xs
xsm
sm
md
lg

โบ้ยม็อบฉุดท่องเที่ยววูบ รัฐทำแผนกระตุ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ครม.เศรษฐกิจโยนปัญหาม็อบกระทบการท่องเที่ยว หลังพบ 36 ประเทศเตือนการเดินทางมาไทย เผยสัดส่วนนักท่องเที่ยวเข้ากรุงเทพฯ ลดลง แต่ไม่กระทบเชียงใหม่ ภูเก็ต ห่วงตลาดญี่ปุ่น เหตุมีความอ่อนไหวสูง "ปู"สั่งทำแคมเปญกระตุ้น พร้อมเร่งทำความเข้าใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (4 ธ.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้เรียกประชุมทีมเศรษฐกิจ เพื่อหารือเศรษฐกิจภาพรวมของไทยว่าได้รับผลกระทบจากการชุมนุมหรือไม่ และต้องการที่จะหาแนวทางทำให้การท่องเที่ยวไม่ได้รับผลกระทบ และสร้างความมั่นใจให้กับคนทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานว่า การชุมนุมทางการเมืองมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ณ วันที่ 3 ธ.ค.2556 โดยมีถึง 36 ประเทศ ที่เตือนการเดินทางมาไทย ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางมาไทยลดลง

นอกจากนี้ ยังรายงานว่า การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ในช่วง 2 เดือนแรก มีการเบิกจ่ายรวม 476,568 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 15.2% และกระทบต่อดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ แต่นักวิเคราะห์ต่างประเทศยังคงเชื่อมั่นเสถียรภาพของเศรษฐกิจไทย จึงยังไม่มีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือประเทศไทยลงแต่อย่างใด

นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา รายงานในที่ประชุมว่า เหตุการณ์การชุมนุมที่เกิดขึ้น แม้จะกระทบต่อการท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานครบ้าง แต่ยังไม่กระทบต่อนักท่องเที่ยวที่เชียงใหม่และภูเก็ต โดยตลาดที่น่าเป็นห่วง คือ ตลาดญี่ปุ่นที่มีความอ่อนไหวมาก ที่มีการเตือนการเดินทางมาไทย ตลาดการประชุมสัมมนาเริ่มมีการยกเลิก ทั้งนี้ หวังว่าหลังจากเหตุการณ์สงบไปแล้ว ควรต้องมีการกระตุ้นการท่องเที่ยว เช่น โครงการไทยแลนด์แกรนด์เซลส์ ที่ช่วยการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย การส่งเสริมการสร้างภาพยนตร์จากผู้ผลิตต่างประเทศ เป็นต้น

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง รายงานว่า สถานการณ์การเมืองกับการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่ามากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค ยกเว้นอินโดนีเซีย เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศมีการขายตราสารหนี้กว่า 4,600 ล้านบาท ตราสารทุนกว่า 17,000 ล้านบาท

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า มองไปด้านหน้ามีความเสี่ยงด้านลบเรื่องของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เครื่องมือด้านนโยบายคลังจะมีผลน้อยลง จึงจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินเข้าไปช่วยเสริม เพื่อใช้ในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชน โดยคณะกรรมการนโยบายการเงินประเมินว่าเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่ดูแลได้ แต่พบว่าการขยายตัวของสินเชื่อชะลอลงเหลือประมาณ 9% จากระดับใน 14% ในปีก่อน แต่ปีหน้าเป็นห่วงว่าจะขยายตัวในระดับ 7% ส่วนทางด้านต่างประเทศ ยังไม่มั่นใจสถานการณ์ของการใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ คิวอี ของสหรัฐฯ เพราะจะมีผลกระทบต่อนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาดูว่าจีนจะทำให้เงินหยวนแข็งขึ้นหรือไม่ ซึ่งจะส่งผลต่อเงินบาทเช่นกัน

นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้สภาพัฒน์ และทุกกระทรวง กระตุ้นการทำงานร่วมกับภาคเอกชน ในการจัดกิจกรรม และขอให้ประสานร่วมกับสถานทูตประเทศต่างๆ ที่ได้มีการเตือนการเดินทางมายังประเทศไทย โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นและยุโรป และอยากเห็นการจัดกิจกรรมในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยยังคงเดินหน้าต่อไป อาจจะมีเพียงแค่บางพื้นที่เท่านั้นที่ไม่สะดวก เพราะมีการชุมนุม

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงสภาพัฒน์ ในการร่างแผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพื่อการสร้างความมั่นใจ การส่งเสริมการลงทุน การกระตุ้นการจ้างงาน โดยคาดว่าน่าจะประกาศในช่วงต้นปีหน้า ขณะเดียวกันได้สั่งการให้กระทรวงต่างๆ นำข้อเสนอของเอกชนที่จะให้ภาครัฐขจัดอุปสรรคในการทำธุรกิจ โดยให้มีแผนการดำเนินการที่ชัดเจนด้วย

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้การบินไทย เสริมเที่ยวบินให้นักท่องเที่ยว สามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปต่างจังหวัดได้ และกำชับให้ทุกหน่วยเร่งทำความเข้าใจกับต่างประเทศด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น