xs
xsm
sm
md
lg

"สุเทพ"ถกเอกชนชื่นมื่น ทหารยื้อคุย14ธ.ค. "ปู"สั่งตั้งเวทีปาหี่แก้เกม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"สุเทพ"นำทีม กปปส.ถกภาคเอกชน 7 องค์กร กางพิมพ์เขียวแจงแนวทางปฏิรูปผ่าน มาตรา 3 มาตรา 7 สภาประชาชนไม่เกิน 400 คน เลือกตั้งวิชาชีพ 300-สรรหา 100 ลั่นเลือกตั้ง 2 ก.พ.ไม่เกิด หากไม่ปฏิรูปก่อน ขณะที่ภาคธุรกิจเห็นพ้อง เตรียมจัดเวทีหาทางออกร่วมกันอีกครั้ง ส่วน ผบ.สส. ตอบรับให้แกนนำกปปส. เข้าพบเสาร์ 14 ธ.ค.นี้ ด้าน"ยิ่งลักษณ์" สั่งเปิดเวทีปาหี่ ระดมความเห็นหาทางออกประเทศ ให้"ธงทอง"เป็นเจ้าภาพ ที่ ศูนย์สิริกิติ์ 15 ธ.ค.นี้ แต่ตัวเองไม่เข้าร่วม หาก"เทือก"จะมาก็ได้ "เสธ.อ้าย" รวมตท.11 รุ่น ประกาศหนุนปฏิรูปประเทศ ด้านนักธุรกิจจี้บัวแก้วนำตัว "นช.แม้ว" มาลงโทษ

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ( กปปส. ) ที่แยกนางเลิ้ง เมื่อเช้าวานนี้ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมยังคงรอรับฟังข่าวที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. รอการตอบรับจาก ผบ.สส. และผบ.เหล่าทัพ เพื่อชี้แจงแนวทางการสู้ของกลุ่ม กปปส. ในการที่จะนำไปสู่การตั้งสภาประชาชน ปฏิรูปประเทศไทย ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม กระทั่งช่วงบ่ายก็ยังไม่มีการตอบรับจากผบ.สส. ที่จะพบกับนายสุเทพ และคณะ

**ทหารขออนุญาติ"ปู"ก่อนพบ"เทือก"

แหล่งข่าวใกล้ชิด พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ยืนยันว่า ในวันที่ 12ธ.ค. จะยังไม่มีการเปิดให้ นายสุเทพ และ แกนนำกปปส. เข้าพบ ผบ.สส. และขณะนี้นายสุเทพ ยังไม่ได้มีการส่งหนังสือส่งมาถึง ผบ.สส. แต่อย่างใด ซึ่งปกติการเดินทางเข้าพบ ผบ.สส. และ ผบ.เหล่าทัพ เพื่อหารือปัญหาทางการเมือง ไม่ใช่หน้าที่ของกองทัพ ที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว ซึ่งกองทัพเองจะต้องวางตัวและทำหน้าที่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องหารือกับ ผบ.เหล่าทัพเสียก่อน เพราะกองทัพเรามีความเป็นเอกภาพ และเป็นหนึ่งเดียว การตัดสินใจต้องเป็นไปในแนวทางเดียวกัน โดยตลอดทั้งวัน ผบ.สส. ยังคงปฏิบัติหน้าที่ภายในกองบัญชาการกองทัพไทย ตามปกติ ทั้งนี้ ในวันที่ 24 ธ.ค. นี้ผบ.สส. จะเป็นประธานในการประชุมผบ.เหล่า ทัพที่กองบัญชาการกองทัพบก โดยมี ผบ.เหล่าทัพ และ ผบ.ตร. เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งคาดว่าจะมีการหารือถึงการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การเมือง และ ความมั่นคงในขณะนี้ที่ยังไม่มีข้อยุติด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า ทางพล.อ.ธนะศักดิ์ ได้มีการหารือกับ ผบ.เหล่าทัพ อย่างไม่เป็นทางการ เพื่อขอให้ทุกคนเสนอแนวทางว่า กองทัพจะดำเนินการ และการวางตัวอย่างไร ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ส่วนกรณีที่แกนนำ กปปส. จะขอเข้าพบ ผบ.สส. และผบ.เหล่าทัพนั้น ทางผบ.เหล่าทัพยืนยันว่า ทางกองทัพจะต้องคำนึงถึงบทบาทหน้าที่ในภารกิจด้านความมั่นคง ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ และความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง โดยกองทัพพร้อมรับฟังความคิดเห็นรอบด้าน เพื่อนำมากำหนดบทบาท และวางท่าทีให้เหมาะสม เพื่อให้ปัญหาความขัดแย้งยุติลงด้วยการพูดคุย โดยข้อสรุปจะต้องเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย และยืนยันว่า ทางทหารจะต้องเป็นกลางทางการเมือง ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่หากจำเป็นจะต้องมีการเปิดโอกาสให้ กปปส.เข้าพบ ผบ.เหล่าทัพจริงๆ ทางผบ.สส. ก็จะต้องแจ้งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผู้บังคับบัญชาได้รับทราบก่อน เพื่อให้พิจารณาตามสายระดับการบังคับบัญชา ซึ่งทุกอย่างน่าจะมีความชัดเจนในวันที่ 13 ธ.ค.นี้

**แกนนำกปปส.หารือ 7 องค์กรธุรกิจ

เมื่อเวลา 15.30 น. วานนี้ (12ธ.ค.) ที่ห้องรัตนโกสินทร์ โรงแรมเดอะ สุโกศล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และคณะ ได้เข้าหารือกับตัวแทนภาคเอกชน 7 องค์กร ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย และสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย

โดยนายสุเทพ ชี้แจงในช่วงต้นว่า ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ที่สมบูรณ์และปฏิรูปประเทศ โดยต้องการทำก่อนการเลือกตั้งทั่วไป เพราะไม่อาจทนอยู่ได้ภายใต้การทุจริตการเลือกตั้ง ที่ไม่ได้ผู้แทนที่แท้จริงของประชาชน จึงต้องให้มีการปฏิรูปการเลือกตั้ง รวมถึงให้มีรัฐบาลชั่วคราว ที่มาจากคนกลางโดยไม่มีพรรคการเมืองมาเกี่ยวข้อง ไม่ต้องการแช่แข็งประเทศไทย รวมไปถึงให้มีสภาประชาชนที่จะกำกับนโยบายร่วมกัน มีกฎหมายต่อต้านการทุจริตอย่างมีประสิทธิภาพ คดีไม่มีอายุความ ให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด กระจายอำนาจ ปรับโครงสร้างตำรวจให้คณะกรรมการนโยบายตำรวจ (ก.ตร.) มาจากภาคประชาชน

"สภาประชาชนที่ตั้งขึ้นจะมีไม่เกิน 400 คน โดย 300 คน มาจากการเลือกตั้งกลุ่มวิชาชีพต่างๆ อีก 100 คน มาจากผู้ทรงคุณวุฒิที่ กปปส. สรรหา ผู้จะมาเป็นสภาประชาชน ต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง และเมื่อพ้นจากสภาประชาชนจะต้องไม่ลงเลือกตั้งตำแหน่งใดๆในระยะเวลา 5 ปี " นายสุเทพ กล่าว

ด้านตัวแทนภาคเอกชน กล่าวว่า ยินดีที่จะรับฟัง ขณะนี้หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่า ต้องมีการปฏิรูปและมีบางประเด็นที่ยังไม่เข้าใจ ซึ่งเจตนาของ 7 องค์กรเอกชน คือ ทำอย่างไรให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเกิดความมั่นคงและเดินไปด้วยกัน เห็นด้วยกับแนวทางที่จะมีการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม รวมถึงเห็นตรงกันกับการแก้ไขปัญหาการทุจริต คอร์รัปชัน ทั้งนี้เบื้องต้นหากยังไม่มีข้อสรุป จะกระทบกับเศรษฐกิจของรากหญ้า

ตัวแทนภาคเอกชน ยังระบุด้วยว่า เมื่อทุกฝ่ายมีความเห็นตรงกันที่จะให้มีการปฏิรูป แต่ปัญหาสำคัญคือ จะทำอย่างไรให้สภาประชาชนเป็นที่ยอมรับ พร้อมขอให้นายสุเทพ ชี้แจงว่ามีขั้นตอนอย่างไร ในการสรรหาสมาชิกสภาประชาชน

** แจงที่มาของนายกฯคนกลาง

นายสุเทพ กล่าวตอบว่า ขณะนี้ถือว่ารัฐบาลหมดความชอบธรรมตั้งแต่วันที่ปฏิเสธอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ และทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชนในการออก ร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรม โดยขอยืนยันว่า การเคลื่อนไหวของภาคประชาชน คือปราศจากอาวุธ ไม่มีเหตุรุนแรง ซึ่งหากไม่ยอมรับการออกมาเคลื่อนไหวของประชาชนจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา ก็ไม่มีความจำเป็นตัองชี้แจง

"ขณะนี้มีหลายองค์กรที่เสนอเป็นคนกลางเข้ามาไกล่เกลี่ยประชาชน แต่ผมปฏิเสธไป เนื่องจากไม่ต้องการต่อรอง มีเพียงแค่จะปฏิรูปประเทศ หรือยอมอยู่ภายใต้ระบอบทักษิณ ซึ่งข้อเรียกร้องของ กปปส. คือการให้นายกรัฐมนตรีลากออกจากการรักษาการ และให้รองประธานวุฒิสภานำรายชื่อนายกรัฐมนตรี คนกลาง ขึ้นทูลเกล้าฯ แต่หากนอกเหนือไปจากนี้ อาจต้องมีการเจ็บปวดบ้าง อาจกระทบธุรกิจบ้าง แต่เชื่อว่าเป็นเวลาสั้นๆ" เลขาฯ กปปส. ระบุ

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ขณนี้มีเพียง 2 ทางเลือก ที่จะทำให้เรื่องจบได้ คือ 1. ประชาชนยึดอำนาจอธิปไตยแล้วเหมือนทหารปฏิวัติใช้อำนาจได้ และ 2. ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกจากนายกรัฐมนตรีรักษาการ แล้วใช้มาตรา 7 ซึ่งไม่ได้มาจาก กปปส. หรือมาจากระบอบทักษิณต้องเป็นคนที่ประชาชนมั่นใจได้

**ลั่นถ้าไม่ปฏิรูป ไม่มีการเลือกตั้ง

ตัวแทนภาคเอกชนตั้งคำถามต่อไปว่า หากการปฏิรูปแล้วเสร็จไม่ทันก่อนการเลือกตั้ง 2 ก.พ. จะทำอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า แนวทางของ กปปส. คือต้องไม่มีการเลือกตั้งแบบเดิม

“ถ้าจะมีการดึงดันให้มีการเลือกตั้ง ผมคนหนึ่งจะไม่ยอมให้มีการเลือกตั้ง ถ้ายังไม่มีการปฏิรูป” นายสุเทพกล่าว

ด้าน นางปิยะมาลย์ เตชะไพบูลย์ ประธานสภาสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สอบถามต่อไปว่า อยากให้มีนโยบายด้านสังคมอย่างไร ที่จะทำให้ประเทศไทยกลับมาเป็นสยามเมืองยิ้ม และจะทำอย่างไรให้กลับมาพูดคุยกันได้

นายสุเทพ กล่าวยืนยันว่า สิ่งที่ทำไม่ใช่การทำเพื่อตัวเองและพรรคการเมือง ซึ่งพรัอมที่จะเชิญกลุ่ม นปช.เข้ามาร่วมกันปฏิรูปประเทศ แต่หากอยู่อย่างนี้ไม่มีทางที่จะเป็นสยามเมืองยิ้มได้ ตนตัดสินใจแล้วที่จะไม่เล่นการเมือง ทั้งที่รักอาชีพนี้มากที่สุด

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ยังไม่แน่ใจว่าจะมีการเปิดรับแนวคิดจากกลุ่มอื่นด้วยหรือไม่ เพื่อเปิดโอกาสให้ฝ่ายที่เห็นต่างเข้ามาร่วมเสนอความคิดเห็นอย่างไร

โดยนายสุเทพ ย้ำว่า พร้อมเปิดรับทุกฝ่ายเพื่อนำไปสู่การปฏิรูป ซึ่งไม่ใช่แนวทางที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ประกาศเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา เนื่องจากมีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง ส่วนที่จะทำให้เกิดความสำเร็จนั้น เสียงของภาคเอกชนมีความหมาย เพราะไม่มีผลประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งตนถูกดำเนินคดีหลายข้อหา และจะทำทุกอย่างไม่ให้มีการเลือกตั้ง เพราะการเลือกตั้งตามกติกานี้ ทำให้คนๆเดียวมาซื้อประเทศนี้ได้ พร้อมกับเปิดเผยว่าตนเคยเจอนายกรัฐมนตรีแล้ว ต่อหน้า ผบ.เหล่าทัพ แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังตัดสินใจไม่ได้ นอกจากนี้ทาง กปปส. ยินดีรับความคิดเห็นของทุกฝ่าย รวมถึงคนเสื้อแดง ยกเว้น นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

** ภาคเอกชนเห็นพ้องการปฏิรูป

ทั้งนี้ภาคเอกชนได้สรุปว่า เห็นด้วยกับแนวทางที่จะให้มีการปฏิรูป ซึ่งจากนี้จะมีการจัดเวทีเพื่อหาทางออกร่วมกันอีกครั้ง

ด้าน นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษาเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) กล่าวว่า ภาคเอกชนอาจกังวลถึงความเป็นไปได้ แต่หากนำบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 เป็นตัวตั้งทุกอย่าง และตั้งนายกรัฐมนตรีตาม มาตรา 7 ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีพระราชทานอย่างที่เข้าใจ และอยากให้ภาคเอกชนไม่ตัองกังวลเรื่องข้อกฎหมาย

ในช่วงท้าย นายสุริยะใส กตะสิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า ในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ จะมีการจัดเสวนาแนวทางปฏิรูปประเทศของภาคประชาชน ที่หอประชุมใหญ่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในเวลา 09.30-16.00 น. โดยจะมีผุ้เข้าร่วมจากภาคประชาชนกว่า 3,000 คนทั่วประเทศ และขอให้ภาคเอกชนส่งตัวแทนเข้าร่วมเสวนาด้วย

**เผย ผบ.สส.ตอบรับเข้าพบเสาร์นี้บ่าย 3

ต่อมาเวลา 19.10 น. นายสุเทพ ได้ขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยกับผู้ชุมนุม ว่า ตนประเมินจิตใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผิด ไม่นึกว่าจะดื้อด้านได้ขนาดนี้ วันนี้ก่อน 2 ทุ่ม จะได้มีโอกาสไปพบกับผู้นำเหล่าทัพ ทั้ง ผบ.สส. และผบ.เหล่าทัพ รวมทั้ง ผบ.ตร. แต่ว่ามีความขลุกขลักเรื่องการประสานงาน โดยได้มอบหมายให้ นายสกลธี ภัททิยกุล ถือหนังสือต่อ ผบ.สส. ด้วยตัวเอง ปรากฏว่า พล.อ.ธนศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. ตอบมาแล้วว่า จะให้ไปพบวันเสาร์ที่ 14 ธ.ค.นี้ เวลา 15.00 น. ทั้งนี้ตนขอขอบคุณที่ให้โอกาสไปชี้แจงเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชน

ทั้งนี้ ในวันเสาร์นี้ ตนจะชี้แจงต่อ ผบ.สส. ถึงความต้องการของผู้ชุมนุมอย่างชัดเจนตรงไปตรงมา เพื่อให้ผู้นำเหล่าทัพตัดสินใจเคียงข้างมวลมหาประชาชน และยังขออภัยผู้ชุมนุมที่ประเมินฝ่ายตรงข้ามสูงเกินไป มาถึงขั้นนี้ถอยไม่ได้อีกแล้ว ต้องเดินหน้าอย่างเดียว จะกี่วันให้มันรู้ไป เพราะคนพวกนั้นต้องการจะทำให้พวกเราเสื่อมกำลัง ท้อถอย และกลับบ้าน เพราะฉะนั้น ต้องทำให้รู้ว่า พวกเราไม่มีวันท้อถอย และไม่มีวันกลับบ้าน ถ้าตำรวจจะจับพวกตนทั้งคณะ มาจับได้ แต่จะต้องเจอมวลมหาประชาชนมากกว่านี้แน่นอน เพราะประชาชนไม่มีวันยอมอีกแล้ว จะสู้จนกว่าจะบรรลุความสำเร็จ

** "ปู"จัดเวทีรับฟังความเห็นแก้เกม

เมื่อเวลา 14.30 น.วานนี้ น.ส.ยิ่งงลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ถึงการแก้ปัญหาสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ว่า รัฐบาลพร้อมที่จะเปิดใจกว้างรับฟังความคิดเห็นต่างๆ ร่วมถึงเวทีการหารือต่างๆ เพื่อแสวงหาทางออกที่ดีที่สุด สำหรับอนาคตของประเทศไทยก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 หลังจากการเลือกตั้งแล้ว จะมีแนวทางการปฏิรูปประเทศไทยอย่างไร ให้เป็นรูปธรรม เพื่อที่จะแก้ปัญหาในระยะยาว

รัฐบาลจึงได้ให้ นายธงทอง จันทรางศุ สำนักปลัดนายกรัฐมนตรี เป็นผูัรับผิดชอบไปดำเนินการ จัดตั้งเวทีเพื่อ เชิญชวนภาคส่วนต่างๆ ที่เป็นตัวแทนของภาคการเมือง ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ ภาคราชการ สถาบันการศึกษา ภาคสังคม ภาคประชาชน ทุกกลุ่มของการเมือง องค์กรต่างๆ รวมถึงนักกฎหมาย นักวิชาการให้มีความหลากหลาย รวมถึงสื่อมวลชนด้วย เพื่อร่วมกันหาทางออก ในวันที่ 15 ธ.ค. นี้ เวลา 09.00 น. ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

อย่างไรก็ตาม เวทีดังกล่าวตนจะไม่เข้าร่วม โดยจะให้เป็นเรื่องของข้าราชการประจำเป็นผู้ดำเนินการและเป็นคนกลาง เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้พูดคุยกันอย่างกว้างขวาง และหากทาง กปปส. จะเข้าร่วมในเวทีดังกล่าวด้วยก็ไม่มีปัญหา


** ตท.11รุ่นประกาศหนุน กปปส.

เมื่อเวลา 13.30 น.วานนี้ ที่ห้องรามราฆพ สนามม้านางเลิ้ง พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ หรือ เสธ.อ้าย อดีตแกนนำกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) พร้อมด้วยอดีตนักเรียนเตรียมทหาร ร่น 1 - 9 รุ่น 12 และ รุ่น 29 กว่า 50 คน ร่วมกันอ่านแถลงการณ์ ว่า ตามที่คณะ กปปส. จัดให้มีการชุมนุม เรียกร้องให้ผู้บริหารประเทศในปัจจุบัน คืนอำนาจให้ประชาชน ในนามศิษย์เก่าของนักเรียนเตรียมทหาร และตัวแทนทั้ง 11 รุ่น เห็นว่าการบริหารของรัฐบาลชุดนี้ปล่อยให้มีการล่วงละเมิดจาบจ้วงสถาบันฯ ปล่อยให้มีการทุจริต ไม่มีความตั้งใจจะขจัดการกระทำดังกล่าวให้หมดสิ้น การบริหารราชการตกอยู่ภายใต้บุคคลอื่น

ในนามอดีตแกนนำ อพส. ที่ได้จัดชุมนุม เมื่อ 28 ต.ค. 55 ที่สนามม้าฯ และลานพระบรมรูปฯ ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นสัญญาณเตือนแล้ว แต่รัฐบาลก็ไม่ได้มีจิตสำนึก ยังดำเนินการในลักษณะดังกล่าวต่อไป เช่น การพิจารณากฎหมายนิรโทษกรรมในสภา เพื่อเอื้อประโยชน์ช่วยเหลือคนผิด อันไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย อีกทั้งยังปฏิเสธไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และยังไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายในการประกาศยุบสภา ตามมาตตรา 108 วรรคแรก พวกตนเห็นว่าการกระทำดังกล่าว ทำให้ประเทศไทยเสียหายมากที่สุดในรอบ 80 ปี จึงเห็นให้ด้วยกับแนวคิดของ กปปส. ที่จะให้เปลี่ยนแปลงประเทศไทย เพื่อให้มีระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขโดยสมบูรณ์

พล.อ.บุญเลิศ กล่าวด้วยว่า เราต้องการสื่อไปถึงทหารรุ่นใหม่ในกองทัพว่า เห็นด้วยหรือไม่ ถ้าเห็นด้วยก็ช่วย กปปส. ก็แค่ออกมาเป็นกรรมการห้าม เพราะทหารทรงอำนาจทุกคนจะฟัง เนื่องจากในขณะนี้ทั้งสองฝ่ายเล่นกันเละเทะอยู่ อย่างไรก็ตามต้องไปถามผบ.เหล่าทัพ ว่าจะเอาอย่างไร แต่ตนก็มั่นใจว่ารุ่นน้องหลายคนถูกอบรมมาเหมือนกัน 7 ปีว่าให้รักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ แต่ก็แค่เสียใจนิดๆ ว่าทำไมถึงปล่อยให้ประชาชนเหนื่อยออกมาเป่านกหวีดมาแล้วตั้งกี่วันอยู่ฝ่ายเดียว

**คปส.บุกรื้อลวดหนามทำเนียบฯ

เมื่อเวลา 10.30 น. การ์ดอาสา และมวลชน กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่ชุมนุมที่บริเวณถนนพิษณุโลก ข้างทำเนียบรัฐบาล ได้ใช้บันไดพาดตามแนวรั้ว และเริ่มเข้ารื้อแนวรั้วลวดหนามที่ติดโดยรอบทำเนียบรัฐบาล โดยเริ่มจากบริเวณประตู 2 หน้าตึกไทยคู่ฟ้า

ทั้งนี้นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท. และนายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงาน คปท. ได้เน้นย้ำให้ผู้ชุมนุม ปฏิบัติภารกิจด้วยความมีระเบียบวินัย สงบ สันติและปราศจากอาวุธ รวมถึงช่วยกันสอดส่องผู้เข้ามาสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ ไม่ให้มีการขว้างสิ่งของหรือขวดน้ำเข้าไปในบริเวณทำเนียบรัฐบาล ขณะเดียวกันก็ได้เน้นย้ำอีกว่า ไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าไปในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล นอกเหนือจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในภารกิจ การเก็บเศษรั้วลวดหนามเท่านั้น

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง เตือนผู้ชุมนุมไม่ให้เข้ามาในพื้นที่ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความจำเป็นที่ต้องรักษาสถานที่ราชการ และมีการเตรียมกองร้อยควบคุมฝูงชุมประจำการหน้าตึกสันติไมตรี ทั้งนี้ ทางทีมรักษาความปลอดภัย คปท.ได้มีการวางกำลังการ์ดอาสาใน 4 จุด หากพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการใช้ความรันแรงกับผู้ชุมนุม จะมีการปฏิบัติการตอบโต้ขั้นสูงสุดทันที ซึ่งระหว่างการปฏิบัติภารกิจ เหตุการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีความรุนแรงใดๆ

ต่อมาเมื่อเวลา 12.00 น. มวลชน คปท.ได้ทำการรื้อรั้วลวดหนาม ที่อยู่โดยรอบทำเนียบรัฐบาลออกหมดแล้ว และนำไปกองรวมกันไว้ด้านข้างตึกสันติไมตรี ขณะที่มวลชนได้กระจายตัวล้อมทำเนียบรัฐบาล เพื่อกดดันเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ออกจากพื้นที่ โดยก่อนหน้านั้นเวลาประมาณ 11.15 น. แกนนำ คปท.ได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง แจ้งยื่นคำขาดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บสิ่งของสัมภาระออกจากพื้นที่ภายใน 1 ชม. ซึ่งหากครบกำหนดในเวลา 12.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ออกจากพื้นที่ ทางกลุ่มผู้ชุมนุมจะตัดน้ำประปา ตัดไฟฟ้า และตัดสัญญาณโทรศัพท์ภายในทำเนียบรัฐบาล

โดยระหว่างนั้นมีรายงานว่า พล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล 6 ได้โทรศัพท์ประสานงานมายังหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย คปท. ขอให้ผู้ชุมนุมช่วยเปิดทาง ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ 500 นาย ออกนอกทำเนียบรัฐบาล ในช่วงบ่าย แต่ภายหลังมีการยืนยันว่า เป็นเพียงการขอสับเปลี่ยนกำลังเท่านั้น ทำให้ทางกลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจ

จากนั้น 12.30 น. ทางกลุ่มผู้ชุมนุม คปท.ได้ทำการตัดกระแสไฟฟ้าภายในทำเนียบรัฐบาล หลังจากที่ครบกำหนดเวลาที่ยื่นคำขาดให้นำกำลังตำรวจออกจากพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล

ทั้งนี้เมื่อเวลาประมาณ 12.20 น. ได้มีเหตุชุลมุนขึ้นที่บริเวณประตูทางเข้าสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ฝั่งริมคลองผดุงกรุงเกษม โดยกลุ่มผู้ชุมนุมอ้างว่ามีการยิงปืนออกมาจากทำเนียบรัฐบาล มวลชนจึงจึงลุกฮือไปที่เกิดเหตุ จากนั้นได้มีเสียงดังคล้ายประทัดยักษ์ดังขึ้นมา 2 ครั้ง มวลชนจึงไปรวมตัวกันที่ประตูดังกล่าว และด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าทำร้ายประชาชน การ์ดอาสาจึงเข้าควบคุมสถานการณ์และให้มวลชนถอยห่างจากบริเวณดังกล่าว โดยไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ

*** นักธุรกิจจี้บัวแกวลากคอ"แม้ว"มารับโทษ

วานนี้ (12 ธ.ค. ) นายสมเกียรติ หอมละออ ประธานชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย และ นายพิชัยลักษณ์ ไชยวงศ์ ประธานชมรมนักธุรกิจเพื่อคุณธรรม นำกลุ่มนักธุรกิจไปยื่นจดหมายเปิดผนึกถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้นำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย โดยมี นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ เป็นตัวแทนรับจดหมาย

นอกจากนี้ กลุ่มนักธุรกิจยังเข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกดังกล่าวต่อ สถานทูตสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ เรียกร้องให้ปฏิเสธการให้ที่พักพิงแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งขอให้ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมายังประเทศไทยหากพบว่ามีการเดินทางเข้าประเทศ ซึ่งหลังจากนี้กลุ่มนักธุรกิจจะเดินทางเข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อสถานทูตของประเทศต่างๆให้ครบทุกแห่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น