นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้ (6 ธ.ค.)พรรคเพื่อไทยได้เรียกประชุม ส.ส.พรรค เป็นกรณีพิเศษ เพื่อหารือสถานการณ์การเมือง กรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กลุ่มประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. ประกาศจะเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจะได้หารือกันถึงข้อเสนอของ กปปส.ในการจัดตั้งสภาประชาชน รวมทั้ง เรื่องขอนายกฯพระราชทาน ตามมาตรา 7
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยยืนยันว่า นายกฯจะไม่ยุบสภาฯ หรือลาออก ตามกระแสกดดัน เพราะไม่ใช่ทางออกของประเทศ แต่จะเป็นการสร้างความขัดแย้งให้เพิ่มขึ้น เพราะม็อบนายสุเทพ เป็นเพียงมวลชนส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่มาอ้างว่ามวลมหาประชาชนต้องการนายกฯ พระราชทานตามมาตรา 7
"หากนายสุเทพ และพรรคพวกอยากได้สภาประชาชน หรือนายกฯ พระราชทาน ตามมาตรา 7 คงต้องฉีกรัฐธรรมนูญ ปฏิวัติเพื่อยึดอำนาจ ซึ่งเท่าที่ผมตรวจสอบมาเห็นว่า สภาประชาชนเกิดขึ้นแต่ในประเทศที่เป็นเผด็จการ หรือคอมมิวนิสต์เท่านั้น ดังนั้นประชาชนคงไม่ยอมเพราะกระทบกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข กระทบกับความเชื่อมั่น และภาพลักษณ์ของประเทศ”นายพร้อมพงศ์ กล่าว และว่า เรื่องดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ พรรคประชาธิปัตย์ ต้องเสนอแก้ มาตรา 291 แต่เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่กล้า ดังนั้นขอให้หยุดทบทวนการกระทำของตัวเอง ขณะที่นายสุเทพควรไปมอบตัวเพื่อสู้คดีจะดีกว่า
ส่วนที่นายสุเทพ ประกาศจะเผด็จศึกรัฐบาลในวันที่ 6 ธ.ค.นั้น มองว่าเป็นเพียงแค่การสร้างความหวัง และดึงมวลชนไว้เพื่อประโยชน์ทางการเมือง สร้างราคาให้กับตัวเองเท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้ นายสุเทพก็ประกาศเผด็จศึกมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังเผด็จศึกไม่ได้
**แนะแก้ ม.291 ตั้งนายกฯเฉพาะกาล
นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เสนอให้มีนายกรัฐมนตรี มาตรา 7 เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งในประเทศ ว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นการขัดรัฐธรรมนูญที่ระบุ ว่านายกรัฐมนตรีต้องมาจากส.ส. และมาจากการเลือกของส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น
ทั้งนี้ไม่สามารถยกเหตุการณ์ 14 ต.ค.16 มาเทียบเคียงได้ การให้นายกรัฐมนตรียุบสภา จากนั้นให้ลาออกจากการเป็นนายก ฯ รักษาการณ์ด้วย เพื่อให้เกิดสุญญากาศในบ้านเมืองนั้น ไม่ใช่ทางออก เพราะกฎหมายระบุชัดเจนว่า เมื่อยุบสภาก็ต้องเลือกตั้งใหม่ ภายใน 45 วันอยู่ดี แล้วจะได้ประโยชน์อะไร
นายสามารถ กล่าวว่า วิธีที่สามารถมีนายกฯ มาตรา 7 ได้ ในขณะนี้คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 โดยเขียนบทเฉพาะกาล ว่า ในช่วงที่มีเหตุการณ์ความขัดแย้งในบ้านเมือง ขอให้มีนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลเฉพาะกาล ที่มาจากคนนอก เพื่อแก้ปัญหา จากนั้นค่อยยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ หรือ นายสุเทพไปตั้งพรรคการเมือง แล้วเสนอแนวคิดปฏิรูประเทศตามที่ต้องการ เพื่อพิสูจน์มวลมหาประชาชนของนายสุเทพ หากนายสุเทพได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นรัฐบาล ก็มีอำนาจโดยชอบธรรม ที่จะทำสภาประชาชนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตนกังวลคือ หากปล่อยให้เหตุการณ์ยืดเยื้อต่อไป โดยที่ตำรวจไม่สามารถจัดการได้ อาจมีประชาชนอีกฝ่ายที่เห็นว่า การกระทำของนายสุเทพ ที่ขณะนี้เป็นกบฏ แล้วลุกขึ้นมาจัดการกับนายสุเทพเอง เมื่อถึงเวลานั้นจะเกิดกลียุค กลายเป็นสงครามกลางเมืองแน่นอน
** ต้องทำประชามติจะแก้รธน.หรือไม่
นายอำนวย คลังผา ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ข้อเสนอนายกฯพระราชทาน ตามมาตรา 7 ที่นายสุเทพระบุนั้น ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ตนยังยืนยันแนวทางที่เคยเสนอไป ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นทางออกของประเทศ โดยก่อนอื่นต้องทำประชามติ หรือประชาพิจารณ์ สอบถามความเห็นประชาชนทั่วประเทศ ว่าจะเอาอย่างไรกับบ้านเมือง หลักๆ ก็คือถามว่าอยากแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้าใช่ ก็เอาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ที่ค้างไว้ มาโหวตวาระ 3 ตั้ง ส.ส.ร. ขึ้นมาร่างรัฐธรรมนูญ แบบนี้จะเป็นมติมหาชน ไม่ใช่นายสุเทพ นำคนแสนกว่าคน มาบอกให้ทำอย่าง นั้นอย่างนี้ จะตั้งสภาประชาชน แบบนั้นขัดรัฐธรรมนูญ มองไม่เห็นความเป็นไปได้ และขาดการยอมรับในวงกว้าง
นายอำนวย กล่าวด้วยว่า กติกาใหม่ต้องให้ ส.ส.ร. เป็นผู้ร่าง ซึ่งตนเสนอว่า บรรดานักการเมือง ส.ส. และ ส.ว. ชุดปัจจุบัน และคนที่เคยเป็นมาในอดีต รวมทั้งแกนนำทางการเมืองต่างๆ ต้องยุติบทบาททางการเมืองทั้งหมด ห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยวอีกตลอดชีวิต คนที่จะเข้ามาเป็นนักการเมืองนับจากนี้ ต้องเป็นหน้าใหม่ทั้งหมด และต้องเปลี่ยนแปลงทุกๆ 4 ปี เป็นแล้วต้องเลิกทุกคน ล้างกันไปเรื่อยๆ ส่วนองค์กรอิสระ ก็ล้างหมด ส.ส.ร. เลือกขึ้นมาใหม่ ขณะเดียวกันก็เชิญนักวิชาการมาออกแบบนโยบายภาคบังคับให้ทุกพรรคการเมืองต้องทำ หากเข้ามาบริหารประเทศ เขียนให้ชัดต้องทำงานด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมืองอย่างไร แล้วเดินตามนั้น เมื่อเขียนกติกาเสร็จแล้ว ค่อยยุบสภา เลือกตั้งใหม่ แนวทางนี้เชื่อว่าจะแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองได้
“นักการเมืองต้องเสียสละเพื่อชาติ ผมพร้อมจะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต คนเป็นนักการเมืองอาชีพ เป็นมา 7-8 สมัยก็ต้องเลิก นักการเมืองเก่าๆ ก็เลิกกันเถอะ อายุก็มากกันแล้ว เราต้องยอมเสียสละเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้”นายอำนวย กล่าว
**จารุพงศ์ย้ำยากนายกฯมาตรา 7
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทยและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี พยายามที่จะมีการพูดคุยกับนายสุเทพ มาตลอด แต่ไม่ได้อ่อนแอถึงขั้นต้องยอมไปทุกอย่าง และถ้าจะยอม ต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่ประเทศไทยมีอยู่ ถ้าตกลงตามกรอบกติกากฎหมายก็ได้ แต่ข้อเสนอของนายสุเทพ ไม่รู้จะ ยอมยังไง โดยเฉพาะมาตรา 3 ที่นายสุเทพอ้าง เพื่อให้ได้มาซึ่งนายกฯ มาตรา 7 จะตีความยังไงก็ยาก รัฐบาลไม่ต้องการฉีกรัฐธรรมนูญ เพราะต้องการให้สภาผู้แทนราษฎร เป็นคนแก้
ส่วนการจัดงานพระราชพิธีสโมสรสันนิบาต ที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ รัฐบาลตั้งใจจะจัดงานที่ทำเนียบรัฐบาลให้ได้ แต่ไม่ใช่ต้องมาทะเลาะตบตีกัน พูดกันดีๆ ทำเพื่อถวายในหลวง หากผู้ชุมนุมไม่ให้พื้นที่ ก็ให้มันรู้ไป ถือว่าแย่มากในสายตาประชาชน
นายจารุพงศ์ กล่าวด้วยว่า จะไปประชุมร่วมกับนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะกำกับดูแลศอ.รส. เพื่อพิจารณาช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชุมนุม ในฐานะเป็นประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริง เพื่อความปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) นายกฯ จึงมอบกมายให้ดูแลในเรื่องนี้ เพื่อวางหลักเกณฑ์ การสอบสวน ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนโดยเร็วที่สุด โดยยึดหลักเกณฑ์เดียวกับ ปคอป.
**ศอ.รส.ระดมตร.เข้ากรุง รับมือม็อบภาค 2
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในโลกออนไลน์ ได้มีการแชร์เอกสารคำสั่งทางวิทยุของ ศอ.รส. ถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ลงวันที่ 4 ธ.ค. 56 มีเนื้อหาเกี่ยวกับการระดมกำลังตำรวจเข้ามากทม.เพื่อรักษาสถานที่ราชการ
สำหรับเนื้อหาในเอกสารมีดังนี้ เพื่อทราบและดำเนินการตามวิทยุ ศอ.รส. ด่วนที่สุด ลงวันที่ 3 ธ.ค.56 ให้ดำเนินการ ดังนี้ ให้รอง ผบก.ภ.จว.ควบคุมกำลัง สั่งการให้ ภ.จว.ตราด ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ระยอง สระแก้ว ปราจีนบุรี และ ชลบุรี จัดเตรียมกำลังกองร้อย คฝ.ภ.จว. ละ 1 กองร้อย เตรียมพร้อม ณ ที่ตั้งของหน่วย พร้อมเดินทางเข้าจุดรวมพลของ ภ.จว. ภายใน 3 ชั่วโมง เพื่อออกเดินทางตามที่ ศอ.รส.สั่งการ ลงนามโดย พล.ต.ต.สัญชัย ไชยอำพร รอง ผบช. ปรท.ผบช.ภ.2 ลงวันที่ 4 ธ.ค. 56
นอกจากนี้ ยังมีเอกสารด่วนที่สุดที่ ผบก.ภ.จว.ระยอง และ รอง ผบก.ภ.จว.ระยอง ทำถึง ผกก. สวญ. สว. ทุกแห่งในสังกัด มีเนื้อหาเพื่อทราบ และดำเนินการตามหนังสือด่วนที่สุดดังกล่าว ให้ทุกหน่วยแจ้งร้อย คฝ.ร้อย 1 เตรียมพร้อม ณ ที่ตั้งของหน่วย พร้อมเดินทางเข้าสู่จุดรวมพลของ ภ.จว.ระยอง ภายใน 2 ชั่วโมง เพื่อเดินทางไปปฏิบัติตามที่ ศอ.รส.สั่งการ ลงนามโดย พ.ต.อ.สมไทย คำวัฒน์ รอง ผบก.ปรท.ผบก.ภ.จว.ระยอง ลงวันที่ 4 ธ.ค.56
** จับ 5เขมร เตรียมเผาป่วน 5 ธ.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 15.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ประกาศต่อแฟนเพจว่า ที่เวทีราชดำเนินสามารถจับกุมชาวกัมพูชาได้ 5 คน พร้อมแผนที่ชี้จุดตำแหน่งตรงราชดำเนิน ที่จะให้ก่อเหตุเผาก่อความวุ่นวายในงาน วันที่ 5 ธันวาคม 2556 โดยทั้ง 5 คน อ้างว่ามีผู้ใหญ่บ้าน ที่จ.ปทุมธานี จ้างให้มาเผา และก่อกวนเวทีที่ราชดำเนิน
**เสื้อแดงชุมนุม 10 ธ.ค.ที่อยุธยา
นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงว่า จะขอรอดูท่าทีของนายสุเทพ ที่ประกาศจะเผด็จศึกรัฐบาลในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ก่อน จึงจะพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่ยืนยันว่า จะปกป้องรัฐบาลถึงที่สุด ซึ่งในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ คนเสื้อแดงจะจัดชุมนุมใหญ่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อประกาศปกป้องสภา และรัฐบาลชุดนี้ คาดว่าจะมีคนเสื้อแดงมาร่วมชุมนุมหลายหมื่นคน เราไม่อยากชุมนุมในกทม. เพื่อป้องกันเหตุความวุ่นวายให้เกิดการเผชิญหน้ากันอีก และขอเตือนนายสุเทพ ว่าวันที่ 6 ธ.ค. ที่บอกว่าจะเผด็จศึกรัฐบาลนั้น อย่าไปยึดสนาม บินสุวรรณภูมิ เด็ดขาด
**“โคทม”พร้อมเป็นตัวกลางเปิดเวทีหารือ
นายโคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาสันติวิธีและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องที่ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะเสนอชื่อตนเป็นตัวกลางในการดำเนินการเปิดเวทีทางวิชาการ เพื่อพูดคุยทุกภาคส่วนในการหาทางออกให้กับประเทศ ซึ่งส่วนตัวหากสามารถช่วยอะไรที่จะทำให้ความขัดแย้งคลี่คลายได้โดยแนวทางสันติวิธี ก็พร้อมที่จะช่วย แต่ขณะนี้เห็นว่ายังไม่ได้เริ่ม ซึ่งการจัดเวทีต้องเป็นเวทีที่เปิดกว้าง รับทุกความคิดเห็นเข้ามา เป็นเวทีที่ใครคับข้องใจสามารถมาพูดกันได้ เพื่อให้สังคมได้รับรู้ ซึ่งปัญหาทางการเมืองขณะนี้ต้องใช้เวลาในการเยียวยา พูดคุยหลายรอบ หลายเวทีและหลายฝ่าย เพื่อให้เสียงดังจนสังคมสนใจ หากเสียงสอดคล้องกันก็จะเดินหน้าได้ แต่หากยังอึมครึมก็ยังเดินหน้าต่อไปไม่ได้
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยยืนยันว่า นายกฯจะไม่ยุบสภาฯ หรือลาออก ตามกระแสกดดัน เพราะไม่ใช่ทางออกของประเทศ แต่จะเป็นการสร้างความขัดแย้งให้เพิ่มขึ้น เพราะม็อบนายสุเทพ เป็นเพียงมวลชนส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่มาอ้างว่ามวลมหาประชาชนต้องการนายกฯ พระราชทานตามมาตรา 7
"หากนายสุเทพ และพรรคพวกอยากได้สภาประชาชน หรือนายกฯ พระราชทาน ตามมาตรา 7 คงต้องฉีกรัฐธรรมนูญ ปฏิวัติเพื่อยึดอำนาจ ซึ่งเท่าที่ผมตรวจสอบมาเห็นว่า สภาประชาชนเกิดขึ้นแต่ในประเทศที่เป็นเผด็จการ หรือคอมมิวนิสต์เท่านั้น ดังนั้นประชาชนคงไม่ยอมเพราะกระทบกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข กระทบกับความเชื่อมั่น และภาพลักษณ์ของประเทศ”นายพร้อมพงศ์ กล่าว และว่า เรื่องดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ พรรคประชาธิปัตย์ ต้องเสนอแก้ มาตรา 291 แต่เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่กล้า ดังนั้นขอให้หยุดทบทวนการกระทำของตัวเอง ขณะที่นายสุเทพควรไปมอบตัวเพื่อสู้คดีจะดีกว่า
ส่วนที่นายสุเทพ ประกาศจะเผด็จศึกรัฐบาลในวันที่ 6 ธ.ค.นั้น มองว่าเป็นเพียงแค่การสร้างความหวัง และดึงมวลชนไว้เพื่อประโยชน์ทางการเมือง สร้างราคาให้กับตัวเองเท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้ นายสุเทพก็ประกาศเผด็จศึกมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังเผด็จศึกไม่ได้
**แนะแก้ ม.291 ตั้งนายกฯเฉพาะกาล
นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เสนอให้มีนายกรัฐมนตรี มาตรา 7 เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งในประเทศ ว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นการขัดรัฐธรรมนูญที่ระบุ ว่านายกรัฐมนตรีต้องมาจากส.ส. และมาจากการเลือกของส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น
ทั้งนี้ไม่สามารถยกเหตุการณ์ 14 ต.ค.16 มาเทียบเคียงได้ การให้นายกรัฐมนตรียุบสภา จากนั้นให้ลาออกจากการเป็นนายก ฯ รักษาการณ์ด้วย เพื่อให้เกิดสุญญากาศในบ้านเมืองนั้น ไม่ใช่ทางออก เพราะกฎหมายระบุชัดเจนว่า เมื่อยุบสภาก็ต้องเลือกตั้งใหม่ ภายใน 45 วันอยู่ดี แล้วจะได้ประโยชน์อะไร
นายสามารถ กล่าวว่า วิธีที่สามารถมีนายกฯ มาตรา 7 ได้ ในขณะนี้คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 โดยเขียนบทเฉพาะกาล ว่า ในช่วงที่มีเหตุการณ์ความขัดแย้งในบ้านเมือง ขอให้มีนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลเฉพาะกาล ที่มาจากคนนอก เพื่อแก้ปัญหา จากนั้นค่อยยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ หรือ นายสุเทพไปตั้งพรรคการเมือง แล้วเสนอแนวคิดปฏิรูประเทศตามที่ต้องการ เพื่อพิสูจน์มวลมหาประชาชนของนายสุเทพ หากนายสุเทพได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นรัฐบาล ก็มีอำนาจโดยชอบธรรม ที่จะทำสภาประชาชนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตนกังวลคือ หากปล่อยให้เหตุการณ์ยืดเยื้อต่อไป โดยที่ตำรวจไม่สามารถจัดการได้ อาจมีประชาชนอีกฝ่ายที่เห็นว่า การกระทำของนายสุเทพ ที่ขณะนี้เป็นกบฏ แล้วลุกขึ้นมาจัดการกับนายสุเทพเอง เมื่อถึงเวลานั้นจะเกิดกลียุค กลายเป็นสงครามกลางเมืองแน่นอน
** ต้องทำประชามติจะแก้รธน.หรือไม่
นายอำนวย คลังผา ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ข้อเสนอนายกฯพระราชทาน ตามมาตรา 7 ที่นายสุเทพระบุนั้น ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ตนยังยืนยันแนวทางที่เคยเสนอไป ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นทางออกของประเทศ โดยก่อนอื่นต้องทำประชามติ หรือประชาพิจารณ์ สอบถามความเห็นประชาชนทั่วประเทศ ว่าจะเอาอย่างไรกับบ้านเมือง หลักๆ ก็คือถามว่าอยากแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้าใช่ ก็เอาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ที่ค้างไว้ มาโหวตวาระ 3 ตั้ง ส.ส.ร. ขึ้นมาร่างรัฐธรรมนูญ แบบนี้จะเป็นมติมหาชน ไม่ใช่นายสุเทพ นำคนแสนกว่าคน มาบอกให้ทำอย่าง นั้นอย่างนี้ จะตั้งสภาประชาชน แบบนั้นขัดรัฐธรรมนูญ มองไม่เห็นความเป็นไปได้ และขาดการยอมรับในวงกว้าง
นายอำนวย กล่าวด้วยว่า กติกาใหม่ต้องให้ ส.ส.ร. เป็นผู้ร่าง ซึ่งตนเสนอว่า บรรดานักการเมือง ส.ส. และ ส.ว. ชุดปัจจุบัน และคนที่เคยเป็นมาในอดีต รวมทั้งแกนนำทางการเมืองต่างๆ ต้องยุติบทบาททางการเมืองทั้งหมด ห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยวอีกตลอดชีวิต คนที่จะเข้ามาเป็นนักการเมืองนับจากนี้ ต้องเป็นหน้าใหม่ทั้งหมด และต้องเปลี่ยนแปลงทุกๆ 4 ปี เป็นแล้วต้องเลิกทุกคน ล้างกันไปเรื่อยๆ ส่วนองค์กรอิสระ ก็ล้างหมด ส.ส.ร. เลือกขึ้นมาใหม่ ขณะเดียวกันก็เชิญนักวิชาการมาออกแบบนโยบายภาคบังคับให้ทุกพรรคการเมืองต้องทำ หากเข้ามาบริหารประเทศ เขียนให้ชัดต้องทำงานด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมืองอย่างไร แล้วเดินตามนั้น เมื่อเขียนกติกาเสร็จแล้ว ค่อยยุบสภา เลือกตั้งใหม่ แนวทางนี้เชื่อว่าจะแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองได้
“นักการเมืองต้องเสียสละเพื่อชาติ ผมพร้อมจะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต คนเป็นนักการเมืองอาชีพ เป็นมา 7-8 สมัยก็ต้องเลิก นักการเมืองเก่าๆ ก็เลิกกันเถอะ อายุก็มากกันแล้ว เราต้องยอมเสียสละเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้”นายอำนวย กล่าว
**จารุพงศ์ย้ำยากนายกฯมาตรา 7
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทยและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี พยายามที่จะมีการพูดคุยกับนายสุเทพ มาตลอด แต่ไม่ได้อ่อนแอถึงขั้นต้องยอมไปทุกอย่าง และถ้าจะยอม ต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่ประเทศไทยมีอยู่ ถ้าตกลงตามกรอบกติกากฎหมายก็ได้ แต่ข้อเสนอของนายสุเทพ ไม่รู้จะ ยอมยังไง โดยเฉพาะมาตรา 3 ที่นายสุเทพอ้าง เพื่อให้ได้มาซึ่งนายกฯ มาตรา 7 จะตีความยังไงก็ยาก รัฐบาลไม่ต้องการฉีกรัฐธรรมนูญ เพราะต้องการให้สภาผู้แทนราษฎร เป็นคนแก้
ส่วนการจัดงานพระราชพิธีสโมสรสันนิบาต ที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ รัฐบาลตั้งใจจะจัดงานที่ทำเนียบรัฐบาลให้ได้ แต่ไม่ใช่ต้องมาทะเลาะตบตีกัน พูดกันดีๆ ทำเพื่อถวายในหลวง หากผู้ชุมนุมไม่ให้พื้นที่ ก็ให้มันรู้ไป ถือว่าแย่มากในสายตาประชาชน
นายจารุพงศ์ กล่าวด้วยว่า จะไปประชุมร่วมกับนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะกำกับดูแลศอ.รส. เพื่อพิจารณาช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชุมนุม ในฐานะเป็นประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริง เพื่อความปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) นายกฯ จึงมอบกมายให้ดูแลในเรื่องนี้ เพื่อวางหลักเกณฑ์ การสอบสวน ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนโดยเร็วที่สุด โดยยึดหลักเกณฑ์เดียวกับ ปคอป.
**ศอ.รส.ระดมตร.เข้ากรุง รับมือม็อบภาค 2
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในโลกออนไลน์ ได้มีการแชร์เอกสารคำสั่งทางวิทยุของ ศอ.รส. ถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ลงวันที่ 4 ธ.ค. 56 มีเนื้อหาเกี่ยวกับการระดมกำลังตำรวจเข้ามากทม.เพื่อรักษาสถานที่ราชการ
สำหรับเนื้อหาในเอกสารมีดังนี้ เพื่อทราบและดำเนินการตามวิทยุ ศอ.รส. ด่วนที่สุด ลงวันที่ 3 ธ.ค.56 ให้ดำเนินการ ดังนี้ ให้รอง ผบก.ภ.จว.ควบคุมกำลัง สั่งการให้ ภ.จว.ตราด ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ระยอง สระแก้ว ปราจีนบุรี และ ชลบุรี จัดเตรียมกำลังกองร้อย คฝ.ภ.จว. ละ 1 กองร้อย เตรียมพร้อม ณ ที่ตั้งของหน่วย พร้อมเดินทางเข้าจุดรวมพลของ ภ.จว. ภายใน 3 ชั่วโมง เพื่อออกเดินทางตามที่ ศอ.รส.สั่งการ ลงนามโดย พล.ต.ต.สัญชัย ไชยอำพร รอง ผบช. ปรท.ผบช.ภ.2 ลงวันที่ 4 ธ.ค. 56
นอกจากนี้ ยังมีเอกสารด่วนที่สุดที่ ผบก.ภ.จว.ระยอง และ รอง ผบก.ภ.จว.ระยอง ทำถึง ผกก. สวญ. สว. ทุกแห่งในสังกัด มีเนื้อหาเพื่อทราบ และดำเนินการตามหนังสือด่วนที่สุดดังกล่าว ให้ทุกหน่วยแจ้งร้อย คฝ.ร้อย 1 เตรียมพร้อม ณ ที่ตั้งของหน่วย พร้อมเดินทางเข้าสู่จุดรวมพลของ ภ.จว.ระยอง ภายใน 2 ชั่วโมง เพื่อเดินทางไปปฏิบัติตามที่ ศอ.รส.สั่งการ ลงนามโดย พ.ต.อ.สมไทย คำวัฒน์ รอง ผบก.ปรท.ผบก.ภ.จว.ระยอง ลงวันที่ 4 ธ.ค.56
** จับ 5เขมร เตรียมเผาป่วน 5 ธ.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 15.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ประกาศต่อแฟนเพจว่า ที่เวทีราชดำเนินสามารถจับกุมชาวกัมพูชาได้ 5 คน พร้อมแผนที่ชี้จุดตำแหน่งตรงราชดำเนิน ที่จะให้ก่อเหตุเผาก่อความวุ่นวายในงาน วันที่ 5 ธันวาคม 2556 โดยทั้ง 5 คน อ้างว่ามีผู้ใหญ่บ้าน ที่จ.ปทุมธานี จ้างให้มาเผา และก่อกวนเวทีที่ราชดำเนิน
**เสื้อแดงชุมนุม 10 ธ.ค.ที่อยุธยา
นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงว่า จะขอรอดูท่าทีของนายสุเทพ ที่ประกาศจะเผด็จศึกรัฐบาลในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ก่อน จึงจะพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่ยืนยันว่า จะปกป้องรัฐบาลถึงที่สุด ซึ่งในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ คนเสื้อแดงจะจัดชุมนุมใหญ่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อประกาศปกป้องสภา และรัฐบาลชุดนี้ คาดว่าจะมีคนเสื้อแดงมาร่วมชุมนุมหลายหมื่นคน เราไม่อยากชุมนุมในกทม. เพื่อป้องกันเหตุความวุ่นวายให้เกิดการเผชิญหน้ากันอีก และขอเตือนนายสุเทพ ว่าวันที่ 6 ธ.ค. ที่บอกว่าจะเผด็จศึกรัฐบาลนั้น อย่าไปยึดสนาม บินสุวรรณภูมิ เด็ดขาด
**“โคทม”พร้อมเป็นตัวกลางเปิดเวทีหารือ
นายโคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาสันติวิธีและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องที่ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะเสนอชื่อตนเป็นตัวกลางในการดำเนินการเปิดเวทีทางวิชาการ เพื่อพูดคุยทุกภาคส่วนในการหาทางออกให้กับประเทศ ซึ่งส่วนตัวหากสามารถช่วยอะไรที่จะทำให้ความขัดแย้งคลี่คลายได้โดยแนวทางสันติวิธี ก็พร้อมที่จะช่วย แต่ขณะนี้เห็นว่ายังไม่ได้เริ่ม ซึ่งการจัดเวทีต้องเป็นเวทีที่เปิดกว้าง รับทุกความคิดเห็นเข้ามา เป็นเวทีที่ใครคับข้องใจสามารถมาพูดกันได้ เพื่อให้สังคมได้รับรู้ ซึ่งปัญหาทางการเมืองขณะนี้ต้องใช้เวลาในการเยียวยา พูดคุยหลายรอบ หลายเวทีและหลายฝ่าย เพื่อให้เสียงดังจนสังคมสนใจ หากเสียงสอดคล้องกันก็จะเดินหน้าได้ แต่หากยังอึมครึมก็ยังเดินหน้าต่อไปไม่ได้