xs
xsm
sm
md
lg

พท.ปูด กลุ่มล้มรัฐมีไอ้โม่งชักใยผุดตาม กปท.ชี้ “จ้อน” เจ็บสมใจ ปชป.ไม่ฟัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย(แฟ้มภาพ)
“เด็จพี่” ชี้ กปท.พวกต้านรัฐกลุ่มเดิมๆ การเมืองหนุนหวังล่อให้ใช้กำลังเพื่อให้เข้าทาง เล็งเอาผิด ชี้โทษถึงเป็นกบฏ อ้าง 13 ต.ค.มีอีกกลุ่ม หาก 2 กลุ่มจุดติด มีทัพหลวงสมทบล้มรัฐ ยึดทำเนียบฯ สนามบิน แบบเดิม พร้อมเปิดตัวไอ้โม่งที่ชักใย แนะอย่าตกเป็นเครื่องมือแบบ พธม.อ้างโพล ปชช.หนุนทำงาน “อนุสรณ์” ระบุ “อลงกรณ์” เจ็บตัวสมใจ ปชป.ไม่สนมุ่งสร้างความวุ่นวาย เย้ย กปท.แค่ฟืนเปียกจุดไม่ขึ้น ปัดใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง



วันนี้ ( 8 ต.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงกรณีกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ (กปท.)  มาปักหลักล้อมทำเนียบรัฐบาลขับไล่รัฐบาลว่า ข้อเรียกร้องของ กปท.เป็นเรื่องเดิมๆ และเป็นกลุ่มเดียวกับองค์กรพิทักษ์สยามที่มีจุดยืนแช่แข็งประเทศไทย ทราบว่า มีกลุ่มการเมืองคอยหนุนหลังในลักษณะรอจังหวะและสถานการณ์ โดยจะยั่วยุให้เจ้าหน้าที่ใช้กำลัง เพื่อให้กลุ่มการเมืองที่อยู่เบื้องหลังเติมคนเข้ามาในการชุมนุม เพราะการชุมนุมที่สวนลุมพินี 62 วันไม่สำเร็จผล จึงยกระดับมาปิดล้อมที่ทำเนียบรัฐบาล เป้าหมายการชุมนุมมี 3 ประเด็น คือ 1.ปิดล้อมและบุกเข้ามาในทำเนียบ 2.ปลุกระดมชักชวนมวลชนผ่านสื่อออนไลน์ให้มาชุมนุม 3.เตรียมพัฒนานำไปสู่การใช้กำลัง ซึ่งเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และเข้าข่ายทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 ล้มล้างเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ มีความผิดฐานเป็นกบฏ มีโทษประหารหรือจำคุกตลอดชีวิต ขณะนี้กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อเอาผิดอยู่

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ทราบว่า ในวันที่ 13 ต.ค.จะมีการเปิดตัวกลุ่มผู้ชุมนุมอีกกลุ่มที่แปลงร่างมาจากฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ซึ่งมีกลุ่มการเมืองอยู่เบื้องหลัง กำลังจับตาว่า จะมารวมกับกลุ่มกปท.หรือไม่ และหากการชุมนุมของสองกลุ่มนี้จุดติด ก็จะมีทัพหลวงจากกลุ่มการเมืองมาสมทบเป็นกลุ่มสุดท้ายเพื่อโค่นล้มรัฐบาล โดยจะมีการดำเนินการตามแผนการเดิมๆ คือยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบิน ปิดล้อมช่อง 11 โดยเริ่มต้นจากการยึดทำเนียบรัฐบาลก่อน  อยากถามว่า กปท.ว่า การปิดล้อมทำเนียบฯเพื่อเรียกร้องแบบเดิมๆ ไม่มีเหตุผล ทำเพื่อประเทศชาติหรือเพื่อใครกันแน่

นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า ตนอยากถามแกนนำที่ยังไม่เปิดตัวว่า วันที่ 13 ตุลาคม ที่จะมีการเปิดตัวชุมนุมอีกกลุ่มหนึ่งนั้นจะมารวมกับกลุ่มนี้หรือไม่ ซึ่งก็เป็นการรวมตัวกับกลุ่มเดิมๆ ใช้ทฤษฎีแปลงร่างมาจากองค์การพิทักษ์สยาม ไม่มีอะไรใหม่ ข้อเรียกร้องก็เดิมๆ ที่จะแช่แข็งประเทศไทย การกระทำเหล่านี้เป็นสิ่งประชาชนเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นการปิดถนน ทำให้ภาพประเทศไทยในสายตานานาชาติเสียหาย เพราะพวกนี้กำลังดำเนินการโดยใช้แผนเดิม วันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้เดินทางไปต่างประเทศ เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ แต่คนพวกนี้กลับทำสิ่งที่ขัดกับความรู้สึกของคนไทยที่ต้องการให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า ตนเชื่อว่ากลุ่มเหล่านี้น่าจะเป็นตัวละครที่ไม่ได้เป็นตัวละครหลักแต่ไอ้โม่งที่อยู่เบื้องหลังตัวละครเหล่านี้น่าจะเปิดตัววันที่ 13 ตุลาคม

อย่างไรก็ตามตนไม่อยากให้ประชาชนที่ออกมาชุมนุม โดยเฉพาะกลุ่มกองทัพประชาชนตกเป็นเครื่องมือเหมือนกับกลุ่มการเมืองที่ผ่านมา เช่น กลุ่มพันธมิตรฯ ที่ไปปิดล้อมสนามบิน และทำเนียบแล้วได้อะไร สุดท้ายก็ต้องถูกดำเนินคดีความ ส่วนกลุ่มการเมืองที่ตนสนับสนุนกลับเสวยสุข นอกจากนี้จากการทำโพลสำรวจประชาชนอยากให้รัฐบาลบริหารงานให้ครบ 4 ปี และแก้ปัญหาน้ำท่วมในขณะนี้ จึงอยากให้กลุ่มเหล่านี้ได้ทบทวนบทบาทการทำงานว่าที่ไปล้อมทำเนียบนี้ทำเพื่อใคร วันนี้ประเทศชาติกำลังเดินไปข้างหน้า รัฐบาลก็พยายามเสนอโครงการดีๆ เพื่อพี่น้องประชาชน แต่คนกลุ่มนี้ทำอะไรเพื่อประเทศชาติบ้าง หรือคิดแต่จะล้มรัฐบาลทุกนาที ขอให้รออีก 2 ปีเท่านั้น ถ้าไม่ชอบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ชอบ พท.ก็ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หรือไปลงสมัครรับเลือกตั้งก็ได้ ไปจัดตั้งพรรคการเมือง หรือลง ส.ว.ก็ได้ จะได้ทราบความรู้สึกประชาชน อย่าทำในลักษณะนี้ ตนจึงขอเรียกร้องไปยังไอ้โม่งที่อยู่เบื้องหลังขณะนี้ว่าให้คำนึงถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อการเชิญชวนจากสื่อออนไลน์แล้วไปเข้าร่วมชุมนุม เพราะอาจจะเสี่ยงต่อการผิดกฎหมายได้

ด้าน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ครั้งที่ผ่านมา ว่า ขอแสดงความเสียใจต่อ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ความพยายามจะปฏิรูปพรรคอีกครั้ง ล้มไม่เป็นท่า ไม่มีผลการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่เชื่อว่า คนไทยทั้งประเทศ ยังอยากให้นายอลงกรณ์ พยายามที่จะปฏิรูปพรรคต่อไป เพื่อจะนำพรรคประชาธิปัตย์ กลับมาเป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนได้บ้าง เพราะแนวทางของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าประชาธิปัตย์ น่าจะเป็นแนวบอยคอต เป็นหลัก คือ พยายามกระชับอำนาจในกลุ่มเดอะบอยภายในพรรคโดยเบ็ดเสร็จมากขึ้น ไม่ฟังผู้หลักผู้ใหญ่ ซึ่งแนวทางของกลุ่มเดอะบอยในพรรค และนายอภิสิทธิ์ น่าจะสวนทางอย่างสิ้นเชิงกับความพยายามจะปฏิรูปพรรคของนายอลงกรณ์ ที่ถึงขั้นประกาศว่า เจ็บตัวก็ยอม งานนี้ได้แสดงให้เห็นแล้วว่านายอลงกรณ์ได้เจ็บตัวสมใจ เพราะแนวทางของกลุ่มอำนาจนำในพรรคประชาธิปัตย์ขณะนี้ น่าจะเน้นการเมือง 2 ระบบ คือ ระบบรัฐสภา และ ระบบฟุตปาท มีการบ่มเพาะความรุนแรง ดังตัวอย่างความรุนแรงที่ปรากฎในสภา สร้างความวุ่นวายทุกระดับ ประสานเชื่อมโยงกลับกลุ่มม็อบต่างๆ ระดมมวลชนล้มรัฐบาล ซึ่งแนวทางดังกล่าวมีแต่จะทำให้การเมืองตกต่ำมากยิ่งขึ้น ดังนั้น แม้นายอลงกรณ์จะเจ็บตัวอีกกี่ครั้ง แต่ประชาชนอยากให้สู้ต่อไป อย่ายอมแพ้

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ หรือ กปท.ปักหลักชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ตราบใดที่เป็นการชุมนุมตามกรอบกฎหมาย ถือเป็นสิทธิในการชุมนุมอันพึงกระทำได้ การชุมนุมครั้งนี้น่าจะถือเป็นครั้งแรกในโลกที่ชุมนุมโดยปราศจากชุดความเชื่อมโยงหรือความเคลื่อนไหวใดๆ มา เพราะฤกษ์ที่เขาบอกรัฐบาลจะดวงแตกในวันที่ 8 ตุลาคม ยังไม่เห็นอะไรที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ไม่มีอะไรใหม่ เพราะคนพวกนี้ สติแตก ก่อนที่รัฐบาลจะดวงแตกไปเสียแล้ว ขอให้พี่น้องประชาชน มั่นใจ อย่าหวั่นไหว เชื่อมั่นในหลักพื้นฐานความเป็นจริงว่า รัฐบาลนี้ยังแข็งแรงดี และไม่มีพฤติการณ์ที่ทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นใดๆ ประเด็นที่นำมาจุดกระแสนั้น ก็ไม่มีอะไร เปรียบเสมือนฟืนเปียก การให้รัฐบาลยุติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่ากระบวนการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ได้เพิ่งมาแก้ในรัฐบาลชุดนี้เป็นครั้งแรก รัฐบาลชุดที่แล้วก็แก้ ซึ่งข้อหาต่างๆ ที่มีการยื่นร้องในขณะนี้ ก็ล้วนแล้วแต่เคยร้องมาก่อนในยุคที่แล้ว ซึ่งศาลยกคำร้อง เพราะฉะนั้น หากครั้งนี้ศาลตัดสินเป็นอย่างอื่น ก็อาจจะเป็นที่ครหาและคงหนีไม่พ้นการถูกมองว่า 2 มาตรฐาน โดยรวมสถานการณ์ยังไม่น่าเป็นห่วง จึงยังไม่ถึงขั้นประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงอย่างที่มีกระแสข่าว แต่อย่างใด