ASTVผู้จัดการรายวัน - ครม.เถื่อนอ้างเศรษฐกิจจะแย่ ต่างชาติขนเงินกลับ หากไม่มีเลือกตั้ง "กิตติรัตน์" เตรียมหารือ กกต.หวังเดินหน้าโครงการเศรษฐกิจไม่ให้สะดุด
หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีรักษาการ เมื่อวานนี้ (17 ธ.ค.) นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.แสดงความเป็นห่วงภาวะเศรษฐกิจไทย หลังจากได้รับผลกระทบจากการชุมนุม โดยเฉพาะการปิดกระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน ถึง 9 ธันวาคม 2556 ทำให้ไม่สามารถอนุมัติให้เอกชนจัดซื้อ จัดจ้างโครงการลงทุนไปหลายโครงการ ที่สำคัญมีความเป็นห่วงภาวะเศรษฐกิจไตรมากแรกปี 2557 หากไม่มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.2557 หวั่นเกรงว่าต่างชาติ โดยเฉพาะสหรัฐจะขาดความเชื่อมั่นกับประเทศที่ไม่มีระบอบประชาธิปไตยด้วยการเลือกตั้ง จนทำให้มีปัญหาเงินทุนไหลออก ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่า อีกทั้งมาตรการอัดฉีดเงินสู่ระบบของสหรัฐ ปัญหาการชะลอตัว
"ที่ประชุมจึงมอบหมายให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ดูแลเศรษฐกิจให้มีความต่อเนื่อง โดยช่วงนี้ต้องอาศัยความเชื่อมั่นของเอกชน เพื่อให้เกิดการลงทุน และกระตุ้นเศรษฐกิจ ทดแทนการเบิกจ่ายของภาครัฐที่ล่าช้าออกไป" นายธีรัตถ์กล่าว
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่าโครงการด้านเศรษฐกิจที่สำคัญที่ ครม.ได้อนุมัติไปแล้ว เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องจึงเตรียมทำหนังสือหารือกับ กกต. ในการเดินหน้าโครงการดังกล่าวไม่ให้สะดุด และไม่ได้เป็นนโยบายที่เกิดขึ้นใหม่ เพื่อจัดสรรเงินเพิ่มเติม เช่น การยกเว้นภาษี สรรพสามิต น้ำมันดีเซล ซึ่งได้ยกเว้นต่อเนื่องมาทุกเดือน ขณะที่การให้ธนาคารเฉพาะกิจปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้ประกอบการ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะครบกำหนดในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ จึงต้องหารือเพื่อขยายโครงการไม่ให้เอกชนได้รับผลกระทบ
ส่วนโครงการจำนำข้าวฤดูการผลิต ปี 56/57 รัฐบาลจะต้องรับจำนำข้าวนาปีให้แล้วเสร็จในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนนาปรังต้องให้รัฐบาลชุดต่อไปเป็นผู้พิจารณา โดยยืนยันชาวนาที่ได้รับใบประทวนไปแล้วขณะนี้ จะได้รับเงินจำนำข้าวอย่างแน่นอน โดยกระทรวงการคลังจะบริหารเงินจำนำข้าวให้เอยู่ในกรอบเงินกู้ 5 แสนล้านบาท โดยมาจากการเร่งระบายข้าวของกระทรวงพาณิชย์ และเงินกู้ซึ่งยังมีช่องว่างให้หาแหล่งเงินกู้มาบริหาร
ในส่วนของการชดเชยปัจจัยการผลิตให้กับชาวสวนยางที่เหลือกว่า 1 หมื่นล้านบาท ยังต้องจ่ายให้เหมือนเดิม เพื่อให้ครบจำนวนตามที่เกษตรกรขึ้นบัญชีไว้ นอกจากนี้ยังได้กำชับการทำงานของ ครม.ด้านเศรษฐกิจดูแลโครงการต่าง ๆ ให้ต่อเนื่อง เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อส่งต่อให้กับ ครม.ชุดใหม่เข้ามาบริหาร ส่วนรัฐมนตรีคนใดมีภารกิจในการลงพื้นที่หาเสียง จะต้องไม่ใช้เวลาราชการในการลงพื้นที่.
หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีรักษาการ เมื่อวานนี้ (17 ธ.ค.) นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.แสดงความเป็นห่วงภาวะเศรษฐกิจไทย หลังจากได้รับผลกระทบจากการชุมนุม โดยเฉพาะการปิดกระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน ถึง 9 ธันวาคม 2556 ทำให้ไม่สามารถอนุมัติให้เอกชนจัดซื้อ จัดจ้างโครงการลงทุนไปหลายโครงการ ที่สำคัญมีความเป็นห่วงภาวะเศรษฐกิจไตรมากแรกปี 2557 หากไม่มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.2557 หวั่นเกรงว่าต่างชาติ โดยเฉพาะสหรัฐจะขาดความเชื่อมั่นกับประเทศที่ไม่มีระบอบประชาธิปไตยด้วยการเลือกตั้ง จนทำให้มีปัญหาเงินทุนไหลออก ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่า อีกทั้งมาตรการอัดฉีดเงินสู่ระบบของสหรัฐ ปัญหาการชะลอตัว
"ที่ประชุมจึงมอบหมายให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ดูแลเศรษฐกิจให้มีความต่อเนื่อง โดยช่วงนี้ต้องอาศัยความเชื่อมั่นของเอกชน เพื่อให้เกิดการลงทุน และกระตุ้นเศรษฐกิจ ทดแทนการเบิกจ่ายของภาครัฐที่ล่าช้าออกไป" นายธีรัตถ์กล่าว
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่าโครงการด้านเศรษฐกิจที่สำคัญที่ ครม.ได้อนุมัติไปแล้ว เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องจึงเตรียมทำหนังสือหารือกับ กกต. ในการเดินหน้าโครงการดังกล่าวไม่ให้สะดุด และไม่ได้เป็นนโยบายที่เกิดขึ้นใหม่ เพื่อจัดสรรเงินเพิ่มเติม เช่น การยกเว้นภาษี สรรพสามิต น้ำมันดีเซล ซึ่งได้ยกเว้นต่อเนื่องมาทุกเดือน ขณะที่การให้ธนาคารเฉพาะกิจปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้ประกอบการ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะครบกำหนดในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ จึงต้องหารือเพื่อขยายโครงการไม่ให้เอกชนได้รับผลกระทบ
ส่วนโครงการจำนำข้าวฤดูการผลิต ปี 56/57 รัฐบาลจะต้องรับจำนำข้าวนาปีให้แล้วเสร็จในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนนาปรังต้องให้รัฐบาลชุดต่อไปเป็นผู้พิจารณา โดยยืนยันชาวนาที่ได้รับใบประทวนไปแล้วขณะนี้ จะได้รับเงินจำนำข้าวอย่างแน่นอน โดยกระทรวงการคลังจะบริหารเงินจำนำข้าวให้เอยู่ในกรอบเงินกู้ 5 แสนล้านบาท โดยมาจากการเร่งระบายข้าวของกระทรวงพาณิชย์ และเงินกู้ซึ่งยังมีช่องว่างให้หาแหล่งเงินกู้มาบริหาร
ในส่วนของการชดเชยปัจจัยการผลิตให้กับชาวสวนยางที่เหลือกว่า 1 หมื่นล้านบาท ยังต้องจ่ายให้เหมือนเดิม เพื่อให้ครบจำนวนตามที่เกษตรกรขึ้นบัญชีไว้ นอกจากนี้ยังได้กำชับการทำงานของ ครม.ด้านเศรษฐกิจดูแลโครงการต่าง ๆ ให้ต่อเนื่อง เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อส่งต่อให้กับ ครม.ชุดใหม่เข้ามาบริหาร ส่วนรัฐมนตรีคนใดมีภารกิจในการลงพื้นที่หาเสียง จะต้องไม่ใช้เวลาราชการในการลงพื้นที่.