ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ก็ชัดเจนตามคาดกับการเปิดแถลงข่าวชี้แจงสถานการณ์การเมืองของยิ่งลักษณ์ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อย่างเร่งด่วนเมื่อช่วงสายของวันพฤหัสบดีที่ 28 พ.ย. 56หลังสิ้นสุดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า
รัฐบาลไม่ต้องการเล่นเกมทางการเมืองเพราะรัฐบาลเชื่อว่าเกมการเมืองจะทำให้ประเทศถดถอย ทั้งด้านเศรษฐกิจสังคมและความน่าเชื่อถือจากต่างประเทศรัฐบาลยินดีรับฟังข้อเสนอข้อเรียกร้องของประชาชนทุกกลุ่มที่ชุมนุม ซึ่งยังยึดสถานที่ราชการอยู่เพียงแต่ข้อเรียกร้องจากกลุ่มผู้ชุมนุมที่เรียกร้องให้มีการจัดตั้ง “สภาประชาชน”นั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถปฏิบัติให้เป็นจริงได้ ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
นายกฯยิ่งลักษณ์ยังได้ย้ำว่ารัฐบาลมีความตั้งใจอย่างแท้จริงที่จะให้เกิดความร่วมมือในการหารือเพื่อหาทางออกให้แก่ประเทศเพื่อขจัดความขัดแย้งทางการเมืองและขอร้องให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุมคืนสถานที่ราชการเพื่อให้กลไกระบบราชการเดินหน้าได้ต่อไปได้
ย้ำว่าพร้อมจะเปิดเวทีพูดคุย เพราะรัฐบาลไม่ต้องการการเผชิญหน้าแต่รัฐบาลพร้อมที่จะร่วมมือในการหาแนวทางกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อวางกระบวนการแก้ไขปัญหาให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
ท่าทีดังกล่าวของยิ่งลักษณ์ที่ก็คือท่าทีของทักษิณ ชินวัตร
สรุปง่ายๆก็คือ “ไม่ลาออก-ไม่ยุบสภา”
แม้เงื่อนไขอย่างการยุบสภาจะเปิดให้แล้วหลังการลงมติไว้วางใจผ่านไปแล้วเมื่อ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา
ขณะที่เป้าหมายการเคลื่อนไหวชุมนุมการเมืองเพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณขับไล่รัฐบาลสามานย์ของมวลมหาประชาชนภายใต้การนำของสุเทพ เทือกสุบรรณก็ยังเดินหน้าต่อไปไม่มีหยุดแต่สะดุดที่คนประชาธิปัตย์ด้วยกันเองใจไม่ถึงพอที่จะลาออกมาร่วมต่อสู้
ดูตามนี้มีแนวโน้มสูงที่ศึกนี้จะยืดเยื้อ และไม่น่าจะจบภายในไม่เกิน 30 พ.ย.อย่างที่สุเทพ ตั้งใจไว้ หลังยิ่งลักษณ์ นายกฯปูนิ่ม หน้าด้านหน้าทน ทั้งที่อำนาจรัฐใกล้ล้มเหลวเพราะถูกประชาชนปฏิเสธการใช้อำนาจรัฐของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในการบริหารประเทศแล้ว
ขณะที่เป้าหมายของสุเทพในเรื่องการโค่นล้มระบอบทักษิณ จัดตั้งสภาประชาชน โดยไม่ขอเจรจากับใครทั้งสิ้น และจะไม่เลิกชุมนุมแม้นายกฯลาออกหรือยุบสภาหากเป้าหมายการปฏิรูปประเทศยังไม่เห็นหน้าเห็นหลัง
เมื่อดูตามนี้จึงมีโอกาสสูงที่ แนวรบการเมืองนอกรัฐสภา คงยืดเยื้อไปอีกหลายวันและเป็นไปได้ที่ในไม่ช้าก็อาจมีการย้ายทัพหลวงของการชุมนุมจากถนนราชดำเนิน-ผ่านฟ้า ไปยังจุดอื่นก่อนหน้าวันสำคัญของคนไทยทั้งประเทศในสัปดาห์หน้าซึ่งตอนนี้หลายจุดก็มีการเตรียมพร้อมกันไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่กระทรวงการคลัง-ศูนย์ราชการถนนแจ้งวัฒนะ เป็นต้น
ส่วนที่ประเมินกันว่าประชาชนที่หนุนหลังการโค่นล้มระบอบทักษิณจะลดน้อยลงไปหรือไม่ หลังจากนี้ประเมินกันดูแล้ว ก็จับกระแสได้อย่างหนึ่งว่าเวลานี้ประชาชนเริ่มเห็นตรงกันแล้วว่า การเมืองในรัฐสภา สุดท้ายเสียงข้างมากก็อุ้มสมความเลวร้ายของประเทศไปได้เรื่อยๆ
ต่อให้ประชาชนเห็นตรงกันหลังได้ติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านช่วง26-27 พ.ย.ที่ผ่านมาว่านายกฯยิ่งลักษณ์หมดสภาพการเป็นผู้นำประเทศแล้ว ขณะที่ข้อกล่าวหาการทุจริตคอรัปชั่นการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบผ่านโครงการของรัฐเช่นโครงการรับจำนำข้าวก็ชัดเจนมีน้ำหนัก
ขณะที่พฤติการณ์ทางการเมืองของรัฐมนตรีบางคนอย่างนายจารุพงศ์เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทยกับเรื่องข้อกล่าวหารับประโยชน์โดยมิชอบและผิดต่อกฎหมายของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติจากการเดินทางไปต่างประเทศ ตัวจารุพงศ์ก็แจงน้ำขุ่นๆ แก้ตัวไม่ขึ้น
แต่สุดท้าย “สภาทาส”ก็มีมติไว้วางใจยิ่งลักษณ์นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ด้วยคะแนนเสียง 297 เสียง ไม่ไว้วางใจ134 เสียงงดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนน 5ถือว่าเสียงส่วนใหญ่มีมติไว้วางใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป ในญัตติที่สองกรณีไม่ไว้วางใจนายจารุพงศ์ ผลปรากฏว่า มีเสียงไม่ไว้วางใจ 135 เสียง ไว้วางใจ 296 เสียง และงดออกเสียง 4 ไม่ลงคะแนน 0 ถือว่าเสียงส่วนใหญ่ยังคงไว้วางใจนายจารุพงศ์ รมว.มหาดไทยต่อไปเช่นกัน
เมื่อรัฐบาลหมดความชอบธรรมสภาหมดความชอบธรรม มีการใช้เสียงข้างมากกลบเกลื่อนช่วยเหลือความเลวร้ายของประเทศผนวกกับการเคลื่อนไหวของประชาชนทั้งประเทศที่ดำเนินการโดยสงบไร้ความรุนแรงกับการเคลื่อนไหวไปประท้วงการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐในสถานที่ราชการสำคัญๆเช่นศาลากลางจังหวัดทั่วประเทศ -ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ-กระทรวงมหาดไทย-กระทรวงกลาโหม -กระทรวงพลังงาน-กระทรวงการคลัง และอีกมากต่ออีกมาก ก็ไม่ได้มีเหตุรุนแรง
เมื่อพิจารณาจากปัจจัยทั้งหมดข้างต้นก็น่าเชื่อว่า การเคลื่อนไหวของประชาชนน่าจะยืนระยะไปได้ต่อเนื่องแต่อาจมีบางวันคนอาจไปร่วมกิจกรรมมากบ้างน้อยบ้างตามแต่สถานการณ์
เมื่อฝ่ายทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ชินวัตรและพรรคเพื่อไทย ก็ปักหลักสู้ ขณะที่มวลมหาประชาชนและสุเทพ ก็ยืนหยัดไม่ถอยและไม่ได้มีแค่แต่ในกรุงเทพมหานคร แต่แนวร่วมได้ขยายออกไปยังหลายจังหวัดทั่วประเทศมีการไปชุมนุมปิดล้อมกันหน้าศาลากลางจังหวัดหลายแห่งหลายสิบจังหวัดโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ที่เหตุการณ์ก็เป็นไปด้วยดี ไม่มีได้เหตุรุนแรงไม่มีการทำลายทรัพย์สินราชการอย่างพวกเสื้อแดง
สองฝั่งไม่มีใครยอมใครกลุ่มประชาชนก็ยังสู้ไม่ถอย ไม่มีฝ่ออย่างที่รัฐบาลประเมินไว้แต่แรก แบบนี้ มันก็ต้องวัดความอึดกันให้เห็นว่าใครจะแน่กว่ากันศึกนี้เลยยืดเยื้อต่อไป
สถานการณ์การเมืองนับจากนี้ยังต้องติดตามกันวันต่อกวันโดยฝั่งเพื่อไทย-เสื้อแดงดูแล้ว คงกำลังพยายามหาวิธีการทำให้การชุมนุมยุติลงให้ได้และคาดว่าคงมีการใช้วิธีการหลายอย่างมาบล็อกการเคลื่อนไหวเช่นอาจมีการสั่งการให้มีการเรื่องต่อศาลเพื่อขอถอนประกันพวกแกนนำการชุมนุนในฝั่งกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ(กปท.)บางคนที่เคยร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเคลื่อนไหวช่วงปี 51 แล้วโดนยัดข้อหาก่อการร้าย-ปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อหวังสกัดการเคลื่อนไหวของมวลมหาประชาชน
ขณะที่ฝั่งเสื้อแดงพวกแกนนำนปช. ที่ได้แต่นั่งเงิบกันมาเป็นอาทิตย์ในสนามราชมังคลากีฬาสถานมาตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.เพราะขยับอะไรมากไม่ได้ แถมที่เคยคุยกันไว้ว่าจะมากันเป็นแสน ก็มาไม่ถึงเป้าทำเอากร่อยกันไปหมด แม้จะพยายามปลุกเร้าเรียกร้องให้คนเสื้อแดงมารวมตัวกันมากๆเพื่อสร้างราคาให้แกนนำ แต่ก็วืดมาร่วมสัปดาห์แล้ว
และคาดว่าที่นัดชุมนุมใหญ่กันในวันที่ 30พ.ย.ตามที่แกนนำอ้างว่าต้องนัดเตรียมความพร้อมขั้นสูงสุดเพราะเกรงจะเกิดสถานการณ์แทรกซ้อนจึงนัดรวมตัวเสื้อแดงเพื่อขอให้มากันให้เต็มความจุสนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยยืนยันจะชุมนุมกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ แม้กร่อยสนิท จะยุติก็ต่อเมื่อสุเทพถูกจับหรือยุติการชุมนุม หากฝั่งโค่นล้มระบอบทักษิณยังเคลื่อนไหวอยู่เสื้อแดงก็จะปักหลักเช่นกัน ทำเอาพวกส.ส.เพื่อไทย-ท่อน้ำเลี้ยงทั้งหลายต้องเตรียมกดเอทีเอ็มส่งท่อน้ำเลี้ยงไปที่เวทีเสื้อแดงกันไปอีกหลายงวด
ส่วนคนที่อิ่มสุดในม็อบเสื้อแดงก็คงไม่ใช่ใคร นอกจากแกนนำแก๊งแดงบางคน ที่หากินกับม็อบแบบนี้มายาวนานหลายปี