็นการเลือกตั้งที่ชอบธรรมแล้ว จึงคิดว่าการบอยคอตของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีปัญหาต่อการเลือกตั้ง ในวันที่ 2 ก.พ.57

นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา โฆษกพรรคชาติพัฒนา กล่าวถึงการประกาศบอยคอต ไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ทางพรรคยืนยันยังคงเดินหน้าตามกระบวนการในระบอบประชาธิปไตยต่อไป แต่ต้องขอรอดูท่าทีจากทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ที่มีการเรียกประชุมด่วนก่อน ว่าจะเดินหน้าจัดการเลือกตั้งต่อไป หรือจะให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อน

ผู้สื่อข่าวถามถึงการวางตัวบุคคลลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือไม่ นายชลิตรัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันเปิดรับสมัครวันที่ 23 ธ.ค.เลย หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คณะผู้บริหารของพรรคชาติพัฒนา นำโดย นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรคฯ จะนำคณะเดินทางไปสมัครและจับสลากหมายเลขด้วยตัวเอง

** จ่อเอาผิด “ธาริต” สั่งอายัดบัญชีมิชอบ

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ว่าที่รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่ ดีเอสไอ. แถลงอายัดบัญชีธนาคารของแกนนำ กปปส. นักวิชาการ และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ที่เข้าร่วมชุมนุมกับมวลชนว่า ในวันนี้ (23 ธ.ค.) ทางสมาชิกพรรคที่ถูกอายัดบัญชี จะประชุมร่วมกับทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อหาแนวทางการต่อสู้คดี และปกป้องสิทธิ์ของตนเอง เนื่องจากการดำเนินการของ ดีเอสไอ ไม่เป็นไปตามกฎหมาย และเชื่อว่า น่าจะทำโดยพลการ น่าจะได้รับอาณัติสัญญาณจากผู้ใหญ่ในบ้านเมือง อีกทั้งการกระทำของดีเอสไอ ยังแตกต่างจากการอายัดบัญชีกับผู้สนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง เมื่อปี 53 เนื่องจากครั้งนั้น ดีเอสไอ ทำตามคำสั่งของศาล ที่ระบุว่า การชุมนุมไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดกับรัฐธรรมนูญ แต่การชุมนุมของ กปปส.ในครั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยแล้วว่า การชุมนุมชอบด้วยกฎหมายไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ สงบปราศจากอาวุธ โดยมีเหตุผลจากการไม่ไว้วางใจการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล
“ดังนั้น เมื่อการชุมนุมชอบด้วยกฎหมาย ดีเอสไอ ก็ไม่มีอำนาจที่จะมาเล่นงานกลุ่มผู้สนับสนุนเช่นนี้ อีกทั้งการจะดำเนินการอายัดบัญชี ควรจะมีการดำเนินการสอบสวนก่อนว่า กลุ่มผู้สนับสนุนการเคลื่อนไหวทำสิ่งที่ผิดกฎหมายหรือไม่หากไม่ได้ทำผิดกฎ ไม่ควรอายัดบัญชี จึงเห็นว่าการกระทำของดีเอสไอ เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ”

นอกจากนี้ พวกตนจะพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายกับ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อไม่ให้มีพฤติกรรมในลักษณะเช่นนี้อีกต่อไป โดยคาดว่าจะร่วมกับฟ้องเป็นกลุ่มในส่วนของสมาชิกที่ถูกอายัดเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน.

** ตั้งจุดปฐมพยาบาลพื้นที่ชุมนุม 9 จุด

ที่โรงพยาบาลสงฆ์ กทม. นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมทีมแพทย์ฉุกเฉินเพื่อดูแลผู้ชุมนุมทางการเมือง ซึ่งมีการนัดชุมนุมใหญ่ มีเวทีปราศรัยใหญ่ 5 แห่ง เวทีเล็ก 10 แห่งว่า ขณะนี้ให้โรงพยาบาลทุกสังกัดทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่อยู่ใกล้เวทีปราศรัย ของผู้ชุมนุมและเส้นทางที่ผู้ชุมนุมเดินผ่าน ตั้งหน่วยปฐมพยาบาลบริเวณหน้าโรงพยาบาล และใกล้เวทีชุมนุม เพื่อบริการผู้ที่เจ็บป่วยเล็กน้อย ประสบอุบัติเหตุ หรือป่วยด้วยโรคประจำตัว เสริมการทำงานกับทีมอาสาสมัครที่ดูแลในพื้นที่การชุมนุม

สำหรับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินไปยังโรงพยาบาล ได้มีการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบตามแผนเอราวัณ 2 มีรถพยาบาลประจำจุดต่างๆ เพื่อส่งต่อผู้ป่วย โดยตั้งอยู่ในจุดที่รถพยาบาลสามารถรับ-ส่งผู้ป่วยได้สะดวก ขอความร่วมมือประชาชน ผู้ชุมนุมให้เปิดช่องทางเข้า-ออกโรงพยาบาลทุกแห่งทั้งรัฐ-เอกชน เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยฉุกเฉิน โดยเตรียมแผนสำรองการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส กรณีมีปัญหาการจราจร โดยมีจุดนัดรถพยาบาลมารับที่สถานีสนามเป้า เอกมัย และสุรศักดิ์มนตรี เพื่อให้รถพยาบาลไปรับผู้ป่วยก่อนที่จะส่งต่อไปโรงพยาบาลที่กำหนด

นพ.สุพรรณ กล่าวอีกว่า หากมีปัญหาจราจรในเส้นทางลำเลียงผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลในเขตกรุงเทพมหานคร ได้เตรียมพร้อมโรงพยาบาลในเขตปริมณฑลที่เดินทางสะดวก เช่น นครปฐม ปทุมธานี สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา เป็นต้น สำหรับทีมอาสาสมัครที่เข้ามาจากต่างจังหวัด เพื่อร่วมดูแลผู้ผู้ชุมนุมด้านสุขภาพอนามัย หากมีปัญหาเรื่องเส้นทางการส่งต่อผู้ป่วยที่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล ขอให้ประสานได้ที่ศูนย์เอราวัณ 1646 หรือกองอำนวยการโรงพยาบาลสงฆ์ 082-645-1871 หรือศูนย์กู้ชีพนเรนทร ราชวิถี เบอร์โทร 02-354-8222 ตลอด 24 ชั่วโมง จะมีทีมเข้าไปไปช่วยเหลือทันที

ด้าน นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันแก้ไขปัญหาสาธารณภัยด้านการแพทย์และสาธารณสุข (ส่วนหน้า) กล่าวว่า สธ.ร่วมกับโรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าและมูลนิธิร่วมกตัญญูและป่อเต็กตึ้ง ได้ตั้งจุดปฐมพยาบาลไว้ 9 จุด ดังนี้ 1.อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยโรงพยาบาลราชวิถี 2.ถนนราชวิถี หน้าโรงพยาบาลมงกุฎเกล้าๆดูแล 3.โรงพยาบาลรามาธิบดีๆดูแล 4.แยกอุรุพงษ์ โดยโรงพยาบาลรามาธิบดี 5.แยกพญาไท โดยโรงพยาบาลสงฆ์ 6.สามเหลี่ยมดินแดง โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ 7.แยกราชปรารภ โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติฯ 8. แยกราชเทวี โดยสถาบันประสาทวิทยา 9.แยกสีลม-บางรัก โดย โรงพยาบาลเลิดสิน สถาบันโรคทรวงอกและโรงพยาบาลสมุทรสงครามดูแล

***สุเทพประกาศเคลื่อนรวมตัวไทย-ญี่ปุ่น

เมื่อเวลา 20.00น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้ประกาศบนเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินว่า ขอให้ประชาชนทุกคนร่วมกันเคลื่อนขบวนไปรวมตัวบริเวณอาคารกีฬาเวสฯ 2 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเปิดรับสมัครบุคคลลงเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อในวันนี้ (23 ธ.ค.) โดยจะปิดล้อมบริเวณด้านหน้าเท่านั้น จะไม่บุกรุกเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อให้เลื่อนวันเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ออกไปก่อน และให้ดำเนินการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงการเมืองประเทศไทยเสร็จสมบูรณ์ก่อนหาก กกต.ยังเดินหน้าจัดการเลือกตั้งทั่วไป และหากมีการย้ายสถานที่รับสมัครบุคคลลงเลือกตั้งไปยังพื้นที่ใดก็ตามจะเดินขบวนไปชุมนุมปิดล้อมทุกพื้นที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส. บางส่วนเริ่มได้เริ่มเดินทางไปค้างคืนและปิดล้อมบริเวณอาคารกีฬาเวสฯ 2 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น (ดินแดง) แล้ว.
กำลังโหลดความคิดเห็น