xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

นาทีชีวิต "ศักดินันท์ รักษาพล" : น้องยังวนเวียนปกป้องราม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายศักดินันท์ รักษาพล
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เหตุการณ์ปะทะที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงทำให้เกิดการสูญเสีย และสร้างความหวาดกลัวอย่างยิ่งให้กับนักศึกษาที่ติดอยู่ด้านใน ทั้งถูกถล่มด้วยระเบิด และเสียงปืนยิงเข้าใส่นักศึกษาต่อเนื่องตลอดทั้งคืน ซ้ำถูกละเลยจากตำรวจที่ไม่ให้ความช่วยเหลือจึงทำให้เกิดคำถามว่า นักศึกษาที่ถูกโจมตีเป็นการสร้างสถานการณ์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือไม่? ซึ่งเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นนี้ นายศักดินันท์ รักษาพล นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ผู้ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ความรุนแรง เปิดใจกับ "เอเอสทีวี ผู้จัดการสุดสัปดาห์" ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร

เหตุการณ์ปะทะที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เกิดขึ้นได้อย่างไร

ตอนนั้นเราได้มีการรวมตัวกัน เนื่องจากมีนักศึกษาถูกทำร้ายหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งแม่ค้าก็ถูกทำร้าย เนื่องจากห้อยนกหวีดสัญลักษณ์ธงชาติ หลังจากทำร้ายเสร็จ เขาได้ใช้มีดกรีดรูปพ่อขุนที่เป็นสัญลักษณ์ว่า คัดค้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรมรามคำแหง เราเลยนัดกันวันที่ 30 พฤศจิกายน เพื่อจะยื่นหนังสือแจ้งความกับตำรวจ แล้วก็จะแยกย้ายกลับ

หลังจากตำรวจรับเรื่องแล้ว ยังมีการปะทะเกิดขึ้น

วันที่ 30 พฤศจิยายน เวลาบ่ายโมง ท่านผู้กำกับทั้งสองสถานีคือหัวหมากกับวังทองหลาง ก็มารับหนังสือ หลังจากท่านมาแล้ว กลุ่มคนเสื้อแดงก็มาที่หน้ามหาวิทยาลัย เลยมีการปะทะกันเล็กน้อย นั่นก็คือชนวนเหตุ พวกนักศึกษาก็ไม่อยากให้เกิดการปะทะกันมากกว่านี้ ก็กลับมาในรั้วรามคำแหงกันก่อน

จุดที่น่าสงสัย หลังจากที่เฮลิคอปเตอร์บินมาเป็นระยะๆ กระสุนก็สาดทันที

ผู้กำกับทั้งสองเมื่อรับเรื่องแล้วก็ยังอยู่ที่มหาวิทยาลัยคำแหง แต่ไม่มีการส่งตำรวจเข้ามาดูแล เราก็เลยย้ายไปที่ลานพ่อขุน พอราวๆ หนึ่งทุ่ม ก็เริ่มมีเสียงปืนหน้ามหาวิทยาลัย แล้วทางด้านหลังมหาวิทยาลัยก็มีเสียงระเบิดดังสนั่น จากนั้นก็มีเพื่อนๆ เริ่มบาดเจ็บ ที่น่าสังเกตคือมีเฮลิคอปเตอร์ของตำรวจบินวนสาดไฟสปอตไลต์ ซึ่งทุกครั้งที่เฮลิคอปเตอร์บินมาจะมีเสียงปืนดังขึ้น แล้วพี่น้องเราจะถูกยิง เราเลยสงสัยว่ามีการชี้จุดหรือไม่ เลยตัดสินใจตอนห้าทุ่มย้ายกลับมาอยู่ที่หน้าตึกสำนักบริการทางวิชาการและทดสอบประมวลผล (สวป.) คิดว่าปลอดภัยแล้ว แต่ก็มีเสียงปืนดังขึ้นอีกเรื่อยๆ พี่น้องที่อยู่ข้างมหาวิทยาลัยและพวกการ์ดก็โดนยิงบาดเจ็บและมีคนล้มตาย เราก็เลยตัดสินใจว่าให้พี่น้องนั่งรอจนถึงเช้าก่อนแล้วค่อยแยกย้ายกลับ ไม่มีใครนอน อาหารเริ่มไม่มี คนส่งเสบียงเข้าไม่ได้

ความรุนแรงเริ่มบานปลายขึ้นเรื่อยๆ แล้วออกมาได้อย่างไร

คืนวันที่ 1ธันวาคม เราโดนถล่มหลังมหาวิทยาลัยรามคำแหงเละ เราเลยย้ายมาอยู่ส่วนหน้า ตอนเช้าเราโดนถล่มจากด้านหน้า ตอนหกโมงเช้า ระเบิดลูกเกลี้ยงหนึ่งลูก ถูกเขวี้ยงมายังหลังรถ แล้วก็ระเบิดปิงปอง ส่วนปืนก็ยังคงยิงมาตลอด ในจุดที่เพื่อนเราอยู่หน้าตึกสวป. เราก็เลยประกาศให้เพื่อนวิ่งไปหลบที่หน้าตึกอธิการบดี แล้วท่านอธิการบดีก็โทรขอความช่วยเหลือจากตำรวจ ว่าให้ช่วยพานักศึกษาออกไปหน่อย ตำรวจก็บอกว่า เดี๋ยวอีกสิบนาทีจะมาตอนนี้อยู่หน้าราชมังคลากีฬาสถาน แต่บอกว่าเข้ามาไม่ได้ ขณะที่่กลุ่มฝั่งโน้นออกมาได้ ท่านอธิการบดีเลยประสานกับทหารโดยตรงให้เข้ามาช่วยเหลือ

เหตุที่ถูกโจมตีน่าจะเกิดขึ้นเพราะมีสายอยู่ข้างในบอกความเคลื่อนไหว

มีคนซุ่มอยู่แล้วและเราก็คิดว่าน่าจะมีสายข้างในด้วย รั้วเราโดนตัดข้างหลัง มีคนปีนเข้ามาจากด้านข้าง แล้วซุ่มอยู่บนตึก อีกทั้งจุดที่เราอยู่ตอนแรกที่ลานพ่อขุนเป็นจุดที่ล่อแหลม สามารถถูกยิงได้ง่าย จากถนนข้างนอกก็มีการสาดกระสุนเข้ามา เพราะไม่มีตึกกั้นอยู่ เป็นช่องลมหมดระหว่างตึกสองตึก จึงตกเป็นเป้าได้ง่าย เราเลยเปลี่ยนจุดถอยกลับมาเมื่อตอนห้าทุ่ม ตรงนี้มีไฟสว่าง มีตึกล้อมรอบ การสูญเสียก็เริ่มลดลง จากที่ถล่มเราด้านหลังมหาวิทยาลัย พอรุ่งเช้าที่เราเปลี่ยนจุดหลบซ่อนก็มาถล่มเราด้านหน้า เราไม่คิดเลยว่าจะมีการวางแผนกันอย่างนี้ ท่านอธิการก็เปิดห้องสมุดให้นอนด้วย แต่ว่าโดนถล่มเราเลยต้องถอยออกมา และมีการจุดพลุกลบเกลื่อนเสียงปืน พอเสียงพลุดังก็จะมีเสียงปืนดังขึ้นมาเป็นชุด

วินาทีที่ต้องอยู่ระหว่างความเป็นกับความตาย มีความรู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เราถูกยิงอยู่ฝ่ายเดียว ผู้หญิงร้องไห้แต่ทำอะไรไม่ได้ สู้ก็สู้ไม่ได้มีแค่มือเปล่า ในตอนนั้นเรายึดสโลแกนแล้วว่า รองเท้าผ้าใบกับใจถึงๆ เราเลยโดนอย่างนี้ เราไม่คิดว่าจะเจ็บแบบนี้ เราเคารพในเสรีภาพที่เขามาชุมนุมใกล้กับรามคำแหง แต่ชุมนุมแล้ว เราได้รับผลกระทบจากเสียงที่ดัง เขาทำร้ายนักศึกษาและกรีดรูปพ่อขุนรามคำแหง นี่คือสิ่งที่เราโดน เราเลยประท้วง พอเขายุติการชุมนุมวันที่ 1ธันวาคม เราก็ประกาศยุติเช่นกัน ถ้าตอนนั้นเราไม่ได้ทหารรักษาพระองค์ เราก็ไม่รู้ว่าจะออกมายังไง สิ่งที่เราคาดหวังตอนนี้ คือเราอยากให้ภาครัฐดูแลผู้เจ็บ และผู้เสียชีวิตบ้าง

เพื่อนร่วมสถาบันที่เสียชีวิตไป รู้จักกันเป็นการส่วนตัวมั้ย

ไม่รู้จักเลย แต่สิ่งที่น่าเศร้ากว่านั้นออกจะเป็นเรื่องที่ลี้ลับสักหน่อย คืออาจารย์และเจ้าหน้าที่ ยังเห็นน้องที่เสียชีวิตยืนป้องกันริมรั้ว ยังเห็นเดินลาดตระเวนอยู่ตอนกลางคืน สำหรับผมตอนที่อยู่ในเหตุการณ์เฉียดกระสุน วินาทีนั้นต้องเปลี่ยนจากพิธีกรเวทีมาเป็นคนประกาศให้เพื่อนๆ หมอบ หาที่กำบัง และเพื่อนที่ยืนใกล้กันกับผมถูกยิง

มีข่าวออกมาว่าฝั่งนักศึกษาก็มีอาวุธเหมือนกัน

ไม่มีอาวุธครับ เราไม่สร้างสถานการณ์ แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้

เท่าที่คุยกับเพื่อนๆ เราเห็นคนที่ยิงแต่งชุดมายังไง วิถีกระสุนมาจากฝั่งไหน

ที่เพื่อนบอกให้ฟังคือ ตอนแรกใส่เสื้อสีดำ พอยิงเสร็จถอดเสื้อสีดำโยนทิ้งแล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อปกติ เพื่อนที่เข้าไปอุ้มคนเจ็บถูกยิงที่แขน2 ข้าง บาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนน้องคนที่ถูกยิงเสียชีวิต โดนกระสุนขนาด 11 ม.ม. เข้าที่ราวนมซ้ายเจาะเข้าที่หัวใจพอดี ส่วนศพแรกเราหาไม่พบ สภาพที่เห็นคือใส่เสื้อลายทหารถูกยิงเข้าที่ศรีษะ บริเวณด้านหลังมหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่ปรากฏว่าศพหายไป และตอนนี้ก็ยังหาไม่พบ เพราะคนที่จะเข้าไปอุ้มก็โดนยิงสวนออกมา เข้าไปช่วยเหลือไม่ได้ พอกลับไปดูอีกที ศพหายไปแล้ว ส่วนเด็กอาชีวะที่โดนยิงตอนค่ำก็ยังติดต่อไม่ได้

มีความคิดเห็นกับตำรวจในเรื่องนี้อย่างไร

ผมคิดว่า ตำรวจละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ และคิดว่าตำรวจต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ เพราะตลอดเวลาที่เกิดเหตุปะทะตำรวจอยู่บริเวนสนามราชมังคลากีฬาสถาน รั้วติดกัน เราออกไปไม่ได้ แต่เขาปล่อยให้คนตรงนั้นเข้ามาได้

เห็นบอกว่าจะให้เวลาสองวันแล้วจะดำเนินการทางกฏหมาย

วันที่ 6ธันวาคม จะดำเนินการกันอีกที อีกอย่างก็ต้องถามเพื่อนในมหาวิทยาลัยด้วยว่า จะทำอย่างไร

วันฌาปนกิจได้ไปร่วมงานกับเขาไหม

ผมไปเมื่อคืน ไปกันสองคน แม่ของน้องที่เสียชีวิตก็บอกว่า ไม่เป็นไร ลูกชายทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และก็ไม่ต้องการรับเงินบริจาค แต่จะตั้งเป็นกองทุนในการช่วยเหลือผู้อื่นด้วย แม่เขาใจนักเลงมาก

มีรุ่นพี่-ศิษย์เก่าพ่อขุนเข้ามาช่วยเหลือบ้างไหม

พอเห็นรุ่นน้องเข้ามา รุ่นพี่เก่าๆ ก็เข้ามากันเต็มเลยครับ พอทราบข่าวว่ารูปพ่อขุนโดนกรีด ศิษย์เก่าก็หวนกลับมาที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง

หลังจากนี้ไปจะเรียกร้องความชอบธรรมให้น้องๆ ยังไง

เมื่อเราโดนแบบนี้เราคิดไว้แล้วว่าจะไม่เคลื่อนไหวที่อื่น เราจะอยู่ที่นี่ เราไม่อยากให้มันเป็นประเด็นทางการเมือง ส่วนข้อสังเกตทำไมตำรวจไม่ส่งคนมาช่วย เป็นคำถามที่ตำรวจต้องตอบนักศึกษาให้ได้โดยเฉพาะตำรวจที่สถานีหัวหมากกับวังทองหลาง เพราะตอนที่เราขอให้เขาปกป้องชีวิตเขาไม่มา แต่พอเวลางานศพน้องนักศึกษาเขากลับมาร่วมงานกันเต็มเลย ถ้าจะแสดงความบริสุทธิ์ใจ อยากให้ตำรวจที่ผมไปยื่นหนังสือขอความช่วยเหลือลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ หรือไม่ก็มาจุดธูปขอขมาพ่อขุนราม ในฐานะรุ่นพี่ที่เป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่ไม่สามารถมาปกป้องน้องๆได้



'เฉลิมพล ศรีสุข' พฤศจิกาฯวิปโยค โศกนาฏกรรมที่ ม.ราม

ไม่น่าเชื่อว่าเหตุการณ์ที่ชายชุดดำไล่ล่ายิงถล่มนักศึกษาซึ่งวิ่งหนีตายเข้าไปแอบในตึกของมหาวิทยาลัย ราวกับอยู่ สมัย 6 ตุลาฯ 2519 จะเพิ่งเกิดขึ้นกับน้องนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในยุคกรุงเทพฯเต็มไปด้วยรถไฟฟ้า เกิดขึ้นในยุค 3G ซึ่งโซเชียลเน็ตเวิร์กเป็นหัวใจสำคัญในการสื่อสาร และเกิดขึ้นในยุคของรัฐบาลที่พร่ำหาแต่ประชาธิปไตย ภายใต้การนำของ 'น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร'

ภาพความโหดร้ายที่เห็นเพื่อนนักศึกษาบาดเจ็บล้มตายราวกับอยู่ในหนังสงคราม คงเป็นบาดแผลที่ยากจะลบเลือนไปจากจิตใจของเหล่าบรรดาลูกพ่อขุน เกิดอะไรขึ้นในวันนั้น ? 'นายเฉลิมพล ศรีสุข' เลขาธิการพรรคสานแสงทอง และนักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์คืนวิปโยคได้ออกมาถ่ายทอดเรื่องราวผ่าน 'ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์' ถึงช่วงนาทีระทึกที่มีแต่ ควันปืน หยดเลือดและหยาดน้ำตา

อยากให้เล่าถึงเหตุการณ์ในคืนวันที่ 30 พ.ย. ที่นักศึกษารามฯถูกไล่ยิง หลังจากมีเหตุปะทะกับมวลชนเสื้อแดง

เริ่มมาจากที่กลุ่มเสื้อแดงซึ่งชุมนุมอยู่ที่สนามกีฬาราชมังคลาฯเข้ามาทำร้ายนักศึกษาหญิงของรามคำแหง แล้วก็กรีดป้ายไวนิล ที่มีตราพ่อขุนรามคำแหง ซึ่งพวกเรารับไม่ได้เลยรวมกลุ่มกันไฮปาร์ค ก็ไฮปาร์คติดต่อกันหลายวัน วันที่ 30 พ.ย.ก็ไฮปาร์คอีก จากนั้นก็มีเสื้อแดงมาก่อกวน ขว้างของแข็งใส่หัวนักศึกษา เขาขี่รถมอเตอร์ไซค์ 50-60 คัน มาวนเวียน มายั่วยุ มาจุดปะทัด แล้วก็ขี่มอเตอร์ไซต์เข้าไปดักตีน้อง เสื้อแดงก็เข้ามาดักตีน้องๆในซอยตอนกลางวัน

พอตอนกลางคืนเราก็ถอยร่นไปที่หน้าองค์พ่อขุนรามคำแหง แล้วก็ตอนนั้นมีการปราศรัย ว่าทำแบบนี้มันไม่ชอบธรรม มันไม่ยุติธรรมกับนักศึกษา พอปราศรัยไปสักระยะหนึ่งก็เกิดการปะทะขึ้นอีก ที่ประตูหลังรามฯ คือเสื้อแดงจะมาพังประตูหลังราม ที่ตรงซอยรื่นรมย์ ก่อนหน้านั้นเราก็ได้มีการรับอาสาสมัครการ์ดอาสา ซึ่งเป็นนักศึกษารามคำแหงและเพื่อนๆอาชีวะใกล้เคียง แล้วก็ไปดูแลตรงประตูมหาวิทยาลัย ก็ไปตั้งอยู่สักระยะก็มีการยิงกัน ฝั่งโน้นก็ยิงด้วยเอ็ม16 แล้วก็โดนเพื่อนนักศึกษาหลายคน ต่อมาก็ทราบว่าก่อนที่พวกเราจะเจอเอ็ม 16 มีเพื่อนนักศึกษาคนหนึ่งถูกยิงเข้าที่ขมับ ตาย 1ศพ

จากนั้นก็ปะทะกันเกือบทั้งคืน ทั้งคืนก็จะมีเฮลิคอปเตอร์ของตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บินวนตลอดประมาณ 3-4รอบ พอเฮลิคอปเตอร์บินเลี่ยงไป ก็จะมีคนมายิง เหมือนประมาณว่า ตำรวจมาดูลาดเลาก่อนแล้วก็ส่งคนมายิง จนถึง 10โมงเช้า มีการปะทะกันตลอด ยิงตลอด มีคนเจ็บเกือบ 100 คน เสียชีวิต 4 ศพ ซึ่งมีทั้งนักศึกษาราม และทางฝั่งเสื้อแดง กระทั่งช่วงสายของอีกวัน (1 ธ.ค.2556) ทหารเข้ามาช่วยพาเราออกไป นักศึกษาถึงได้รอดชีวิตมาได้

เห็นว่ารถกู้ภัยก็เข้าไม่ได้ รถที่จะเข้าไปช่วยเหลือก็เข้าไม่ได้

เป็นการสกัดจากตำรวจหมด รถนักข่าวก็เข้าไม่ได้ รถสเบียงก็เข้าไม่ได้ เพราะมีตำรวจคอยสกัดไว้หมด นักศึกษาที่ถูกยิงตามซอย เพื่อนก็ต้องแบกเข้ามาในมหาวิทยาลัย เพราะเรามีรถพยาบาลที่เข้ามาตั้งแต่ช่วงเย็นอยู่ในมหาวิทยาลัยแค่คันเดียว แต่ที่มันเลวร้ายกว่านั้นคือว่าตอนที่น้องโดนยิง อยากจะกลับหอพัก ก็จะมีกลุ่มเสื้อแดงออกมาทุบตี เอานกหวีดมาเผา ดักยิง บางคนที่ยิงก็เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยิงจากปืนลูกซอง

ทำไมถึงมั่นใจว่าเป็นตำรวจ

ที่เรามั่นใจเพราะว่ามีคนเห็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเลยครับ ใส่ชุดสีดำ คือเขาอยู่ในกลุ่มเดียวกัน เขาจะตั้งเป็นจุดสกัด แล้วเอ็ม16 มันต้องเป็นตำรวจแน่ๆ เพราะตอนที่ตำรวจตั้งด่าน เขาถือเอ็ม16 แต่ก็มีมวลชนเสื้อแดงบางคนที่เขาอาจจะพกปืนสั้น แต่ก็มีสันนิษฐานไว้อย่างหนึ่ง คือปืนไรเฟิน ขนาด 22 มม. ซึ่งอันนี้ไม่ใช้มวลชนแน่ เพราะเป็นอาวุธที่ต้องมีทักษะในการยิง และเวลาที่เขายิงมาทางนักศึกษาเขาสามารถกำหนดได้เลยว่าจะยิงตรงไหน แม่นยำมาก ยิงชายโครง ยิงข้อเท้า

น้องๆ เขาสังเกตแล้วมาเล่าให้ผมฟังว่าลักษณะการเข้ายิงนักศึกษานั้นจะยิงแบบสลับกันยิง คือยิงนำคนนึง แล้วก็ถอย แล้วก็จะมีคนมายิงต่อ แล้วก็เอ็ม 16 นี่ยิงตลอดทั้งคืนเลย คนที่ยิงก็มีการฝึกฝนมาอย่างดี ไม่ได้ยิงแบบสะเปะสปะ ยิงตั้งแต่กลางคืน มาช่วงเช้าประมาณหกโมง ตอนนั้นก็มีมายิงอีกรอบหนึ่ง ยิงเข้ามาในมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นตึกกิจกรรมนักศึกษา เป็นตึกที่อยู่ใกล้ๆ กำแพงมหาวิทยาลัย ก็จะบุกเข้ามา แทรกเข้ามา

แล้วชุดที่เขาใส่ลักษณะเป็นอย่างไร

เป็นชุดสีดำครับ ตัวเสื้อมีสกรีนคล้ายเสี้ยวเหมือนตัวเอซ จะขี่มอเตอร์ไซค์มา ซ้อนท้ายมากัน 2 คน ใส่หมวกกันน็อค แล้วก็ไล่ยิง อีกส่วนหนึ่งก็นั่งมากันบนรถกระบะ สันนิษฐานไว้ว่า น่าจะอยู่ตามตึก เพราะพวกนี้จะบุกไปตามหอพัก บุกเข้ามาถึงเข้าประตูทุกห้องเลย อาจจะเข้าไปถึงดาดฟ้าแล้วยิงลงมาเลย แล้วที่ประตูด้านหลังมหาวิทยาลัย จะมีตึกใหม่ที่เขาเพิ่งสร้าง และยังไม่เปิดทำการ ก็จะมีร่องรอยของกระสุนอยู่เต็มไปหมด หลังจากเหตุการณ์สงบเราเก็บปลอกกระสุนได้เยอะมาก ตอนนี้ก็กำลังพิสูจน์อยู่ว่ากระสุนนั้นมาจากไหน แต่ที่มั่นใจเลยคือ น้องๆ อาชีวะเห็นตำรวจยิงแน่นอน

ตอนนี้มีการปล่อยคลิปออกมาว่า มีการเผารถบัสในช่วงเช้าวันที่ 1 ธ.ค. แล้วคนปล่อยคลิปก็อ้างว่าน่าจะเป็นฝีมือนักศึกษา โดยคนก่อเหตุใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ธรรมดา

ผมว่าเป็นไปไม่ได้หรอกครับ สถานการณ์ตอนนั้นนักศึกษาถูกกักอยู่ในมหาวิทยาลัย ฝ่าออกไปไม่ได้ ออกไปก็โดนยิง เขายิงเราตั้งแต่พลบค่ำจนถึงเช้า ส่วนนักศึกษาตามหอพักก็ไม่กล้าออกมาเพราะมีมวลชนเสื้อแดงประจำอยู่ในซอย เขาขับกระบะวิ่งเข้ามาในซอย รอบๆ ละแวกรั้วรามฯ ฝั่งบิ๊กซีสาขารามคำแหง ตรงนั้นก็จะมีเสื้อแดงที่อยู่ในซอย รวมถึงถนนรามคำแหงทั้งหมดจนถึงแยกลำสาลี ก็จะมีเสื้อแดงปะปนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นรามคำแหง 81 รามคำแหง 65 แล้วก็ซอย 53 พวกนี้จะดักยิงนักศึกษาหมด น่าเป็นการสร้างสถานการณ์ใส่ร้ายนักศึกษา วันนั้นแค่หนีตายยังยากเลย เหมือนอยู่ในสงคราม มีเสียงปืนดัง เสียงหวีดร้องอยู่ตลอดเวลา เราก็ไม่นึกว่าจะเจอเหตุการณ์ที่มันเลวร้ายขนาดนี้ ไม่นึกว่าคนไทย ตำรวจไทย จะไล่ฆ่านักศึกษาสองมือเปล่าได้ขนาดนี้

อยากจะบอกอะไรกับตำรวจไหม

ผมอยากให้ตำรวจไทยที่อยู่ในชุดทำงานของรัฐบาลชุดนี้ ให้คุณพ้นสภาพจากการเป็นตำรวจดีกว่า คุณลาออก หรือออกมารับโทษเสียดีกว่า เพราะทุกประเทศทั่วโลกถ้าเจ้าหน้าที่ทำร้ายประชาชนก็ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกและต้องได้รับโทษด้วย ใจผมไม่อยากให้ประเทศไทยมีตำรวจด้วยซ้ำ เพราะคนที่เข้ามาช่วยชีวิตผมและเพื่อนๆ น้องๆ พ้นจากการถูกไล่ยิงไล่ฆ่าคือพี่ๆ ทหาร วันนี้ถ้าไม่มีตำรวจ ประชาชนก็ไม่ได้ลำบากอะไร


กำลังโหลดความคิดเห็น