กองทัพประชาชนเมืองชาละวัน รวมพลังเป่านกหวีด ชูมือตบไล่ "ปลอดประสพ" พร้อมตะโกนด่าซ้ำ "ขี้ข้าทักษิณ คนขายชาติ" จนต้องเผ่นกลับ หลังมาร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นการจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านได้เพียง 15 นาที ด้าน"บิ๊กดีเอสไอ"ฉุนเจอม็อบเป่านกหวีดไล่ โวย"เทพเทือก"ตัวการยุมวลชนเป่านกหวีดขับไล่ข้าราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ เชื่อไม่พอใจที่ดีเอสไอสั่งดำเนินคดี จ่องัดกม.เอาผิดคนเป่านกหวีด
วานนี้ (18 พ.ย.) นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้ร่วมกับคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนขึ้นที่บริเวณโรงยิมเนเซียม สนามกีฬากลางจังหวัดพิจิตร โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนเข้าร่วมเวทีด้วยการลงทะเบียนล่วงหน้า และลงทะเบียนหน้างาน จำนวน 1,600 คน เพื่อฟังผลกระทบจากโครงการที่จะทำให้ 61 ตำบลของพิจิตรจะต้องเป็นพื้นที่รับน้ำและเป็นพื้นที่น้ำท่วม
แต่ปรากฏว่าชาวบ้าน รวมถึงนายก อบต. ผู้นำท้องถิ่น ปราชญ์ชาวบ้านที่ต่างตื่นตัวแห่กันมาร่วมเวทีเพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการจัดการน้ำของรัฐบาลกว่า 7 พันคน โดยส่วนใหญ่ล้วนมีความเห็นคัดค้านโครงการเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท เพราะเกรงบ้านเรือนไร่นาจะถูกน้ำท่วม
ขณะที่ พล.ต.ต.กฤษณะ ศิริปิยะวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร นำกำลังตำรวจ พร้อมด้วยตำรวจบ้าน อส. อปพร.จำนวน 400 คนเข้าควบคุมพื้นที่รักษาความสงบ โดยมีการตั้งแถวเป็นกำแพงสองชั้น
ต่อมาเวลาประมาณ 11.00 น. นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี, ประธาน กบอ.ได้เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ พร้อมกับ น.ส.สุณีย์ เหลือวิจิตร เลขาฯ รมต.พลังงาน ซึ่งเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางเข้าบริเวณงาน ปรากฏว่ามีกลุ่มชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าวจำนวนเกือบ 500 คนนำโดยหน่อย เที่ยงธรรม, เปี๊ยก พันธมิตร, ดีเจพะโล้, ดีเจบอย สามง่าม, อาวุธ เดชอุปการ, กิตติศักดิ์ แกนนำชาวนา, ส.จ.เปี๊ยก สามง่าม และกลุ่มนักสู้มือตบได้มาตะโกนด่าว่า "ออกไปๆๆๆ ไม่เอาโครงการนี้...เป็นพวกขายชาติ...ขี้ข้าทักษิณ" พร้อมทั้งชูมือตบ เป่านกหวีดไล่
ขณะที่นายปลอดประสพ ซึ่งได้ยิ้มและบอกกับผู้สื่อข่าวว่า “ผมรับได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอเพียงอย่าใช้คำหยาบ หรือด่าต้นตระกูลของผม ทุกคนใช้เสรีภาพแสดงออกได้ ผมไม่โกรธ มีบางแห่งเขาเป่านกหวีดมา ผมก็สนุกเป่าตอบเล่นไปกับเขา ก็ไม่มีอะไรรุนแรง แต่อยากจะบอกว่า มาพิจิตรครั้งนี้ตั้งใจจะเอางบประมาณ 8 พันล้านบาทมาแก้ไขปัญหาน้ำท่วม แก้ไขปัญหาภัยแล้ง
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะมีเรื่องการเมืองเข้ามาแอบแฝงปลุกปั่นชาวบ้าน ยังไม่ได้ฟังเลยว่ารัฐบาลจะทำอะไรให้ก็อคติคัดค้านโครงการกันเสียแล้ว แต่ไม่เป็นไรเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่ารัฐบาลจริงใจจะช่วยเหลือชาวพิจิตรอย่างแท้จริง เห็นได้จากการอนุมัติโครงการขุดลอกแม่น้ำยม ทำให้ปีนี้ริมแม่น้ำยม พิจิตรน้ำไม่ท่วม อีกทั้งการขุดลอกบึงสีไฟในพื้นที่ 5,300 กว่าไร่ ก็จะทำอย่างต่อเนื่อง ทีรัฐบาลทำดีไม่พูดกันบ้าง"
จากนั้นนายปลอดประสพ ได้เดินเข้าไปอยู่ภายในโรงยิมเนเซียม ซึ่งเป็นสถานที่จัดเวทีรับฟังความคิดเห็น ท่ามกลางภายนอกห้องประชุมมีเสียงตะโกนด่าทอ...เป่านกหวีดไล่ จนในห้องประชุมดำเนินกิจกรรมกันไม่รู้เรื่อง ทำให้นายปลอดประสพ จึงได้ตัดสินใจลุกออกจากห้องประชุม หลังจากนั่งได้ประมาณ 10 นาทีเพื่อจะขึ้นรถกลับ แต่ปรากฏว่าเจอกลุ่มขับไล่มาตะโกนไล่ส่งขึ้นรถก่อนกลับอีกครั้ง ซึ่งรวมเวลาแล้วนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ประธาน กบอ.มาร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นที่พิจิตรได้เพียง 15 นาทีก็ต้องเดินทางกลับ โดยไม่ได้ขึ้นเวทีชี้แจงเรื่องยุทธศาสตร์การบริหารการจัดการน้ำแต่อย่างใด
***"ธาริต"งัดกม.เอาผิดเป่านกหวีดไล่
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วยนายเพิ่มพูน พึ่งประสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ และผู้บัญชาการสำนักคดีต่าง ๆ ร่วมกันแถลงมาตรการตอบโต้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำเวทีต่อต้านพ.ร.บ.ล้างโกง ที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยว่า จากการที่นายสุเทพ ปลุกระดมประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมต่อต้านให้ร่วมกระทำอารยะขัดขืน ซึ่งรวมถึงการแสดงความรังเกียจโดยให้เป่านกหวีดขับไล่ ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมาได้ปลุกระดม และยุยงให้ผู้คนกระทำต่อข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอทุกคน หรือหากพบเห็นให้เป่านกหวีดขับไล่ทันที ซึ่งผลจากการปลุกระดมและยุยงดังกล่าว ทำให้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีข้าราชการและเจ้าหน้าที่ดีเอสไอหลายรายถูกผู้คนเป่านกหวีดขับไล่ บริเวณศูนย์ราชการอาคารเอ ถ.แจ้งวัฒนะ รวมทั้งตน โดยเหตุเกิดในขณะที่ตนไปเดินห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา
"ดีเอสไอเชื่อว่า การที่นายสุเทพ ปลุกระดมประชาชนเช่นนี้ เพราะมีความโกรธแค้นที่ถูกดำเนินคดีหลายคดีซึ่งล้วนเป็นคดีร้ายแรงทั้งสิ้น จึงมองว่านายสุเทพ กำลังฉกฉวยมวลชนมาเป็นเครื่องมือทำลายกระบวนการยุติธรรม เปรียบเหมือนเอาโล่มนุษย์มาปกปิดการกระทำผิดของตัวเอง"
และเมื่อเช้าวานนี้(18 พ.ย.) ตนได้มีหนังสือเวียนแจ้งข้าราชการและเจ้าหน้าที่ดีเอสไอกว่าพันคนว่า ขอให้ถ่ายรูปเก็บภาพไว้เป็นหลักฐานทันที เพื่อจะได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับคนที่เป่านกหวีดขับไล่ทุกรายโดยไม่ละเว้น เพราะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 370 ผู้กระทำผิดต้องรับโทษปรับไม่เกิน 100 บาท และมาตรา 397 ผู้กระทำผิดต้องรับโทษปรับไม่เกิน1พันบาทและจำคุกไม่เกิน1เดือนหรือทั้งจำและปรับ ซึ่งผู้กระทำผิดจะมีประวัติกระทำผิดติดตัว นอกจากนี้ หากเป็นข้าราชการจะได้ส่งเรื่องร้องขอให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยทันที
อย่างไรก็ตามสำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 370 บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดส่งเสียง ทำให้เกิดเสียงหรือกระทำความอื้ออึง โดยไม่มีเหตุอันสมควร จนทำให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อนต้อง ระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งร้อยบาท”
ส่วนมาตรา 397 ระบุว่า “ผู้ใดในที่สาธารณสถานหรือต่อหน้าธารกำนัลกระทำ ด้วยประการใด ๆ อันเป็นการรังแกหรือข่มเหงผู้อื่นหรือกระทำให้ผู้อื่น ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน หนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
วานนี้ (18 พ.ย.) นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้ร่วมกับคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนขึ้นที่บริเวณโรงยิมเนเซียม สนามกีฬากลางจังหวัดพิจิตร โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนเข้าร่วมเวทีด้วยการลงทะเบียนล่วงหน้า และลงทะเบียนหน้างาน จำนวน 1,600 คน เพื่อฟังผลกระทบจากโครงการที่จะทำให้ 61 ตำบลของพิจิตรจะต้องเป็นพื้นที่รับน้ำและเป็นพื้นที่น้ำท่วม
แต่ปรากฏว่าชาวบ้าน รวมถึงนายก อบต. ผู้นำท้องถิ่น ปราชญ์ชาวบ้านที่ต่างตื่นตัวแห่กันมาร่วมเวทีเพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการจัดการน้ำของรัฐบาลกว่า 7 พันคน โดยส่วนใหญ่ล้วนมีความเห็นคัดค้านโครงการเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท เพราะเกรงบ้านเรือนไร่นาจะถูกน้ำท่วม
ขณะที่ พล.ต.ต.กฤษณะ ศิริปิยะวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร นำกำลังตำรวจ พร้อมด้วยตำรวจบ้าน อส. อปพร.จำนวน 400 คนเข้าควบคุมพื้นที่รักษาความสงบ โดยมีการตั้งแถวเป็นกำแพงสองชั้น
ต่อมาเวลาประมาณ 11.00 น. นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี, ประธาน กบอ.ได้เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ พร้อมกับ น.ส.สุณีย์ เหลือวิจิตร เลขาฯ รมต.พลังงาน ซึ่งเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางเข้าบริเวณงาน ปรากฏว่ามีกลุ่มชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าวจำนวนเกือบ 500 คนนำโดยหน่อย เที่ยงธรรม, เปี๊ยก พันธมิตร, ดีเจพะโล้, ดีเจบอย สามง่าม, อาวุธ เดชอุปการ, กิตติศักดิ์ แกนนำชาวนา, ส.จ.เปี๊ยก สามง่าม และกลุ่มนักสู้มือตบได้มาตะโกนด่าว่า "ออกไปๆๆๆ ไม่เอาโครงการนี้...เป็นพวกขายชาติ...ขี้ข้าทักษิณ" พร้อมทั้งชูมือตบ เป่านกหวีดไล่
ขณะที่นายปลอดประสพ ซึ่งได้ยิ้มและบอกกับผู้สื่อข่าวว่า “ผมรับได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอเพียงอย่าใช้คำหยาบ หรือด่าต้นตระกูลของผม ทุกคนใช้เสรีภาพแสดงออกได้ ผมไม่โกรธ มีบางแห่งเขาเป่านกหวีดมา ผมก็สนุกเป่าตอบเล่นไปกับเขา ก็ไม่มีอะไรรุนแรง แต่อยากจะบอกว่า มาพิจิตรครั้งนี้ตั้งใจจะเอางบประมาณ 8 พันล้านบาทมาแก้ไขปัญหาน้ำท่วม แก้ไขปัญหาภัยแล้ง
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะมีเรื่องการเมืองเข้ามาแอบแฝงปลุกปั่นชาวบ้าน ยังไม่ได้ฟังเลยว่ารัฐบาลจะทำอะไรให้ก็อคติคัดค้านโครงการกันเสียแล้ว แต่ไม่เป็นไรเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่ารัฐบาลจริงใจจะช่วยเหลือชาวพิจิตรอย่างแท้จริง เห็นได้จากการอนุมัติโครงการขุดลอกแม่น้ำยม ทำให้ปีนี้ริมแม่น้ำยม พิจิตรน้ำไม่ท่วม อีกทั้งการขุดลอกบึงสีไฟในพื้นที่ 5,300 กว่าไร่ ก็จะทำอย่างต่อเนื่อง ทีรัฐบาลทำดีไม่พูดกันบ้าง"
จากนั้นนายปลอดประสพ ได้เดินเข้าไปอยู่ภายในโรงยิมเนเซียม ซึ่งเป็นสถานที่จัดเวทีรับฟังความคิดเห็น ท่ามกลางภายนอกห้องประชุมมีเสียงตะโกนด่าทอ...เป่านกหวีดไล่ จนในห้องประชุมดำเนินกิจกรรมกันไม่รู้เรื่อง ทำให้นายปลอดประสพ จึงได้ตัดสินใจลุกออกจากห้องประชุม หลังจากนั่งได้ประมาณ 10 นาทีเพื่อจะขึ้นรถกลับ แต่ปรากฏว่าเจอกลุ่มขับไล่มาตะโกนไล่ส่งขึ้นรถก่อนกลับอีกครั้ง ซึ่งรวมเวลาแล้วนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ประธาน กบอ.มาร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นที่พิจิตรได้เพียง 15 นาทีก็ต้องเดินทางกลับ โดยไม่ได้ขึ้นเวทีชี้แจงเรื่องยุทธศาสตร์การบริหารการจัดการน้ำแต่อย่างใด
***"ธาริต"งัดกม.เอาผิดเป่านกหวีดไล่
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วยนายเพิ่มพูน พึ่งประสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ และผู้บัญชาการสำนักคดีต่าง ๆ ร่วมกันแถลงมาตรการตอบโต้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำเวทีต่อต้านพ.ร.บ.ล้างโกง ที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยว่า จากการที่นายสุเทพ ปลุกระดมประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมต่อต้านให้ร่วมกระทำอารยะขัดขืน ซึ่งรวมถึงการแสดงความรังเกียจโดยให้เป่านกหวีดขับไล่ ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมาได้ปลุกระดม และยุยงให้ผู้คนกระทำต่อข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอทุกคน หรือหากพบเห็นให้เป่านกหวีดขับไล่ทันที ซึ่งผลจากการปลุกระดมและยุยงดังกล่าว ทำให้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีข้าราชการและเจ้าหน้าที่ดีเอสไอหลายรายถูกผู้คนเป่านกหวีดขับไล่ บริเวณศูนย์ราชการอาคารเอ ถ.แจ้งวัฒนะ รวมทั้งตน โดยเหตุเกิดในขณะที่ตนไปเดินห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา
"ดีเอสไอเชื่อว่า การที่นายสุเทพ ปลุกระดมประชาชนเช่นนี้ เพราะมีความโกรธแค้นที่ถูกดำเนินคดีหลายคดีซึ่งล้วนเป็นคดีร้ายแรงทั้งสิ้น จึงมองว่านายสุเทพ กำลังฉกฉวยมวลชนมาเป็นเครื่องมือทำลายกระบวนการยุติธรรม เปรียบเหมือนเอาโล่มนุษย์มาปกปิดการกระทำผิดของตัวเอง"
และเมื่อเช้าวานนี้(18 พ.ย.) ตนได้มีหนังสือเวียนแจ้งข้าราชการและเจ้าหน้าที่ดีเอสไอกว่าพันคนว่า ขอให้ถ่ายรูปเก็บภาพไว้เป็นหลักฐานทันที เพื่อจะได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับคนที่เป่านกหวีดขับไล่ทุกรายโดยไม่ละเว้น เพราะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 370 ผู้กระทำผิดต้องรับโทษปรับไม่เกิน 100 บาท และมาตรา 397 ผู้กระทำผิดต้องรับโทษปรับไม่เกิน1พันบาทและจำคุกไม่เกิน1เดือนหรือทั้งจำและปรับ ซึ่งผู้กระทำผิดจะมีประวัติกระทำผิดติดตัว นอกจากนี้ หากเป็นข้าราชการจะได้ส่งเรื่องร้องขอให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยทันที
อย่างไรก็ตามสำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 370 บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดส่งเสียง ทำให้เกิดเสียงหรือกระทำความอื้ออึง โดยไม่มีเหตุอันสมควร จนทำให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อนต้อง ระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งร้อยบาท”
ส่วนมาตรา 397 ระบุว่า “ผู้ใดในที่สาธารณสถานหรือต่อหน้าธารกำนัลกระทำ ด้วยประการใด ๆ อันเป็นการรังแกหรือข่มเหงผู้อื่นหรือกระทำให้ผู้อื่น ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน หนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”