เมื่อเวลา12.00 น.วานนี้ (26ธ.ค.) ที่สำนักแขวงการทาง จ.เชียงใหม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ท้าดีเบต ระหว่างสภาปฏิรูปประเทศไทยของรัฐบาล กับ สภาประชาชน ว่า ตนไม่ใช่คู่ดีเบตด้วย เพราะเวทีที่เสนอขึ้นมานั้น เพื่อรับฟังข้ดคิดเห็น เป็นเวทีสาธารณะ และอยากเชิญ กปปส. มาดีเบตในเวทีสภาปฏิรูปประเทศ ที่เป็นเวทีสาธารณะ ที่เป็นกลางดีกว่า
เมื่อถามว่า นายสุเทพ ระบุว่า คณะกรรมการสภาปฏิรูปประเทศ ที่รัฐบาลตั้งขึ้น 11 คน มี 8 คน ที่นายกฯ ควบคุมได้ สุดท้ายก็กลับเข้าสู่ระบอบทักษิณเหมือนเดิม นายกฯ กล่าวว่า ต้องเรียนว่าในข้อเสนอนั้น คณะกรรมการทั้ง 11 คน ที่เสนอนั้น เป็นเพียงผู้ที่จะบอกว่า สัดส่วนต่างๆ ใน 2,000 คนนั้น ประกอบไปด้วยใครบ้าง คณะกรรมการชุดนี้ ไม่มีหน้าที่กำหนดว่าจะเป็นใคร เพื่อให้แน่ใจว่า ในกลุ่มผู้ที่จะมาคัดเลือก 2,000 คน มีการกระจายทุกกลุ่ม ทุกสาขาอาชีพเท่านั้นเอง และทุกสาขาอาชีพ ก็ต้องเสนอตนเอง อาสาเข้ามาเป็นตัวแทนในเวทีสภาปฏิรูปประเทศ ซึ่งการเลือก ก็ไม่ใช่ 11 คน เพราะ 2,000 คน จะเลือกคณะที่จะมาทำงานในเวทีสภาปฏิรูปฯ 499 คนเอง โดยที่จะไม่เกี่ยวกับ 11 คนเลย รัฐบาลไมได้เข้าไปเกี่ยวข้องเลย เป็นเวทีสาธารณะจริงๆ ทางเจ้าหน้าที่ก็เพียงทำหน้าที่อำนวยความสะดวก เพื่อให้เกิดกลไกเท่านั้น แต่การคัดเลือกจะคัดเลือกจากผู้ที่เสนอตัวเข้ามาสมัครไปเป็นตัวแทนของแต่ละกลุ่มสาขาอาชีพ
เมื่อถามว่า มั่นใจว่าเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดแล้วหรือยัง นายกฯ กล่าวว่าไม่เคยพูดอย่างนั้น เป็นเพียงข้อเสนอที่จะรับฟัง เพราะถ้าไม่มีข้อเสนอตั้งต้นเป็นกรอบโครงแล้ว ก็ไม่สามารถผลักดันเข้าสู่ขั้นตอนการปฏิบัติได้ รัฐบาลก็รับฟังจากข้อคิดเห็นหลายๆ ท่านว่า ในแต่ละเวทียังไม่มีแผนที่จะลงลึกในทางปฏิบัติ เราจึงได้เสนอขึ้นมา และยินดีที่จะรับฟัง ถ้าแนวทางนี้เห็นชอบได้เร็ว จะประกาศได้เร็ว แต่ถ้าหลายๆ ท่านยังมีข้อคิดเห็นต่างๆ ไม่ตรงกัน รัฐบาลก็ต้องรับฟังไปเรื่อยๆ เพราะอยากให้ประเทศมีทางออกได้เร็ว มีความสบายใจ เพราะแม้รัฐบาลที่มาหลังจากการเลือกตั้ง ก็สามารถดำเนินการต่อได้ ตามเจตนารมณ์ หรือจะปรับเปลี่ยนได้อยู่ เพราะ ณ วันนี้เราทำได้เต็มที่ในช่วงที่ก่อนจะมีรัฐบาล
เมื่อถามว่า การปิดล้อมสถานที่รับสมัครเลือกตั้ง รายงานข่าวว่า มีการใช้กระสุนจริง โดยเจ้าหน้าที่ก็ถูกยิง และมีการเดินทางไปปิดล้อมที่บ้านนายกฯ ด้วย จะต้องมีการประกาศขยายพื้นที่การประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า จากมติครม.ได้แค่ขยายเวลา พื้นที่ยังเป็นไปตามเดิม ขั้นตอนต่างๆให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้พิจารณา ได้บอกเจ้าหน้าที่ว่า ให้ดำเนินการตามหลักสากล และตามข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด ส่วนข่าวการใช้กระสุนจริง ต้องให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้พิสูจน์ ทั้งหมดเจ้าหน้าที่ทำตามขั้นตอน รัฐบาลไม่อยากเห็นความรุนแรงเกิดขึ้น อยากขอร้องทุกฝ่าย เพราะเจ้าหน้าที่ทำด้วยความอดทน ละมุนละม่อม ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการฟังจากการชี้แจงจาก ศอ.รส. อีกครั้งหนึ่ง
เมื่อถามว่าเหตุการณ์แบบนี้ ยังมั่นใจหรือไม่ว่า กระบวนการเลือกตั้ง จะเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ขอให้ผ่านไปทีละขั้นก่อน ที่ต้องมีกติกาทั้งหมด ด้วยการที่เราต้องมีข้อกติกา เข้าใจและเห็นใจข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม แต่ก็ขอผู้ชุมนุมมีความเข้าใจในส่วนของรัฐบาลด้วยว่า เราก็พยายามอย่างเต็มที่ แต่ในข้อเรียกร้องรัฐบาลไม่รู้ว่า จะปฎิบัติให้เกิดขึ้นให้เป็นรูปธรรมได้อย่างไร ก็เสนอให้มีสภาปฏิรูปแล้ว ถ้าคิดว่าเห็นไม่ตรงกัน ก็น่าจะมาพูดคุยกัน รัฐบาลไม่สามารถที่จะรับข้อเสนอของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยที่ไม่ฟังส่วนรวม เพราะฉะนั้น ก็ต้องเป็นหน้าที่ของเวที สาธารณะที่พูดคุยกัน เชิญชวนมาใช้เวทีพูดคุยกันเพื่อหาทางออกกันดีกว่า
เมื่อถามว่าดูเหมือนนายกฯ จะอัดอั้นกับปัญหาการเมืองในขณะนี้ คิดว่าจะสามารถประคับประคองตัวเอง อยู่ตรงนี้ได้นานแค่ไหน นายกฯ กล่าวว่า ตนมีหน้าที่ที่จะต้องทำ เราต้องประคับประคองอย่างดีที่สุด ภายใต้กรอบกฎหมายรัฐธรรมนูญ และทำอย่างละมุ่นละม่อม
เมื่อถามว่า คิดว่าตัวเองช้ำไปทั้งตัวหรือยัง ในวันนนี้ นายกฯ กล่าวว่า คงไม่ต้องถามความรู้สึกตัวเองอีกแล้ว วันนี้เลยความรู้สึกของตัวเองไปแล้ว วันนี้เรามีหน้าที่ปกป้องระบอบประชาธิปไตย เรามีหน้าที่ประคับประคองให้ประเทศหาทางออก เดินไปข้างหน้าได้
"แม้ว่าข้างหน้าถ้าเราเทียบเป็นถนน เราเห็นถนนอยู่ เป็นถนนที่ขรุขระ มีขวากหนาม แต่ก็ยังดีกว่าที่เราจะเลี่ยงถนนที่เรามีอยู่เส้นเดียว ที่ต้องเดินไปเดินในป่า ซึ่งเราไม่รู้ว่าตรงนั้นจะเป็นทางลัด หรือเป็นอะไร " นายกรัฐมนตรี กล่าว
** ม็อบข้าวโพดร้องยิ่งลักษณ์ช่วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.15 น. วานนี้ ที่บริเวณทางเข้าทางเข้า-ออก หมู่บ้านกรีนวัลเลย์ ซึ่งเป็นบ้านพักส่วนตัวของ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางมาพักระหว่างตรวจราชการที่ จ.เชียงใหม่ ได้มีกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรแม่แจ่ม นำโดย นายอุทัย บุญเทียม ประธานเครือข่าย เดินทางมาขอพบนายกฯ เพื่อยื่นเอกสารให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาราคาข้าวโพดตกต่ำ และขยายเวลาในการรับซื้อข้าวโพด จากเดิมสิ้นสุด 31 ธ.ค.56 ไปเป็นวันที่ 31 มี.ค. 57 พร้อมให้ช่วยหามาตรการช่วยเหลือเกษตรผู้ปลูกข้าวโพด โดยขอให้เกษตรกรขึ้นทะเบียนได้ โดยไม่จำกัด
จากนั้นเวลา09.45น. นายกฯได้เดินทางออกจากบ้านพัก ไปตรวจเยี่ยมแขวงการทางเชียงใหม่ 3 กรมทางหลวง รับฟังรายงานการดำเนินการ และปัญหาการสร้างเส้นทางหลวงหมายเลข 7 เชียงใหม่-อ.ฝาง ตอน อ.แม่แตง-ศูนย์ฝึกลูกช้าง ที่พบว่ามีปัญหาการก่อสร้าง 7 ปียังไม่แล้วเสร็จ โดยแวะรับหนังสือร้องเรียนเรื่องปัญหาราคาข้าวโพด พร้อมกับทักทายกลุ่มผู้ชุมนุม ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเข้มงวด
**นปช.ติงสภาปฏิรูปฯส่อขัดรธน.
วานนี้ ( 26 ธ.ค.) ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลลาดพร้าว แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. กล่าวว่า สิ่งที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. พูดออกมาได้เปลื้องตัวเองอย่างล่อนจ้อน ในเรื่องคณะกรรมการปฏิรูปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยนายสุเทพ ระบุว่า การปฏิรูปไม่ต้องมีการศึกษาอีกแล้ว เพราะคณะกรรมการปฏิรูปชุด นายอานันท์ ปันยารชุน และ นพ.ประเวศ วะสี เคยศึกษาไว้แล้ว โดยอ้างความชอบธรรมว่า เขาเหล่านี้เป็นคนดี และต้องทำทันทีก่อนการเลือกตั้ง แต่วันนี้เอาผลการ ศึกษาไปซุกไว้ที่ไหน นายสุเทพ พูดประหนึ่งตัวเองเป็นคนดีมากๆ ซึ่งเป็นเรื่องโกหกมดเท็จทั้งเพ คนเสื้อแดงและนปช.รับรู้มาก่อนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเอาเทวดาที่ไหนก็ตามมาปฏิรูป นายสุเทพไม่ยอมรับการปฏิรูปในระหว่างที่นายกฯ อยู่ในตำแหน่งแน่นอน เป้าหมายของสุเทพ และกปปส.ไม่ใช่การปฏิรูปประเทศ ไม่ใช่ทำให้ประเทศเดินหน้า เป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ แต่นายสุเทพ ต้องการครอบครองอำนาจเพื่อครอบครองประเทศไทย โดยไม่ต้องผ่านการเลือกตั้ง การปฏิรูปไม่อยู่ในสมอง แต่เป็นเพียงการหลอกลวงไปวันๆ และนายกฯ จะลาออกเอาตัวรอดเพียงคนเดียว ไม่ได้เด็ดขาด
นางธิดา กล่าวอีกว่า การปฏิรูปประเทศนั้น ประชาชนทั้งหมดต้องการปฏิรูป ยกเว้นนายสุเทพ และคณะ ซึ่งผลจากการกระทำที่ไม่ยอมรับการเลือกตั้ง ผลจากการกระทำที่ไม่ยอมรับหนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียง วันนี้คนเสื้อเหลืองจำนวนมาก แปรเปลี่ยนมาเป็นผู้รักประชาธิปไตย ทั้งนี้เราหวังว่ารัฐบาลจะนำข้อเสนอของนักวิชาการและองค์กรต่างๆ เข้ามาเพื่อปรับปรุง เพื่อให้ข้อเสนอการปฏิรูปประเทศเป็นข้อเสนอที่เป็นไปได้ และไม่ใช่การทำให้ประเทศถอยหลัง
อย่างไรก็ตาม นปช. ขอเพิ่มเติมคือ การทำการปฏิรูปที่ผูกพันระยะยาวไปถึงรัฐบาลหน้า อาจขัดหรือแย้ง รัฐธรรมนูญมาตรา 181 (3) ซึ่งมีสาระสำคัญคือ คณะกรรมการไม่อาจผูกพันระยะยาวไปถึงรัฐบาลหน้าได้
นอกจากนั้น คณะกรรมการที่เป็นชนชั้นนำ จะทำให้เกิดการปฏิรูปจากบนลงล่าง วันนี้เรามีการเลือกตั้งทุกระดับทั่วประเทศ ไม่มีเหตุผลใด ที่เราจะใช้สภาแต่งตั้งมาปฏิรูป เพราะเราสามารถเลือกตั้งตามกระบวนการประชาธิปไตยได้ เราเข้าใจว่า รัฐบาลต้องการลดอุณหภูมิทางการเมือง แต่หากให้คณะกรรมการนี้มีอำนาจจริงในการเขียนพิมพ์เขียวประเทศไทย ก็จะทำให้ประเทศไทยถอยหลังได้ สำหรับ นปช.จะปกป้องประชาธิปไตยและเคียงข้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และจะต้องไม่ให้มีรัฐประหารในประเทศไทยอีก
** ปชป.ไม่เชื่อน้ำยาสภาปาหี่
วันเดียวกันนี้ ที่พรรคประชาธิปัตย์ มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ทั้งชุดเก่าและชุดใหม่ เพื่อวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน โดยมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานในที่ประชุม จากนั้น นายอภิสิทธิ์ แถลงว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ประกาศตั้งสภาปฏิรูปประเทศโดยเห็นว่า เป็นการประกาศไม่ตรงกับเจตนารมณ์และข้อเสนอของหลายองค์กรที่เสนอมา โดยรัฐบาลยังไม่มีคำตอบในการแก้ปัญหาสถานการณ์ปัจจุบัน เกี่ยวกับการเลือกตั้ง และยังไม่มีคำตอบว่า การปฏิรูปคู่ขนานไปกับการเลือกตั้ง จะตอบโจทย์ประเทศได้จริง เพราะมีคำถามในเรื่องกฎหมายที่ผูกมัดให้รัฐบาลหลังเลือกตั้ง ต้องต้องมาดำเนินการตามนี้ และคณะกรรมการสรรหา จะได้บุคคลที่รัฐบาลต้องการหรือไม่ เพราะองค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหา มีความผูกพันกับรัฐบาลอยู่ โดยพรรคเห็นว่า นายกฯ และรัฐบาล ขาดความชอบธรรมที่จะเป็นเจ้าภาพในเรื่องนี้ เพราะที่ผ่านมานายกฯไม่มีท่าทีในการผลักดันการปฏิรูป มุ่งแต่จะทำเรื่องที่เป็นประโยชน์กับครอบครัว คือ นิรโทษกรรมให้พี่ชาย และพวกพ้องมากกว่าการปฏิรูปประเทศ
"เห็นได้ชัดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ กระทำเพื่อชิงความได้เปรียบทางการเมือง เบี่ยงเบนประเด็น แต่ยังคงเดินไปสู่เป้าหมายที่ตัวเองกำหนดอย่างไม่หยุดยั้ง โดยยังสอดไส้ เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าไปด้วย ไม่มีแนวโน้มที่จะจัดการปัญหาการทุจริต คอร์รัปชันในโครงการต่างๆ ตามข้อเรียกร้องของสังคม อีกทั้งยังใช้สถานะความเป็นนายกฯ ทำกิจกรรมที่อ้างว่าบริหาร แต่มุ่งความได้เปรียบ หรือคะแนนนิยมในการเลือกตั้ง มุ่งลงพื้นที่อย่างเดียว มีภาพเจ้าหน้าที่ ประชาชน มาแสดงการสนับสนุนพรรคการเมือง ซึ่งขัดต่อกฎหมายเลือกตั้งและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พรรคได้ให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมหลักฐานร้องต่อ กกต. เพราะมีบางคนเห็นว่าการกระทำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความผิดสมบูรณ์แล้ว และอยากให้กกต. ชี้มูลโดยเร็วก่อนการเลือกตั้งไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาว่า เมื่อไปชี้มูลหลังเลือกตั้งแล้วก็จะมีการอ้างว่าได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเข้ามาแล้ว” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
** ปชป.เดินสายจัดกิจกรรมปฏิรูปประเทศ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ที่ประชุม ยังการทำกิจกรรมของพรรคเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ ในช่วงหลังปีใหม่ โดยจะทำใน 2 ระดับ คือ 1. เชื่อมโยงกับกลุ่มบุคคลและองค์กรที่สนใจการปฏิรูป และ 2. เคลื่อนไหวจัดกิจกรรมกับมวลชนทั่วประเทศทุกภาค หัวข้อแรกคือ ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันกับการเลือกตั้งที่สุจริตเที่ยงธรรม การที่พรรคไม่ลงสมัครเลือกตั้ง ไม่ช่วงชิงอำนาจ เพราะต้องการร่วมกับประชาชนในการปฏิรูปประเทศโดยจะทำให้เร็วที่สุด และคิดว่าใช้เวลาไม่ถึงปีแน่นอน เพื่อจะได้รูปธรรมของการปฏิรูปอย่างชัดเจนเพื่อนำเสนอต่อไป โดยแนวทาง เบื้องต้นจะยึดตามพิมพ์เขียวประเทศไทยและ 10 ฐานรากของประเทศที่พรรคเคยศึกษาเอาไว้แล้ว รวมถึงการเสนอกฎหมายที่จะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปประเทศ เช่น กฎหมายทุจริตไม่มีอายุความ กฎหมายภาษีที่ดินเป็นเรื่องพรรคทำมาแล้วไม่ต้องเริ่มใหม่ โดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่ถึง 1 ปีน่าจะเห็นเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ยืนยันว่าการรณรงค์ในเรื่องปฏิรูปประเทศ เป็นคนละส่วนกับกระบวนการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น และย้ำว่าพรรคไม่มีการขัดขวางการเลือกตั้ง แต่คิดว่าจะมีคนมาขัดขวางการจัดกิจกรรมของพรรคมากกว่า โดยตนตั้งใจจะไปในทุกภาคของประเทศ ทั้งนี้ได้ย้ำกับสมาชิกพรรคว่าอย่าทำผิดกฎหมาย ให้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ หากมีการไปขึ้นเวทีปราศรัยเพื่อให้ข้อมูลกับประชาชน ก็เป็นบทบาทที่พึงกระทำได้ แต่ก็รู้ว่ามีคนจ้องจะยื่นยุบพรรคอยู่ แต่เราก็พิสูจน์ได้ทุกครั้งว่าพรรค ไม่ทำผิดกฎหมายและอยากถามว่าพรรคเพื่อไทยที่เอาผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายอยู่ในระบบบัญชีรายชื่อสมควรถูกยุบหรือไม่ เพราะศาลอุทธรณ์เพิ่งชี้ว่าการเผาห้างเซ็นเตอร์วัน เป็นการกระทำโดย นปช. และถือเป็นการก่อการร้าย
เมื่อถามว่า นายสุเทพ ระบุว่า คณะกรรมการสภาปฏิรูปประเทศ ที่รัฐบาลตั้งขึ้น 11 คน มี 8 คน ที่นายกฯ ควบคุมได้ สุดท้ายก็กลับเข้าสู่ระบอบทักษิณเหมือนเดิม นายกฯ กล่าวว่า ต้องเรียนว่าในข้อเสนอนั้น คณะกรรมการทั้ง 11 คน ที่เสนอนั้น เป็นเพียงผู้ที่จะบอกว่า สัดส่วนต่างๆ ใน 2,000 คนนั้น ประกอบไปด้วยใครบ้าง คณะกรรมการชุดนี้ ไม่มีหน้าที่กำหนดว่าจะเป็นใคร เพื่อให้แน่ใจว่า ในกลุ่มผู้ที่จะมาคัดเลือก 2,000 คน มีการกระจายทุกกลุ่ม ทุกสาขาอาชีพเท่านั้นเอง และทุกสาขาอาชีพ ก็ต้องเสนอตนเอง อาสาเข้ามาเป็นตัวแทนในเวทีสภาปฏิรูปประเทศ ซึ่งการเลือก ก็ไม่ใช่ 11 คน เพราะ 2,000 คน จะเลือกคณะที่จะมาทำงานในเวทีสภาปฏิรูปฯ 499 คนเอง โดยที่จะไม่เกี่ยวกับ 11 คนเลย รัฐบาลไมได้เข้าไปเกี่ยวข้องเลย เป็นเวทีสาธารณะจริงๆ ทางเจ้าหน้าที่ก็เพียงทำหน้าที่อำนวยความสะดวก เพื่อให้เกิดกลไกเท่านั้น แต่การคัดเลือกจะคัดเลือกจากผู้ที่เสนอตัวเข้ามาสมัครไปเป็นตัวแทนของแต่ละกลุ่มสาขาอาชีพ
เมื่อถามว่า มั่นใจว่าเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดแล้วหรือยัง นายกฯ กล่าวว่าไม่เคยพูดอย่างนั้น เป็นเพียงข้อเสนอที่จะรับฟัง เพราะถ้าไม่มีข้อเสนอตั้งต้นเป็นกรอบโครงแล้ว ก็ไม่สามารถผลักดันเข้าสู่ขั้นตอนการปฏิบัติได้ รัฐบาลก็รับฟังจากข้อคิดเห็นหลายๆ ท่านว่า ในแต่ละเวทียังไม่มีแผนที่จะลงลึกในทางปฏิบัติ เราจึงได้เสนอขึ้นมา และยินดีที่จะรับฟัง ถ้าแนวทางนี้เห็นชอบได้เร็ว จะประกาศได้เร็ว แต่ถ้าหลายๆ ท่านยังมีข้อคิดเห็นต่างๆ ไม่ตรงกัน รัฐบาลก็ต้องรับฟังไปเรื่อยๆ เพราะอยากให้ประเทศมีทางออกได้เร็ว มีความสบายใจ เพราะแม้รัฐบาลที่มาหลังจากการเลือกตั้ง ก็สามารถดำเนินการต่อได้ ตามเจตนารมณ์ หรือจะปรับเปลี่ยนได้อยู่ เพราะ ณ วันนี้เราทำได้เต็มที่ในช่วงที่ก่อนจะมีรัฐบาล
เมื่อถามว่า การปิดล้อมสถานที่รับสมัครเลือกตั้ง รายงานข่าวว่า มีการใช้กระสุนจริง โดยเจ้าหน้าที่ก็ถูกยิง และมีการเดินทางไปปิดล้อมที่บ้านนายกฯ ด้วย จะต้องมีการประกาศขยายพื้นที่การประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า จากมติครม.ได้แค่ขยายเวลา พื้นที่ยังเป็นไปตามเดิม ขั้นตอนต่างๆให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้พิจารณา ได้บอกเจ้าหน้าที่ว่า ให้ดำเนินการตามหลักสากล และตามข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด ส่วนข่าวการใช้กระสุนจริง ต้องให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้พิสูจน์ ทั้งหมดเจ้าหน้าที่ทำตามขั้นตอน รัฐบาลไม่อยากเห็นความรุนแรงเกิดขึ้น อยากขอร้องทุกฝ่าย เพราะเจ้าหน้าที่ทำด้วยความอดทน ละมุนละม่อม ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการฟังจากการชี้แจงจาก ศอ.รส. อีกครั้งหนึ่ง
เมื่อถามว่าเหตุการณ์แบบนี้ ยังมั่นใจหรือไม่ว่า กระบวนการเลือกตั้ง จะเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ขอให้ผ่านไปทีละขั้นก่อน ที่ต้องมีกติกาทั้งหมด ด้วยการที่เราต้องมีข้อกติกา เข้าใจและเห็นใจข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม แต่ก็ขอผู้ชุมนุมมีความเข้าใจในส่วนของรัฐบาลด้วยว่า เราก็พยายามอย่างเต็มที่ แต่ในข้อเรียกร้องรัฐบาลไม่รู้ว่า จะปฎิบัติให้เกิดขึ้นให้เป็นรูปธรรมได้อย่างไร ก็เสนอให้มีสภาปฏิรูปแล้ว ถ้าคิดว่าเห็นไม่ตรงกัน ก็น่าจะมาพูดคุยกัน รัฐบาลไม่สามารถที่จะรับข้อเสนอของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยที่ไม่ฟังส่วนรวม เพราะฉะนั้น ก็ต้องเป็นหน้าที่ของเวที สาธารณะที่พูดคุยกัน เชิญชวนมาใช้เวทีพูดคุยกันเพื่อหาทางออกกันดีกว่า
เมื่อถามว่าดูเหมือนนายกฯ จะอัดอั้นกับปัญหาการเมืองในขณะนี้ คิดว่าจะสามารถประคับประคองตัวเอง อยู่ตรงนี้ได้นานแค่ไหน นายกฯ กล่าวว่า ตนมีหน้าที่ที่จะต้องทำ เราต้องประคับประคองอย่างดีที่สุด ภายใต้กรอบกฎหมายรัฐธรรมนูญ และทำอย่างละมุ่นละม่อม
เมื่อถามว่า คิดว่าตัวเองช้ำไปทั้งตัวหรือยัง ในวันนนี้ นายกฯ กล่าวว่า คงไม่ต้องถามความรู้สึกตัวเองอีกแล้ว วันนี้เลยความรู้สึกของตัวเองไปแล้ว วันนี้เรามีหน้าที่ปกป้องระบอบประชาธิปไตย เรามีหน้าที่ประคับประคองให้ประเทศหาทางออก เดินไปข้างหน้าได้
"แม้ว่าข้างหน้าถ้าเราเทียบเป็นถนน เราเห็นถนนอยู่ เป็นถนนที่ขรุขระ มีขวากหนาม แต่ก็ยังดีกว่าที่เราจะเลี่ยงถนนที่เรามีอยู่เส้นเดียว ที่ต้องเดินไปเดินในป่า ซึ่งเราไม่รู้ว่าตรงนั้นจะเป็นทางลัด หรือเป็นอะไร " นายกรัฐมนตรี กล่าว
** ม็อบข้าวโพดร้องยิ่งลักษณ์ช่วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.15 น. วานนี้ ที่บริเวณทางเข้าทางเข้า-ออก หมู่บ้านกรีนวัลเลย์ ซึ่งเป็นบ้านพักส่วนตัวของ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางมาพักระหว่างตรวจราชการที่ จ.เชียงใหม่ ได้มีกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรแม่แจ่ม นำโดย นายอุทัย บุญเทียม ประธานเครือข่าย เดินทางมาขอพบนายกฯ เพื่อยื่นเอกสารให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาราคาข้าวโพดตกต่ำ และขยายเวลาในการรับซื้อข้าวโพด จากเดิมสิ้นสุด 31 ธ.ค.56 ไปเป็นวันที่ 31 มี.ค. 57 พร้อมให้ช่วยหามาตรการช่วยเหลือเกษตรผู้ปลูกข้าวโพด โดยขอให้เกษตรกรขึ้นทะเบียนได้ โดยไม่จำกัด
จากนั้นเวลา09.45น. นายกฯได้เดินทางออกจากบ้านพัก ไปตรวจเยี่ยมแขวงการทางเชียงใหม่ 3 กรมทางหลวง รับฟังรายงานการดำเนินการ และปัญหาการสร้างเส้นทางหลวงหมายเลข 7 เชียงใหม่-อ.ฝาง ตอน อ.แม่แตง-ศูนย์ฝึกลูกช้าง ที่พบว่ามีปัญหาการก่อสร้าง 7 ปียังไม่แล้วเสร็จ โดยแวะรับหนังสือร้องเรียนเรื่องปัญหาราคาข้าวโพด พร้อมกับทักทายกลุ่มผู้ชุมนุม ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเข้มงวด
**นปช.ติงสภาปฏิรูปฯส่อขัดรธน.
วานนี้ ( 26 ธ.ค.) ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลลาดพร้าว แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. กล่าวว่า สิ่งที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. พูดออกมาได้เปลื้องตัวเองอย่างล่อนจ้อน ในเรื่องคณะกรรมการปฏิรูปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยนายสุเทพ ระบุว่า การปฏิรูปไม่ต้องมีการศึกษาอีกแล้ว เพราะคณะกรรมการปฏิรูปชุด นายอานันท์ ปันยารชุน และ นพ.ประเวศ วะสี เคยศึกษาไว้แล้ว โดยอ้างความชอบธรรมว่า เขาเหล่านี้เป็นคนดี และต้องทำทันทีก่อนการเลือกตั้ง แต่วันนี้เอาผลการ ศึกษาไปซุกไว้ที่ไหน นายสุเทพ พูดประหนึ่งตัวเองเป็นคนดีมากๆ ซึ่งเป็นเรื่องโกหกมดเท็จทั้งเพ คนเสื้อแดงและนปช.รับรู้มาก่อนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเอาเทวดาที่ไหนก็ตามมาปฏิรูป นายสุเทพไม่ยอมรับการปฏิรูปในระหว่างที่นายกฯ อยู่ในตำแหน่งแน่นอน เป้าหมายของสุเทพ และกปปส.ไม่ใช่การปฏิรูปประเทศ ไม่ใช่ทำให้ประเทศเดินหน้า เป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ แต่นายสุเทพ ต้องการครอบครองอำนาจเพื่อครอบครองประเทศไทย โดยไม่ต้องผ่านการเลือกตั้ง การปฏิรูปไม่อยู่ในสมอง แต่เป็นเพียงการหลอกลวงไปวันๆ และนายกฯ จะลาออกเอาตัวรอดเพียงคนเดียว ไม่ได้เด็ดขาด
นางธิดา กล่าวอีกว่า การปฏิรูปประเทศนั้น ประชาชนทั้งหมดต้องการปฏิรูป ยกเว้นนายสุเทพ และคณะ ซึ่งผลจากการกระทำที่ไม่ยอมรับการเลือกตั้ง ผลจากการกระทำที่ไม่ยอมรับหนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียง วันนี้คนเสื้อเหลืองจำนวนมาก แปรเปลี่ยนมาเป็นผู้รักประชาธิปไตย ทั้งนี้เราหวังว่ารัฐบาลจะนำข้อเสนอของนักวิชาการและองค์กรต่างๆ เข้ามาเพื่อปรับปรุง เพื่อให้ข้อเสนอการปฏิรูปประเทศเป็นข้อเสนอที่เป็นไปได้ และไม่ใช่การทำให้ประเทศถอยหลัง
อย่างไรก็ตาม นปช. ขอเพิ่มเติมคือ การทำการปฏิรูปที่ผูกพันระยะยาวไปถึงรัฐบาลหน้า อาจขัดหรือแย้ง รัฐธรรมนูญมาตรา 181 (3) ซึ่งมีสาระสำคัญคือ คณะกรรมการไม่อาจผูกพันระยะยาวไปถึงรัฐบาลหน้าได้
นอกจากนั้น คณะกรรมการที่เป็นชนชั้นนำ จะทำให้เกิดการปฏิรูปจากบนลงล่าง วันนี้เรามีการเลือกตั้งทุกระดับทั่วประเทศ ไม่มีเหตุผลใด ที่เราจะใช้สภาแต่งตั้งมาปฏิรูป เพราะเราสามารถเลือกตั้งตามกระบวนการประชาธิปไตยได้ เราเข้าใจว่า รัฐบาลต้องการลดอุณหภูมิทางการเมือง แต่หากให้คณะกรรมการนี้มีอำนาจจริงในการเขียนพิมพ์เขียวประเทศไทย ก็จะทำให้ประเทศไทยถอยหลังได้ สำหรับ นปช.จะปกป้องประชาธิปไตยและเคียงข้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และจะต้องไม่ให้มีรัฐประหารในประเทศไทยอีก
** ปชป.ไม่เชื่อน้ำยาสภาปาหี่
วันเดียวกันนี้ ที่พรรคประชาธิปัตย์ มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ทั้งชุดเก่าและชุดใหม่ เพื่อวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน โดยมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานในที่ประชุม จากนั้น นายอภิสิทธิ์ แถลงว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ประกาศตั้งสภาปฏิรูปประเทศโดยเห็นว่า เป็นการประกาศไม่ตรงกับเจตนารมณ์และข้อเสนอของหลายองค์กรที่เสนอมา โดยรัฐบาลยังไม่มีคำตอบในการแก้ปัญหาสถานการณ์ปัจจุบัน เกี่ยวกับการเลือกตั้ง และยังไม่มีคำตอบว่า การปฏิรูปคู่ขนานไปกับการเลือกตั้ง จะตอบโจทย์ประเทศได้จริง เพราะมีคำถามในเรื่องกฎหมายที่ผูกมัดให้รัฐบาลหลังเลือกตั้ง ต้องต้องมาดำเนินการตามนี้ และคณะกรรมการสรรหา จะได้บุคคลที่รัฐบาลต้องการหรือไม่ เพราะองค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหา มีความผูกพันกับรัฐบาลอยู่ โดยพรรคเห็นว่า นายกฯ และรัฐบาล ขาดความชอบธรรมที่จะเป็นเจ้าภาพในเรื่องนี้ เพราะที่ผ่านมานายกฯไม่มีท่าทีในการผลักดันการปฏิรูป มุ่งแต่จะทำเรื่องที่เป็นประโยชน์กับครอบครัว คือ นิรโทษกรรมให้พี่ชาย และพวกพ้องมากกว่าการปฏิรูปประเทศ
"เห็นได้ชัดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ กระทำเพื่อชิงความได้เปรียบทางการเมือง เบี่ยงเบนประเด็น แต่ยังคงเดินไปสู่เป้าหมายที่ตัวเองกำหนดอย่างไม่หยุดยั้ง โดยยังสอดไส้ เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าไปด้วย ไม่มีแนวโน้มที่จะจัดการปัญหาการทุจริต คอร์รัปชันในโครงการต่างๆ ตามข้อเรียกร้องของสังคม อีกทั้งยังใช้สถานะความเป็นนายกฯ ทำกิจกรรมที่อ้างว่าบริหาร แต่มุ่งความได้เปรียบ หรือคะแนนนิยมในการเลือกตั้ง มุ่งลงพื้นที่อย่างเดียว มีภาพเจ้าหน้าที่ ประชาชน มาแสดงการสนับสนุนพรรคการเมือง ซึ่งขัดต่อกฎหมายเลือกตั้งและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พรรคได้ให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมหลักฐานร้องต่อ กกต. เพราะมีบางคนเห็นว่าการกระทำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความผิดสมบูรณ์แล้ว และอยากให้กกต. ชี้มูลโดยเร็วก่อนการเลือกตั้งไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาว่า เมื่อไปชี้มูลหลังเลือกตั้งแล้วก็จะมีการอ้างว่าได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเข้ามาแล้ว” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
** ปชป.เดินสายจัดกิจกรรมปฏิรูปประเทศ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ที่ประชุม ยังการทำกิจกรรมของพรรคเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ ในช่วงหลังปีใหม่ โดยจะทำใน 2 ระดับ คือ 1. เชื่อมโยงกับกลุ่มบุคคลและองค์กรที่สนใจการปฏิรูป และ 2. เคลื่อนไหวจัดกิจกรรมกับมวลชนทั่วประเทศทุกภาค หัวข้อแรกคือ ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันกับการเลือกตั้งที่สุจริตเที่ยงธรรม การที่พรรคไม่ลงสมัครเลือกตั้ง ไม่ช่วงชิงอำนาจ เพราะต้องการร่วมกับประชาชนในการปฏิรูปประเทศโดยจะทำให้เร็วที่สุด และคิดว่าใช้เวลาไม่ถึงปีแน่นอน เพื่อจะได้รูปธรรมของการปฏิรูปอย่างชัดเจนเพื่อนำเสนอต่อไป โดยแนวทาง เบื้องต้นจะยึดตามพิมพ์เขียวประเทศไทยและ 10 ฐานรากของประเทศที่พรรคเคยศึกษาเอาไว้แล้ว รวมถึงการเสนอกฎหมายที่จะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปประเทศ เช่น กฎหมายทุจริตไม่มีอายุความ กฎหมายภาษีที่ดินเป็นเรื่องพรรคทำมาแล้วไม่ต้องเริ่มใหม่ โดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่ถึง 1 ปีน่าจะเห็นเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ยืนยันว่าการรณรงค์ในเรื่องปฏิรูปประเทศ เป็นคนละส่วนกับกระบวนการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น และย้ำว่าพรรคไม่มีการขัดขวางการเลือกตั้ง แต่คิดว่าจะมีคนมาขัดขวางการจัดกิจกรรมของพรรคมากกว่า โดยตนตั้งใจจะไปในทุกภาคของประเทศ ทั้งนี้ได้ย้ำกับสมาชิกพรรคว่าอย่าทำผิดกฎหมาย ให้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ หากมีการไปขึ้นเวทีปราศรัยเพื่อให้ข้อมูลกับประชาชน ก็เป็นบทบาทที่พึงกระทำได้ แต่ก็รู้ว่ามีคนจ้องจะยื่นยุบพรรคอยู่ แต่เราก็พิสูจน์ได้ทุกครั้งว่าพรรค ไม่ทำผิดกฎหมายและอยากถามว่าพรรคเพื่อไทยที่เอาผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายอยู่ในระบบบัญชีรายชื่อสมควรถูกยุบหรือไม่ เพราะศาลอุทธรณ์เพิ่งชี้ว่าการเผาห้างเซ็นเตอร์วัน เป็นการกระทำโดย นปช. และถือเป็นการก่อการร้าย