เมื่อสองสัปดาห์ก่อน คอลัมน์นี้สรุปว่าระบอบทักษิณเปรียบเสมือนเข่ง 5 เหลี่ยมที่ทรชนจะจับคนไทยใส่เข้าไปแล้วผลักให้ตกภูผา หรือไม่ก็มหาสมุทร
เข่งห้าเหลี่ยมได้แก่ อัตตาธิปไตย ซึ่งมีคนเป็นใหญ่อยู่ในรัฐบาล หรือเบื้องหลังรัฐบาลสั่งการอยู่คนเดียว ขโมยาธิปไตย ซึ่งได้แก่การใช้ความฉ้อฉลเป็นฐานของการบริหารจัดการประเทศ ธนาธิปไตย ซึ่งได้แก่การยึดเงินเป็นเป้าหมายและใช้เงินซื้อ หรือติดสินบนบุคคลและองค์กรเพื่อเข้าสู่และครองอำนาจ ญาติกาธิปไตย ซึ่งได้แก่การใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้อง สมาชิกในครอบครัวและตัวเอง และ ประชานิยมาธิปไตย ซึ่งได้แก่การใช้นโยบายประชานิยมแบบเลวร้าย หรือการหลอกลวงว่าให้ของเปล่ามอมเมาประชาชนเพื่อสร้างความนิยมให้แก่ผู้นำ
ระบอบนี้มีโอกาสสูงที่จะทำให้ชาติไทยไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิดและพัฒนาไปเป็นสังคมตามอุดมการณ์ ตัวอย่างมีให้ดูอยู่มากมาย ใกล้ตัวเราได้แก่ฟิลิปปินส์ ย้อนไปหลายสิบปี อาจจำกันได้ว่าคนไทยนิยมส่งลูกหลานไปเรียนกันที่ฟิลิปปินส์ทั้งนี้เพราะฟิลิปปินส์ก้าวหน้าและมีสถาบันอุดมศึกษามากกว่าเมืองไทย แต่หลังจากเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส บริหารประเทศอยู่กว่า 20 ปี ฟิลิปปินส์มีอันเป็นไปจนล้าหลังไทยและได้สมญาว่าเป็น “คนป่วยแห่งเชีย” (Sick Man of Asia) ทั้งนี้เพราะมาร์กอสบริหารประเทศด้วยเข่งสามเหลี่ยมประกอบด้วยอัตตาธิปไตย ขโมยาธิปไตย และญาติกาธิปไตย
ชาวฟิลิปปินส์ลุกฮือขึ้นเมื่อปี 2529 สร้างปรากฏการณ์ที่เรียกกันว่า “พลังประชาชน” (People Power) โค่นมาร์กอสออกจากอำนาจ เขาหนีไปตายในรัฐฮาวายของอเมริกา อย่างไรก็ตาม การที่เขาได้เจาะกินแก่นในจนทำลายทุกภาคส่วนของประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง การปฏิวัติของประชาชนไม่สามารถพลิกฟิลิปปินส์ให้กลับมาเหมือนเดิมได้ มาตรการของมาร์กอสที่ทำลายเศรษฐกิจและสังคมแบบโหดร้ายได้แก่การเข้าไปผูกขาดตลาดมะพร้าว
ฟิลิปปินส์ประกอบด้วยเกาะราว 7 พันเกาะซึ่งภูมิอากาศเหมาะแก่การปลูกมะพร้าวมาก ชาวฟิลิปปินส์ทำสวนมะพร้าวขนาดเล็กกันอย่างกว้างขวางไม่ต่างกับเกษตรกรไทยทำนาทำไร่ขนาดเล็ก แต่การที่พวกเขาทำสวนมะพร้าวกันมากทั่วประเทศ ฟิลิปปินส์จึงสามารถส่งมะพร้าวออกได้เป็นหมายเลข 1 ของโลก กระบวนการผลิตและการค้ามะพร้าวนั้นเป็นกระบวนการของภาคเอกชนมาตลอด
เมื่อมาร์กอสเข้าครองอำนาจ เขาออกกฎหมายผูกขาดให้ผู้ผลิตมะพร้าวต้องขายผลผลิตให้แก่องค์กรที่เขาตั้งขึ้นเท่านั้น องค์กรผูกขาดนี้มีอำนาจล้นฟ้าโดยกำหนดราคาซื้อต่ำและนำไปขายในตลาดโลกด้วยราคาสูงจนทำกำไรได้มหาศาลซึ่งมาร์กอสและพรรคพวกนำไปผลาญ หรือยักยอกกันได้ตามใจชอบ การกดราคาให้ต่ำทำให้ชาวสวนมะพร้าวขาดทุนกันอย่างทั่วถึง พวกเขาจึงผลิตมะพร้าวน้อยลง ส่งผลให้เกิดความยากจนเพิ่มขึ้นอย่างกว้างขวาง เมื่อคนส่วนใหญ่ไม่มีกำลังซื้อ เศรษฐกิจโดยรวมก็เป็นง่อย
ไกลออกไปและเราได้ยินกันบ่อยในช่วงเวลา 12 ปีที่ผ่านมาได้แก่อาร์เจนตินาซึ่งใช้นโยบายประชานิยมจนล้มละลายและล้มลุกคลุกคลานมานานหลายทศวรรษ
ย้อนไปร้อยกว่าปี อาร์เจนตินาก้าวหน้าและมีรายได้ในระดับสูงไม่แพ้ฝรั่งเศส เยอรมนีและแคนาดา เมืองหลวงบัวโนสไอเรสของเขาหรูหราไม่น้อยหน้ามหานครนิวยอร์กและปารีส อาร์เจนตินาผลิตสิ่งต่างๆ ออกขายจนร่ำรวย ประเทศมีทุนสำรองกองโตมากคิดได้ถึงราว 70% ของทุนสำรองของประเทศในละตินอเมริกาทั้งหมด
ในการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2459 นักการเมืองหัวใสชื่อ ฮิโปลิโต อิริโกเยน เสนอนโยบายให้ของเปล่าแก่ประชาชนอันเป็นหัวใจของประชานิยมาธิปไตย ผลปรากฏว่าเขาได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดี นั่นเป็นวันที่อาร์เจนตินาเริ่มเดินเข้าสู่กระบวนการล้มละลายและพัฒนาแบบล้มลุกคลุกคลาน แม้ทหารจะยึดอำนาจในบางช่วง แต่รัฐบาลก็ไม่สามารถหยุดกระบวนการประชานิยมได้เพราะประชาชนกดดันอย่างหนักเนื่องจากได้เสพติดนโยบายประชานิยมแล้ว
เมื่อรัฐบาลอาร์เจนตินาไม่สามารถปิดงบประมาณได้จากนโยบายให้ของเปล่าแก่ประชาชนก็หันไปใช้ทุนสำรองของชาติ เนื่องจากทุนสำรองกองโตมาก รัฐบาลใช้เวลานานกว่าจะหมด หลังจากนั้นรัฐบาลก็ออกไปหากู้ยืมจากต่างประเทศ เมื่อกู้มากจนไม่มีใครให้กู้อีกต่อไป ก็หันมาใช้วิธีพิมพ์ธนบัตรจำนวนมหาศาลออกมาปิดงบประมาณขาดดุล การกระทำเช่นนั้นทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อร้ายแรงทันทีและมีผลกระทบต่อทุกภาคส่วน อาร์เจนตินาไม่สามารถชำระหนี้ได้ส่งผลให้ประสบภาวะล้มละลาย 40 ปีหลังวันที่นำนโยบายประชานิยมแบบเลวร้ายเข้าไปใช้ หลังจากนั้นมา อาร์เจนตินาก็พัฒนาแบบล้มลุกคลุกคลาน
ในละตินอเมริกา ตัวอย่างมีมากกว่าอาร์เจนตินา เวเนซุเอลาเคยร่ำรวยมหาศาลด้วยการส่งน้ำมันปิโตรเลียมออกขายเป็นหมายเลข 1 ของโลก หลังรัฐบาลผลาญรายได้มหาศาลนั้นด้วยนโยบายประชานิยมเลวร้ายที่เพิ่มความเข้มข้นขึ้นไปเรื่อยๆ เวเนซุเอลาจำเป็นต้องไปหากู้เงินจากต่างประเทศ การกู้นั้นทำได้มากเนื่องจากเวเนซุเอลาผลิตน้ำมันได้ อย่างไรก็ตาม การยืมได้มากเป็นเสมือนดาบสองคมเพราะทั้งเศรษฐกิจและงบประมาณของรัฐบาลขึ้นอยู่กับการส่งออกและราคาน้ำมัน ทันทีที่ราคาน้ำมันตกต่ำติดต่อกันเป็นเวลานาน รัฐบาลก็ไม่สามรถชำระหนี้ได้ส่งผลให้ประสบความล้มละลายตามมา เนื่องจากชาวเวเนซุเอลาเสพติดประชานิยมแล้ว รัฐบาลหาทางออกไม่ได้ เวเนซุเอลาจึงล้มละลายหลายครั้งและพัฒนาแบบล้มลุกคลุกคลานคล้ายอาร์เจนตินามานานแล้ว
ตัวอย่างล่าสุดที่นโยบายประชานิยมทำให้ประเทศล้มละลายได้แก่กรีซซึ่งพัฒนาได้ก้าวหน้าและเป็นประชาธิปไตยจนสามารถเข้าไปร่วมเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปได้ ณ วันนี้ กรีซยังตกอยู่ในภาวะล้มละลายและได้รับความช่วยเหลือจากทั้งไอเอ็มเอฟและสหภาพยุโรป เมื่อพ้นภาวะนั้นแล้ว กรีซจะเป็นอย่างไรต้องรอดูไปอีกระยะหนึ่ง
จากตัวอย่างที่ยกมาจะเห็นว่าไม่มีปะเทศไหนใช้นโยบายครบเป็นเข่ง 5 เหลี่ยมเช่นระบอบทักษิณ แต่พวกเขายังล้มละลายได้ ฉะนั้น น่าจะอนุมานได้ว่าอีกไม่ช้า ถ้าคนไทยยังไม่ยอมออกมาช่วยกันขุดรากถอนโคนระบอบสามานย์นี้ออกไป เมืองไทยจะไม่มีทางพัฒนาต่อไปได้ นโยบายสุดท้ายที่จะทำให้ไทยเดินเข้าสู่ความล้มละลายหายนะได้แก่โครงการรับจำนำข้าว
ตัวอย่างเรื่องมะพร้าวในฟิลิปปินส์เป็นอุทาหรณ์ที่คนไทยโดยทั่วไปควรตระหนักเป็นอย่างยิ่ง อุตสาหกรรมข้าวไทยไม่ต่างกับอุตสาหกรรมมะพร้าวของฟิลิปปินส์ในแง่ที่ต่างก็เป็นกระดูกสันหลังของสังคม โครงการรับจำนำข้าวกำลังขาดทุนย่อยยับอันเป็นการทำลายวินัยทางการคลังของรัฐบาล นอกจากนั้น มันยังกำลังทำลายระบบการค้าขายเอกชนที่มีความสำคัญยิ่งมาตลอดประวัติศาสตร์อีกด้วย คุณภาพของข้าวไทยถูกทำลายด้วยการผลิตข้าวแบบสุกเอาเผากิน จนตอนนี้คุณภาพของข้าวไทยสู้ของคู่แข่งไม่ได้แล้ว การเสียตลาดข้าวในต่างประเทศพร้อมกับราคาที่ตกต่ำจะทำให้เกิดการขาดทุนเพิ่มขึ้นอีกรอบหนึ่ง ผลสุดท้าย โครงการนี้จะทำลายกระดูกสันหลังของสังคมไทยจนย่อยยับอย่างแน่นอน
มีผู้ถามเสมอว่า ถ้าไล่รัฐบาลปัจจุบันอันเป็นตัวการของหัวจักรขับเคลื่อนระบอบทักษิณซึ่งกำลังเกาะกินแก่นในของสังคมไทยได้แล้ว จะทำอะไรกันต่อไป ข้อสงสัยนั้นทำให้พวกเขาไม่ต้องการออกมาร่วมไล่รัฐบาลแม้จะเห็นว่ามันชั่วร้ายถึงกับไม่รับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญก็ตาม คำตอบคือ เราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างว่าอะไรจะเกิดขึ้นทุกขั้นตอนในวันข้างหน้า แต่อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นตามมาจะต้องดีกว่ารัฐบาลที่ตกต่ำสุดๆ แล้วนี้แน่นอน
ฉะนั้น การออกมาร่วมกันไล่รัฐบาลในวันที่ 9 ธันวาคมนี้จึงมีลักษณะของการไปตายดาบหน้าดีกว่าอยู่ใต้ระบอบทักษิณ ออกมา ออกมา ออกมาให้มืดฟ้ามัวดินแล้วฟ้าจะส่องแสงสว่างมาชี้ทางให้อย่างแน่นอน
เข่งห้าเหลี่ยมได้แก่ อัตตาธิปไตย ซึ่งมีคนเป็นใหญ่อยู่ในรัฐบาล หรือเบื้องหลังรัฐบาลสั่งการอยู่คนเดียว ขโมยาธิปไตย ซึ่งได้แก่การใช้ความฉ้อฉลเป็นฐานของการบริหารจัดการประเทศ ธนาธิปไตย ซึ่งได้แก่การยึดเงินเป็นเป้าหมายและใช้เงินซื้อ หรือติดสินบนบุคคลและองค์กรเพื่อเข้าสู่และครองอำนาจ ญาติกาธิปไตย ซึ่งได้แก่การใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้อง สมาชิกในครอบครัวและตัวเอง และ ประชานิยมาธิปไตย ซึ่งได้แก่การใช้นโยบายประชานิยมแบบเลวร้าย หรือการหลอกลวงว่าให้ของเปล่ามอมเมาประชาชนเพื่อสร้างความนิยมให้แก่ผู้นำ
ระบอบนี้มีโอกาสสูงที่จะทำให้ชาติไทยไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิดและพัฒนาไปเป็นสังคมตามอุดมการณ์ ตัวอย่างมีให้ดูอยู่มากมาย ใกล้ตัวเราได้แก่ฟิลิปปินส์ ย้อนไปหลายสิบปี อาจจำกันได้ว่าคนไทยนิยมส่งลูกหลานไปเรียนกันที่ฟิลิปปินส์ทั้งนี้เพราะฟิลิปปินส์ก้าวหน้าและมีสถาบันอุดมศึกษามากกว่าเมืองไทย แต่หลังจากเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส บริหารประเทศอยู่กว่า 20 ปี ฟิลิปปินส์มีอันเป็นไปจนล้าหลังไทยและได้สมญาว่าเป็น “คนป่วยแห่งเชีย” (Sick Man of Asia) ทั้งนี้เพราะมาร์กอสบริหารประเทศด้วยเข่งสามเหลี่ยมประกอบด้วยอัตตาธิปไตย ขโมยาธิปไตย และญาติกาธิปไตย
ชาวฟิลิปปินส์ลุกฮือขึ้นเมื่อปี 2529 สร้างปรากฏการณ์ที่เรียกกันว่า “พลังประชาชน” (People Power) โค่นมาร์กอสออกจากอำนาจ เขาหนีไปตายในรัฐฮาวายของอเมริกา อย่างไรก็ตาม การที่เขาได้เจาะกินแก่นในจนทำลายทุกภาคส่วนของประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง การปฏิวัติของประชาชนไม่สามารถพลิกฟิลิปปินส์ให้กลับมาเหมือนเดิมได้ มาตรการของมาร์กอสที่ทำลายเศรษฐกิจและสังคมแบบโหดร้ายได้แก่การเข้าไปผูกขาดตลาดมะพร้าว
ฟิลิปปินส์ประกอบด้วยเกาะราว 7 พันเกาะซึ่งภูมิอากาศเหมาะแก่การปลูกมะพร้าวมาก ชาวฟิลิปปินส์ทำสวนมะพร้าวขนาดเล็กกันอย่างกว้างขวางไม่ต่างกับเกษตรกรไทยทำนาทำไร่ขนาดเล็ก แต่การที่พวกเขาทำสวนมะพร้าวกันมากทั่วประเทศ ฟิลิปปินส์จึงสามารถส่งมะพร้าวออกได้เป็นหมายเลข 1 ของโลก กระบวนการผลิตและการค้ามะพร้าวนั้นเป็นกระบวนการของภาคเอกชนมาตลอด
เมื่อมาร์กอสเข้าครองอำนาจ เขาออกกฎหมายผูกขาดให้ผู้ผลิตมะพร้าวต้องขายผลผลิตให้แก่องค์กรที่เขาตั้งขึ้นเท่านั้น องค์กรผูกขาดนี้มีอำนาจล้นฟ้าโดยกำหนดราคาซื้อต่ำและนำไปขายในตลาดโลกด้วยราคาสูงจนทำกำไรได้มหาศาลซึ่งมาร์กอสและพรรคพวกนำไปผลาญ หรือยักยอกกันได้ตามใจชอบ การกดราคาให้ต่ำทำให้ชาวสวนมะพร้าวขาดทุนกันอย่างทั่วถึง พวกเขาจึงผลิตมะพร้าวน้อยลง ส่งผลให้เกิดความยากจนเพิ่มขึ้นอย่างกว้างขวาง เมื่อคนส่วนใหญ่ไม่มีกำลังซื้อ เศรษฐกิจโดยรวมก็เป็นง่อย
ไกลออกไปและเราได้ยินกันบ่อยในช่วงเวลา 12 ปีที่ผ่านมาได้แก่อาร์เจนตินาซึ่งใช้นโยบายประชานิยมจนล้มละลายและล้มลุกคลุกคลานมานานหลายทศวรรษ
ย้อนไปร้อยกว่าปี อาร์เจนตินาก้าวหน้าและมีรายได้ในระดับสูงไม่แพ้ฝรั่งเศส เยอรมนีและแคนาดา เมืองหลวงบัวโนสไอเรสของเขาหรูหราไม่น้อยหน้ามหานครนิวยอร์กและปารีส อาร์เจนตินาผลิตสิ่งต่างๆ ออกขายจนร่ำรวย ประเทศมีทุนสำรองกองโตมากคิดได้ถึงราว 70% ของทุนสำรองของประเทศในละตินอเมริกาทั้งหมด
ในการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2459 นักการเมืองหัวใสชื่อ ฮิโปลิโต อิริโกเยน เสนอนโยบายให้ของเปล่าแก่ประชาชนอันเป็นหัวใจของประชานิยมาธิปไตย ผลปรากฏว่าเขาได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดี นั่นเป็นวันที่อาร์เจนตินาเริ่มเดินเข้าสู่กระบวนการล้มละลายและพัฒนาแบบล้มลุกคลุกคลาน แม้ทหารจะยึดอำนาจในบางช่วง แต่รัฐบาลก็ไม่สามารถหยุดกระบวนการประชานิยมได้เพราะประชาชนกดดันอย่างหนักเนื่องจากได้เสพติดนโยบายประชานิยมแล้ว
เมื่อรัฐบาลอาร์เจนตินาไม่สามารถปิดงบประมาณได้จากนโยบายให้ของเปล่าแก่ประชาชนก็หันไปใช้ทุนสำรองของชาติ เนื่องจากทุนสำรองกองโตมาก รัฐบาลใช้เวลานานกว่าจะหมด หลังจากนั้นรัฐบาลก็ออกไปหากู้ยืมจากต่างประเทศ เมื่อกู้มากจนไม่มีใครให้กู้อีกต่อไป ก็หันมาใช้วิธีพิมพ์ธนบัตรจำนวนมหาศาลออกมาปิดงบประมาณขาดดุล การกระทำเช่นนั้นทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อร้ายแรงทันทีและมีผลกระทบต่อทุกภาคส่วน อาร์เจนตินาไม่สามารถชำระหนี้ได้ส่งผลให้ประสบภาวะล้มละลาย 40 ปีหลังวันที่นำนโยบายประชานิยมแบบเลวร้ายเข้าไปใช้ หลังจากนั้นมา อาร์เจนตินาก็พัฒนาแบบล้มลุกคลุกคลาน
ในละตินอเมริกา ตัวอย่างมีมากกว่าอาร์เจนตินา เวเนซุเอลาเคยร่ำรวยมหาศาลด้วยการส่งน้ำมันปิโตรเลียมออกขายเป็นหมายเลข 1 ของโลก หลังรัฐบาลผลาญรายได้มหาศาลนั้นด้วยนโยบายประชานิยมเลวร้ายที่เพิ่มความเข้มข้นขึ้นไปเรื่อยๆ เวเนซุเอลาจำเป็นต้องไปหากู้เงินจากต่างประเทศ การกู้นั้นทำได้มากเนื่องจากเวเนซุเอลาผลิตน้ำมันได้ อย่างไรก็ตาม การยืมได้มากเป็นเสมือนดาบสองคมเพราะทั้งเศรษฐกิจและงบประมาณของรัฐบาลขึ้นอยู่กับการส่งออกและราคาน้ำมัน ทันทีที่ราคาน้ำมันตกต่ำติดต่อกันเป็นเวลานาน รัฐบาลก็ไม่สามรถชำระหนี้ได้ส่งผลให้ประสบความล้มละลายตามมา เนื่องจากชาวเวเนซุเอลาเสพติดประชานิยมแล้ว รัฐบาลหาทางออกไม่ได้ เวเนซุเอลาจึงล้มละลายหลายครั้งและพัฒนาแบบล้มลุกคลุกคลานคล้ายอาร์เจนตินามานานแล้ว
ตัวอย่างล่าสุดที่นโยบายประชานิยมทำให้ประเทศล้มละลายได้แก่กรีซซึ่งพัฒนาได้ก้าวหน้าและเป็นประชาธิปไตยจนสามารถเข้าไปร่วมเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปได้ ณ วันนี้ กรีซยังตกอยู่ในภาวะล้มละลายและได้รับความช่วยเหลือจากทั้งไอเอ็มเอฟและสหภาพยุโรป เมื่อพ้นภาวะนั้นแล้ว กรีซจะเป็นอย่างไรต้องรอดูไปอีกระยะหนึ่ง
จากตัวอย่างที่ยกมาจะเห็นว่าไม่มีปะเทศไหนใช้นโยบายครบเป็นเข่ง 5 เหลี่ยมเช่นระบอบทักษิณ แต่พวกเขายังล้มละลายได้ ฉะนั้น น่าจะอนุมานได้ว่าอีกไม่ช้า ถ้าคนไทยยังไม่ยอมออกมาช่วยกันขุดรากถอนโคนระบอบสามานย์นี้ออกไป เมืองไทยจะไม่มีทางพัฒนาต่อไปได้ นโยบายสุดท้ายที่จะทำให้ไทยเดินเข้าสู่ความล้มละลายหายนะได้แก่โครงการรับจำนำข้าว
ตัวอย่างเรื่องมะพร้าวในฟิลิปปินส์เป็นอุทาหรณ์ที่คนไทยโดยทั่วไปควรตระหนักเป็นอย่างยิ่ง อุตสาหกรรมข้าวไทยไม่ต่างกับอุตสาหกรรมมะพร้าวของฟิลิปปินส์ในแง่ที่ต่างก็เป็นกระดูกสันหลังของสังคม โครงการรับจำนำข้าวกำลังขาดทุนย่อยยับอันเป็นการทำลายวินัยทางการคลังของรัฐบาล นอกจากนั้น มันยังกำลังทำลายระบบการค้าขายเอกชนที่มีความสำคัญยิ่งมาตลอดประวัติศาสตร์อีกด้วย คุณภาพของข้าวไทยถูกทำลายด้วยการผลิตข้าวแบบสุกเอาเผากิน จนตอนนี้คุณภาพของข้าวไทยสู้ของคู่แข่งไม่ได้แล้ว การเสียตลาดข้าวในต่างประเทศพร้อมกับราคาที่ตกต่ำจะทำให้เกิดการขาดทุนเพิ่มขึ้นอีกรอบหนึ่ง ผลสุดท้าย โครงการนี้จะทำลายกระดูกสันหลังของสังคมไทยจนย่อยยับอย่างแน่นอน
มีผู้ถามเสมอว่า ถ้าไล่รัฐบาลปัจจุบันอันเป็นตัวการของหัวจักรขับเคลื่อนระบอบทักษิณซึ่งกำลังเกาะกินแก่นในของสังคมไทยได้แล้ว จะทำอะไรกันต่อไป ข้อสงสัยนั้นทำให้พวกเขาไม่ต้องการออกมาร่วมไล่รัฐบาลแม้จะเห็นว่ามันชั่วร้ายถึงกับไม่รับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญก็ตาม คำตอบคือ เราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างว่าอะไรจะเกิดขึ้นทุกขั้นตอนในวันข้างหน้า แต่อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นตามมาจะต้องดีกว่ารัฐบาลที่ตกต่ำสุดๆ แล้วนี้แน่นอน
ฉะนั้น การออกมาร่วมกันไล่รัฐบาลในวันที่ 9 ธันวาคมนี้จึงมีลักษณะของการไปตายดาบหน้าดีกว่าอยู่ใต้ระบอบทักษิณ ออกมา ออกมา ออกมาให้มืดฟ้ามัวดินแล้วฟ้าจะส่องแสงสว่างมาชี้ทางให้อย่างแน่นอน