xs
xsm
sm
md
lg

สุญญากาศ“รัฐบาลรักษาการ” สิ้น “ปีแสบหู”ค่าครองชีพพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**นับถอยหลังวันเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 ก็เหลืออีก 30กว่าวัน แต่น่าประหลาดที่อารมณ์ของสังคมในขณะนี้ดูเหมือนจะเห็นตรงกันว่า “ไม่น่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น” แม้ว่า กกต.จะประกาศวันรับสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ในวันที่ 23-27 ธ.ค.นี้ แต่ความไม่แน่นอนที่จะจัดการเลือกตั้งไม่ได้ กลับมีมากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้นหรือไม่ ศึกหนักที่สุดสำหรับประเทศไทยคือ สูญญากาศในการบริหารประเทศที่เกิดขึ้นแล้วในขณะนี้ แม้ว่าจะมียิ่งลักษณ์ และครม.ทั้งชุดปฏิบัติหน้าที่เป็นรัฐบาลรักษาการอยู่ก็ตาม
จะเห็นได้ว่า ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ห่วงใยต่อทุกข์สุขของประชาชนเฉกเช่นผู้นำที่ดีพึงกระทำ แต่เธอกลับลั๊ลลา หนีการเมืองร้อนออกไปทัวร์ต่างจังหวัด อ้างปฏิบัติหน้าที่แต่เป็นการหาเสียงไปในตัวในถิ่นอีสาน
**แต่ก็ไม่วายถูกเสียงนกหวีดเป่าไล่จนหนี “ปีแสบหู”ไปไม่พ้น
ในขณะที่รัฐมนตรีในรัฐบาลก็มุ่งแต่สร้างวาทกรรมทางการเมืองเพื่อโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ และ กปปส. จนไม่เหลียวแล ที่จะแก้ปัญหาชาติบ้านเมือง ซึ่งสุมกองอยู่จากพฤติกรรมมักง่ายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ทิ้งขี้ไว้กองโต โดยยังไม่มีการสะสาง
ดังนั้น ไม่ว่ารัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ จะมาจากการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.57 หรือเป็นรัฐบาลเฉพาะกาล ที่มีเป้าหมายเพื่อการปฏิรูปประเทศ มีวาระสั้น ๆไม่เกินสองปี ก็จะประสบกับปัญหาไม่แตกต่างกัน
นั่นคือ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลปกติ หรือรัฐบาลเฉพาะกาล ย่อมมีภารกิจสำคัญเฉพาะหน้าที่จะต้องเร่งแก้ไขให้กลไกสำคัญในระบบเศรษฐกิจทำงานได้ หลังจากการยุบสภาทำให้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีเพื่อสร้างความเชื่อมันให้นักลงทุนได้รับผลกระทบ
โจทย์ของรัฐบาลต่อจากนี้ จึงไม่ใช่แค่เรื่อง“การปฏิรูปประเทศ”ที่กำลังเป็นกระแสติดลมบนอยู่ในขณะนี้เท่านั้น แต่มีปัญหาหลายอย่างที่รอการแก้ไข จนเกิดคำถามว่ารัฐบาลเฉพาะกาลที่จะเข้ามาชั่วคราวจะต้องสาละวนอยู่กับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า กระทั่งเดินหน้าปฏิรูปประเทศได้ไม่เต็มที่หรือไม่
นอกจากนี้แผนใช้เงินกู้สองล้านล้านของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่หวังเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ก็ส่อเค้าว่าจะ แท้ง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องนี้ไว้พิจารณา แถมยังมีหลักฐานชัดเจนว่า ส.ส.เพื่อไทย ทุจริตในการลงคะแนนด้วยการเสียบบัตรแทนกัน และยังมีเนื้อหาขัดรัฐธรรมนูญอีกด้วย
ช่องทางที่จะใช้เงินจำนวนดังกล่าวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจึงลืมไปได้เลย แล้วอะไรจะเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้โงหัวขึ้น เป็นอีกหนึ่งการบ้านของรัฐบาลชุดใหม่
**ปัญหาหนักอกที่สุดคือ โครงการจำนำข้าว ที่กำลังสะดุดอยู่ในขณะนี้เพราะในส่วนของโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีฤดูกาลผลิต 2556/2557 ทั้งนาปี และนาปรัง ซึ่งครม.ได้อนุมัติวงเงินไว้ 2.7 แสนล้านบาทนั้น มีแต่ตัวเลข ไม่ได้มีเม็ดเงินจริงลงไปให้ ธ.ก.ส.ดำเนินการ จนทำให้ปัจจุบัน ธ.ก.ส.ค้างเงินชาวนาแล้วถึง 1 แสนล้านบาท
ในขณะที่ ครม.รักษาการ นั้นมีขอบเขตอำนาจที่ถูกจำกัดโดยบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา181(2) ไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เว้นแต่จะได้รับความเป็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้้งก่อน (3) ไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติงาน หรือโครงการ หรือมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป
และจากเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญดังกล่าว ทำให้พรรคของทักษิณหาประโยชน์นำไปกดดันให้ชาวนาต้องเลือกพรรคเพื่อไทย กลับมาเป็นรัฐบาล โดยอ้างว่าหากอยากได้เงินจำนำข้าวต้องเลือกเพื่อไทย ให้ไปเป็นรัฐบาล
ทั้งที่ความจริงแล้ว เงินจำนำข้าวที่ชาวนาไม่ได้นั้น เกิดจากรัฐถังแตก เพราะขาดทุนยับจนธ.ก.ส.ไม่มีเงินจ่ายมาหลายเดือนแล้ว ก่อนที่จะมีการยุบสภาเสียอีก
แต่พรรคเพื่อไทย ก็หน้าด้านพอที่จะหยิบยกเอาเหตุผลเรื่องการยุบสภา มาอ้างและยังบีบให้ชาวนาต้องเลือกตัวเอง โดยใช้ปัญหาที่ตัวเองก่อมาเป็นประโยชน์ทางการเมืองอย่างน่ารังเกียจ
เพราะในความเป็นจริงชาวนาที่เข้าโครงการจำนำข้าวก่อนที่รัฐบาลจะประกาศยุบสภาย่อมเป็นภาระผูกพันที่รัฐบาลชุดใหม่จะต้องเดินหน้าต่อจึงไม่มีปัญหาในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีรอบแรก ที่จะสิ้นสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 จะมีก็เพียงแต่เรื่องนโยบายเท่านั้นว่า จะตัดสินใจทำโครงการจำนำข้าวต่อไปหรือไม่ ไม่ได้เกี่ยวกับการจ่ายเงินจำนำข้าวให้ชาวนาแต่อย่างใด
สภาพวัวพันหลักจากการบริหารอันห่วยแตกของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ แต่ยังมีปัญหาเรื่องมาตรการลดภาษีสรรพสามิต น้ำมันดีเซล ที่ลดจาก 5.70 บาท เหลือ 0.005 บาท มาตั้งแต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ แต่ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่มีนโยบายที่แน่นอน เพราะมีการต่อมาตรการเป็นรายเดือนซึ่งมาตรการดังกล่าว จะสิ้นสุดในเดือนธันวาคมนี้
โดยที่ ครม.ยิ่งลักษณ์ ไม่สามารถที่จะอนุมัติเพื่อต่อมาตรการดังกล่าวได้อีก เนื่องจากเป็นรัฐบาลรักษาการ จึงต้องมีการขอความเห็นชอบไปยัง กกต.
หากกกต.ไม่เห็นชอบ ก็จะทำให้คนไทยซื้อน้ำมันดีเซลแพงขึ้นลิตรละ 5.70 บาท จากราคาลิตรละ 29.99 บาท เพิ่มเป็น 35.69 บาทรับปีใหม่ทันที ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2557 เป็นต้นไป แม้ว่า กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.คลัง จะพยายามดิ้นรน ส่งเรื่องให้กกต.อนุมัติ แต่เรื่องทั้งหมดกลายเป็นปัจจัยนอกเหนือการควบคุมของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไปแล้ว
แต่ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ การบริหารประเทศแบบไปตายเอาดาบหน้า ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ได้ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อการดำรงชีวิตของประชาชน ที่ต้องประสบกับปัญหาค่าครองชีพสูงลิ่ว จากความผิดพลาดของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบใดๆ
**เลือกตั้ง 2 ก.พ. จะมีหรือไม่ ไม่มีใครรู้ แต่ที่เห็นเป็นรูปธรรมอย่างชัดแจ้งคือ 2 ปีกว่าของยิ่งลักษณ์ ทำร้ายประเทศไทยอย่างแสนสาหัสจริง ๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น