ASTVผู้จัดการรายวัน-มวลชนบุก สตช. เรียกร้องตำรวจเลิกรับใช้ระบอบทักษิณ พร้อมจี้เร่งทำคดียิงนศ.รามฯ "อดุลย์"เผยยังไม่รีบจับกุม "เทือก" บอกยังมีเวลา "ปึ้ง"เรียกแขก ขู่ยัดข้อหากบฎกลุ่มทุนและผู้ให้การสนับสนุน กองทัพยันไม่มีแนวคิดปฎิวัติ รัฐบาลไม่เอานายกฯ มาตรา 7 หันเดินหน้าตั้งเวทีปฎิรูป ฝ่ายค้านจวกแค่แผนซื้อเวลา "สุเทพ" พักยกสู้ จัดงานเฉลิมพระเกียรติในหลวงยิ่งใหญ่พร้อมกัน 3 เวที ชวนล้านคนออกมาถวายพระพร ลั่นพรุ่งนี้เผด็จศึก
เมื่อเช้าวานนี้ (4 ธ.ค.) ที่ถนนราชดำเนิน กลุ่มผู้ชุมนุมประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ระดมรถเก็บขยะ รถน้ำฉีดล้างและขัดพื้น ทำความสะอาดถนนราชดำเนิน ตั้งแต่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ไปจนถึงสี่แยกคอกวัว ซึ่งได้กำหนดเป็นวันบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2556
ทั้งนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมคณะผู้บริหารกทม. ได้มาร่วมทำความสะอาดที่บริเวณถนนราชดำเนิน และยังได้มีการรื้อถอนแบริเออร์ และรั้วลวดหนาม ที่เจ้าหน้าที่ใช้ป้องกันผู้ชุมนุมตามสถานที่ต่างๆ ได้แก่ บริเวณแยก พล.ม1 แยกวัดเบญจมบพิตร แยกวังแดง และแยกมัฆวาน
**กปปส.จัดงานเฉลิมพระเกียรติ 3 เวที
นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. แถลงถึงการจัดงานเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวามหาราช ว่า กปปส. จะมีการจัดงานพร้อมกันทั้ง 3 เวที คือ ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และกระทรวงการคลัง ภายใต้ชื่องานว่า “5 ธันวามวลมหาประชาชนถวายใจภักดิ์รักในหลวง” โดยจะมีกิจกรรมตั้งแต่เวลา 07.00 น. จะมีการตกบาตรพระสงฆ์ 99 รูป พร้อมถวายภัตตาหารเพล จากนั้นเวลา17.00 น. จะมีการเจริญน้ำพระพุทธมนต์ เปิดกรวยดอกไม้ ถวายราชสักการะ และเวลา 18.30 น. จะมีการจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล และกล่าวปฏิญาณตน โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. จะเป็นผู้กล่าวนำ ก่อนที่จะมีการร้องเพลงสดุดีมหาราชา
** ประชาชนเคลื่อนขบวนบุกสตช.
เวลา 10.00 น. นายถาวร เสนเนียม และนายอิสสระ สมชัย แกนนำ กปปส. ได้นำขบวนผู้ชุมนุมจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เคลื่อนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อเรียกร้องให้ข้าราชการตำรวจ เลิกรับใช้ระบอบทักษิณ เลิกพฤติกรรมการบังคับใช้กฎหมาย 2 มาตรฐาน และเลือกปฏิบัติ โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งถือว่าอยู่ในพื้นที่ พ.ร.บ.ความมั่นคง และมีความวุ่นวาย เกิดการปะทะกับนักศึกษา และประชาชนในพื้นที่รามคำแหง จนมีนักศึกษาเสียชีวิต 4 คน และบาดเจ็บ 48 คน แต่ตำรวจกลับไม่ดำเนินคดีกับแกนนำเสื้อแดง เหมือนอย่างที่ดำเนินคดีกับแกนนำ กปปส. สะท้อนให้เห็นว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังมีการดำเนินคดีอย่างสองมาตรฐาน จึงต้องเดินทางไปเรียกร้องความยุติธรรม
ขณะที่แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดยนายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท. ก็ได้นำมวลชนเคลื่อนออกจากพื้นที่ชุมนุมแยกนางเลิ้ง ไปที่ สตช.เช่นเดียวกัน
** ทวงความเป็นธรรม นศ.รามฯ ตาย
เวลา 10.40น. มวลชน กปปส.-กปท.-คปท. ได้เดินทางมาถึงด้านหน้า สตช. ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ผ่อนคลายมากขึ้นของตำรวจ มีการจัดชุดเจรจาต่อรอง นำโดย พล.ต.ต.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบก.ภ.จ.ลพบุรี เจรจากับ นายนิติธร ล้ำเหลือ นายอุทัย ยอดมณี นายถาวร เสนเนียม บริเวณประตูเล็กด้านข้าง ประตู 1 ด้านหน้า สตช. ถ.พระราม 1 โดยนายถาวร เสนเนียม และนายเดชา มีชัย ได้เป็นตัวแทนมวลชนเข้ามาเจรจาที่กองรักษาการณ์ภายใน สตช. โดยมี พล.ต.ท.อำนาจ อันอาตม์งาม ผช.ผบ.ตร. ในฐานะเลขาธิการ ศอ.รส. พล.ต.ทโสภณ พิสุทธิวงศ์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.เข้าร่วม
ระหว่างที่มีการเจรจาใน สตช. นายนิติธร ประกาศบนเวทีจะให้เวลา 15 นาที มิฉะนั้นจะพามวลชนเข้ามาภายในสตช. โดยจะเข้าทางประตู 1 เท่านั้น และในช่วงนั้นกลุ่มผู้ชุมนุม พยายามตัดรั้วลวดหนาม เพื่อฝ่าเข้าไปในสตช. ขณะที่ทางสตช. สั่งการให้ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน วางโล่ และกระบอง ก่อนถอยหลังไป พร้อมกับสั่งการให้ตำรวจหญิงเข้ามายืนแถวหน้าเป็นรูปตัวยู บริเวณลานโดยรอบพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 4 ด้านหน้าอาคาร 1 เพื่อรอต้อนรับมวลชน
หลังการเจรจาร่วม 1 ชม. นายถาวร ได้ออกมาจากห้องเจรจา มายังด้านหน้าพระราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 4 หน้าอาคาร1 สตช. พร้อมยื่นหนังสือเปิดผนึกถึง ผบ.ตร. โดยมี พล.ต.ท.อำนาจ รับหนังสือแทน โดยนายถาวร อ่านหนังสือฉบับดังกล่าวว่า ตำรวจไม่เข้าไปรักษาความสงบเรียบร้อย และดูแลความปลอดภัยให้แก่นักศึกษาม.รามฯ และกรณีที่นศ.เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ตำรวจต้องจับกุมหรือหาตัวผู้กระทำมาดำเนินคดีให้ได้ภายใน 7 วัน พร้อมขอให้ ผบ.ตร. สั่งกำชับทุกหน่วยให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อผู้ชุมนุม กปปส. โดยไม่ใช้ความรุนแรง ไม่เลือกปฏิบัติ และต้องเข้าระงับเหตุทันที เมื่อมีเหตุปะทะ
ด้านพล.ต.ท.อำนาจ อันอาตม์งาม ผช.ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง ซึ่งเป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ กล่าวว่า จะนำข้อเสนอดังกล่าวเรียนให้ผบ.ตร.ทราบ ขณะที่เดียวกันจะเร่งรัดติดตามจับกุมคนที่ลงมือก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุด แกนนำประกาศไม่เข้า สตช. ก่อนเดินทางกลับเมื่อเวลา 12.40น. ท่ามกลางเสียงปรบมือและการโบกมืออำลาของข้าราชการตำรวจที่อยู่ภายในสตช. ทั้งนี้ แกนนำประกาศว่าที่ไม่เข้าไป เพราะทุกวันนี้ สตช. กลายสภาพเป็นซ่องโจร เข้ามาเสนียดจะติดตัวไปเปล่าๆ
** ยันจะไม่บุกเข้าจับกุม"สุเทพ"
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. กล่าวว่า แนวโน้มสถานการณ์การชุมนุมจะดีขึ้น โดยเฉพาะหลังวันที่ 5 ธ.ค. โดยตำรวจได้ปรับท่าทีการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อลดการเผชิญหน้า และไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น เพื่อให้การชุมนุมยุติลงด้วยดี ส่วนกรณีที่นายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. ยื่นข้อเรียกร้องให้เร่งรัดคดีเหตุปะทะหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ภายใน 7 วันนั้น ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. เป็นหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนรับผิดชอบคดีดังกล่าว โดยจะเร่งรัดอย่างเร็วที่สุด
ส่วนการจับกุมนายสุเทพ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหากบฏนั้น คดีนี้มีอายุความอีกนานถึง 20 ปี ซึ่งนายสุเทพรู้ขั้นตอนของกฎหมายดีอยู่แล้ว ยืนยันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะยังไม่เร่งรัดจับกุมในช่วงนี้ เพราะว่ายังอยู่ในช่วงสถานการณ์อ่อนไหว
**"ปึ้ง"ขู่ยัดข้อหากบฏกลุ่มทุนหนุน"เทือก"
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ในฐานะกำกับดูแลศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กล่าวว่า ขณะนี้ ศอ.รส. อยู่ระหว่างการตรวจสอบรวบรวมข้อมูลเกี่ยวบริษัทห้างร้าน หรือกลุ่มบุคคลที่ให้การสนับสนุนนายสุเทพ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีกบฏ โดยผู้สนับสนุนเหล่านี้จะมีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดกับกบฏ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 114 ซึ่งบัญญัติว่า ผู้ใดสะสมกำลังพล หรืออาวุธ ตระเตรียมการอื่นใดหรือสมคบกัน เพื่อเป็นกบฏ หรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนของแผนการ เพื่อเป็นกบฏ หรือยุยงราษฎรให้เป็นกบฏ หรือรู้ว่ามีผู้จะเป็นกบฏแล้วกระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี ส่วนข้อมูลของบริษัท ห้างร้าน หรือกลุ่มบุคคล ที่สนับสนุนนายสุเทพ มีใครบ้าง จำนวนเท่าใดนั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ยืนยันว่าใครก็ตามที่มีส่วนสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด จะต้องถูกดำเนินคดี
ส่วนกรณีที่นายสุเทพ ออกพิมพ์เขียวการตั้งสภาประชาชนโดยใช้ช่องตามมาตรา 3 และมาตรา 7 ตามรัฐธรรมนูญนั้น เห็นว่า นายสุเทพ จะต้องไปศึกษาในข้อกฎหมายให้ละเอียดรอบคอบกว่านี้ ส่วนตัวมองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่นายสุเทพจินตนาการไปเอง เพราะตามมาตรา 7 หากทำได้ ทำไปนานแล้ว ทั้งนี้ ยืนยันว่าตนยินดีที่จะพูดคุยกับนายสุเทพ แต่การจะพูดคุยกัน นายสุเทพ ต้องมอบตัว เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อน
*** "ปู"อ้อนคำหวาน ผบ.ตร.น่ารัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.20 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เสร็จภารกิประชุมร่วมกับผบ.เหล่าทัพ เดินลงมาหน้า อาคาร 1 ตร. พร้อมผบ.ตร. และเดินไปโบกมือทักทายตำรวจควบคุมฝูงชนที่พักกำลังอยู่บริเวณอาคารจอดรถสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกล่าวชื่นชม ผบ.ตร.ว่า “ท่านผบ.ตร. ท่านน่ารัก”
**ยกคำร้องหมายจับ"ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ"
ที่ห้องพิจารณา 911 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลไต่สวนคำขอที่พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ได้ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา ขอออกหมายจับ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ แกนนำกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) กรณีนำกลุ่มผู้ชุมนุมไปสำนักงานใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2556 ซึ่งศาลได้ยกคำร้อง
** ยันกองทัพไม่มีแนวคิดปฏิวัติ
พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมที่ทางผบ.เหล่าทัพ ได้ประสานให้ทั้ง 2 ฝ่าย พูดคุยร่วมกันว่า ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี การพบกันในวันนั้น ทำให้บรรยากาศและสถานการณ์คลี่คลายมาจนถึงวันนี้ แต่ถ้าทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ จะนำไปสู่การปฏิบวัติรัฐประหารหรือไม่ คิดว่าไม่ โดยเฉพาะจากทหาร เพราะที่ผ่านมา มีบทเรียนมามากในเรื่องนี้ ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก
*** "วราเทพ"ไม่เอานายกฯ ม.7
นายวราเทพ รัตนากร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงพิมพ์เขียวของนายสุเทพ ที่เสนอแนวทางการปฏิรูป โดยการตั้งสภาประชาชน และมีนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 7 ว่า ในอดีต นายกฯ มาตรา 7 เคยถูกเสนอโดยหัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่ง ที่ต่างไปจากที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่า นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง และต้องเป็น ส.ส. ซึ่งรัฐบาลนี้ยังยืนยัน ว่า นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชนที่เลือกส.ส.เข้ามา และส.ส.ทั้งสภา ก็มาลงมติเลือกนายกฯ การเสนอของนายสุเทพ ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ เป็นเพียงการอ้างเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญในลักษณะที่คลุมเครือ ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีทางตันใดๆ ที่จะต้องใช้นายกฯ มาตรา 7 แต่อย่างใด เพราะกระบวนการได้มาของนายกฯ คนปัจจจุบัน ก็มาโดยกระบวนการที่ถูกต้อง
** "พงศ์เทพ"ขอเวลา1เดือนหาทางออก
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดเวทีพูดคุยกับทุกภาคส่วน เพื่อหาทางออกประเทศ ตามที่นายกฯ ได้มอบหมายว่า ได้มอบให้ปลัดกระทรวงยุติธรรม ไปรวบรวมข้อเสนอจากฝ่ายต่างๆ มาประมวลผล และทราบว่าขณะนี้มีองค์กรภาคเอกชน กำลังจัดในลักษณะเดียวกันด้วย ซึ่งเมื่อได้ข้อเสนอทั้งหมดแล้ว ก็จะนำมาเผยแพร่ให้มีการวิพากษ์วิจารณ์กัน จากนั้นจะนำมาปรับปรุง โดยคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ก็จะได้เห็นรูปธรรมของทางออกประเทศ
***"จาตุรนต์"ขอ ทปอ.ช่วยหาทางลง
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับตัวแทนที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ว่า ได้ขอให้ ทปอ. ไปช่วยจัดทำข้อเสนอเพิ่มเติมจากแถลงการณ์ของทปอ. รวมถึงหาทางเจรจาระหว่างรัฐบาลและกลุ่มผู้ชุมนุม โดยขอให้ ทปอ. ไปคิดว่าจะทำอย่างไรให้ได้รัฐบาลรักษาการที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และมีองค์ประกอบเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย และคณะกรรมการกลางที่จะจัดตั้งขึ้น จะมีที่มาและกระบวนการสรรหาอย่างไร รวมถึงจะมีสถานะทางกฎหมายในระดับใด และขอให้ทปอ.ช่วยหาแนวทางการเจรจาหารือ เนื่องจากข้อเสนอทปอ.จะเกิดผลได้ จะต้องมีการเจรจาหารือระหว่างรัฐบาลและกลุ่มผู้ชุมนุม
**“เติ้ง”อ้างนายกฯ ม.7 มิบังควร
นายบรรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ว่า กำลังอยู่ในช่วงหยุดพักเท่านั้น และเมื่อพ้นวันเฉลิมพระชนมพรรษา อะไรจะเกิดก็คงพูดและตอบได้ยาก แต่หากนักการเมืองทุกคนเดินสายกลาง ปัญหาก็คงไม่เกิดขึ้น และถ้าเดินสายกลางได้ ปัญหาตอนนี้ก็จะคลี่คลาย ประเทศจะอยู่รอด แต่ตนคงจะไม่เข้ามาเป็นคนกลาง เพราะอย่างคงเป็นไม่ได้ บารมีไม่พอ
เมื่อถามถึงข้อเสนอของ นายสุเทพ ที่ให้ใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 7 นายบรรหาร กล่าวว่า อย่าไปรบกวนเบื้องพระยุคลบาทจะดีกว่า
** นายกฯม.7 เลี่ยงสงครามกลางเมือง
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า ข้อเสนอของ กปปส. ให้ใช้มาตรา 3 และมาตรา 7 ในรัฐธรรมนูญเพื่อผ่าทางตันทางการเมืองนั้น ถือเป็นข้อเสนอที่หลีกเลี่ยงความรุนแรง และสงครามกลางเมือง เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ ยืนอยู่บนหลักสันติวิธี และนับหนึ่งการปฏิรูปประเทศที่ทุกคนได้ประโยชน์ ไม่ใช่เพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
** อดีตส.ส.ร.ชี้ช่องทางไปสู่นายกฯ ม.7
นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีต ส.ส.ร.40 โพตส์ข้อความเสนอทาง การแก้ปัญหาบ้านเมือง และแก้ปัญหาการเมืองในขณะนี้ เพื่อให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย โดยไม่ต้องปฏิวัติรัฐประหาร มีขั้นตอนเป็นลำดับตามรัฐธรรมนูญ ดังนี้
1.ให้นายกฯ กราบบังคมทูล ให้มีการยุบสภาฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 ประกอบ มาตรา 106 และ มาตรา 180(2)
2.ให้นายกฯ กราบบังคมทูลให้รัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งทุกคน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 183 โดยไม่ตั้งใครเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี
3.ให้ปลัดกระทรวงทุกกระทรวง ดูแลรับผิดชอบงานในทุกกระทรวง ให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่ให้เรียบร้อย ตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 21
4. หลังจากนั้นให้นายกฯ ประกาศลาออก ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 (2) อันเป็นการยืนยันว่า ครม.ทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 180 (1)
5.เมื่อนายกฯ และ ครม.พ้นจากตำแหน่ง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 180 (1) แล้ว จากนั้นให้นายกฯ ประกาศลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่อีกครั้ง คือ ประกาศไม่อยู่ในตำแหน่งนายกฯ อีกต่อไป
6.จะเกิดสูญญากาศ เนื่องจากไม่มีสภาผู้แทนราษฎร และไม่มีรัฐบาล จากนั้นให้นำรัฐธรรมนูญมาตรา 7 มาใช้บังคับ กราบบังคมทูล เพื่อทรงตั้ง คณะรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรีรักษาการ และตั้งสภาประชนชั่วคราว (หรือจะเรียก "สภานิติบัญญัติแห่งชาติ" ก็ได้) ต่อไป
** จวก"ปู"เสนอเวทีปฏิรูปฯ แค่ยื้อเวลา
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส.ว่า กรณีที่นายกฯ เสนอเปิดเวทีระดมความเห็นปฏิรูปการเมืองนั้น ไม่เชื่อว่านายกฯจะจริงใจในการจัดเวทีดังกล่าว เพราะนายกฯ โกหกประชาชนตลอดเวลา และการเปิดเจรจา จึงเป็นเพียงกลลวง เล่นละครตบตา เพื่อยื้อเวลารักษาอำนาจของตัวเอง
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า เป็นแค่มุกเก่า ซื้อเวลายืดอายุรัฐบาล ทางออกของน.ส.ยิ่งลักษณ์ วันนี้ จึงไมใช่การซื้อเวลา แต่เป็นเรื่องที่จะต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเร็วก่อนที่จะสายเกินแก้ และต้องตัดสินใจบนพื้นฐานให้ประเทศรอด ไม่ใช่รัฐบาลรอดลูกเดียว
***"สุเทพ"แจงใช้มาตรา7ชอบธรรม
เมื่อเวลา 19.30 น. นายสุเทพ ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ โดยระบุว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 3 บัญญัติไว้ว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ซึ่งได้มอบอำนาจนี้ให้รัฐบาล รัฐสภา แต่รัฐบาล รัฐสภาได้ทรยศ แทนที่จะใช้อำนาจให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน แต่กลับไปบิดเบือนใช้อำนาจโดยไม่เคารพกฎหมาย ทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์พี่ชายและครอบครัว ประชาชนจึงต้องดึงอำนาจกลับมา ส่วนมาตรา 7 พอพูดขึ้นมา ก็มีคนค้าน คิดเอาเองว่ามาตรา 7 คือการไปรบกวนเบื้องพระยุคลบาทพระเจ้าอยู่หัว ไปคิดเองว่าต้องไปขอพระราชทานนายกรัฐมนตรี รัฐสภาใหม่ ไม่ได้เป็นอย่างนั้น และพระเจ้าอยู่หัวไม่เคยลงมาแทรกแซงก้าวก่ายการเมือง พระองค์วางตนอยู่เหนือการเมือง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 14 ต.ค.16 เป็นตัวอย่างการใช้มาตรา 7 ที่เคยใช้มาแล้วในประเทศไทย
"ตอนนี้ จะทำอย่างไรให้นายกฯ ลาออกและไม่รักษาการ นั่นคือสิ่งที่เรากำลังเรียกร้อง เพราะเมื่อเขาไม่มีความชอบธรรมในการใช้อำนาจแล้ว ก็ไม่ควรที่อยู่ในอำนาจนี้อีกต่อไป เรื่องนี้ยังต้องพูดกัน และชี้แจงกัน เพราะทันทีที่เราบอกว่าจะปฏิบัติการตามรัฐธรรมนูญ เป็นการพูดโจมตีแบบไม่รู้ความจริง หรือบางคนก็แกล้งโง่"นายสุเทพกล่าว
***วันนี้พักยกรอเผด็จศึกวันที่ 6 ธ.ค.
จากนั้นนายสุเทพได้ขอฉันทามติจากมวลชนว่าจะให้ตนเองเป็นตัวแทนมหาประชาชนทำหน้าที่กราบบังคับทูลถวายพระพรชัยมงคล ในนามพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศ และยังเป็นผู้กล่าวนำถวายสัตย์ปฏิญาณตนว่าจะเป็นพลเมืองดี เป็นพลังของแผ่นดินภายในร่มพระบารมี หรือไม่ หากเห็นว่าตนเองมีความเหมาะสมก็ขอให้ประชาชนเดินทางมาใน 3 เวทีของ กปปส. เป็นล้านๆ คนเพื่อแสดงออกถึงความต้องการที่จะให้ตนเป็นผู้นำในการถวายพระพรชัยมงคล การมารวมพลังที่ยิ่งใหญ่ของพวกเราในวันนี้ จะเป็นพลังในการต่อสู้ยกสุดท้ายที่จะเริ่มขึ้นหลังงานวันเฉลิมพระชนมพรรษาที่จะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค.เป็นต้นไป ซึ่งจำนวนที่มานั้นจะเป็นจำนวนที่จะประกาศวันเผด็จศึก และเราทุกคนต้องประกาศร่วมกัน ส่วนพี่น้องที่อยู่ต่างจังหวัดก็ให้ไปที่เวทีที่ กปปส. ในต่างจังหวัดจัดตั้ง
"วันนี้ขอเป็นวันมหามงคลจะไม่พูดด่ารัฐบาล พักรบ แล้ววันที่ 6 ธ.ค. จะเป็นวันลั่นกลองรบที่นำไปสู่วันเผด็จศึก ซึ่งจะประกาศแนวทางในวันที่ 6 ธ.ค. เพื่อเดินทางเข้าไปรับชัยชนะของมวลมหาประชาชนได้อย่างแน่นอน"
เมื่อเช้าวานนี้ (4 ธ.ค.) ที่ถนนราชดำเนิน กลุ่มผู้ชุมนุมประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ระดมรถเก็บขยะ รถน้ำฉีดล้างและขัดพื้น ทำความสะอาดถนนราชดำเนิน ตั้งแต่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ไปจนถึงสี่แยกคอกวัว ซึ่งได้กำหนดเป็นวันบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2556
ทั้งนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมคณะผู้บริหารกทม. ได้มาร่วมทำความสะอาดที่บริเวณถนนราชดำเนิน และยังได้มีการรื้อถอนแบริเออร์ และรั้วลวดหนาม ที่เจ้าหน้าที่ใช้ป้องกันผู้ชุมนุมตามสถานที่ต่างๆ ได้แก่ บริเวณแยก พล.ม1 แยกวัดเบญจมบพิตร แยกวังแดง และแยกมัฆวาน
**กปปส.จัดงานเฉลิมพระเกียรติ 3 เวที
นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. แถลงถึงการจัดงานเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวามหาราช ว่า กปปส. จะมีการจัดงานพร้อมกันทั้ง 3 เวที คือ ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และกระทรวงการคลัง ภายใต้ชื่องานว่า “5 ธันวามวลมหาประชาชนถวายใจภักดิ์รักในหลวง” โดยจะมีกิจกรรมตั้งแต่เวลา 07.00 น. จะมีการตกบาตรพระสงฆ์ 99 รูป พร้อมถวายภัตตาหารเพล จากนั้นเวลา17.00 น. จะมีการเจริญน้ำพระพุทธมนต์ เปิดกรวยดอกไม้ ถวายราชสักการะ และเวลา 18.30 น. จะมีการจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล และกล่าวปฏิญาณตน โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. จะเป็นผู้กล่าวนำ ก่อนที่จะมีการร้องเพลงสดุดีมหาราชา
** ประชาชนเคลื่อนขบวนบุกสตช.
เวลา 10.00 น. นายถาวร เสนเนียม และนายอิสสระ สมชัย แกนนำ กปปส. ได้นำขบวนผู้ชุมนุมจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เคลื่อนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อเรียกร้องให้ข้าราชการตำรวจ เลิกรับใช้ระบอบทักษิณ เลิกพฤติกรรมการบังคับใช้กฎหมาย 2 มาตรฐาน และเลือกปฏิบัติ โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งถือว่าอยู่ในพื้นที่ พ.ร.บ.ความมั่นคง และมีความวุ่นวาย เกิดการปะทะกับนักศึกษา และประชาชนในพื้นที่รามคำแหง จนมีนักศึกษาเสียชีวิต 4 คน และบาดเจ็บ 48 คน แต่ตำรวจกลับไม่ดำเนินคดีกับแกนนำเสื้อแดง เหมือนอย่างที่ดำเนินคดีกับแกนนำ กปปส. สะท้อนให้เห็นว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังมีการดำเนินคดีอย่างสองมาตรฐาน จึงต้องเดินทางไปเรียกร้องความยุติธรรม
ขณะที่แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดยนายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท. ก็ได้นำมวลชนเคลื่อนออกจากพื้นที่ชุมนุมแยกนางเลิ้ง ไปที่ สตช.เช่นเดียวกัน
** ทวงความเป็นธรรม นศ.รามฯ ตาย
เวลา 10.40น. มวลชน กปปส.-กปท.-คปท. ได้เดินทางมาถึงด้านหน้า สตช. ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ผ่อนคลายมากขึ้นของตำรวจ มีการจัดชุดเจรจาต่อรอง นำโดย พล.ต.ต.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบก.ภ.จ.ลพบุรี เจรจากับ นายนิติธร ล้ำเหลือ นายอุทัย ยอดมณี นายถาวร เสนเนียม บริเวณประตูเล็กด้านข้าง ประตู 1 ด้านหน้า สตช. ถ.พระราม 1 โดยนายถาวร เสนเนียม และนายเดชา มีชัย ได้เป็นตัวแทนมวลชนเข้ามาเจรจาที่กองรักษาการณ์ภายใน สตช. โดยมี พล.ต.ท.อำนาจ อันอาตม์งาม ผช.ผบ.ตร. ในฐานะเลขาธิการ ศอ.รส. พล.ต.ทโสภณ พิสุทธิวงศ์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.เข้าร่วม
ระหว่างที่มีการเจรจาใน สตช. นายนิติธร ประกาศบนเวทีจะให้เวลา 15 นาที มิฉะนั้นจะพามวลชนเข้ามาภายในสตช. โดยจะเข้าทางประตู 1 เท่านั้น และในช่วงนั้นกลุ่มผู้ชุมนุม พยายามตัดรั้วลวดหนาม เพื่อฝ่าเข้าไปในสตช. ขณะที่ทางสตช. สั่งการให้ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน วางโล่ และกระบอง ก่อนถอยหลังไป พร้อมกับสั่งการให้ตำรวจหญิงเข้ามายืนแถวหน้าเป็นรูปตัวยู บริเวณลานโดยรอบพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 4 ด้านหน้าอาคาร 1 เพื่อรอต้อนรับมวลชน
หลังการเจรจาร่วม 1 ชม. นายถาวร ได้ออกมาจากห้องเจรจา มายังด้านหน้าพระราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 4 หน้าอาคาร1 สตช. พร้อมยื่นหนังสือเปิดผนึกถึง ผบ.ตร. โดยมี พล.ต.ท.อำนาจ รับหนังสือแทน โดยนายถาวร อ่านหนังสือฉบับดังกล่าวว่า ตำรวจไม่เข้าไปรักษาความสงบเรียบร้อย และดูแลความปลอดภัยให้แก่นักศึกษาม.รามฯ และกรณีที่นศ.เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ตำรวจต้องจับกุมหรือหาตัวผู้กระทำมาดำเนินคดีให้ได้ภายใน 7 วัน พร้อมขอให้ ผบ.ตร. สั่งกำชับทุกหน่วยให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อผู้ชุมนุม กปปส. โดยไม่ใช้ความรุนแรง ไม่เลือกปฏิบัติ และต้องเข้าระงับเหตุทันที เมื่อมีเหตุปะทะ
ด้านพล.ต.ท.อำนาจ อันอาตม์งาม ผช.ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง ซึ่งเป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ กล่าวว่า จะนำข้อเสนอดังกล่าวเรียนให้ผบ.ตร.ทราบ ขณะที่เดียวกันจะเร่งรัดติดตามจับกุมคนที่ลงมือก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุด แกนนำประกาศไม่เข้า สตช. ก่อนเดินทางกลับเมื่อเวลา 12.40น. ท่ามกลางเสียงปรบมือและการโบกมืออำลาของข้าราชการตำรวจที่อยู่ภายในสตช. ทั้งนี้ แกนนำประกาศว่าที่ไม่เข้าไป เพราะทุกวันนี้ สตช. กลายสภาพเป็นซ่องโจร เข้ามาเสนียดจะติดตัวไปเปล่าๆ
** ยันจะไม่บุกเข้าจับกุม"สุเทพ"
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. กล่าวว่า แนวโน้มสถานการณ์การชุมนุมจะดีขึ้น โดยเฉพาะหลังวันที่ 5 ธ.ค. โดยตำรวจได้ปรับท่าทีการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อลดการเผชิญหน้า และไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น เพื่อให้การชุมนุมยุติลงด้วยดี ส่วนกรณีที่นายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. ยื่นข้อเรียกร้องให้เร่งรัดคดีเหตุปะทะหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ภายใน 7 วันนั้น ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. เป็นหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนรับผิดชอบคดีดังกล่าว โดยจะเร่งรัดอย่างเร็วที่สุด
ส่วนการจับกุมนายสุเทพ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหากบฏนั้น คดีนี้มีอายุความอีกนานถึง 20 ปี ซึ่งนายสุเทพรู้ขั้นตอนของกฎหมายดีอยู่แล้ว ยืนยันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะยังไม่เร่งรัดจับกุมในช่วงนี้ เพราะว่ายังอยู่ในช่วงสถานการณ์อ่อนไหว
**"ปึ้ง"ขู่ยัดข้อหากบฏกลุ่มทุนหนุน"เทือก"
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ในฐานะกำกับดูแลศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กล่าวว่า ขณะนี้ ศอ.รส. อยู่ระหว่างการตรวจสอบรวบรวมข้อมูลเกี่ยวบริษัทห้างร้าน หรือกลุ่มบุคคลที่ให้การสนับสนุนนายสุเทพ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีกบฏ โดยผู้สนับสนุนเหล่านี้จะมีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดกับกบฏ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 114 ซึ่งบัญญัติว่า ผู้ใดสะสมกำลังพล หรืออาวุธ ตระเตรียมการอื่นใดหรือสมคบกัน เพื่อเป็นกบฏ หรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนของแผนการ เพื่อเป็นกบฏ หรือยุยงราษฎรให้เป็นกบฏ หรือรู้ว่ามีผู้จะเป็นกบฏแล้วกระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี ส่วนข้อมูลของบริษัท ห้างร้าน หรือกลุ่มบุคคล ที่สนับสนุนนายสุเทพ มีใครบ้าง จำนวนเท่าใดนั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ยืนยันว่าใครก็ตามที่มีส่วนสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด จะต้องถูกดำเนินคดี
ส่วนกรณีที่นายสุเทพ ออกพิมพ์เขียวการตั้งสภาประชาชนโดยใช้ช่องตามมาตรา 3 และมาตรา 7 ตามรัฐธรรมนูญนั้น เห็นว่า นายสุเทพ จะต้องไปศึกษาในข้อกฎหมายให้ละเอียดรอบคอบกว่านี้ ส่วนตัวมองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่นายสุเทพจินตนาการไปเอง เพราะตามมาตรา 7 หากทำได้ ทำไปนานแล้ว ทั้งนี้ ยืนยันว่าตนยินดีที่จะพูดคุยกับนายสุเทพ แต่การจะพูดคุยกัน นายสุเทพ ต้องมอบตัว เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อน
*** "ปู"อ้อนคำหวาน ผบ.ตร.น่ารัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.20 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เสร็จภารกิประชุมร่วมกับผบ.เหล่าทัพ เดินลงมาหน้า อาคาร 1 ตร. พร้อมผบ.ตร. และเดินไปโบกมือทักทายตำรวจควบคุมฝูงชนที่พักกำลังอยู่บริเวณอาคารจอดรถสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกล่าวชื่นชม ผบ.ตร.ว่า “ท่านผบ.ตร. ท่านน่ารัก”
**ยกคำร้องหมายจับ"ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ"
ที่ห้องพิจารณา 911 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลไต่สวนคำขอที่พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ได้ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา ขอออกหมายจับ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ แกนนำกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) กรณีนำกลุ่มผู้ชุมนุมไปสำนักงานใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2556 ซึ่งศาลได้ยกคำร้อง
** ยันกองทัพไม่มีแนวคิดปฏิวัติ
พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมที่ทางผบ.เหล่าทัพ ได้ประสานให้ทั้ง 2 ฝ่าย พูดคุยร่วมกันว่า ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี การพบกันในวันนั้น ทำให้บรรยากาศและสถานการณ์คลี่คลายมาจนถึงวันนี้ แต่ถ้าทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ จะนำไปสู่การปฏิบวัติรัฐประหารหรือไม่ คิดว่าไม่ โดยเฉพาะจากทหาร เพราะที่ผ่านมา มีบทเรียนมามากในเรื่องนี้ ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก
*** "วราเทพ"ไม่เอานายกฯ ม.7
นายวราเทพ รัตนากร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงพิมพ์เขียวของนายสุเทพ ที่เสนอแนวทางการปฏิรูป โดยการตั้งสภาประชาชน และมีนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 7 ว่า ในอดีต นายกฯ มาตรา 7 เคยถูกเสนอโดยหัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่ง ที่ต่างไปจากที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่า นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง และต้องเป็น ส.ส. ซึ่งรัฐบาลนี้ยังยืนยัน ว่า นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชนที่เลือกส.ส.เข้ามา และส.ส.ทั้งสภา ก็มาลงมติเลือกนายกฯ การเสนอของนายสุเทพ ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ เป็นเพียงการอ้างเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญในลักษณะที่คลุมเครือ ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีทางตันใดๆ ที่จะต้องใช้นายกฯ มาตรา 7 แต่อย่างใด เพราะกระบวนการได้มาของนายกฯ คนปัจจจุบัน ก็มาโดยกระบวนการที่ถูกต้อง
** "พงศ์เทพ"ขอเวลา1เดือนหาทางออก
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดเวทีพูดคุยกับทุกภาคส่วน เพื่อหาทางออกประเทศ ตามที่นายกฯ ได้มอบหมายว่า ได้มอบให้ปลัดกระทรวงยุติธรรม ไปรวบรวมข้อเสนอจากฝ่ายต่างๆ มาประมวลผล และทราบว่าขณะนี้มีองค์กรภาคเอกชน กำลังจัดในลักษณะเดียวกันด้วย ซึ่งเมื่อได้ข้อเสนอทั้งหมดแล้ว ก็จะนำมาเผยแพร่ให้มีการวิพากษ์วิจารณ์กัน จากนั้นจะนำมาปรับปรุง โดยคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ก็จะได้เห็นรูปธรรมของทางออกประเทศ
***"จาตุรนต์"ขอ ทปอ.ช่วยหาทางลง
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับตัวแทนที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ว่า ได้ขอให้ ทปอ. ไปช่วยจัดทำข้อเสนอเพิ่มเติมจากแถลงการณ์ของทปอ. รวมถึงหาทางเจรจาระหว่างรัฐบาลและกลุ่มผู้ชุมนุม โดยขอให้ ทปอ. ไปคิดว่าจะทำอย่างไรให้ได้รัฐบาลรักษาการที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และมีองค์ประกอบเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย และคณะกรรมการกลางที่จะจัดตั้งขึ้น จะมีที่มาและกระบวนการสรรหาอย่างไร รวมถึงจะมีสถานะทางกฎหมายในระดับใด และขอให้ทปอ.ช่วยหาแนวทางการเจรจาหารือ เนื่องจากข้อเสนอทปอ.จะเกิดผลได้ จะต้องมีการเจรจาหารือระหว่างรัฐบาลและกลุ่มผู้ชุมนุม
**“เติ้ง”อ้างนายกฯ ม.7 มิบังควร
นายบรรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ว่า กำลังอยู่ในช่วงหยุดพักเท่านั้น และเมื่อพ้นวันเฉลิมพระชนมพรรษา อะไรจะเกิดก็คงพูดและตอบได้ยาก แต่หากนักการเมืองทุกคนเดินสายกลาง ปัญหาก็คงไม่เกิดขึ้น และถ้าเดินสายกลางได้ ปัญหาตอนนี้ก็จะคลี่คลาย ประเทศจะอยู่รอด แต่ตนคงจะไม่เข้ามาเป็นคนกลาง เพราะอย่างคงเป็นไม่ได้ บารมีไม่พอ
เมื่อถามถึงข้อเสนอของ นายสุเทพ ที่ให้ใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 7 นายบรรหาร กล่าวว่า อย่าไปรบกวนเบื้องพระยุคลบาทจะดีกว่า
** นายกฯม.7 เลี่ยงสงครามกลางเมือง
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า ข้อเสนอของ กปปส. ให้ใช้มาตรา 3 และมาตรา 7 ในรัฐธรรมนูญเพื่อผ่าทางตันทางการเมืองนั้น ถือเป็นข้อเสนอที่หลีกเลี่ยงความรุนแรง และสงครามกลางเมือง เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ ยืนอยู่บนหลักสันติวิธี และนับหนึ่งการปฏิรูปประเทศที่ทุกคนได้ประโยชน์ ไม่ใช่เพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
** อดีตส.ส.ร.ชี้ช่องทางไปสู่นายกฯ ม.7
นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีต ส.ส.ร.40 โพตส์ข้อความเสนอทาง การแก้ปัญหาบ้านเมือง และแก้ปัญหาการเมืองในขณะนี้ เพื่อให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย โดยไม่ต้องปฏิวัติรัฐประหาร มีขั้นตอนเป็นลำดับตามรัฐธรรมนูญ ดังนี้
1.ให้นายกฯ กราบบังคมทูล ให้มีการยุบสภาฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 ประกอบ มาตรา 106 และ มาตรา 180(2)
2.ให้นายกฯ กราบบังคมทูลให้รัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งทุกคน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 183 โดยไม่ตั้งใครเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี
3.ให้ปลัดกระทรวงทุกกระทรวง ดูแลรับผิดชอบงานในทุกกระทรวง ให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่ให้เรียบร้อย ตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 21
4. หลังจากนั้นให้นายกฯ ประกาศลาออก ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 (2) อันเป็นการยืนยันว่า ครม.ทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 180 (1)
5.เมื่อนายกฯ และ ครม.พ้นจากตำแหน่ง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 180 (1) แล้ว จากนั้นให้นายกฯ ประกาศลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่อีกครั้ง คือ ประกาศไม่อยู่ในตำแหน่งนายกฯ อีกต่อไป
6.จะเกิดสูญญากาศ เนื่องจากไม่มีสภาผู้แทนราษฎร และไม่มีรัฐบาล จากนั้นให้นำรัฐธรรมนูญมาตรา 7 มาใช้บังคับ กราบบังคมทูล เพื่อทรงตั้ง คณะรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรีรักษาการ และตั้งสภาประชนชั่วคราว (หรือจะเรียก "สภานิติบัญญัติแห่งชาติ" ก็ได้) ต่อไป
** จวก"ปู"เสนอเวทีปฏิรูปฯ แค่ยื้อเวลา
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส.ว่า กรณีที่นายกฯ เสนอเปิดเวทีระดมความเห็นปฏิรูปการเมืองนั้น ไม่เชื่อว่านายกฯจะจริงใจในการจัดเวทีดังกล่าว เพราะนายกฯ โกหกประชาชนตลอดเวลา และการเปิดเจรจา จึงเป็นเพียงกลลวง เล่นละครตบตา เพื่อยื้อเวลารักษาอำนาจของตัวเอง
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า เป็นแค่มุกเก่า ซื้อเวลายืดอายุรัฐบาล ทางออกของน.ส.ยิ่งลักษณ์ วันนี้ จึงไมใช่การซื้อเวลา แต่เป็นเรื่องที่จะต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเร็วก่อนที่จะสายเกินแก้ และต้องตัดสินใจบนพื้นฐานให้ประเทศรอด ไม่ใช่รัฐบาลรอดลูกเดียว
***"สุเทพ"แจงใช้มาตรา7ชอบธรรม
เมื่อเวลา 19.30 น. นายสุเทพ ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ โดยระบุว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 3 บัญญัติไว้ว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ซึ่งได้มอบอำนาจนี้ให้รัฐบาล รัฐสภา แต่รัฐบาล รัฐสภาได้ทรยศ แทนที่จะใช้อำนาจให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน แต่กลับไปบิดเบือนใช้อำนาจโดยไม่เคารพกฎหมาย ทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์พี่ชายและครอบครัว ประชาชนจึงต้องดึงอำนาจกลับมา ส่วนมาตรา 7 พอพูดขึ้นมา ก็มีคนค้าน คิดเอาเองว่ามาตรา 7 คือการไปรบกวนเบื้องพระยุคลบาทพระเจ้าอยู่หัว ไปคิดเองว่าต้องไปขอพระราชทานนายกรัฐมนตรี รัฐสภาใหม่ ไม่ได้เป็นอย่างนั้น และพระเจ้าอยู่หัวไม่เคยลงมาแทรกแซงก้าวก่ายการเมือง พระองค์วางตนอยู่เหนือการเมือง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 14 ต.ค.16 เป็นตัวอย่างการใช้มาตรา 7 ที่เคยใช้มาแล้วในประเทศไทย
"ตอนนี้ จะทำอย่างไรให้นายกฯ ลาออกและไม่รักษาการ นั่นคือสิ่งที่เรากำลังเรียกร้อง เพราะเมื่อเขาไม่มีความชอบธรรมในการใช้อำนาจแล้ว ก็ไม่ควรที่อยู่ในอำนาจนี้อีกต่อไป เรื่องนี้ยังต้องพูดกัน และชี้แจงกัน เพราะทันทีที่เราบอกว่าจะปฏิบัติการตามรัฐธรรมนูญ เป็นการพูดโจมตีแบบไม่รู้ความจริง หรือบางคนก็แกล้งโง่"นายสุเทพกล่าว
***วันนี้พักยกรอเผด็จศึกวันที่ 6 ธ.ค.
จากนั้นนายสุเทพได้ขอฉันทามติจากมวลชนว่าจะให้ตนเองเป็นตัวแทนมหาประชาชนทำหน้าที่กราบบังคับทูลถวายพระพรชัยมงคล ในนามพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศ และยังเป็นผู้กล่าวนำถวายสัตย์ปฏิญาณตนว่าจะเป็นพลเมืองดี เป็นพลังของแผ่นดินภายในร่มพระบารมี หรือไม่ หากเห็นว่าตนเองมีความเหมาะสมก็ขอให้ประชาชนเดินทางมาใน 3 เวทีของ กปปส. เป็นล้านๆ คนเพื่อแสดงออกถึงความต้องการที่จะให้ตนเป็นผู้นำในการถวายพระพรชัยมงคล การมารวมพลังที่ยิ่งใหญ่ของพวกเราในวันนี้ จะเป็นพลังในการต่อสู้ยกสุดท้ายที่จะเริ่มขึ้นหลังงานวันเฉลิมพระชนมพรรษาที่จะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค.เป็นต้นไป ซึ่งจำนวนที่มานั้นจะเป็นจำนวนที่จะประกาศวันเผด็จศึก และเราทุกคนต้องประกาศร่วมกัน ส่วนพี่น้องที่อยู่ต่างจังหวัดก็ให้ไปที่เวทีที่ กปปส. ในต่างจังหวัดจัดตั้ง
"วันนี้ขอเป็นวันมหามงคลจะไม่พูดด่ารัฐบาล พักรบ แล้ววันที่ 6 ธ.ค. จะเป็นวันลั่นกลองรบที่นำไปสู่วันเผด็จศึก ซึ่งจะประกาศแนวทางในวันที่ 6 ธ.ค. เพื่อเดินทางเข้าไปรับชัยชนะของมวลมหาประชาชนได้อย่างแน่นอน"