“องอาจ” โวย กมธ.นิรโทษกรรม ซีกรัฐบาลใช้เสียงข้างมากหักดิบรวบรัดปิดประชุมไม่รับคำแปรญัตติจากฝ่ายค้าน แถมนัดประชุม กมธ.วันสุดท้าย 28 ต.ค.แบบเร่งรีบ เชื่อให้เข้าสภาฯ 30 ต.ค. จี้รัฐบาลและผู้มีอำนาจเบรกการกระทำ พร้อมเรียกร้องนายกฯ-ทีมเศรษฐกิจรับผิดชอบตัวเลขส่งออกติดลบ
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่า เป็นไปตามที่พรรคประชาธิปัตย์ได้คาดไว้ตั้งแต่ต้นว่ารัฐบาลจะเล่นแร่แปรธาตุ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จึงได้แปรญัตติว่าการจะนิรโทษกรรมจะต้องไม่นิรโทษกรรมแก่คดีทุจริต คดีอาญาร้ายแรงต่างๆ ความผิดต่อความมั่นคง ความผิดก่อการร้าย ความผิดต่อชีวิตและร่างกาย เป็นต้น และที่ผ่านมาการเสนอกฎหมายของนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เป็นเพียงการตบตาประชาชนเท่านั้น
ส่วนการเสนอแปรญัตติของนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้น เป็นการช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนักการเมืองที่ทุจริตคดีต่างๆ ถือเป็นความไม่ถูกต้องของกระบวนการการเสนอกฎหมายของรัฐบาล
นอกจากนี้ การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ นิรโทษกรรม วันที่ 26 ตุลาคม ก็ประชุมถึงเที่ยงคืน แต่ปรากฏว่ายังมี ส.ส.อีกจำนวนมากที่ต้องการชี้แจงคำแปรญัตติ แต่คณะกรรมาธิการฯ เสียงข้างมากได้ใช้วิธีหักดิบโดยเสนอต่อที่ประชุมให้ปิดการแปรญัตติ โดยอ้างว่าประธานคณะกรรมาธิการฯนัดแปรญัตติเพียงแค่ 2 วัน ถ้าเลยเที่ยงคืนของวันที่ 26 ต.ค.จะเข้าสู่วันที่ 3 ดังนั้นคณะกรรมาธิการฯ เสียงข้างมากจึงลงมติให้ปิดการประชุม
รวมทั้งยังมีการเร่งรีบที่จะให้มีประชุมคณะกรรมาธิการนิรโทษกรรมต่อในวันที่ 28 ตุลาคม ตนเชื่อว่าการเร่งรีบดังกล่าว อาจทำให้รัฐบาลต้องการผลักดันกฎหมายเข้าสู่ที่ประชุมสภาในวันที่ 30 ตุลาคมอย่างแน่นอน ขอฝากให้รัฐบาลและคนที่มีอำนาจเหนือรัฐบาลให้พิจารณายับยั้งชั่งใจ และดำเนินการให้เหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจในขณะนี้ว่า เป็นการตอกย้ำชัดเจนว่าเรามีภาระจำนวนมหาศาลจากโครงการประชานิยม เนื่องจากล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทยปรับตัวเลขการส่งออกของประเทศไทยเหลือเพียงร้อยละ 1 ว่า ทำให้เชื่อว่าช่วงปลายปีตัวเลขการขยายตัวอาจถึงขั้นติดลบ สะท้อนให้เห็นความล้มเหลว ในการบริหารประเทศของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และทีมเศรษฐกิจอย่างแท้จริง โดยเฉพาะนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่โกหกประชาชนมาตั้งแต่โกหกสีขาว และไม่เคยรับผิดชอบอะไรเลย ทำให้สถานการณ์การลงทุนภาครัฐและการส่งออกกำลังหดตัว รวมถึงปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันอีกหลายแสนล้าน นายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบและอย่าโทษทีมโฆษกรัฐบาลในการประชาสัมพันธ์ผลงาน
